“เพื่อไทย” สั่งระดมสรรพกำลังของพรรค ทั้ง ส.ส.-ผู้สมัคร ส.ส.-ส.ก. ช่วยปชช. ช่วงโควิด
https://www.matichon.co.th/politics/news_2691036
“เพื่อไทย” สั่งระดมสรรพกำลังของพรรค ทั้ง ส.ส.-ผู้สมัคร ส.ส.-ส.ก. ช่วยปชช. ช่วงโควิด พร้อมจัด 4 ทีม ทำงานประสานงานระหว่างปชช.-พรรค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 เมษายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นาย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคพท. นาย
วิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาคกทม.พรรคพท. ตัวแทนส.ส.กทม. ได้แก่ น.ส.
ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ และนาง
สุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “
พรรคเพื่อไทยปรับองคาพยพ เพื่อรับมือวิกฤตโควิด-19 ระดมความร่วมมือกับพี่น้องประชาชน และส.ส.ทุกพื้นที่ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เพื่อให้ปัญหาได้รับการดูแลแก้ไข”
โดยนาย
ประเสริฐ กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พรรคพท.เห็นว่า เป็นปัญหาใหญ่ในการดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชน และ เป็นหน้าที่ของทุกฝ่าย ที่จะต้องร่วมกันในการแก้ไขวิกฤติครั้งนี้ มิใช่หน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ในการดำเนินการได้ยึดถือประโยชน์ของประชาชนทุกคนเป็นหลัก ในสถานการณ์วิฤตการณ์ของชาวไทย พรรคพท.ขอร่วมระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งทรัพยากรจากภาครัฐ ภาคเอกชน และร่วมมือกับพี่น้องประชาชน เพื่อให้พ้นวิกฤตินี้ด้วยกัน พรรคขอเป็นกำลังใจให้ผู้ปฎิบัติการบริการแนวหน้าทุกกลุ่ม พี่น้องประชาชนที่กำลังฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนผ่านพ้นวิกฤตินี้ด้วยกัน ทั้งนี้ในการดำเนินการ พรรคแบ่งส่วนการทำงานออกเป็น 4 ทีม ดังนี้
1.
ทีมกองหน้า หมายถึง ทีมพื้นที่ ซึ่งประกอบด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร สมาชิกพรรค ทีมคิดเพื่อไทย ในทุกพื้นที่ ให้คำแนะนำ การสนับสนุน การช่วยเหลือด้านต่างๆ ต่อพี่น้องประชาชน
2.
ทีมกองกลาง หมายถึง ทีมสนับสนุน การระดมทรัพยากรในการทำงาน จัดหาเครื่องมือ อุปกรณ์ สิ่งที่จำเป็น อาทิ หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ การพ่นยา น้ำยาพ่นฆ่าเชื้อ เป็นต้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
นาย
ประเสริฐ กล่าวต่อว่า
3.
ทีมประชาสัมพันธ์ หมายถึง การเตรียมการจัดทำคู่มือป้องกันโควิด เพื่อสร้างความเข้าใจอันถูกต้องให้กับประชาชน การใช้รถโมบายเพื่อประชาสัมพันธ์ เพื่อสื่อสารสร้างความรู้ให้กับประชาชน
และ 4.
ทีมนโยบาย หมายถึง การรวบรวมข้อมูลที่ได้รับมาจากทุกภาคส่วน มาวิเคราะห์ เพื่อเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยพรรคพท. จะเป็นตัวกลางในการประสานความร่วมมือ ส.ส.ทั่วประเทศ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. ฯลฯ ให้ความช่วยเหลือประชาชนจากโควิด-19 เราจะร่วมฝ่าพ้นวิกฤติไปด้วยกัน และให้คนไทยทุกคนผ่านพ้นวิกฤติได้อย่างปลอดภัย
ด้านนาย
วิชาญ กล่าวว่า จากนโยบายที่พรรคพท.มีนี้ ทาง ภาค กทม. ได้จัดเตรียมวิธีการช่วยเหลือในวิธีต่างๆทัง 50 เขต โดยเราได้เริ่มดำเนินการมาเรื่อยๆตั้งแต่เฟศแรกเมื่อปีที่แล้ว ครั้งนี้เป็นรอบที่ 3 และวิกฤติกว่า 2 รอบที่ผ่านมา ภาค กทม. จึงมีการเตรียมความพร้อมต่อจากพรรค โดยนอกจากลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนแล้ว เรายังมีการเตรียมอุปกรร์การป้องกัน เช่น แมสก์ เจลแอลกอฮอลล์ และหากพบกรณีที่มีผู้ป่วยพบเชื้อแต่ยังไม่ได้รับการส่งต่อสู่กระบวนการรักษาก็จะมีการเตรียมอาหาร และมาตรการช่วยเหลือเบื้อต้น นอกจากนี้ ทางพรรคพท.ยังได้จัดทำคู่มือเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดทั้งหมด ซึ่งมีให้ดาวน์โหลดผ่านรูปแบบแอพพลิเคชั่นด้วย ทั้งเรายังจะเป็นตัวแทนเชื่อมต่อระหว่างประชาชนที่เดือดร้อนกับมูลนิธิต่างๆในการช่วยเหลือผู้ป่วย และประชาชนด้วย นี่คือการทำงานของกองหน้าพรรคพท.
ขณะที่น.ส.
ธีรรัตน์ กล่าวว่า ตนได้ลงพื้นที่และรับรู้สถานการณ์ที่แท้จริง บางพื้นที่มีเตียง แต่ระบบการคัดกรองผู้ป่วยเข้ามารับการรักษาล่าช้า เป็นเหตุให้มีผู้ป่วยติดต่อว่าไม่มีเตียงเข้ามาจำนวนมาก ดังนั้น เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องช่วยกันทำให้ผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างทันท่วงที เราต้องทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการณ์กับทุกกระทรวง ไม่ใช่โยนภาระให้กระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น และตนขอใช้โอกาสนี้แจ้งให้พี่น้องกทม. ทราบว่า การทำงานใน กทม.จะแตกต่างจากพื้นที่ต่างจังหวัด คือ ไม่ต้องแจ้งไทม์ไลน์ได้ ดังนั้น หากผู้ป่วยไปที่ใดสาธารณสุขจะเป็นผู้แจ้งบุคคลที่ใกล้ชิดเอง ตนจึงอยากให้ข้อมูลเหล่านี้ไปถึงประชาชนอย่างถูกต้อง และรวดเร็ว โดยเราอาสาเป็นช่องทางหนึ่งในการกระจายข้อมูลต่างๆเหล่านี้ช่วย
เศรษฐกิจไทยยังเสี่ยงตลอดทั้งปี หากวัคซีนยังล่าช้า
https://www.prachachat.net/breaking-news/news-655785
KKP Research ปรับประมาณการตัวเลข GDP ลง จาก 7% เป็น 2.2% ชี้การฉีดวัคซีนในไทยถือว่าช้ามากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น แนะทางออกสำคัญในเวลานี้คือ การเร่งจัดหาวัคซีนให้คนไทยให้ได้เร็วที่สุด
วันที่ 26 เมษายน 2564 “
KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร” หรือ “
เกียรตินาคินภัทร (KKP)” รายงานว่าการฉีดวัคซีนในไทยถือว่าช้ามากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ทำให้เศรษฐกิจไทยยังเสี่ยงหดตัวเพิ่มเติมได้ตลอดทั้งปีจากการระบาดระลอกใหม่หลังจากนี้ที่ยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้อีก ทางออกสำคัญในเวลานี้ คือ การเร่งจัดหาวัคซีนให้คนไทยให้ได้เร็วที่สุด
ปรับการคาดการณ์ตัวเลข GDP จาก 2.7% เป็น 2.2%
การระบาดระลอกใหม่จะส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนในช่วงไตรมาสที่ 2 ชะลอตัวลงจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของภาครัฐและความวิตกกังวลของผู้บริโภค สถานการณ์การระบาดในรอบนี้รุนแรงกว่ารอบที่ผ่านมาในเดือนมกราคม จากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่สูงกว่าในรอบก่อนมาก ในครั้งนี้
KKP Research คาดการณ์ว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือนในการควบคุมการแพร่ระบาด
KKP Research ปรับประมาณการอัตราการเติบโตของ GDP จาก 2.7% ลงมาที่ 2.2% ยิ่งไปกว่านั้น ประเมินว่าการประมาณการเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูงโดยมีความเสี่ยงที่จะลดต่ำลงได้มากกว่านี้โดยขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 และมาตรการที่จะนำมาใช้เพื่อควบคุมการติดเชื้อ
ภาคธุรกิจยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว
ภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจที่น่ากังวลมากที่สุดเนื่องจากได้รับผลกระทบโดยตรงจากการระบาดและการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ล่าช้า
KKP Research ปรับการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวจาก 1 ล้านคนเหลือเพียง 5 แสนคนในปี 2021 จากวัคซีนที่มีการฉีดได้ค่อนข้างช้า การระบาดรอบใหม่ของประเทศไทย และการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส ที่อาจทำให้นักท่องเที่ยวขาดความมั่นใจในการเดินทางระหว่างประเทศ คาดว่าธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวจะยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนักในปีนี้ และจะมีโรงแรมจำนวนมากโดยเฉพาะโรงแรมขนาดเล็กที่จะไม่สามารถเปิดกิจการต่อไปได้
วัคซีนหนุนเศรษฐกิจโลกและการส่งออก
การฉีดวัคซีนในหลายประเทศทำได้เร็วและหลายประเทศจะสามารถกลับมาเปิดเศรษฐกิจได้เต็มที่ภายในปีนี้ ในปัจจุบันประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาสามารถฉีดวัคซีนได้มากถึงวันละกว่า 3 ล้านโดสทำให้คาดการณ์ได้ว่าประเทศสหรัฐ ฯ จะเข้าสู่ภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) ภายในไตรมาสที่ 2-3 ของปีนี้ ในขณะที่ฝั่งยุโรปคาดว่าจะเข้าสู่ภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ในช่วงไตรมาสที่ 3-4 หมายความว่าประเทศเศรษฐกิจหลักหลายแห่งจะสามารถกลับมาเปิดประเทศได้เต็มที่ได้อีกครั้งภายในปีนี้ และจะเป็นแรงหนุนสำคัญต่อการส่งออกของไทย
เศรษฐกิจไทยยังเสี่ยงหดตัวเพิ่มเติมได้ตลอดทั้งปี
KKP Research ประเมินว่าแผนการฉีดวัคซีนของประเทศไทยที่ทำได้อย่างล้าช้า จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนและยังเสี่ยงหดตัวเพิ่มเติมได้อีกตลอดทั้งปี 2021 นี้ จากหลายปัจจัย ดังนี้
1) การระบาดระลอกใหม่หลังจากนี้ที่ยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้อีก ซึ่งจะส่งผลสำคัญต่อทั้งกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศและแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวของไทย
2) ความสามารถในการรองรับด้านสาธารณสุขอาจถึงขีดจำกัด
3) วัคซีนของรัฐบาลไทยยังคงฝากความหวังไว้กับ AstraZeneca เกือบทั้งหมดและยังพึ่งพาการผลิตจากแหล่งเดียว
4) ประสบการณ์ในต่างประเทศ แม้เริ่มมีการฉีดวัคซีนแล้ว การติดเชื้ออาจจะไม่ได้ลดลงในทันที
นโยบายการเงินและการคลังทำได้เพียงประคับประคอง ฝากความหวังไว้กับวัคซีน
KKP Research คาดว่าในระยะสั้น นโยบายการคลังจะยังคงเน้นการใช้มาตรการเยียวยาประเภทเงินโอนต่อไปอีก โดยจะใช้งบประมาณจากวงเงิน พรก. เงินกู้ฉุกเฉิน 1 ล้านล้านบาท ที่ยังคงเหลือประมาณ 2.5 แสนล้านบาทภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณฟื้นฟูเศรษฐกิจ และคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ไปตลอดปีนี้ ถึงแม้จะมีการระบาดระลอกใหม่ที่กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่มาตรการส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การใช้มาตรการด้านสินเชื่อและการปรับโครงสร้างหนี้
อย่างไรก็ดีในสถานการณ์ที่การฉีดวัคซีนของไทยทำได้ช้ามากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ และอัตราการฉีดวัคซีนของไทยยังอยู่ที่เพียงราว 1% ของประชากรไทย นโยบายการเงินและการคลังจะเป็นเพียงการซื้อเวลาและแบ่งเบาภาระภาคธุรกิจและครัวเรือนได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ทางออกสำคัญ ณ เวลานี้คือความพยายามจัดหาและบริหารทรัพยากรด้านสาธารณสุขเพื่อควบคุมการระบาด พร้อมกับการเร่งจัดหาและฉีดวัคซีนให้กับคนไทยให้ได้เร็วที่สุด
ชาวเน็ตทึ่งความกล้า! เพจไทยรู้สู้โควิด โพสต์สุดภูมิใจ ไทยฉีดวัคซีนครบ77จังหวัด
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6363670
ชาวเน็ตทึ่งความกล้า! เพจไทยรู้สู้โควิด ท็อปฟอร์มอีกแล้ว หลังเพจโพสต์สุดภูมิใจ ไทยฉีดวัคซีนครบ77จังหวัด ก่อนหน้านี้โพสต์วิธีจัดการศพผู้เสียชีวิต
เมื่อวันที่ 26 เม.ย.64 โซเชียลมีเดียเฟซบุ๊กมีการแชร์โพสต์ที่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนของประเทศไทย จากเฟซบุ๊กเพจทางการของรัฐบาล เพจ “
ไทยรู้สู้โควิด” เนื่องจากมีการโพสต์ ในลักษณะที่ แสดงออกถึงความภาคภูมิใจในการฉีดวัคซีนอย่างประสบความสำเร็จครบ 77 จังหวัดในประเทศไทย
เพจ
ไทยรู้สู้โควิด เป็นเพจให้ความรู้ และข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 จากทางรัฐบาล ซึ่งโพสต์ที่กำลังเป็นกระแสในขณะนี้ ได้ถูกโพสต์พร้อมภาพประกอบ ในวันที่ 25 เม.ย. โดยมีข้อความ ดังนี้
“
ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ครบ 77 จังหวัด จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม 1,124,153 โดส ฉีดครบ 2 เข็มแล้ว 175,029 ราย อย่าลืมสวมหน้ากาก รักษาระยะห่าง หมั่นล้างมือ เช็คชื่อใน ไทยชนะ และ หมอชนะ นะคะ”
อย่างไรก็ตาม สำหรับชาวเน็ตจำนวนมาก ระบุว่า การกล่าวอ้างดังกล่าวของเพจ ไทยรู้สู้โควิด ที่ระบุว่า สามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ครบ 77 จังหวัด ไม่ได้น่าภูมิใจและไม่ได้มีประโยชน์ในเชิงข้อมูลหรือความรู้เสียด้วยซ้ำ เพราะชาวเน็ตเห็นว่า ถ้าฉีดจังหวัดละ 1 คนก็สามารถกล่าวอ้างเช่นนี้ได้
ดังนั้นชาวเน็ตจำนวนมาก จึงเข้ามาแสดงความเห็นในเชิงชื่นชมความกล้าแสดงออกของเพจจากรัฐบาล รวมถึงชาวเน็ตบางส่วนเข้ามาแสดงความขำขันต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเพจดังกล่าว โดยมีข้อความแสดงความคิดเห็น เช่น
“ชนะแล้ว ครบ 77 จังหวัดเเล้ว ดีใจมากๆครับ เราคือที่1 ของอาเซียน”,
“ภูมิใจเนอะ กล้าเขียนมากฉีดครบ77จังหวัด เหนื่อยใจจริงๆ”,
“เหมือนจงใจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด นี่มาจากเพจของรัฐบาลจริงหรือเปล่า ใช้คำเกินจริงไปมาก”,
“เสียเวลาทำเนื้อหาโชว์โ-่นานไหมครับ”,
“เนื้อหาหลายโพสต์ ไม่เหมือนให้ความรู้เลยค่ะ” เป็นต้น
JJNY : 5in1 เพื่อไทยสั่งระดมช่วยปชช.│ศก.ยังเสี่ยงตลอดปี│ทึ่งความกล้า!เพจไทยรู้สู้โควิด│โชวห่วยโอด│ท่องเที่ยวประจวบฯอ่วม
https://www.matichon.co.th/politics/news_2691036
“เพื่อไทย” สั่งระดมสรรพกำลังของพรรค ทั้ง ส.ส.-ผู้สมัคร ส.ส.-ส.ก. ช่วยปชช. ช่วงโควิด พร้อมจัด 4 ทีม ทำงานประสานงานระหว่างปชช.-พรรค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 เมษายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคพท. นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาคกทม.พรรคพท. ตัวแทนส.ส.กทม. ได้แก่ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ และนางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “พรรคเพื่อไทยปรับองคาพยพ เพื่อรับมือวิกฤตโควิด-19 ระดมความร่วมมือกับพี่น้องประชาชน และส.ส.ทุกพื้นที่ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เพื่อให้ปัญหาได้รับการดูแลแก้ไข”
โดยนายประเสริฐ กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พรรคพท.เห็นว่า เป็นปัญหาใหญ่ในการดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชน และ เป็นหน้าที่ของทุกฝ่าย ที่จะต้องร่วมกันในการแก้ไขวิกฤติครั้งนี้ มิใช่หน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ในการดำเนินการได้ยึดถือประโยชน์ของประชาชนทุกคนเป็นหลัก ในสถานการณ์วิฤตการณ์ของชาวไทย พรรคพท.ขอร่วมระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งทรัพยากรจากภาครัฐ ภาคเอกชน และร่วมมือกับพี่น้องประชาชน เพื่อให้พ้นวิกฤตินี้ด้วยกัน พรรคขอเป็นกำลังใจให้ผู้ปฎิบัติการบริการแนวหน้าทุกกลุ่ม พี่น้องประชาชนที่กำลังฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนผ่านพ้นวิกฤตินี้ด้วยกัน ทั้งนี้ในการดำเนินการ พรรคแบ่งส่วนการทำงานออกเป็น 4 ทีม ดังนี้
1. ทีมกองหน้า หมายถึง ทีมพื้นที่ ซึ่งประกอบด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร สมาชิกพรรค ทีมคิดเพื่อไทย ในทุกพื้นที่ ให้คำแนะนำ การสนับสนุน การช่วยเหลือด้านต่างๆ ต่อพี่น้องประชาชน
2. ทีมกองกลาง หมายถึง ทีมสนับสนุน การระดมทรัพยากรในการทำงาน จัดหาเครื่องมือ อุปกรณ์ สิ่งที่จำเป็น อาทิ หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ การพ่นยา น้ำยาพ่นฆ่าเชื้อ เป็นต้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า
3. ทีมประชาสัมพันธ์ หมายถึง การเตรียมการจัดทำคู่มือป้องกันโควิด เพื่อสร้างความเข้าใจอันถูกต้องให้กับประชาชน การใช้รถโมบายเพื่อประชาสัมพันธ์ เพื่อสื่อสารสร้างความรู้ให้กับประชาชน
และ 4. ทีมนโยบาย หมายถึง การรวบรวมข้อมูลที่ได้รับมาจากทุกภาคส่วน มาวิเคราะห์ เพื่อเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยพรรคพท. จะเป็นตัวกลางในการประสานความร่วมมือ ส.ส.ทั่วประเทศ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. ฯลฯ ให้ความช่วยเหลือประชาชนจากโควิด-19 เราจะร่วมฝ่าพ้นวิกฤติไปด้วยกัน และให้คนไทยทุกคนผ่านพ้นวิกฤติได้อย่างปลอดภัย
ด้านนายวิชาญ กล่าวว่า จากนโยบายที่พรรคพท.มีนี้ ทาง ภาค กทม. ได้จัดเตรียมวิธีการช่วยเหลือในวิธีต่างๆทัง 50 เขต โดยเราได้เริ่มดำเนินการมาเรื่อยๆตั้งแต่เฟศแรกเมื่อปีที่แล้ว ครั้งนี้เป็นรอบที่ 3 และวิกฤติกว่า 2 รอบที่ผ่านมา ภาค กทม. จึงมีการเตรียมความพร้อมต่อจากพรรค โดยนอกจากลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนแล้ว เรายังมีการเตรียมอุปกรร์การป้องกัน เช่น แมสก์ เจลแอลกอฮอลล์ และหากพบกรณีที่มีผู้ป่วยพบเชื้อแต่ยังไม่ได้รับการส่งต่อสู่กระบวนการรักษาก็จะมีการเตรียมอาหาร และมาตรการช่วยเหลือเบื้อต้น นอกจากนี้ ทางพรรคพท.ยังได้จัดทำคู่มือเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดทั้งหมด ซึ่งมีให้ดาวน์โหลดผ่านรูปแบบแอพพลิเคชั่นด้วย ทั้งเรายังจะเป็นตัวแทนเชื่อมต่อระหว่างประชาชนที่เดือดร้อนกับมูลนิธิต่างๆในการช่วยเหลือผู้ป่วย และประชาชนด้วย นี่คือการทำงานของกองหน้าพรรคพท.
ขณะที่น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า ตนได้ลงพื้นที่และรับรู้สถานการณ์ที่แท้จริง บางพื้นที่มีเตียง แต่ระบบการคัดกรองผู้ป่วยเข้ามารับการรักษาล่าช้า เป็นเหตุให้มีผู้ป่วยติดต่อว่าไม่มีเตียงเข้ามาจำนวนมาก ดังนั้น เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องช่วยกันทำให้ผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างทันท่วงที เราต้องทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการณ์กับทุกกระทรวง ไม่ใช่โยนภาระให้กระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น และตนขอใช้โอกาสนี้แจ้งให้พี่น้องกทม. ทราบว่า การทำงานใน กทม.จะแตกต่างจากพื้นที่ต่างจังหวัด คือ ไม่ต้องแจ้งไทม์ไลน์ได้ ดังนั้น หากผู้ป่วยไปที่ใดสาธารณสุขจะเป็นผู้แจ้งบุคคลที่ใกล้ชิดเอง ตนจึงอยากให้ข้อมูลเหล่านี้ไปถึงประชาชนอย่างถูกต้อง และรวดเร็ว โดยเราอาสาเป็นช่องทางหนึ่งในการกระจายข้อมูลต่างๆเหล่านี้ช่วย
เศรษฐกิจไทยยังเสี่ยงตลอดทั้งปี หากวัคซีนยังล่าช้า
https://www.prachachat.net/breaking-news/news-655785
KKP Research ปรับประมาณการตัวเลข GDP ลง จาก 7% เป็น 2.2% ชี้การฉีดวัคซีนในไทยถือว่าช้ามากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น แนะทางออกสำคัญในเวลานี้คือ การเร่งจัดหาวัคซีนให้คนไทยให้ได้เร็วที่สุด
วันที่ 26 เมษายน 2564 “KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร” หรือ “เกียรตินาคินภัทร (KKP)” รายงานว่าการฉีดวัคซีนในไทยถือว่าช้ามากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ทำให้เศรษฐกิจไทยยังเสี่ยงหดตัวเพิ่มเติมได้ตลอดทั้งปีจากการระบาดระลอกใหม่หลังจากนี้ที่ยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้อีก ทางออกสำคัญในเวลานี้ คือ การเร่งจัดหาวัคซีนให้คนไทยให้ได้เร็วที่สุด
ปรับการคาดการณ์ตัวเลข GDP จาก 2.7% เป็น 2.2%
การระบาดระลอกใหม่จะส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนในช่วงไตรมาสที่ 2 ชะลอตัวลงจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของภาครัฐและความวิตกกังวลของผู้บริโภค สถานการณ์การระบาดในรอบนี้รุนแรงกว่ารอบที่ผ่านมาในเดือนมกราคม จากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่สูงกว่าในรอบก่อนมาก ในครั้งนี้ KKP Research คาดการณ์ว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือนในการควบคุมการแพร่ระบาด
KKP Research ปรับประมาณการอัตราการเติบโตของ GDP จาก 2.7% ลงมาที่ 2.2% ยิ่งไปกว่านั้น ประเมินว่าการประมาณการเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูงโดยมีความเสี่ยงที่จะลดต่ำลงได้มากกว่านี้โดยขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 และมาตรการที่จะนำมาใช้เพื่อควบคุมการติดเชื้อ
ภาคธุรกิจยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว
ภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจที่น่ากังวลมากที่สุดเนื่องจากได้รับผลกระทบโดยตรงจากการระบาดและการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ล่าช้า KKP Research ปรับการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวจาก 1 ล้านคนเหลือเพียง 5 แสนคนในปี 2021 จากวัคซีนที่มีการฉีดได้ค่อนข้างช้า การระบาดรอบใหม่ของประเทศไทย และการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส ที่อาจทำให้นักท่องเที่ยวขาดความมั่นใจในการเดินทางระหว่างประเทศ คาดว่าธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวจะยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนักในปีนี้ และจะมีโรงแรมจำนวนมากโดยเฉพาะโรงแรมขนาดเล็กที่จะไม่สามารถเปิดกิจการต่อไปได้
วัคซีนหนุนเศรษฐกิจโลกและการส่งออก
การฉีดวัคซีนในหลายประเทศทำได้เร็วและหลายประเทศจะสามารถกลับมาเปิดเศรษฐกิจได้เต็มที่ภายในปีนี้ ในปัจจุบันประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาสามารถฉีดวัคซีนได้มากถึงวันละกว่า 3 ล้านโดสทำให้คาดการณ์ได้ว่าประเทศสหรัฐ ฯ จะเข้าสู่ภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) ภายในไตรมาสที่ 2-3 ของปีนี้ ในขณะที่ฝั่งยุโรปคาดว่าจะเข้าสู่ภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ในช่วงไตรมาสที่ 3-4 หมายความว่าประเทศเศรษฐกิจหลักหลายแห่งจะสามารถกลับมาเปิดประเทศได้เต็มที่ได้อีกครั้งภายในปีนี้ และจะเป็นแรงหนุนสำคัญต่อการส่งออกของไทย
เศรษฐกิจไทยยังเสี่ยงหดตัวเพิ่มเติมได้ตลอดทั้งปี
KKP Research ประเมินว่าแผนการฉีดวัคซีนของประเทศไทยที่ทำได้อย่างล้าช้า จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนและยังเสี่ยงหดตัวเพิ่มเติมได้อีกตลอดทั้งปี 2021 นี้ จากหลายปัจจัย ดังนี้
1) การระบาดระลอกใหม่หลังจากนี้ที่ยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้อีก ซึ่งจะส่งผลสำคัญต่อทั้งกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศและแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวของไทย
2) ความสามารถในการรองรับด้านสาธารณสุขอาจถึงขีดจำกัด
3) วัคซีนของรัฐบาลไทยยังคงฝากความหวังไว้กับ AstraZeneca เกือบทั้งหมดและยังพึ่งพาการผลิตจากแหล่งเดียว
4) ประสบการณ์ในต่างประเทศ แม้เริ่มมีการฉีดวัคซีนแล้ว การติดเชื้ออาจจะไม่ได้ลดลงในทันที
นโยบายการเงินและการคลังทำได้เพียงประคับประคอง ฝากความหวังไว้กับวัคซีน
KKP Research คาดว่าในระยะสั้น นโยบายการคลังจะยังคงเน้นการใช้มาตรการเยียวยาประเภทเงินโอนต่อไปอีก โดยจะใช้งบประมาณจากวงเงิน พรก. เงินกู้ฉุกเฉิน 1 ล้านล้านบาท ที่ยังคงเหลือประมาณ 2.5 แสนล้านบาทภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณฟื้นฟูเศรษฐกิจ และคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ไปตลอดปีนี้ ถึงแม้จะมีการระบาดระลอกใหม่ที่กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่มาตรการส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การใช้มาตรการด้านสินเชื่อและการปรับโครงสร้างหนี้
อย่างไรก็ดีในสถานการณ์ที่การฉีดวัคซีนของไทยทำได้ช้ามากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ และอัตราการฉีดวัคซีนของไทยยังอยู่ที่เพียงราว 1% ของประชากรไทย นโยบายการเงินและการคลังจะเป็นเพียงการซื้อเวลาและแบ่งเบาภาระภาคธุรกิจและครัวเรือนได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ทางออกสำคัญ ณ เวลานี้คือความพยายามจัดหาและบริหารทรัพยากรด้านสาธารณสุขเพื่อควบคุมการระบาด พร้อมกับการเร่งจัดหาและฉีดวัคซีนให้กับคนไทยให้ได้เร็วที่สุด
ชาวเน็ตทึ่งความกล้า! เพจไทยรู้สู้โควิด โพสต์สุดภูมิใจ ไทยฉีดวัคซีนครบ77จังหวัด
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6363670
ชาวเน็ตทึ่งความกล้า! เพจไทยรู้สู้โควิด ท็อปฟอร์มอีกแล้ว หลังเพจโพสต์สุดภูมิใจ ไทยฉีดวัคซีนครบ77จังหวัด ก่อนหน้านี้โพสต์วิธีจัดการศพผู้เสียชีวิต
เมื่อวันที่ 26 เม.ย.64 โซเชียลมีเดียเฟซบุ๊กมีการแชร์โพสต์ที่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนของประเทศไทย จากเฟซบุ๊กเพจทางการของรัฐบาล เพจ “ไทยรู้สู้โควิด” เนื่องจากมีการโพสต์ ในลักษณะที่ แสดงออกถึงความภาคภูมิใจในการฉีดวัคซีนอย่างประสบความสำเร็จครบ 77 จังหวัดในประเทศไทย
เพจไทยรู้สู้โควิด เป็นเพจให้ความรู้ และข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 จากทางรัฐบาล ซึ่งโพสต์ที่กำลังเป็นกระแสในขณะนี้ ได้ถูกโพสต์พร้อมภาพประกอบ ในวันที่ 25 เม.ย. โดยมีข้อความ ดังนี้
“ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ครบ 77 จังหวัด จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม 1,124,153 โดส ฉีดครบ 2 เข็มแล้ว 175,029 ราย อย่าลืมสวมหน้ากาก รักษาระยะห่าง หมั่นล้างมือ เช็คชื่อใน ไทยชนะ และ หมอชนะ นะคะ”
อย่างไรก็ตาม สำหรับชาวเน็ตจำนวนมาก ระบุว่า การกล่าวอ้างดังกล่าวของเพจ ไทยรู้สู้โควิด ที่ระบุว่า สามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ครบ 77 จังหวัด ไม่ได้น่าภูมิใจและไม่ได้มีประโยชน์ในเชิงข้อมูลหรือความรู้เสียด้วยซ้ำ เพราะชาวเน็ตเห็นว่า ถ้าฉีดจังหวัดละ 1 คนก็สามารถกล่าวอ้างเช่นนี้ได้
ดังนั้นชาวเน็ตจำนวนมาก จึงเข้ามาแสดงความเห็นในเชิงชื่นชมความกล้าแสดงออกของเพจจากรัฐบาล รวมถึงชาวเน็ตบางส่วนเข้ามาแสดงความขำขันต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเพจดังกล่าว โดยมีข้อความแสดงความคิดเห็น เช่น
“ชนะแล้ว ครบ 77 จังหวัดเเล้ว ดีใจมากๆครับ เราคือที่1 ของอาเซียน”,
“ภูมิใจเนอะ กล้าเขียนมากฉีดครบ77จังหวัด เหนื่อยใจจริงๆ”,
“เหมือนจงใจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด นี่มาจากเพจของรัฐบาลจริงหรือเปล่า ใช้คำเกินจริงไปมาก”,
“เสียเวลาทำเนื้อหาโชว์โ-่นานไหมครับ”,
“เนื้อหาหลายโพสต์ ไม่เหมือนให้ความรู้เลยค่ะ” เป็นต้น