มาแชร์เรื่องราวของการรักษาริดสีดวงที่ใครหลายคนไม่กล้าไปหาหมอ
หรือไม่รู้จะปรึกษาใคร เป็นโรคที่เจ็บปวดและรู้สึกอับอายในเวลาเดียวกัน
ยกที่ 1 "ริดสีดวงแกมาจากไหน"
จากข้อมูลที่อ่านมา: ริดสีดวงเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการบริโภคเป็นหลัก
แต่เราขับถ่ายทุกวัน ชอบกินผักผลไม้ ท้องไม่ผูก แต่ริดสีดวงก็มาทักทายจนได้
สังเกตว่าครอบครัวเราเป็นริดสีดวงกันตั้งแต่ ย่า ยาย แม่ และก็เรา
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงเป็นริดสีดวงมากกว่าผู้ชายคือเกิดมาจากตอนตั้งท้อง เพราะจะเกิดอาการท้องผูกได้ง่าย
ย่ากับยายเป็นหนักมาก ตอนสาวๆ คือเลือดหยดเป็นถัง แต่คนสมัยก่อนก็ไม่ไปรักษา เขารอให้มันหายไปเอง แล้วก็กินยาสมุนไพร
แต่ก็ใช่ว่าจะหายนะ ตอนอายุมากก็ยังเจ็บบ้างบางครั้ง
ส่วนตัวเราเริ่มรู้สึกว่ามีติ่งเนื้อเล็กๆ ที่รูทวารตั้งแต่ ม.3 แต่ไม่รู้สึกเจ็บหรือมีอาการ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่ามันคือริดสีดวง
แต่เป็นคนชอบถ่ายเร็วคือถ่ายคล่อง ถ่ายทุกวัน แต่ชอบเบ่งงงงงงงงง ประมาณว่าสะใจดี (โรคจิต อย่าทำนะมันไม่ดีเลย)
แล้วผลลัพธ์คือเจ้าติ่งเนื้อที่อยู่มาหลายสิบปีก็บวม ถ่ายปนเลือดที่สำคัญมันเจ็บมากเวอร์
หลังจากที่มีอาการก็ค้นข้อมูลทั้ง Pantip Google อะไรกินแล้วหาย อะไรกินแล้วดีก็ลองไปจ้า ทั้งสมุนไพรและปรึกษาเภสัช
แต่สงสัยว่าริดสีดวงจะรักเรามาก เพราะไม่ได้ผลสักอย่าง แถมจิตใจก็ย่ำแย่ กังวลไม่อยากขับถ่าย ไปเที่ยวคือต้องพกน้ำพรุนไปตลอด
กลัวไม่ถ่าย กลัว และกลัวมากกกกกกกกกกก จึงตัดสินใจไปรักษาเพราะความเจ็บมากกว่าความอายแล้ว
ยกที่ 2 "รักษาริดสีดวงโดยใช้สมุนไพร ไม่ต้องผ่าตัด"
ตัดสินใจไปรักษากับคลินิคที่โฆษณาว่า รักษาริดสีดวงโดยใช้สมุนไพร ไม่ต้องผ่าตัด โอเคเวรี่กู๊ด คิดว่าไม่ต้องเจ็บตัวแล้วเรา
แต่มันไม่ใช่อย่างที่เราคิด การรักษาคือเขาฉีดยาชาไปรอบเจ้าริดสีดวง แล้วฉีดยาสมุนไพรไปบล็อครอบตัวริดสีดวงไม่ให้มีเลือดไปเลี้ยง
นึกภาพตามนะว่า ริดสีดวงบวมๆ ถูกเข็มฉีดยาขนาดใหญ่จิ้มเข้าไป คือทรมานที่สุดเลยเธอ แล้วอียาที่หมอเขาฉีดคือมันจะแสบๆ ร้อนๆ
ใช้เวลาในห้องหัตถการประมาณ 20 นาที จากนั้นหมอก็จ่ายยาแก้ปวด ด่างทับทิมพร้อมกะลัง 1 ใบไปแช่ตูด
แล้วก็ยาต้ม จ่ายค่ารักษาไป 17,000 บาท (ถ้าเป็นอีกรักษาฟรีตลอดชีพ ฉันไม่อยากเป็นอีกแล้วพอกันที)
นั่งรถกลับบ้านคือทรมาน จะอ้วกแล้วก็เจ็บมาก (แต่เขาก็บอกไว้แล้วนะว่ามันจะอ้วกได้)
หลังจากนั้นการรักษาคือต้องนั่งในกะละมังใบเล็ก เพื่อแช่ตูดในน้ำอุ่นที่ละลายด่างทับทิมลงไป
หมอบอกว่าจะช่วยให้ตัวริดสีดวงมันหลุดออกไปทั้งราก เลยต้องลางาน 1 อาทิตย์เพื่ออยู่บ้าน เพราะนั่งก็เจ็บเด้อ
หลังจากนั้นก็รักษาตัวตามหมอบอก เจ้าริดสีดวงก็หลุดออกไปจริงๆ คือน้ำตาจะไหล ฉันหายแล้ววววววววววววววว
ยัง ยัง ยัง ยังไม่จบ เราใช้ชีวิตเป็นปกติอยู่ประมาณ 2 ปี ก็รู้สึกว่าเจ็บๆ แล้วถ่ายเริ่มมีเลือดอีกแล้ว T_T
ยกที่ 3 "จุดจบของริดสีดวง"
ใช่จ้ะ ในหัวคือเวรกรรมอะไรของฉันว่ะเนี่ย แต่เอาว่ะเดี๋ยวลองหาใน Pantip เผื่อว่าจะมีใครมาแชร์อะไรบ้าง
ไปเจอชื่อคุณหมอที่เก่งเรื่องริดสีดวง (คุณหมอธีรสันติ์ ตันติเตมิท) รักษาอยู่ที่พญาไท 2 ก็ติดต่อนัดเข้าตรวจ
จากการตรวจคือ รูทวารหนักไม่มีริดสีดวงแต่เป็นรอยปริของปากรูทวาร มันไม่สามารถขยายได้ เวลาถ่ายมันจึงฉีกขาด
(น่าจะเกิดมาจากการรักษาที่ฉีดยาสมุนไพรเข้าไป) พอฉีกขาดแล้วมันเป็นแผลซำ้ๆ ไม่มีทางหาย ต้องผ่าตัดเท่านั้น
คือคุณหมอน่ารักมากจริงๆ สุภาพ ไม่ทำให้รู้สึกอายเวลาตรวจ แล้วก็ใจเย็น ค่อยๆ อธิบาย แถมยังเข้าใจว่ามันทรมานทั้งกายและใจ
หลังจากกลับจาก รพ. คือนอยไปเลยจ้า เพราะไปอ่านมาว่าการผ่าตัดเกี่ยวกับทวารหนักมันเจ็บ เจ็บมากๆ
ร้องไห้ไปแล้วหลายรอบ สุดท้ายตัดสินใจจองคิวผ่าตัดที่พญาไท 2
ก่อนวันผ่าก็งดอาหารตามปกติ พี่พยาบาลให้มาเตรียมตัวตั้งแต่เช้า เพราะต้องเช็คร่างกาย สวนรูทวารหนัก (T_T กลัวที่สุด)
พอเข้าห้องผ่าตัดคือเย็นมาก นอนคว่ำ พี่พยาบาลถามว่าชอบเพลงอะไรเดี๋ยวเปิดให้ฟัง สงสัยจะเห็นว่าหน้าซีดเป็นไก่ต้ม
และตื่นกลัวจนปวดฉี่ พี่พยาบาลต้องพาไปเข้าห้องน้ำก่อนผ่าตัด พอหมอมาก็นอนคว่ำ แล้วพยาบาลก็ให้ยาเคลิ้มๆ
(เป็นยานอนหลับนะไม่มีการบล็อคหลังหรือยาสลบ เพราะหมอบอกผ่าตัดเล็ก) หลังจากนั้นคือนาทีเดียวก็หลับ
สบายมากจริงๆ สักพักหมอบอกเสร็จเรียบร้อย เราก็อยู่ในอาการสะลึมสะลือ ร่างกายคือไม่เจ็บไม่ปวดใดๆ
ตื่นมาอีกทีในห้องพักหลังผ่าตัด (พยาบาลต้องปลุกให้ตื่นเพราะหลับสบายและหลับลึกมาก มาผ่าตัดแต่ทำไมหลับเป็นตาย)
แล้วก็นอนพักที่ รพ. 1 คืน หลังจากยาชาหมดก็รู้สึกตึงๆ เจ็บตอนลุกตอนนั่งนิดหน่อย ความรู้สึกคือชิวมาก ถ้าเปรียบกับการเจ็บจากริดสีดวง
ตอนเช้าก่อนออก คุณหมอมาดูแผลแล้วก็แนะนำการดูแลตัวเอง คือโดนน้ำบ่อยๆ ได้เลย และนัดมาตรวจหลังผ่าตัดอีกที
คุณหมอแจ้งว่าตอนผ่ามีฝีด้วยนะแต่หมอผ่าออกไปให้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นชำระค่ารักษาประมาณ 50,000 บาทนิดๆ
แต่ประกันจ่ายหมดก็สบายไป ถ้าจ่ายเองก็คงร้องไห้เหมือนกันนะ
สรุป
อยากมาแชร์สำหรับคนที่กลัวการรักษาริดสีดวงว่า ลองไปหาหมอที่เชี่ยวชาญทางด้านรูทวารดู และการผ่าตัดคือไม่น่ากลัว
ไม่เจ็บอย่างที่คิด (ความเจ็บขึ้นอยู่กับอาการและระดับการทนความเจ็บของแต่ละบุคคลด้วยนะ)
เพราะเราเป็นคนหนึ่งที่ต้องทนเจ็บกับริดสีดวงมานาน เป็นผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานมีลูก (ก็คืออายเนอะ มีแต่หมอผู้ชาย) แต่อาการเจ็บนี้มันที่สุดแล้ว
แถมใช้ชีวิตประจำวันก็ต้องกังวล ไปเที่ยวต่างประเทศก็ต้องพกน้ำพรุนไปด้วย ขับถ่ายทีก็ลุ้นว่าวันนี้จะเจ็บรึเปล่า มีเลือดป่าวว่ะ
กังวลว่าวันนี้ดื่มน้ำพอรึยัง กินผักพอรึเปล่า ทำให้ใช้ชีวิตไม่สนุกเลย
และสุดท้ายใครที่เป็นริดสีดวงอยู่ขอให้ทุกคนเจอทางรักษาที่พอใจ เหมาะกับตัวคุณ และขอให้หายเร็วๆ นะคะ
[CR] มหากาพย์ริดสีดวง
หรือไม่รู้จะปรึกษาใคร เป็นโรคที่เจ็บปวดและรู้สึกอับอายในเวลาเดียวกัน
ยกที่ 1 "ริดสีดวงแกมาจากไหน"
จากข้อมูลที่อ่านมา: ริดสีดวงเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการบริโภคเป็นหลัก
แต่เราขับถ่ายทุกวัน ชอบกินผักผลไม้ ท้องไม่ผูก แต่ริดสีดวงก็มาทักทายจนได้
สังเกตว่าครอบครัวเราเป็นริดสีดวงกันตั้งแต่ ย่า ยาย แม่ และก็เรา
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงเป็นริดสีดวงมากกว่าผู้ชายคือเกิดมาจากตอนตั้งท้อง เพราะจะเกิดอาการท้องผูกได้ง่าย
ย่ากับยายเป็นหนักมาก ตอนสาวๆ คือเลือดหยดเป็นถัง แต่คนสมัยก่อนก็ไม่ไปรักษา เขารอให้มันหายไปเอง แล้วก็กินยาสมุนไพร
แต่ก็ใช่ว่าจะหายนะ ตอนอายุมากก็ยังเจ็บบ้างบางครั้ง
ส่วนตัวเราเริ่มรู้สึกว่ามีติ่งเนื้อเล็กๆ ที่รูทวารตั้งแต่ ม.3 แต่ไม่รู้สึกเจ็บหรือมีอาการ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่ามันคือริดสีดวง
แต่เป็นคนชอบถ่ายเร็วคือถ่ายคล่อง ถ่ายทุกวัน แต่ชอบเบ่งงงงงงงงง ประมาณว่าสะใจดี (โรคจิต อย่าทำนะมันไม่ดีเลย)
แล้วผลลัพธ์คือเจ้าติ่งเนื้อที่อยู่มาหลายสิบปีก็บวม ถ่ายปนเลือดที่สำคัญมันเจ็บมากเวอร์
หลังจากที่มีอาการก็ค้นข้อมูลทั้ง Pantip Google อะไรกินแล้วหาย อะไรกินแล้วดีก็ลองไปจ้า ทั้งสมุนไพรและปรึกษาเภสัช
แต่สงสัยว่าริดสีดวงจะรักเรามาก เพราะไม่ได้ผลสักอย่าง แถมจิตใจก็ย่ำแย่ กังวลไม่อยากขับถ่าย ไปเที่ยวคือต้องพกน้ำพรุนไปตลอด
กลัวไม่ถ่าย กลัว และกลัวมากกกกกกกกกกก จึงตัดสินใจไปรักษาเพราะความเจ็บมากกว่าความอายแล้ว
ยกที่ 2 "รักษาริดสีดวงโดยใช้สมุนไพร ไม่ต้องผ่าตัด"
ตัดสินใจไปรักษากับคลินิคที่โฆษณาว่า รักษาริดสีดวงโดยใช้สมุนไพร ไม่ต้องผ่าตัด โอเคเวรี่กู๊ด คิดว่าไม่ต้องเจ็บตัวแล้วเรา
แต่มันไม่ใช่อย่างที่เราคิด การรักษาคือเขาฉีดยาชาไปรอบเจ้าริดสีดวง แล้วฉีดยาสมุนไพรไปบล็อครอบตัวริดสีดวงไม่ให้มีเลือดไปเลี้ยง
นึกภาพตามนะว่า ริดสีดวงบวมๆ ถูกเข็มฉีดยาขนาดใหญ่จิ้มเข้าไป คือทรมานที่สุดเลยเธอ แล้วอียาที่หมอเขาฉีดคือมันจะแสบๆ ร้อนๆ
ใช้เวลาในห้องหัตถการประมาณ 20 นาที จากนั้นหมอก็จ่ายยาแก้ปวด ด่างทับทิมพร้อมกะลัง 1 ใบไปแช่ตูด
แล้วก็ยาต้ม จ่ายค่ารักษาไป 17,000 บาท (ถ้าเป็นอีกรักษาฟรีตลอดชีพ ฉันไม่อยากเป็นอีกแล้วพอกันที)
นั่งรถกลับบ้านคือทรมาน จะอ้วกแล้วก็เจ็บมาก (แต่เขาก็บอกไว้แล้วนะว่ามันจะอ้วกได้)
หลังจากนั้นการรักษาคือต้องนั่งในกะละมังใบเล็ก เพื่อแช่ตูดในน้ำอุ่นที่ละลายด่างทับทิมลงไป
หมอบอกว่าจะช่วยให้ตัวริดสีดวงมันหลุดออกไปทั้งราก เลยต้องลางาน 1 อาทิตย์เพื่ออยู่บ้าน เพราะนั่งก็เจ็บเด้อ
หลังจากนั้นก็รักษาตัวตามหมอบอก เจ้าริดสีดวงก็หลุดออกไปจริงๆ คือน้ำตาจะไหล ฉันหายแล้ววววววววววววววว
ยัง ยัง ยัง ยังไม่จบ เราใช้ชีวิตเป็นปกติอยู่ประมาณ 2 ปี ก็รู้สึกว่าเจ็บๆ แล้วถ่ายเริ่มมีเลือดอีกแล้ว T_T
ยกที่ 3 "จุดจบของริดสีดวง"
ใช่จ้ะ ในหัวคือเวรกรรมอะไรของฉันว่ะเนี่ย แต่เอาว่ะเดี๋ยวลองหาใน Pantip เผื่อว่าจะมีใครมาแชร์อะไรบ้าง
ไปเจอชื่อคุณหมอที่เก่งเรื่องริดสีดวง (คุณหมอธีรสันติ์ ตันติเตมิท) รักษาอยู่ที่พญาไท 2 ก็ติดต่อนัดเข้าตรวจ
จากการตรวจคือ รูทวารหนักไม่มีริดสีดวงแต่เป็นรอยปริของปากรูทวาร มันไม่สามารถขยายได้ เวลาถ่ายมันจึงฉีกขาด
(น่าจะเกิดมาจากการรักษาที่ฉีดยาสมุนไพรเข้าไป) พอฉีกขาดแล้วมันเป็นแผลซำ้ๆ ไม่มีทางหาย ต้องผ่าตัดเท่านั้น
คือคุณหมอน่ารักมากจริงๆ สุภาพ ไม่ทำให้รู้สึกอายเวลาตรวจ แล้วก็ใจเย็น ค่อยๆ อธิบาย แถมยังเข้าใจว่ามันทรมานทั้งกายและใจ
หลังจากกลับจาก รพ. คือนอยไปเลยจ้า เพราะไปอ่านมาว่าการผ่าตัดเกี่ยวกับทวารหนักมันเจ็บ เจ็บมากๆ
ร้องไห้ไปแล้วหลายรอบ สุดท้ายตัดสินใจจองคิวผ่าตัดที่พญาไท 2
ก่อนวันผ่าก็งดอาหารตามปกติ พี่พยาบาลให้มาเตรียมตัวตั้งแต่เช้า เพราะต้องเช็คร่างกาย สวนรูทวารหนัก (T_T กลัวที่สุด)
พอเข้าห้องผ่าตัดคือเย็นมาก นอนคว่ำ พี่พยาบาลถามว่าชอบเพลงอะไรเดี๋ยวเปิดให้ฟัง สงสัยจะเห็นว่าหน้าซีดเป็นไก่ต้ม
และตื่นกลัวจนปวดฉี่ พี่พยาบาลต้องพาไปเข้าห้องน้ำก่อนผ่าตัด พอหมอมาก็นอนคว่ำ แล้วพยาบาลก็ให้ยาเคลิ้มๆ
(เป็นยานอนหลับนะไม่มีการบล็อคหลังหรือยาสลบ เพราะหมอบอกผ่าตัดเล็ก) หลังจากนั้นคือนาทีเดียวก็หลับ
สบายมากจริงๆ สักพักหมอบอกเสร็จเรียบร้อย เราก็อยู่ในอาการสะลึมสะลือ ร่างกายคือไม่เจ็บไม่ปวดใดๆ
ตื่นมาอีกทีในห้องพักหลังผ่าตัด (พยาบาลต้องปลุกให้ตื่นเพราะหลับสบายและหลับลึกมาก มาผ่าตัดแต่ทำไมหลับเป็นตาย)
แล้วก็นอนพักที่ รพ. 1 คืน หลังจากยาชาหมดก็รู้สึกตึงๆ เจ็บตอนลุกตอนนั่งนิดหน่อย ความรู้สึกคือชิวมาก ถ้าเปรียบกับการเจ็บจากริดสีดวง
ตอนเช้าก่อนออก คุณหมอมาดูแผลแล้วก็แนะนำการดูแลตัวเอง คือโดนน้ำบ่อยๆ ได้เลย และนัดมาตรวจหลังผ่าตัดอีกที
คุณหมอแจ้งว่าตอนผ่ามีฝีด้วยนะแต่หมอผ่าออกไปให้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นชำระค่ารักษาประมาณ 50,000 บาทนิดๆ
แต่ประกันจ่ายหมดก็สบายไป ถ้าจ่ายเองก็คงร้องไห้เหมือนกันนะ
สรุป
อยากมาแชร์สำหรับคนที่กลัวการรักษาริดสีดวงว่า ลองไปหาหมอที่เชี่ยวชาญทางด้านรูทวารดู และการผ่าตัดคือไม่น่ากลัว
ไม่เจ็บอย่างที่คิด (ความเจ็บขึ้นอยู่กับอาการและระดับการทนความเจ็บของแต่ละบุคคลด้วยนะ)
เพราะเราเป็นคนหนึ่งที่ต้องทนเจ็บกับริดสีดวงมานาน เป็นผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานมีลูก (ก็คืออายเนอะ มีแต่หมอผู้ชาย) แต่อาการเจ็บนี้มันที่สุดแล้ว
แถมใช้ชีวิตประจำวันก็ต้องกังวล ไปเที่ยวต่างประเทศก็ต้องพกน้ำพรุนไปด้วย ขับถ่ายทีก็ลุ้นว่าวันนี้จะเจ็บรึเปล่า มีเลือดป่าวว่ะ
กังวลว่าวันนี้ดื่มน้ำพอรึยัง กินผักพอรึเปล่า ทำให้ใช้ชีวิตไม่สนุกเลย
และสุดท้ายใครที่เป็นริดสีดวงอยู่ขอให้ทุกคนเจอทางรักษาที่พอใจ เหมาะกับตัวคุณ และขอให้หายเร็วๆ นะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้