พันมิติ ภาคห้า (The Parallel Dimension 5) บทที่ ๓

ทุกอย่างผิดแผนไปหมด ไอดินก็ถูกจับ แล้วจะทำยังไงกันต่อไป ติดตามได้ข้างล่างนี้เลยค่ะ

ความเดิม
ภาคห้า บทที่ ๑ https://ppantip.com/topic/40438663
ภาคห้า บทที่ ๒ https://ppantip.com/topic/40453955

###

บทที่ ๓

ผู้คุมของผมไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำเดียว

เขาก้าวเดินไปตามทางเดินอันอึมครึมอย่างเงียบเชียบ ส่วนผมลอยเท้งเต้งอยู่ในแสงสีแดงที่ครอบร่างผมราวกับลูกโป่งอัดแก๊ส แล้วลูกโป่งนั้นก็ลอยตามเขาไปอย่างง่ายๆ

ระหว่งนั้นมีผู้คนเดินสวนไปมา พวกเขาล้วนสวมเสื้อคลุมหนังสีดำแบบเดียวกัน สีหน้าก็เรียบเฉย หลายคนถึงกับเคร่งเครียด บางคนชำเลืองมองมาทางผม แต่ส่วนมากล้วนไม่สนใจ

ผมลอยผ่านห้องหลายห้อง เลี้ยวลัดจนไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่ามีครั้งหนึ่งที่เขาก้าวเข้าไปในลำกระบอกโปร่งแสงซึ่งอยู่ภายในปล่องบางอย่าง ปล่องนั้นเชื่อมโยงจากชั้นบนลงไปสุดที่ชั้นไหนก็ไม่ทราบ ลำกระบอกนั้นพาเขาเคลื่อนที่ลงไปชั้นล่าง ตัวผมในลูกโป่งก็ลอยตามลงไปในปล่องด้วย

จากนั้นเขาก็เดินเลาะเลี้ยวไปตามทาง ผ่านประตูเหล็กแคบๆ มากมาย ประตูเหล่านั้นล้วนเป็นแบบเดียวกัน เล็กแคบ และมีกรอบลูกกรงเหล็กอยู่บนประตู ผมพยายามมองเข้าไปในห้องเหล่านั้น แต่ในห้องมืดเกินไป ประกอบกับผมมองผ่านลูกโป่งแสงสีแดง ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูมืดลงไปอีก ผมจึงมองไม่เห็นอะไร

ในที่สุดผู้คุมของผมก็หยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องหนึ่ง เขายกมือทาบ บานประตูก็เปิดออก แล้วลูกโป่งที่ครอบตัวผมก็ลอยเข้าไปในห้อง จากนั้นเขาก็ปิดประตู ลูกโป่งแตก ปล่อยร่างผมร่วงตุบลงบนพื้น

พอลุกยืนขึ้นได้แล้วผมก็กระโจนไปที่ประตู เกาะลูกกรงเหล็กร้องเรียกเขา แต่ต่อให้เรียกจนเส้นเสียงอักเสบก็ไม่มีใครผ่านมาอีกเลย

ผมก้าวถอยออกมาจากลูกกรงเหล็ก มองไปรอบๆ ห้องขังอันคับแคบ ห้องนั้นมืดไร้แสงไฟ มีเพียงแสงจากทางเดินที่ส่องผ่านลูกกรงเหล็กเข้ามาจึงทำให้ผมพอมองเห็นอะไรบ้าง

ห้องนั้นว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่หน้าต่างให้มองออกไปด้านนอก (แต่ถึงมี ข้างนอกก็ไม่มีอะไรให้ดูนอกจากกำแพงอยู่ดี)

ผมปลดเป้ลงจากหลังทิ้งลงบนพื้น เอียงตัวพิงมุมห้องด้านหนึ่ง แล้วลดตัวนั่งลง พลางถอนหายใจยาว

เสียงที่ได้ยินในตอนที่ผมถูกจับได้นั้นบอกว่าเขาจะ ‘เชิญ’ เพื่อนผมเข้ามาด้วย ไม่ต้องสงสัยเลย เขาต้องหมายถึงมุสแน่ๆ และอาจรวมไปถึงเวิร์นด้วย...หวังว่าพวกเขาจะหนีรอดได้ แล้วก็...มาช่วยผม

ไม่ได้สิ จะมัวแต่รอให้คนอื่นช่วยได้อย่างไร ผมต้องช่วยตัวเองก่อน

นึกได้อย่างนี้แล้วผมก็ลุกขึ้นอีกครั้ง กวาดตามองไปรอบตัว ดูว่ามีอะไรที่พอจะทำให้ผมออกไปจากที่นี่ได้บ้าง ผมลูบมือไปบนผนัง มันเป็น​หินขรุขระและค่อนข้างเย็น พื้นหินก็มีลักษณะเดียวกัน ผมแหงนหน้ามองขึ้นไปบนเพดานซึ่งเป็นโครงโลหะ ผมคิดว่าบางทีอาจจะพองัดคานออกไปได้บ้าง แต่เพดานนั้นสูงราวกับจะแทรกห้องขังได้อีกชั้น ผมจึงไม่รู้ว่าจะปีนขึ้นไปอย่างไร

และแล้วสายตาของผมก็ไปสะดุดอยู่ที่ก้อนดำทะมืนตรงมุมห้องเหนือประตู มันเป็นทรงสี่เหลี่ยมสีดำ ห้อยติดกับเพดาน แวบแรกนั้นมันทำให้ผมนึกถึงอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ในมิติของผม พอดูไปดูมา ผมก็นึกออกว่ามันคือลำโพงนั่นเอง

มิตินี้มีลำโพงแบบเดียวกับในมิติของผมด้วย

ถ้ามีลำโพง ก็ต้องมีการสื่อสาร อาจจะมีกล้องด้วยก็ได้ บางที ใครบางคนอาจกำลังจับตามองผมอยู่ ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมก็ไม่ควรทำอะไรให้ดูน่าสงสัยหรือมีพิรุธ

ผมกลับไปนั่งกอดเข่าที่มุมห้องเหมือนเดิม แสร้งทำเป็นหมดอาลัย หวังว่ากล้อง (หากมีกล้อง) คงไม่เห็นสีหน้าครุ่นคิดของผม

ผมต้องออกไปให้ได้ มันต้องมีทางออก

---

สุดท้ายผมก็ยังไม่รู้ว่าจะหาทางออกอย่างไร

ผมนั่งอยู่อย่างนั้นจนเริ่มรู้สึกกระหายน้ำ คาดว่าเวลาคงผ่านไปนานพอสมควร ผมชำเลืองไปทางเป้ที่วางอยู่บนพื้น รู้สึกดีใจที่หิ้วมันมาด้วย

ผมเปิดเป้เพื่อหยิบเครื่องผลิตน้ำออกมาจากกระเป๋า แล้วจึงเห็นเครื่องบันทึกเสียงที่เวิร์นให้มา

ผมถือเครื่องนั้นไว้ในมือ ไม่ได้เอาออกมาจากกระเป๋า เพราะเกรงว่าจะมีกล้องจับอยู่ ผมไม่แน่ใจว่าจะได้ใช้มันหรือเปล่า ห้องนี้...รวมถึงห้องขังในละแวกนี้เงียบมาก ผมแทบได้ยินลมหายใจของตัวเอง และดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครผ่านไปผ่านมาด้วย

ผมปล่อยเครื่องบันทึกเสียงลงในกระเป๋า หยิบเครื่องผลิตน้ำออกมาดื่ม ตอนนั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียงคำรามโฮกดังมา!

หรือว่า...พวกเขาจับโคชานได้!

ผมตระหนก รีบรุดไปดูที่ลูกกรงเหล็ก ได้ยินเสียงโวยวาย เสียงขู่คำราม แล้วก็เสียงเหล็กกระทบหิน

ไม่นานนัก เสียงขู่คำรามกับเสียงต่อสู้ก็หายไป กลายเป็นรองเท้ากระทบพื้น เสียงผู้คนพูดคุยกัน แต่ผมฟังไม่ได้ศัพท์ รออีกสักพัก คนเหล่านั้นก็ก้าวมาตามทางเดิน พวกเขามีด้วยกันสี่คน ทั้งหมดล้วนสวมเสื้อคลุมหนังสีดำ สวมรองเท้าหนัง การแต่งตัวก็เหมือนคนอื่นๆ ในฐานแห่งนี้

สองคนเดินมาด้านหน้า พวกเขาดูเหมือนได้รับบาดเจ็บ คนหนึ่งเดินกะเผลกเล็กน้อย อีกคนมีเลือดซึมจากแผลถลอกที่โหนกแก้มซ้าย อีกสองคนที่ก้าวตามมาก็น่าจะได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน คนหนึ่งกุมต้นแขน อีกคนยกมือเช็ดเลือดที่จมูก

ด้านหลังของพวกเขาเป็นลูกโป่งแสงสีแดงขนาดใหญ่ ตอนแรกผมดูไม่ออกว่าข้างในนั้นคืออะไร แต่พอลูกโป่งนั้นเคลื่อนผ่านหน้าห้อง ผมก็เห็นว่ามันเป็นม้าสีดำตัวหนึ่ง...ม้าที่มีอุ้งเท้าเหมือนสิงโต...

“ไฮซาน!” ผมร้องด้วยความตระหนก พวกเขาจับไฮซานมาได้อย่างไร มันเป็นอราคัสของราชาในมิติของมุส อยู่คนละมิติกันชัดๆ

แต่เดี๋ยวก่อน นาร์คูลก็เคยไปที่มิตินั้น บางทีหมอนั่นอาจกลับไปที่นั่น แล้วลักพาไฮซานมา หมอนั่นถนัดลักพาตัวคนอื่นอยู่แล้วนี่

แล้วเขาเอาตัวไฮซานมาทำไม อราคัสตัวอื่นๆ เล่า เขาลักพามาด้วยหรือเปล่า

ยิ่งคิดยิ่งมีแต่คำถาม ทว่าไม่มีคำตอบ

“ไฮซานคืออะไร” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากลำโพงเหนือศีรษะ มันเป็นเสียงเดียวกับที่ผมได้ยินตอนปีนเข้ามาในฐานนั่นเอง

ผมเงยหน้ามองขึ้นไปตามเสียง แต่ยังไม่ตอบอะไร เขาจึงถามขึ้นอีก “สัตว์ที่คนพวกนั้นพาไปเรียกว่าไฮซานหรือ”

ผมลังเลอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายจึงผงกศีรษะรับ

“ว่าอย่างไร ทำไมไม่ตอบเล่า”

เอ่อ...ก็พยักหน้ารับแล้วไง

“หากเจ้าไม่ตอบ ข้าจะทรมานมัน!”

ผมงุนงงอยู่พักหนึ่ง จึงนึกได้ว่าบางทีเขาอาจจะไม่เห็นว่าผมผงกศีรษะ แสดงว่าห้องนี้ไม่มีกล้อง พวกเขาไม่ได้จับตาดู แค่คอยฟังอยู่เท่านั้น

“มัน...มันคือไฮซาน” ผมละล่ำละลักตอบ

“มันทำอะไรได้รึ” เสียงนั้นถามต่อไป

ผมไม่แน่ใจว่าเขาไม่ถึงอะไร จึงตอบไปตามที่ตัวเองเคยดูแลมันมา “ก็...อาบน้ำ วิ่ง...”

“มันมีเวทมนตร์รึเปล่า” เสียงนั้นถามตัดบท

“ผมไม่รู้” ผมตอบตามความจริง อราคัสแต่ละตัวมีความสามารถต่างกัน เจ้าอิมเปลี่ยนร่างเป็นตัวอื่นได้ เจ้าปุยล่องหน ส่วนเจ้าลูกเจี๊ยบก็พ่นไฟได้ แต่ผมไม่รู้ว่าความสามารถเหล่านั้นคือเวทมนตร์หรือไม่ นิยามของเวทมนตร์คืออะไรกันแน่

“เอาเถอะ ให้ข้าผ่าท้องมันก็คงรู้เอง”

“ไม่ได้นะ!” ผมร้องอย่างตื่นตระหนก “คือ...ผ่าท้องแล้วจะรู้ได้ยังไงว่ามันมีเวทมตร์รึเปล่า”

“หากเจ้าไม่บอก ข้าก็ต้องเสี่ยงผ่าดูนั่นละ” เสียงนั้นตอบกลับมา...แสดงว่าจะลองใจผมสินะ

“ผมพูดจริงๆ ผมไม่รู้หรอกว่ามันมีเวทมนตร์รึเปล่า ตอนที่ผมดูแลมันก็มีแค่อาบน้ำแปรงขนกับพาไปวิ่งเท่านั้น”

“มันไม่เคยต่อสู้เลยรึ”

“เคยครับ มันสู้ด้วยกันเตะกับตะปบ มันแรงเยอะ”

“เอาเถอะ ข้าเชื่อเจ้าก็ได้” เสียงนั้นบอก “ข้าจะยังไม่ผ่าท้องมัน แต่จะเอาไปทดสอบดูก่อน ส่วนเจ้าก็อยู่ในนี้ไปก่อนก็แล้วกัน”

“เดี๋ยว เดี๋ยวสิครับ” ผมร้องออกไปเมื่อเสียงของเขาขาดหาย แต่เขาก็ไม่ตอบกลับมาแล้ว

---
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่