แอบชอบแม่ค้าขายต้นไม้ ทำยังไงดีครับ?

เรื่องเริ่มต้นตรงที่ เห่อปลูกต้นไม้มาได้หนึ่งปีเศษ วันหนึ่งมีโอกาสได้ย้ายไปอยู่ร้านหนังสืออิสระแห่งหนึ่งในขอนแก่น พอมีเวลาว่างก็จะไปตามตลาดต้นไม้ต่างๆ ในเมืองขอนแก่น พอเวลาล่วงมาได้ประมาณสองเดือน พี่ชายที่เป็นหุ้นส่วนในร้านหนังสือได้แวะเข้ามาชวนเราไปกินข้าวที่ตลาดต้นไม้ ซึ่งที่ตรงนั้นเราไม่เคยไป จนได้รู้จักสถานที่แห่งนั้น วันนั้นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องต่อไปนี้ . . .

     เราเลือกที่จะช็อปที่ตลาดต้นไม้ตรงนี้เพราะว่าของถูก อุปกรณ์ถูก ต้นไม้ถูก ปุ๋ยดินถูก สถานที่ ที่เคยไปก่อนหน้านี้ก็ซาลงไป เพราะข้างนอกได้มารับจากตรงนี้ไป วันหนึ่งเราไปซื้ออุปกรณ์ในร้านขายกระถาง เราได้เจอกับหญิงสาวคนหนึ่ง พบครั้งแรกไม่รู้สึกอะไร เธอหน้าบึ้งเหมือนไม่ค่อยชอบหน้าเรา เราเลือกของแล้วจ่ายเงินออกจากร้านไป ด้วยความที่อุปกรณ์พวกกระถางหรือว่าปุ๋ย เราจำเป็นจะต้องซื้อสะสมไว้เพื่อเวลาใช้งานจะได้ไม่ขาดตอน เราจึงไปแทบทุกสัปดาห์ เราก็ยังเจอหน้าเธออยู่ซ้ำๆ หน้าบึ้งตึงอยู่ เราว่าเธอเป็นแม่ค้าอัธยาศัยแย่ชะมัด แต่เราก็ยังคงอุดหนุนแค่ร้านเธอ เพราะ ของราคาถูก และมีร้านใหญ่ๆ ร้านเดียว ณ เวิ้งตลาดต้นไม้นั้น . . .

     วันหนึ่ง เราได้ไปเลือกอุปกรณ์ตามปกติ (ขออธิบายบุคคลิกเราเล็กน้อย คือเราเป็นคนดูเด๋อๆ ด๋าๆ ทำอะไรดูเหมือนจะซุ่มซ่าม ขี้อาย Lv.98 พูดคุยกับคนไม่ค่อยเก่ง) ต่อนะครับ คือครั้งนี้เรากำลังเลือกกระถางอยู่ เขาวางกระถางเป็นแถวสูงซ้อนกัน เราเลือกๆ อยู่ แล้วใช้สมาธิทั้งหมดพยายามดึง มีจังหวัหนึ่ง เธอเดินเข้ามาโดยที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะสมาธิอยู่กับการดึงกระถางออกจากกัน เธอถาม "ถามได้นะค้า" หลังจากสิ้งเสียงเธอ เราสะดุ้งพร้อมๆ กับกระถางที่หลุดออกจากกัน ร่วงลงบนพื้น เราหันไปมองหน้าเธอ ณ เวลานั้น เวลา โลก สายลม เสียงรถรา มันเคลื่อนที่ช้าลงไปนาน เธอยิ้มให้ด้วยแววตารู้สึกขำอ่อนๆ ที่เราตกใจแล้วทำกระถางหลุดมือ . . .

     วันนั้นเองคือครั้งแรกที่เราได้เห็นรอยยิ้ม และสบตาอันเป็นประกายของเธอ มันทำให้หัวใจเราพองโตอย่างบอกไม่ถูก เราตื่นเต้น แล้วได้แต่เก็บอาการเขินอายไว้ ได้แต่บอกกับเธอไปว่า "ครับ" เราหยิบกระถางที่ตก แล้วยื่นให้เธอเพื่อคิดเงิน เรารับของจากเธอแล้วเดินทางกลับทั้งที่หน้าเลอะไปด้วยรอยยิ้ม สมองที่แปดเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มและประกายตาของเธอ วันนี้ทั้งวันเราใช้พลังงานไปอย่างมีความสุข ขยันทำงาน ราวกับว่า มาริโอ้ที่โขกก้อนอิฐแล้วได้รางวัลเป็นดาวสายรุ้ง . . .

     เราใช้เวลาไปทั้งหมดไปอุดหนุนที่ร้านนั้นร้านเดียวเป็นระยะเวลาเกือบสามเดือน ทุกครั้งที่ไปก็จะเจอ ทุกครั้งที่อยากเจอก็จะไป ซื้อเล็กๆ น้อยๆ ขอแค่ได้เจอ เวลาผ่านไปซักพัก เธอแยกตัวออกจากร้านขายกระถางอุปกรณ์ เพราะนั่นเป็นร้านของครอบครัวใหญ่ของเธอ เธอขยับขยายไปเปิดร้านขายกระถางและกระบองเพชรเล็กๆ เฝ้าเพียงลำพัง เราคิดว่า เข้าทางชายฉกรรแบบเรา แต่ไม่เลย มีโอกาสได้เดินเลือกซื้อกระบองเพชร แต่ไม่มีโอกาสคุยมากกว่าถามราคา เพราะเราคุยไม่เก่ง เรามัวแต่เขิน เราได้แต่เลือกกระบองเพชร ทุกๆ สัปดาห์เราจะมาซื้อกระบองเพชรที่ร้านเธอ ครั้งละหนึ่ง หรือสองกระถาง แล้วแต่กำลังเงิน อยากจะบอกว่ากระบองเพชรที่เธอขาย แพงกว่าร้านขายกระบองเพชรที่อยู่ละแวกร้านหนังสือเราซะอีก แถมอีกอย่าง เราไม่เคยคิดจะเลี้ยงกระบองเพชรด้วยซ้ำ  จับทีไรหนามปักนิ้วทุกครั้งไป ที่ผ่านมาเราเลี้ยงไม้ใบ ต้นไม้ใหญ่มาตลอด เราไปอุดหนุนเธอประจำตลอดระยะเวลาที่เธอเปิดมา นับเวลาได้ก็ร่วมเข้าเดือนที่สองแล้ว . . .

     วันหนึ่งเรามีจ็อบที่ต่างจังหวัด เราตั้งใจว่าทำงานเสร็จจะกลับบ้านด้วย ก่อนเราเดินทาง เราเลยตั้งใจว่าจะไปอุดหนุน ขอแค่ไปเจอหน้า เหมือนรถที่ต้องแวะปั๊มเพื่อเติมน้ำมัน ตัวเราเองก็เช่นกัน เราอยากได้พลังงานยิ้มๆ จากเธอ เราจึงเลือกไปซื้อกระบองเพชรจากเธอ เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!! ขณะที่เราเข้าไปที่ร้านเธอ เดือนเลือกกระบองเพชรอยู่ เราก็คุยกับเธอพลางๆ อยู่ๆ แม่ของเธอก็เดินเข้าร้านมา บอกก่อนว่าช่วงที่ไปซื้อกระถางที่ร้านของครอบครัวเธอ คือแม่ของเธอพอจะจำเราได้บ้าง ครั้งนี้ แม่ของเธอได้เจอเราที่ร้านขายกระบองเพชร แม่เธอทักทายเรา แล้วยิ้มให้ ในแววตาของแม่เธอมีเลสนัยลึกๆ ว่า "เมิงมาบ่อยๆ มีพิรุธนะ ฮั่นแน่ ตั้งแต่ลูกสาวเปิดร้านไม่ไปร้านกรูเลย" อะไรทำนองนั้น รอยยิ้มของแม่เธอก็พิลึกพิลั่นเหลือเกิน เราเขินมาก รอยยิ้มของแม่เธอนั้นเหมือนกับโคนันได้รู้ตัวคนร้ายแล้ว . . . แม่เจ้า!! เราเขิน เขินหนักมาก เขินเหมือนแก้มจะแตกแล้ว แล้งแม่ของเธอก็เดินไปหาเธอที่เค้าเตอร์ เราจ่ายเงิน กลับแล้วเดินทางไปต่างจังหวัดแบบเสียอาการทั้งทาง . . .

     หลังจากวันนั้น เราก็พยายามปรึกษากับน้องที่สนิทว่า ทำอะไรได้บาง แค่นึกถึงเธอ อาการเราก็เสียมากแล้ว น้องบอกให้ใช้ความถี่ในการเข้าหา แล้วหาปัญหาเพื่อหาเรื่องคุย อย่างทำเป็นคนโง่ๆ ที่เลี้ยงกระบองเพชร และแล้ววันนี้ก็มาถึง กระบองเพชรที่ไม่ได้ตั้งใจเลี้ยงก็เหี่ยวลง เราปล่อยให้มันเหี่ยว เราไม่ค้นวิธีแก้ในอินเตอร์เน็ตเลย เราตั้งหน้าตั้งตาที่จะไปถามคำถามนี้กับเธอ จนเราได้ไปร้านขายกระบองเพชรอีกครั้ง เราเดินเลือกกระบองเพชรเช่นเคย แต่ครั้งนี้ เราได้สบตาและถามปัญหาที่เกิดขึ้นกับกระบองเพชร ปรากฎว่า เธอตอบแบบกว้างๆ เธอก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เราดั๊น เป็นคนซื่อๆ ถามอะไรต้องรู้ให้ได้ กลับถามย้ำเธอไปอีกรอบ และแล้วบทสนทนาก็สิ้นสุดลงเพราะ เธอตอบว่า "ไม่รู้แฮะ มันมีหลายสาเหตุ" โอเคเราพอเข้าใจได้ เราจ่ายเงินแล้วเดินทางกลับ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอเธอก่อนปีจะเปลี่ยนผัน หลังจากนั้นเราก็ยอมที่จะค้นหาวิธีแก้ปัญหาในอาการที่เกิดขึ้นกับกระบองเพชร ค้นจากหนึ่ง เจอไปอีกสองสามสี่ อยู่ๆ เราก็เริ่มหลงรักกระบองเพชรขึ้นมาบ้างแล้วหละ . . .

คำถามแรกคือ ด้วยระยะเวลาที่มันผ่านมานานมากแล้ว แต่ความสัมพันธ์ไม่คืบหน้าเราควรทำอย่างไรได้บ้าง เพื่อให้ได้ติดต่อกับเธอ หรือได้พูดคุยกับเธอเพื่อให้ความสัมพันธ์มันพัฒนาไปมากกว่านี้ (ถ้าเทียบกับร้านต้นไม้ละแวกนั้นแล้ว เราไม่สนิทกับเธอที่สุด ฮ่าๆๆๆ)

คำถามสองคือ เรามี event ใน exhibition ของศิลปินคนนึงในวันที่ 9 มกราคม จริงๆ เราอยากชวนเธอไปดูงานศิลปะ และเราเล่นดนตรี เราควรพูดคุยยังไงให้เธออุ่นใจที่คุยกับเรา แล้วไปดูงานศิลปะด้วยกันอย่างชื่นมื่น (พื้นเพเราเรียนศิลปะ และทำเพลง ภาพฝันเราคือ เราอยากพาแฟนเดินดูงานศิลปะ)

คำถามสุดท้าย และสุดโง่ ความสัมพันธ์ระหว่างเราและเธอ มันไม่ถูกพัฒนา แต่ในฐานะลูกค้า ในวาระปีใหม่ เราสามารถให้ของขวัญปีใหม่เธอได้มั้ย แล้วถ้าใหได้ควรให้อะไรดีที่มันพอดี ไม่เว่อร์เกิน เข้าใจว่าผู้หญิงคงชอบเรื่องเซอร์ไพร์ซแหละ

ปล.ที่ผ่านมาทั้งหมด คือเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอมีแฟนหรือไม่มีแฟน ทำอะไรไป เราพร้อมที่จะเผชิญคำตอบ เย่ ~
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่