💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 59 🚀💫🕛💫

กระทู้คำถาม

วูบบบ............

ร่างของเลโอนีดาส ตกจากปากโพรงซึ่งอยู่ข้างบน ลงสู่สายน้ำเบื้องล่าง

ตูม / ซ่าาาา......

เขาจมลงไปใต้น้ำ เคว้งคว้างและพยายามแหวกว่ายขึ้นไปให้โผล่พ้นน้ำเพื่อหายใจ แต่กระแสน้ำแรงมาก โผล่หัวขึ้นมาได้เพียงครู่เดียวก็ถูกแรงกระแสน้ำพัดพาจมลงไปอีก อดีตสายลับสองหน้าก็จำเป็นต้องตะเกียกตะกายว่ายขึ้นมาอีก จมแล้วโผล่ๆ แล้วจม อย่างนี้เรื่อยไป

สายน้ำซึ่งเริ่มต้นเป็นกระแสน้ำเย็น พัดพาเลโอนีดาสมาถึงจุดที่กระแสน้ำอุ่นไหลมาบรรจบ ครั้นแล้วกระแสน้ำทั้งสองก็ควบรวมตัวกันเป็นกระแสน้ำอุ่นอย่างเดียวสายใหญ่ ไหลหลากพัดพาเขาเข้าถึงดินแดน "ลับแล" ซึ่งไม่ปรากฏในแผนที่ใดๆ และในที่สุด ร่างของอดีตสายลับตัวแสบคู่เวรคู่กรรมของด็อกเตอร์สถาพร ก็ถูกน้ำพัดพามานอนคว่ำสลบเหมือดอยู่บนชายหาดทรายขาวโพลน ริมทะเลอันมีทัศนียภาพสุดยอดซึ่งใครก็ตามที่มาถึงที่นี่ ยากที่จะหลีกหนีจากไปได้

เสียงคลื่นทะเลซัดสาดกระทบชายหาด ทั้งเสียงนกทะเลซึ่งบินว่อนไปทั่วพร้อมกับเปล่งเสียงร้องประสานกันในยามเช้า ปลุกอดีตสายลับตัวแสบให้รู้สึกตัวตื่นขึ้น เป็นโชคดีของเขาที่การมาถึงที่นี่จบลงด้วยการนอนคว่ำหน้าลง น้ำที่เข้าไปร่างกายจึงถูกสำรอกออกมาได้มาก

เลโอนีดาสลุกขึ้นนั่ง มองทัศนียภาพข้างหน้าและรอบตัวด้วยความตื่นตะลึง นึกไม่ถึงว่าจะมีสถานที่เช่นนี้อยู่ในโลก

จากนั้นลุกขึ้นยืน ลูบคลำไปทั่วร่างของตัวเองเพื่อสำรวจข้าวของที่เตรียมมา กระเป๋าเป้ที่เขาจดจำและทำเลียนแบบของหนุ่มแซม หนึ่งในสมาชิก THE FUGITIVE ยังติดหลังอยู่ด้วยล็อกที่ติดแน่น ดังนั้นของทุกอย่างในเป้ก็จึงยังอยู่ครบ

ลองสอดมือเข้าไปในอกเสื้อซึ่งออกแบบตามสมัยนิยมของชนชั้นกลางชาวแอตแลนติส ควานหาสิ่งสำคัญซึ่งประกอบไว้ภายใน ก็ยังอยู่!

มันคือ อุปกรณ์เครื่องอำพรางตัว !! แบบเดียวกับที่ชาวคณะของกัปตันวันชนะมีใช้กัน! เป็นอีกอย่างหนึ่งที่อดีตสายลับสองหน้าซึ่งเป็นวิศวกรด้วย ได้แอบใช้วิชา "ครูพัก ลักจำ" ทำเลียนแบบด้วยวิศวกรรมย้อนกลับ สร้างขึ้นมาให้ตัวเองได้ใช้!

"ที่นี่เป็นที่โล่งแจ้ง" เลโอนีดาสพูดกับตัวเอง "บรรยากาศสุดแสนวิเศษก็จริง แต่อยู่นานไป ไม่ดีแน่! บางทีพวกของวันชนะ อาจจะมาที่นี่ และมาพบเราเข้า...โดยเฉพาะเจ้าสถาพรตัวแสบ ถ้ามันเจอเรา มันต้องลงมือจัดการเราขั้นเด็ดขาดแน่นอน! อย่ากระนั้นเลย! ไปหาที่หลบซ่อนตัวก่อนดีกว่า...ว่าแต่ว่า เราจะไปทางไหนดี ?"

มองไปมองมา ไกลออกไปทางทิศเหนือ ทางขวาเริ่มมีสุมทุมพุ่มไม้ และมีทางเข้าสู่ป่าทึบ

"รีบไปทางโน้นดีกว่าเรา..."

คิดแล้วรีบก้าวเดินไปยังทางเข้าสู่ป่านั้น แล้วฉุกคิด...

เส้นทางนี้ มีการใช้งาน! เพราะมีร่องรอยคนเดินไปมา มาก่อน!

ด้วยความหวาดระแวง และฉลาด รู้รักษาตัวรอด เลโอนีดาสล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ กดปุ่มให้เครื่องอำพรางตัวเริ่มทำงาน ไม่กี่วินาที อดีตสายลับสองหน้าและวิศวกรผู้เคยร่วมงานกับสถาพรและกัปตันวันชนะมาก่อน ก็กลายเป็นมนุษย์ล่องหน เดินดุ่มๆ ไปข้างหน้า เข้าป่าไปเรื่อยๆ

จนถึงจุดหนึ่ง มองไปข้างหน้าห่างออกไปราวสองสามร้อยเมตร มองเห็นกระท่อมของผู้เฒ่าไดโอเซนัส ซึ่งตอนนี้ถูกปรับปรุงใหม่ ต่อเติมใหญ่โต ดูดีกว่าเดิมเป็นอันมาก ราวกับที่พักในรีสอร์ทหรูๆ แห่งหนึ่งเลยทีเดียว!

"นั่นปะไรเล่า!" เลโอนีดาสตาลุกวาว "พวกวันชนะมาอยู่กันแน่นอน! ขอดูชัดๆ หน่อยซิ" ว่าแล้วปลดเป้ลงกับพื้น กดปุ่มเปิดเป้ ล้วงอุปกรณ์อีกอย่างหนึ่งออกมา

เป็น แว่นตาอัจฉริยะ ซูมมองภาพระยะไกลได้ เพียงใช้นิ้วแตะขอบแว่นข้างขวาเท่านั้น แตะครั้งแรก ซูมระยะ 100 เมตร แตะอีกครั้ง เพิ่มระยะเป็นสองเท่า! มองเห็นภาพราวกับกระท่อมนั้นอยู่ข้างหน้าตนเลยทีเดียว มองเข้าไปเห็นสิ่งต่างๆ รวมทั้งคนซึ่งอยู่ข้างในได้อย่างชัดเจน!

"พวกมันมากันกี่คนวะ ?...นั่น ผู้หญิงคนนั้น..หา..นั่นมันนางลาลูน่านี่หว่า แปรพักตรมาอยู่กับพวกวันชนะแล้ว นังนี่ก็สวยบาดใจมิใช่น้อย ฮึ่ม...อย่าให้ข้าได้โอกาสสักครั้งก็แล้วกัน...แล้วนั่น ภรรยาของเจ้าสถาพร ข้าจำได้! นางคนนี้ ก็อยู่ในบัญชีอันดับต้นๆ ของข้าเช่นกัน...อ้อ มีบริวารชายสามคน...นั่น เจ้าสถาพรตัวแสบ เดินลงบันไดมาแล้ว และที่เดินตามหลังมันลงมาด้วยนั่น..เจ้าแอนดี้ กึ่งมนุษย์กึ่งจักรกล"

เลโอนีดาสหลบวูบ ก้มลงอยู่หลังพุ่มไม้ใหญ่ด้วยสัญชาติญาณ แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าตนเองเปิดเครื่องอำพรางตัวไว้แล้ว จึงยืดตัวขึ้นโผล่หัวพ้นพุ่มไม้ มองดูสถาพรและพรรคพวกต่อไป

"เป็นมนุษย์ล่องหนแล้วนี่หว่าเรา...จะหวาดกลัวไปไย ?" เขาพูดกับตัวเองอีกครั้ง

จับตามองดูความเคลื่อนไหวของสถาพร เห็นด็อกเตอร์คู่แค้นของตนกับแอนดี้เดินคู่กันไปยังอีกด้านหนึ่งของกระท่อม จึงรีบเดินตามไปโดยเว้นระยะห่าง ไม่กล้าเข้าไปในระยะใกล้มากกว่านี้เพราะเกรงว่ากระท่อมนั้นอาจติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย อาจมีเครื่องตรวจจับสัญญาณสิ่งมีชีวิตไว้ก็ได้ ยิ่งมีแอนดี้อยู่ด้วย ยิ่งอันตรายอย่างใหญ่หลวง! ดังนั้นปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า อยู่ห่างๆ เข้าไว้...คิดดังนั้นแล้วจึงค่อยๆ เดินเลาะเลียบด้านข้างสุมทุมพุ่มไม้ รักษาระยะห่าง อ้อมไปยังอีกด้านหนึ่ง ตามทิศทางที่สถาพรและแอนดี้เดินไปด้วยกัน

แล้วก็ได้เห็นสถาพร กับได้ยินเขาพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง แต่ฟังไม่รู้เรื่องเพราะเป็นภาษาไทย และมีเสียงผู้หญิงพูดตอบมาจากไหนก็ไม่รู้ ทำให้งงอยู่เหมือนกัน แต่ก็เข้าใจได้ทันทีหลังจากได้เห็นบางอย่างปรากฏโฉมเบื้องหน้าทั้งสองคน

"ลูซี่ ปิดระบบอำพรางยาน และเปิดประตูยานให้ฉันกับแอนดี้ขึ้นไป"

"ได้เลยค่ะเจ้านาย ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะ"

SAVIOR FALCON ปรากฏตั้งตระหง่าน ประตูเปิด ทอดบันไดให้เจ้าของและแอนดี้เดินขึ้นไป ครั้นทั้งสองเข้าไปในยานแล้วบันไดก็ถูกชักขึ้น ประตูยานเลื่อนปิด ยานลอยตัวสูงขึ้นไปจากพื้นระยะความสูงราวหนึ่งพันฟิต จากนั้นยานเปิดระบบพรางตัวอีกครั้ง หายไป แต่มีเสียงบินไปทางเหนือ!

"พวกมันสองคน ไปไหนกันนะ ?" เลโอนีดาสสงสัย "ไปกันสองคน เหลือ ชายสามคน หญิงสองคน อยู่เฝ้ากระท่อม ดูท่าทางเจ้าสองคนที่หน้าตาเด๋อด๋านั่นคงไม่ฉลาดสักเท่าไร แต่อีกคนหนึ่งนั่นไว้ใจไม่ได้ ไอ้บริวารของเจ้าสถาพรคนนี้ประมาทไม่ได้ หน้าตาดูดี คงมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดอยู่ไม่น้อย และพวกมันมีถึงสามคน...การที่เราจะหวังเสพสวาทกับภรรยาของเจ้าสถาพร หรือนางลาลูน่า คงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่! ขืนบุ่มบ่ามจะเสียเรื่อง จุดประสงค์เดิมของเราจะพลาดเสียเปล่า! เพราะฉะนั้น นางสองคนนี่...ฝากไว้ก่อน! ไปตามหาออเรเคิลต่อดีกว่า...และในเมื่อเจ้าสถาพรกับแอนดี้ขับยานบินขึ้นเหนือ ฉะนั้น เราก็เดินทางขึ้นเหนือเหมือนพวกมันก็แล้วกัน ถึงตอนนี้ไม่รู้ว่าพวกมันจะไปถึงที่ไหนและไปทำอะไรก็ช่าง ตามพวกมันไปก่อน อาจต้องเดินไกลหน่อยเพราะพวกมันไปด้วยยานบิน แต่เราใช้เท้าเดิน...ไม่แน่ว่าอาจจะได้พบที่อยู่ของออเรเคิล หรือมิฉะนั้น ปะเหมาะเคราะห์ดี...อาจจะมีโอกาสยึดยานบินของเจ้าสถาพร ก็เป็นได้ ใครจะรู้ ..."

ดังนั้น เลโอนีดาส จึงตัดสินใจเดินทางขึ้นเหนือ ตามทิศทางที่ยาน SAVIOR FALCON บินไป เลิกสนใจคนที่อยู่ในกระท่อมนั้น

เขาเดินไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านพ้นไป ถึงตอนเที่ยง ตะวันตรงหัว อากาศร้อนเปรี้ยง  ถึงตอนนี้ อดีตสายลับตัวแสบอยู่ท่ามกลางป่าลึก

"ชักหิวแล้ว...หาอะไรในนป่ากินก่อนเถอะเรา..." เขาบอกตัวเองในใจ

กำลังมองซ้ายมองขวา มองบนต้นไม้ต่างๆ บ้าง ในที่สุดมองเห็นต้นมะม่วงซึ่งออกผลขนาดใหญ่ๆ ทั้งนั้น มะม่วงแต่ละผลขนาดเท่ากำปั้นเป็นอย่างน้อย และดูกำลังสุกชวนน้ำลายไหล

"หวานละวะ! สอยมะม่วงลงมากินดีกว่า" เลโอนีดาสมองผลมะม่วงซึ่งอยู่ด้วยกันเป็นพวงๆ แล้วยิ้ม ปลดเป้ลง กดปุ่มเปิดอีกครั้งแล้วล้วงเอาของอีกอย่างหนึ่งออกมา

เป็นปืนเลเซอร์! แบบเดียวกับของกัปตันอีกแล้ว !!

เขายืนถือปืนลำแสงพิฆาตกระชับมือ กะปล่อยแสงเลเซอร์ไปตัดขั้วที่กิ่งมะม่วง ให้ผลมะม่วงร่วงหล่นลงมา

สายลมจากทิศเหนือพัดลงใต้วูบหนึ่ง ผ่านร่างเขา รู้สึกเย็นสบาย...

แต่...ได้ยินเสียงหนึ่ง ดังมาจากข้างหลัง!

"โฮกกกก.........ฮึ่มมมม........โฮกกกก.."

เลโอนีดาสรู้สึกสันหลังเย็นวาบ! แต่ก็อุ่นใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่า ตนยังอยู่ในสภาวะล่องหนอยู่! เครื่องอำพรางตัว ยังไม่ได้ปิด! เขาจึงกลับหลังหันเพื่อดูที่มาของเสียง...

พยัคฆร้ายตัวใหญ่...เฉพาะอุ้งตีนของมันก็มีขนาดพอๆ กับศีรษะของเขาแล้ว! ยืนจังก้ามองมาทางเขา ระยะห่างไม่ถึงร้อยเมตร เหมือนว่ามันกำลังสงสัยไม่แน่ใจ...

เพราะมันมองไม่เห็นตัวเขา แต่มองเห็นปืนเลเซอร์ลอยอยู่ในอากาศ! และเห็นกระเป๋าเป้กองอยู่บนพื้น และสาบกลิ่นมนุษย์ ชัดเจน !!

เสือร้ายส่งเสียงข่มขู่ตลอดเวลา ทำจมูกฟุตฟิตๆ มันไม่เข้าใจว่าทั้งๆ ที่ได้กลิ่นเหงื่อไคลของคนซึ่งอยู่ข้างหน้ามันชัดเจน แต่ทำไมมองไม่เห็นตัว ???

และมันมองเห็นต่อไปว่า ปืนเลเซอร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชั่วชีวิตมันไม่เคยรู้จักนั้น ลอยสูงขึ้นกว่าเดิม และปลายปืนชี้มาที่มัน!

"โฮกกกกกกกกก.........!!!" /  แซ่ดดดดดดดดดดด.............

"เอิ้วว !!" / " อ๊าาาวววววว์......."

วินาทีแห่งความเป็นความตายนั้น เจ้าเสือร้ายตัดสินใจกระโจนไปข้างหน้าเพราะกลิ่นสาบจากกายมนุษย์มันยั่วยวนสุดจะทนไหว! และเจอเข้ากับลำแสงพิฆาตเจาะเข้ากลางหน้าอกในขณะที่ตัวมันกำลังลอยกลางอากาศจะโถมทับตัวมนุษย์ผู้ที่มันมองไม่เห็นตัว และถูกลำแสงพิฆาตกรีดเป็นทางยาวจนถึงหว่างขาหลัง เลือดและเครื่องในอันมีตับไตไส้พุงเป็นต้นทะลัก! พอร่างตกถึงพื้นดังตุ้บใหญ่มันก็ตายสนิท! ขณะเดียวกันเลโอนีดาสซึ่งวาดปืนเลเซอร์เข้าใส่มันก็เบี่ยงตัวหลบการตะปบด้วยอุ้งตีนขนาดมหึมาของมันได้อย่างหวุดหวิด! แต่ส่วนหนึ่งของชายเสื้อก็โดนกงเล็บของมันเกี่ยวขาดวิ่นไปเหมือนกัน !!

"เจ้าบ้าเอ๊ยย...รนหาที่ตายแท้ๆ!" เลโอนีดาสร้องด่าพลางเหวี่ยงเท้าเตะศีรษะของมันป้าบเข้าให้ มองดูร่างอันไร้วิญญาณของมันแล้วส่ายหน้าด้วยความรู้สึกสมเพศ ก่อนจะหันหลังให้ แล้วใช้ปืนเลเซอร์สอยมะม่วงพวงใหญ่ลงมากินอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก 

ได้มะม่วงมาหลายลูก กินไปสองลูกพอประทังหิว ที่เหลือเก็บใส่กระเป๋าเป้แล้วยกขึ้นแบกไว้กลางหลัง มองมายังศพของพยัคฆร้ายแล้วนึกเสียดาย ใจจริงอยากจะแล่เนื้อมันมาย่างไฟกิน แต่เกรงว่าการก่อไฟจะทำให้มีใครมาพบตนได้โดยง่ายและรวดเร็ว จึงล้มเลิกความคิดที่จะกินมันเสีย แล้วเดินขึ้นไปทางเหนือต่อไป

เลโอนีดาส เดินป่าเป็นเวลานาน เดินบ้าง หยุดพักบ้างแบบไม่รีบร้อน พอถึงเวลาประมาณบ่ายสามโมง เขาก็เข้าใกล้บริเวณถ้ำลับซึ่งเป็นที่อยู่ของอดีตเจ้านายของตน ...ออเรเคิล

ถ้ำนั้นอยู่บนเนินเขา...แต่ตัวของอดีตสายลับสองหน้า ตอนนี้อยู่บริเวณเชิงเขาข้างล่าง ต้องปีนป่ายขึ้นไป...ซึ่งตอนนี้ เขายังไม่รู้ว่าบนเนินเขามีอะไร จึงเดินต่อไปข้างหน้าเรื่อยๆ โดยไม่ลืมที่จะเปิดเครื่องอำพรางตัวไว้ตลอดเวลา

กำลังจะเดินผ่านพ้นบริเวณนั้นไป เลโอนีดาสต้องหยุดชะงักเท้า เพราะหูได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเคลื่อนที่จากที่ต่ำสู่ที่สูง เสียงดัง "วูม!" มีเงาของวัตถุทรงกลมใหญ่บังดวงอาทิตย์และทอดลงบนพื้น ณ ตำแหน่งที่เขายืนอยู่พอดี จึงแหงนหน้าขึ้นมอง!

เป็นยานบินสีดำมันวาว ขนาดถือว่าไม่ใหญ่มากนักเมื่อเปรียบเทียบกับยานของสถาพร เขาดูๆ แล้ว ใหญ่พอๆ กัน หรืออาจจะใหญ่กว่ายานบินโดยสารรับจ้างของไซม่อนผู้เป็นสหายของตนบ้างเล็กน้อย พอให้คนนั่งในยานได้สักสามหรือสี่คน ไม่เกินนั้น...

ยานนั้นปรากฏให้เห็นเพียงไม่กี่วินาที ก็พุ่งไปทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วชนิดที่เลโอนีดาสสามารถบอกกับตัวเองได้ว่ามันเร็ว "ปานสายฟ้าแลบ" ปราดเดียวก็หายลับไปจากสายตา

และความที่มันเป็น ยานบินสีดำ เหมือนยานของพวกชาวต่างพิภพซึ่งได้เข้ามาแทรกซึ่มในหมู่ชนชาวแอตแลนติส ก็ทำให้เลโอนีดาสรู้สึกหวาดระแวงอยู่เหมือนกัน...เพราะความที่ตนเคยเป็นบริวารรับใช้ออเรเคิล ดังนั้นตนเองจึงเป็นอีกหนึ่งคนที่พวกต่างดาวต้องการตัว! หลังจากที่ออเรเคิลได้หายตัวไปจากพระราชวัง

(มีต่อครับ) ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่