โวย “กรมการค้าภายใน” ขายไข่ไก่ดัมพ์ราคา
https://www.thansettakij.com/content/471284
 
สมาคมการค้าผู้ค้าไข่ไทย ฉะ โวย “กรมการค้าภายใน” ขายไข่ไก่ดัมพ์ราคา เบอร์3 แผงละ 70 บาท 20 ล้านฟอง กระจายปั๊มน้ำมันทั่วประเทศ ชี้ ทำลายกลไกตลาด ส่งออก ใครได้ประโยชน์
 
ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) โดยมี นายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธาน เปิดผยถึงผลการหารือถึงแนวทางแก้ปัญหาไข่ไก่ราคาตกต่ำ ได้จะประสานสถานีบริการน้ำมัน ทั้ง พีที และ บางจาก ช่วยนำไข่ไก่สดไปตั้งขายภายในสถานีน้ำมันเป้าหมาย 20 ล้านฟอง นำไข่ไก่เบอร์ 3 แผงละ 30 ฟอง ขายราคา 70 บาทและจะเร่งผลักดันไข่ไก่ 200 ล้านฟองออกจากตลาด ด้วยการส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยรัฐบาลจะสนับสนุนเงินชดเชยให้เอกชน 100 ล้านฟองแรก ในราคาฟองละ 50 สตางค์ คาดว่าจะใช้งบประมาณ 51 ล้านบาท  นั้น
 
จากกรณีดังกล่าวนี้ นายสุธาศิน อมฤก (บังจู) นายกสมาคมการค้าผู้ค้าไข่ไทย และ ประธานกลุ่มผู้ค้าไข่ไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ในสมาคม ว่า 
 
ผมไม่ทราบว่า กรมการค้าภายใน คิดอะไรอยู่ แต่การนำไข่ไก่เบอร์ 3 ออกมาขายในราคาแผงละ 70 บาท  จำนวน 20 ล้านฟอง ในปั๊มน้ำมัน นั้น
 
“ไม่ได้ช่วยให้การบริโภคในประเทศ มีจำนวนมากขึ้นกว่าเก่าเลย  อัตราการบริโภคในประเทศยังมีเท่าเดิม  แต่ตรงกันข้ามการทำเช่นนี้ จะทำให้ "ระบบตลาดไข่ไก่" เสียหาย ประโยชน์ที่ได้ได้แค่คนกลุ่มเดียว”
 
การนำ "ไข่ไก่" เบอร์ 3 ออกมาจำหน่ายในราคาแผงละ 70 บาทนั้น ย้อนแย้งกับราคาประกาศของสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออก ที่ประกาศราคาไว้ที่ 2.50 (75 บาท) หรือไม่ ใครเป็นผู้ทำลายตลาดและราคาไข่ไก่  และเงินช่วยเหลือเกษตรกร 51 ล้านบาท ที่ต้องจ่าย สมควรต้องจ่ายหรือ
 
โพสต์  สมาคมการค้าผู้ค้าไข่ไทย
 

---

 
เพื่อไทย จี้ รบ.สร้างความกระจ่างให้ปชช. ปมวัคซีน ใครได้ฉีดก่อน-หลัง
https://www.matichon.co.th/politics/news_2613168
 
เพื่อไทย จี้ รบ.สร้างความกระจ่างให้ปชช. ปมวัคซีน ใครได้ฉีดก่อน-หลัง แนะ ฉีดอุดรูรั่วชายแดน-จังหวัดท่องเที่ยวก่อน
 
เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 8 มีนาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมการการเมืองพรรค พท. และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แถลงกรณีการจัดสรรวัคซีนของภาครัฐ ว่า 
 
ขณะนี้ เราเห็นว่าวัคซีนไม่มีความต่อเนื่อง ใช้งบประมาณอย่างไม่คุ้มค่า ถ้าเราทยอยฉีดไปทีละนิดเท่ากับว่ากว่าจะฉีดกลุ่มที่ 1 หมด แล้วไปฉีดกลุ่มที่ 2 จะไม่มีความต่อเนื่องเลย และการให้วัคซีนไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย
 
โดยมี 28 จังวัดที่มีการแพร่ระบาด แต่มี 49 จังหวัดที่ไม่มีการแพร่ระบาดแล้ว แต่การแจกจ่ายวัคซีนกลับกระจายไปทั่ว ทั้งที่เราควรฉีดวัคซีนตามแนวชายแดน หรือแหล่งท่องเที่ยวเพื่ออุดรูรั่วการระบาดก่อน ต่อมาคือ การฉีดวัคซีนมีเงื่อนงำ ประชาชนไม่มีสิทธิรู้เลยว่าใครจะได้ฉีดวัคซีนก่อน-หลัง ทำให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ แก้ปัญหาการท่องเที่ยวไม่ได้ แล้วคนไทยต้องอยู่กับพ.ร.ก.ฉุกเฉินตลอดไปหรือไม่ รัฐบาลไม่เคยให้ความกระจ่างเหล่านี้เลย ดังนั้น รัฐบาลควรดำเนินการในสิ่งต่างๆ เหล่านี้ให้ถูกต้อง