"ธนาธร" ชวน "ประยุทธ์" ดูสถานการณ์ที่อังกฤษ คนกลับมามีหวังมากขึ้นด้วยวัคซีน
https://www.matichon.co.th/politics/news_2676133
“ธนาธร” ชวน “ประยุทธ์” ดูสถานการณ์ที่อังกฤษ คนกลับมามีหวังมากขึ้นด้วยวัคซีน
เมื่อวันที่ 16 เมษายน นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความเกี่ยวกับข้อคิดการบริหารจัดการโควิด โดยเปรียบเทียบประสบการณ์จากต่างประเทศ ระบุว่า
ชวนคุณประยุทธ์ดูสถานการณ์อังกฤษที่กลับมามีความหวังด้วยวัคซีน
บรรยากาศในอังกฤษเต็มไปด้วยความหวัง เศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้น
นักเศรษฐศาสตร์เห็นตรงกัน คนจะเริ่มใช้จ่ายในไม่ช้า
จนถึงวันนี้ อังกฤษฉีดวัคซีนไปแล้ว 60.6% ของจำนวนประชากร และมีประชากรที่ฉีดครบสองเข็มไปแล้ว 12.2%
อังกฤษกำลังจะเปิดให้ประชาชนทำกิจกรรมตามปกติ หลังจากมีการล็อกดาวน์ป้องกันการระบาดรอบสามตั้งแต่เดือนมกราคม บริการต่าง ๆ ทยอยกลับมาค้าขายดำเนินการได้ตามปกติในสัปดาห์ที่ผ่านมา
บรรยากาศในอังกฤษเป็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความหวัง อารมณ์ความรู้สึกของคนในสังคมสดใส ทุกคนรู้ว่าอีกไม่นานวัคซีนจะฉีดได้ครบ ชีวิตปกติกำลังจะกลับมา เมฆดำกำลังจะผ่านพ้นไป ทุกคนเฝ้ารอคอยอย่างมีความหวัง
นักเศรษฐศาสตร์คาดคะเนว่าเศรษฐกิจจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะในช่วงการแพร่ระบาด ประชาชนจำนวนมากไม่ได้ใช้จ่าย ในขณะที่รัฐบาลให้การดูแลอย่างครอบคลุม ทำให้ครัวเรือนมีเงินเก็บในช่วงโควิดมากถึง 180,000 ล้านปอนด์ หรือเทียบเท่ากับ 10% ของระบบเศรษฐกิจ
หัวหน้าทีมเศรษฐศาสตร์จากธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ กล่าวว่าตอนนี้เศรษฐกิจมีสภาพเหมือนกับ “ขดลวด” ที่รอคอยการระเบิด ประชาชนอังกฤษรอคอยที่จะใช้จ่ายเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น
รัฐบาลอังกฤษให้สัญญากับประชาชนว่า ภายในเดือนกรกฎาคม ผู้ใหญ่ทุกคนในประเทศจะต้องได้ฉีดอย่างน้อยเข็มแรก
เมื่อกลับมาดูสถานการณ์ในประเทศไทย เวลานี้เรากำลังกลับเข้าสู่สถานการณ์กึ่งล็อกดาวน์อีกครั้ง จากการแถลงของรัฐบาลเมื่อสักครู่นี้
ส่วนแผนการฉีดวัคซีนของประเทศไทย กำลังจะเริ่มมีการฉีดในปริมาณมากในเดือนกรกฎาคม
แม้จะช้าไปมากแล้ว แต่ผมก็ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะดำเนินไปได้ด้วยดี
แม้หลายสิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้ได้เกิดขึ้นเป็นจริงแล้วในประเทศไทยเป็นฉากๆ แต่ผมก็ยังแอบหวังว่ารัฐบาลจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ เพื่อฉีดวัคซีนให้ประชากรได้ในจำนวนที่มากพอจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
และที่นายกรัฐมนตรีแถลงเมื่อสักครู่ว่ามีแผนจะพยายามจัดหาวัคซีนยี่ห้ออื่นๆเพิ่มอีก แม้จะช้าไปมากแล้วก็ตาม ก็หวังว่าจะดำเนินการได้ลุล่วง
เพื่อให้บรรยากาศแห่งความหวังเช่นนี้กลับมาสู่ประเทศไทยอีกครั้ง
https://www.facebook.com/ThanathornOfficial/posts/1078290152574658
ส.อ.ท.หนุนคุมระบาดขั้นสูง แนะเร่งฉีดวัคซีนวันละ5แสนคน
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/932795
ส.อ.ท. คาดการระบาดรอบ 3 จะกระทบต่อจีดีพีเดือนละ 0.5% แนะรัฐนำอังกฤษมาเป็นแบบอย่างในการระดมฉีดวัคซีน ซึ่งไทยควรจะฉีดให้ได้วันละ 5 แสนคน จึงจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้รวดเร็ว และธุรกิจกลับมาเดินหน้าตามปกติ
นาย
เกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การระบาดของโควิดในรอบที่ 3 นี้ แม้ว่าการระบาดจะรุนแรงกว่าใน 2 ครั้งแรก แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะน้อยกว่า เพราะรัฐบาลไม่ล็อคดาวน์แต่ประกาศควบคุมบางพื้นที่ที่เป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อ เช่น ผับบาร์ และสถานที่เที่ยวกลางคืน ที่เป็นแหล่งระบาดของรอบใหม่ จะกระทบหนักแต่เพียงสถานบริการในช่วงกลางคืน
ส่วนธุรกิจค้าขายอื่น ๆ ได้รับผลกระทบไม่มาก ส่วนในภาคอุตสาหกรรมก็ได้ปรับตัวได้ตั้งแต่การระบาดในรอบแรกแล้ว จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าหากการระบาดครั้งนี้กินเวลานาน 1 เดือนจะกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศคิดเป็นประมาณ 0.5% ของจีดีพี แต่หากนานไปเป็น 2 เดือนก็จะกระทบไป 1% ของ จีดีพี ซึ่งหากการระบาดยิ่งยาวนานก็ยิ่งกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยแนวทางการแก้ปัญหา รัฐบาลควรนำแบบอย่างของประเทศอังกฤษมาใช้ เพราะมีจำนวนประชากรประมาณ 60 ล้านคนใหล้เคียงกับไทย ซึ่งในขณะนี้ได้กักตุนวัคซีนโควิด-19 ยี่ห้อต่าง ๆ ไว้กว่า 200 ล้านโดส และล่าสุดได้ทำสถิติฉีดวัคซีนได้ถึงวันละ 5 แสนคน จนทำให้ฉีดให้กับประชากรไปแล้วกว่า 70% ซึ่งเป็นประเทศที่มีทั้งวัคซีนจำนวนมาก และระดมฉีดได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันจากเดิมที่เป็นหลักหมื่นคน เหลือเพียง 1-2 พันคนต่อวัน และสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ
สำหรับประเทศไทย มองว่าว่าประเทศไทยควรจะเร่งระดมซื้อวัคซีนให้หลากหลายยี่ห้อที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล มีวัคซีนให้เพียงพอกับประชากรทุกคนในประเทศ หรือมีสำรองมากกว่าประชากร 30-40%
และเร่งฉีดให้กับประชาชนให้ได้วันละ 5 แสนคน ซึ่งจะใช้เวลากว่า 100 วัน จึงจะครอบคลุมประชาชนมากกว่า 70% ของประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดภูมิกันหมู่ ซึ่งแม้ว่าวัคซีนแต่ละชนิดจะไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่ก็ช่วยลดการแพร่ระบาดลงได้มาก ทำให้ประเทศชาติกลับมาดำเนินธุรกิจและใช้ชีวิตได้ตามปกติ และจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
“
รัฐบาลควรจะนำผลสำเร็จจากประเทศต่าง ๆ มาปรับใช้กับประเทศไทย รวมทั้งให้ทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยระดมฉีดวัคซีน เช่น ให้คลินิกต่าง ๆ ทั้งคลินิกรักษาโรคทั่วไป คลินิกทันตแพทย์ และคลินิกเสริมความงามมาช่วยกันฉีดวัคซีน"
รวมทั้งภาคเอกชนก็พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ซึ่งที่ผ่านมา ส.อ.ท.ก็ได้สร้างโรงพยาบาลสนาม และตู้เก็บวัคซีนจำนวนมากมอบให้กับภาครัฐ และพร้อมที่จะซื้อวัคซีนเพื่อมาฉีดให้กับพนักงานของตัวเอง ซึ่งล่าสุดก็ได้สั่งซื้อวัคซีนไปแล้วกว่า 1 แสนโดส ซึ่งหากรัฐบาลดึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมาร่วมกันได้ ก็จะทำให้ฉีดวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว
JJNY : 4in1 "ธนาธร"ชวน"ประยุทธ์"ดูอังกฤษ│ส.อ.ท.แนะเร่งฉีดวัคซีนวันละ5แสน│ศิริกัญญาล้มละลายล้นศาล│โควิดกดศก.วูบระลอก 3
https://www.matichon.co.th/politics/news_2676133
“ธนาธร” ชวน “ประยุทธ์” ดูสถานการณ์ที่อังกฤษ คนกลับมามีหวังมากขึ้นด้วยวัคซีน
เมื่อวันที่ 16 เมษายน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความเกี่ยวกับข้อคิดการบริหารจัดการโควิด โดยเปรียบเทียบประสบการณ์จากต่างประเทศ ระบุว่า
ชวนคุณประยุทธ์ดูสถานการณ์อังกฤษที่กลับมามีความหวังด้วยวัคซีน
บรรยากาศในอังกฤษเต็มไปด้วยความหวัง เศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้น
นักเศรษฐศาสตร์เห็นตรงกัน คนจะเริ่มใช้จ่ายในไม่ช้า
จนถึงวันนี้ อังกฤษฉีดวัคซีนไปแล้ว 60.6% ของจำนวนประชากร และมีประชากรที่ฉีดครบสองเข็มไปแล้ว 12.2%
อังกฤษกำลังจะเปิดให้ประชาชนทำกิจกรรมตามปกติ หลังจากมีการล็อกดาวน์ป้องกันการระบาดรอบสามตั้งแต่เดือนมกราคม บริการต่าง ๆ ทยอยกลับมาค้าขายดำเนินการได้ตามปกติในสัปดาห์ที่ผ่านมา
บรรยากาศในอังกฤษเป็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความหวัง อารมณ์ความรู้สึกของคนในสังคมสดใส ทุกคนรู้ว่าอีกไม่นานวัคซีนจะฉีดได้ครบ ชีวิตปกติกำลังจะกลับมา เมฆดำกำลังจะผ่านพ้นไป ทุกคนเฝ้ารอคอยอย่างมีความหวัง
นักเศรษฐศาสตร์คาดคะเนว่าเศรษฐกิจจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะในช่วงการแพร่ระบาด ประชาชนจำนวนมากไม่ได้ใช้จ่าย ในขณะที่รัฐบาลให้การดูแลอย่างครอบคลุม ทำให้ครัวเรือนมีเงินเก็บในช่วงโควิดมากถึง 180,000 ล้านปอนด์ หรือเทียบเท่ากับ 10% ของระบบเศรษฐกิจ
หัวหน้าทีมเศรษฐศาสตร์จากธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ กล่าวว่าตอนนี้เศรษฐกิจมีสภาพเหมือนกับ “ขดลวด” ที่รอคอยการระเบิด ประชาชนอังกฤษรอคอยที่จะใช้จ่ายเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น
รัฐบาลอังกฤษให้สัญญากับประชาชนว่า ภายในเดือนกรกฎาคม ผู้ใหญ่ทุกคนในประเทศจะต้องได้ฉีดอย่างน้อยเข็มแรก
เมื่อกลับมาดูสถานการณ์ในประเทศไทย เวลานี้เรากำลังกลับเข้าสู่สถานการณ์กึ่งล็อกดาวน์อีกครั้ง จากการแถลงของรัฐบาลเมื่อสักครู่นี้
ส่วนแผนการฉีดวัคซีนของประเทศไทย กำลังจะเริ่มมีการฉีดในปริมาณมากในเดือนกรกฎาคม
แม้จะช้าไปมากแล้ว แต่ผมก็ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะดำเนินไปได้ด้วยดี
แม้หลายสิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้ได้เกิดขึ้นเป็นจริงแล้วในประเทศไทยเป็นฉากๆ แต่ผมก็ยังแอบหวังว่ารัฐบาลจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ เพื่อฉีดวัคซีนให้ประชากรได้ในจำนวนที่มากพอจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
และที่นายกรัฐมนตรีแถลงเมื่อสักครู่ว่ามีแผนจะพยายามจัดหาวัคซีนยี่ห้ออื่นๆเพิ่มอีก แม้จะช้าไปมากแล้วก็ตาม ก็หวังว่าจะดำเนินการได้ลุล่วง
เพื่อให้บรรยากาศแห่งความหวังเช่นนี้กลับมาสู่ประเทศไทยอีกครั้ง
https://www.facebook.com/ThanathornOfficial/posts/1078290152574658
ส.อ.ท.หนุนคุมระบาดขั้นสูง แนะเร่งฉีดวัคซีนวันละ5แสนคน
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/932795
ส.อ.ท. คาดการระบาดรอบ 3 จะกระทบต่อจีดีพีเดือนละ 0.5% แนะรัฐนำอังกฤษมาเป็นแบบอย่างในการระดมฉีดวัคซีน ซึ่งไทยควรจะฉีดให้ได้วันละ 5 แสนคน จึงจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้รวดเร็ว และธุรกิจกลับมาเดินหน้าตามปกติ
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การระบาดของโควิดในรอบที่ 3 นี้ แม้ว่าการระบาดจะรุนแรงกว่าใน 2 ครั้งแรก แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะน้อยกว่า เพราะรัฐบาลไม่ล็อคดาวน์แต่ประกาศควบคุมบางพื้นที่ที่เป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อ เช่น ผับบาร์ และสถานที่เที่ยวกลางคืน ที่เป็นแหล่งระบาดของรอบใหม่ จะกระทบหนักแต่เพียงสถานบริการในช่วงกลางคืน
ส่วนธุรกิจค้าขายอื่น ๆ ได้รับผลกระทบไม่มาก ส่วนในภาคอุตสาหกรรมก็ได้ปรับตัวได้ตั้งแต่การระบาดในรอบแรกแล้ว จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าหากการระบาดครั้งนี้กินเวลานาน 1 เดือนจะกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศคิดเป็นประมาณ 0.5% ของจีดีพี แต่หากนานไปเป็น 2 เดือนก็จะกระทบไป 1% ของ จีดีพี ซึ่งหากการระบาดยิ่งยาวนานก็ยิ่งกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยแนวทางการแก้ปัญหา รัฐบาลควรนำแบบอย่างของประเทศอังกฤษมาใช้ เพราะมีจำนวนประชากรประมาณ 60 ล้านคนใหล้เคียงกับไทย ซึ่งในขณะนี้ได้กักตุนวัคซีนโควิด-19 ยี่ห้อต่าง ๆ ไว้กว่า 200 ล้านโดส และล่าสุดได้ทำสถิติฉีดวัคซีนได้ถึงวันละ 5 แสนคน จนทำให้ฉีดให้กับประชากรไปแล้วกว่า 70% ซึ่งเป็นประเทศที่มีทั้งวัคซีนจำนวนมาก และระดมฉีดได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันจากเดิมที่เป็นหลักหมื่นคน เหลือเพียง 1-2 พันคนต่อวัน และสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ
สำหรับประเทศไทย มองว่าว่าประเทศไทยควรจะเร่งระดมซื้อวัคซีนให้หลากหลายยี่ห้อที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล มีวัคซีนให้เพียงพอกับประชากรทุกคนในประเทศ หรือมีสำรองมากกว่าประชากร 30-40%
และเร่งฉีดให้กับประชาชนให้ได้วันละ 5 แสนคน ซึ่งจะใช้เวลากว่า 100 วัน จึงจะครอบคลุมประชาชนมากกว่า 70% ของประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดภูมิกันหมู่ ซึ่งแม้ว่าวัคซีนแต่ละชนิดจะไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่ก็ช่วยลดการแพร่ระบาดลงได้มาก ทำให้ประเทศชาติกลับมาดำเนินธุรกิจและใช้ชีวิตได้ตามปกติ และจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
“รัฐบาลควรจะนำผลสำเร็จจากประเทศต่าง ๆ มาปรับใช้กับประเทศไทย รวมทั้งให้ทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยระดมฉีดวัคซีน เช่น ให้คลินิกต่าง ๆ ทั้งคลินิกรักษาโรคทั่วไป คลินิกทันตแพทย์ และคลินิกเสริมความงามมาช่วยกันฉีดวัคซีน"
รวมทั้งภาคเอกชนก็พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ซึ่งที่ผ่านมา ส.อ.ท.ก็ได้สร้างโรงพยาบาลสนาม และตู้เก็บวัคซีนจำนวนมากมอบให้กับภาครัฐ และพร้อมที่จะซื้อวัคซีนเพื่อมาฉีดให้กับพนักงานของตัวเอง ซึ่งล่าสุดก็ได้สั่งซื้อวัคซีนไปแล้วกว่า 1 แสนโดส ซึ่งหากรัฐบาลดึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมาร่วมกันได้ ก็จะทำให้ฉีดวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว