วันปั่นฝ้าย 7 มกราคม Distaff Day
วัน Distaff หรือ Roc Day จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันที่ 7 มกราคม Distaff เครื่องมือที่ใช้ในการปั่นด้าย อุตสาหกรรมสิ่งทอ ที่ถือเป็นความพยายาม และการทำงานของผู้หญิงในช่วงยุคกลาง
.
วัน Distaff มีรากฐานมาจากประเพณีเก่าที่ผู้หญิงกลับไปทำงานบ้านประจำวัน 12 วันหลังคริสต์มาส วัน Distaff ยังเกี่ยวกับการรำลึก และเฉลิมฉลองการทำงานของผู้หญิงในบ้าน การปั่นด้ายมีความสำคัญมากในประเพณี และประวัติศาสตร์ของยุโรป และทั่วโลก
ปัจจุบันการปั่นด้ายกลายเป็นงานอดิเรกมากกว่างานบ้าน รูปแบบต่างๆ ของ Distaff รวมถึง Distaff แบบพื้นฐานซึ่งเป็นเพียงไม้เรียบๆ และ Distaff สไตล์รัสเซียซึ่งมีการตกแต่งมากกว่าและมีลักษณะเป็นแผ่น
.
ในประวัติศาสตร์ สิ่งประดิษฐ์ที่เกี่ยวข้องกับการปั่นด้ายนั้นไม่ได้มีหลักฐานชัดเจนว่าเครื่องปั่นด้ายถูกคิดค้นขึ้นได้อย่างไร เครื่องปั่นด้ายที่สำคัญในยุคแรกที่มีการบันทึกไว้อย่างเป็นทางการคือ Spinning Wheel (วงล้อปั่นด้าย) ซึ่งเป็นที่รู้จักในยุโรปตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 และต่อมาได้มีการพัฒนาเป็น Spinning Jenny ในศตวรรษที่ 18 โดย James Hargreaves ในปี ค.ศ. 1764
.
ก่อนที่เครื่องปั่นด้ายจะถูกคิดค้นขึ้น มนุษย์เราใช้วิธีปั่นด้ายด้วยมือ โดยใช้เครื่องมือพื้นฐาน เช่น "หลอดปั่นด้าย" (spindle) เป็นแท่งไม้หรือกระดูกที่มีปลายแหลม ใช้สำหรับบิดและม้วนเส้นใยให้เป็นด้าย และ "แผ่นหมุน" (distaff) เป็นแท่งยาวที่ใช้สำหรับถือเส้นใยดิบ เช่น ขนสัตว์หรือฝ้าย เพื่อให้สะดวกในการปั่นด้าย และเพื่อบิดเส้นใยธรรมชาติให้เป็นเส้นด้าย
.
จีนเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่มีการปั่นด้ายด้วยมือ โดยเฉพาะการผลิตผ้าไหมที่มีชื่อเสียง การปั่นด้ายด้วยมือช่วยให้จีนสามารถผลิตผ้าไหมคุณภาพสูงและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ผ่านเส้นทางสายไหม
.
อินเดียมีประวัติการปั่นด้ายด้วยมือมายาวนาน โดยเฉพาะการผลิตผ้าฝ้าย การปั่นด้ายด้วยมือเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรม และเศรษฐกิจของอินเดีย ในช่วงการต่อสู้เพื่อเอกราช มหาตมะ คานธี ได้ส่งเสริมการปั่นด้ายด้วยมือ (Khadi) เพื่อสนับสนุนการพึ่งพาตนเองและต่อต้านสินค้านำเข้าจากอังกฤษ
.
ในยุโรป การปั่นด้ายด้วยมือเป็นกิจกรรมที่สำคัญในครัวเรือน โดยเฉพาะในชนบท การปั่นด้ายด้วยมือถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่ก่อนหน้านั้น การปั่นด้ายด้วยมือเป็นทักษะที่ผู้หญิงยุโรปหลายคนต้องมี
มนุษย์เรามีความสามารถในการสร้างสรรค์ นวัตกรรม และสิ่งประดิษฐ์มาตั้งแต่ยุคโบราณ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้ชีวิต
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ความคิดสร้างสรรค์ไม่เคยหยุดนิ่ง โลกของเรากำลังเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม จึงเกิดวิศวกรรม และนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อช่วยรักษาโลก ซึ่งการประดิษฐ์เหล่านี้ไม่ได้เพียงแต่ช่วยให้ชีวิตของเราสะดวกขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่โลกกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม เช่นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่แย่ลงในทุกปี ภาวะมลพิษ การตัดไม้ทำลายป่า การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และภาวะขาดแคลนน้ำ
ปัญหาเหล่านี้ไม่มเพียงคุกคามระบบนิเวศตามธรรมชาติ แต่ยังคุกคามอารยธรรม และความเป็นอยู่ของมนุษย์ ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีผู้คนมากมายที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ผลงานเพื่อรักษาโลก และสร้างความแตกต่างในเชิงบวกได้
5 วิศวกรรม และนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ในการช่วยรักษาโลก
1. The Ocean Cleanup System
ระบบ Ocean Cleanup System ได้รับการออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหามลพิษจากพลาสติกในมหาสมุทร และในแม่น้ำก่อนที่จะไหลลงสู่มหาสมุทร ด้วยวิธิการล้อมดักจับขยะพลาสติก จากนั้นขยะจะถูกรวบรวมโดยเรือขนส่งไปยังบกเพื่อขัดแยก และรีไซเคิล
ระบบนี้ถือเป็นก้าวสำคัญอย่างหนึ่งที่สามารถช่วยรักษาโลกได้ เนื่องจากระบบนี้สามารถปรับขนาดได้ และนำไปปรับใช้ในสถานที่ต่างๆ เช่น ขยะพลาสติกจำนวนหลายล้านตันในมหาสมุทรแปซิฟิก
.
2. Solar Impulse
หนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดสำหรับอนาคต ความสำเร็จทางวิศวกรรม และนวัตกรรมที่น่าทึ่งนี้คือเครื่องบินที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมด ไม่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลหรือปล่อยก๊าซเรือนกระจก มีปีกกว้าง 72 เมตร หุ้มด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ 17,000 เซลล์เพื่อจ่ายพลังงานให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว
เครื่องบินลำนี้สามารถบินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยอาศัยระบบแบตเตอรี่ที่เก็บพลังงานส่วนเกินไว้ เครื่องบินลำนี้บินรอบโลกสำเร็จในปี พ.ศ 2559 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของพลังงานหมุนเวียนสำหรับการบิน
.
3. Solar Roadways
นวัตกรรมล้ำยุคและชาญฉลาดในการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์และปรับปรุงความปลอดภัยบนท้องถนน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยื
ระบบกระเบื้องโมดูลาร์ที่สามารถแทนที่ถนนยางมะตอยแบบเดิมได้ และทำจากกระจกนิรภัย เซลล์แสงอาทิตย์ ไฟ LED และองค์ประกอบความร้อน กระเบื้องสามารถผลิตไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์ได้ และยังสามารถแสดงป้ายจราจร คำเตือน หรือข้อความต่างๆ โดยใช้ไฟ LED ได้
.
4. Air-Ink
สิ่งประดิษฐ์ที่สร้างสรรค์และยั่งยืนที่สุดอย่างหนึ่งที่สามารถช่วยโลกจากมลภาวะทางอากาศได้ในระดับหนึ่ง เทคโนโลยีนี้ทำหน้าที่ดักจับคาร์บอนที่ปล่อยออกมาจากยานพาหนะและปล่องไฟ แล้วแปลงคาร์บอนเหล่านั้นให้เป็นหมึกและสีคุณภาพสูง
ซึ่งใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า KAALINK ซึ่งติดไว้กับท่อไอเสียหรือปล่องไฟ แล้วรวบรวมอนุภาคเขม่า จากนั้นอนุภาคเหล่านี้จะถูกทำให้บริสุทธิ์และแปรรูปเป็นหมึกเหลว ที่สามารถนำไปใช้ในงานศิลปะต่างๆ ได้ เช่น งานกราฟิตี งานพิมพ์ หรือการวาดภาพ
.
5. Bioo
ด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการผลิตไฟฟ้าจากพืช ถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ยั่งยืนที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
โดยใช้กระถางต้นไม้ที่มีแบตเตอรี่ชีวภาพที่แปลงสารอินทรีย์ที่เกิดจากการสังเคราะห์แสงให้เป็นพลังงาน กระถางต้นไม้มีพอร์ต USB ที่สามารถชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ เช่น โทรศัพท์ แท็บเล็ต หรือแล็ปท็อปได้ สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากถึง 5 โวลต์ ขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดของต้นไม้ กระถางต้นไม้ไม่เป็นอันตรายต่อต้นไม้ และยังสามารถใช้เป็นกระถางธรรมดาได้
.
สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ถือเป็นนวัตกรรมที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตที่จะช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และสร้างโลกที่ยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างของการใช้ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมของมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสิ่งแวดล้อม
หวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนในการนำแนวคิดนี้ไปใช้ และทำให้โลกเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับทุกชีวิตบนโลกใบนี้
.
ขอขอบคุณข้อมูล
: orlandodistaffday .org
: worlds-finest-wool
: wikipedia
: spinning-wheel .org
: partnersforsight
: energytheory
: theoceancleanup
: aroundtheworld .solarimpulse
: solarroadways
: air-ink
: biootech
.
LookAt
วันปั่นฝ้าย 7 มกราคม และ 5 วิศวกรรม และนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ในการช่วยรักษาโลก
.
วัน Distaff มีรากฐานมาจากประเพณีเก่าที่ผู้หญิงกลับไปทำงานบ้านประจำวัน 12 วันหลังคริสต์มาส วัน Distaff ยังเกี่ยวกับการรำลึก และเฉลิมฉลองการทำงานของผู้หญิงในบ้าน การปั่นด้ายมีความสำคัญมากในประเพณี และประวัติศาสตร์ของยุโรป และทั่วโลก
ปัจจุบันการปั่นด้ายกลายเป็นงานอดิเรกมากกว่างานบ้าน รูปแบบต่างๆ ของ Distaff รวมถึง Distaff แบบพื้นฐานซึ่งเป็นเพียงไม้เรียบๆ และ Distaff สไตล์รัสเซียซึ่งมีการตกแต่งมากกว่าและมีลักษณะเป็นแผ่น
.
ในประวัติศาสตร์ สิ่งประดิษฐ์ที่เกี่ยวข้องกับการปั่นด้ายนั้นไม่ได้มีหลักฐานชัดเจนว่าเครื่องปั่นด้ายถูกคิดค้นขึ้นได้อย่างไร เครื่องปั่นด้ายที่สำคัญในยุคแรกที่มีการบันทึกไว้อย่างเป็นทางการคือ Spinning Wheel (วงล้อปั่นด้าย) ซึ่งเป็นที่รู้จักในยุโรปตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 และต่อมาได้มีการพัฒนาเป็น Spinning Jenny ในศตวรรษที่ 18 โดย James Hargreaves ในปี ค.ศ. 1764
.
ก่อนที่เครื่องปั่นด้ายจะถูกคิดค้นขึ้น มนุษย์เราใช้วิธีปั่นด้ายด้วยมือ โดยใช้เครื่องมือพื้นฐาน เช่น "หลอดปั่นด้าย" (spindle) เป็นแท่งไม้หรือกระดูกที่มีปลายแหลม ใช้สำหรับบิดและม้วนเส้นใยให้เป็นด้าย และ "แผ่นหมุน" (distaff) เป็นแท่งยาวที่ใช้สำหรับถือเส้นใยดิบ เช่น ขนสัตว์หรือฝ้าย เพื่อให้สะดวกในการปั่นด้าย และเพื่อบิดเส้นใยธรรมชาติให้เป็นเส้นด้าย
.
จีนเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่มีการปั่นด้ายด้วยมือ โดยเฉพาะการผลิตผ้าไหมที่มีชื่อเสียง การปั่นด้ายด้วยมือช่วยให้จีนสามารถผลิตผ้าไหมคุณภาพสูงและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ผ่านเส้นทางสายไหม
.
อินเดียมีประวัติการปั่นด้ายด้วยมือมายาวนาน โดยเฉพาะการผลิตผ้าฝ้าย การปั่นด้ายด้วยมือเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรม และเศรษฐกิจของอินเดีย ในช่วงการต่อสู้เพื่อเอกราช มหาตมะ คานธี ได้ส่งเสริมการปั่นด้ายด้วยมือ (Khadi) เพื่อสนับสนุนการพึ่งพาตนเองและต่อต้านสินค้านำเข้าจากอังกฤษ
.
ในยุโรป การปั่นด้ายด้วยมือเป็นกิจกรรมที่สำคัญในครัวเรือน โดยเฉพาะในชนบท การปั่นด้ายด้วยมือถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่ก่อนหน้านั้น การปั่นด้ายด้วยมือเป็นทักษะที่ผู้หญิงยุโรปหลายคนต้องมี
มนุษย์เรามีความสามารถในการสร้างสรรค์ นวัตกรรม และสิ่งประดิษฐ์มาตั้งแต่ยุคโบราณ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้ชีวิต
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ความคิดสร้างสรรค์ไม่เคยหยุดนิ่ง โลกของเรากำลังเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม จึงเกิดวิศวกรรม และนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อช่วยรักษาโลก ซึ่งการประดิษฐ์เหล่านี้ไม่ได้เพียงแต่ช่วยให้ชีวิตของเราสะดวกขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่โลกกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม เช่นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่แย่ลงในทุกปี ภาวะมลพิษ การตัดไม้ทำลายป่า การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และภาวะขาดแคลนน้ำ
ปัญหาเหล่านี้ไม่มเพียงคุกคามระบบนิเวศตามธรรมชาติ แต่ยังคุกคามอารยธรรม และความเป็นอยู่ของมนุษย์ ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีผู้คนมากมายที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ผลงานเพื่อรักษาโลก และสร้างความแตกต่างในเชิงบวกได้
5 วิศวกรรม และนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ในการช่วยรักษาโลก
1. The Ocean Cleanup System
ระบบ Ocean Cleanup System ได้รับการออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหามลพิษจากพลาสติกในมหาสมุทร และในแม่น้ำก่อนที่จะไหลลงสู่มหาสมุทร ด้วยวิธิการล้อมดักจับขยะพลาสติก จากนั้นขยะจะถูกรวบรวมโดยเรือขนส่งไปยังบกเพื่อขัดแยก และรีไซเคิล
ระบบนี้ถือเป็นก้าวสำคัญอย่างหนึ่งที่สามารถช่วยรักษาโลกได้ เนื่องจากระบบนี้สามารถปรับขนาดได้ และนำไปปรับใช้ในสถานที่ต่างๆ เช่น ขยะพลาสติกจำนวนหลายล้านตันในมหาสมุทรแปซิฟิก
.
2. Solar Impulse
หนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดสำหรับอนาคต ความสำเร็จทางวิศวกรรม และนวัตกรรมที่น่าทึ่งนี้คือเครื่องบินที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมด ไม่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลหรือปล่อยก๊าซเรือนกระจก มีปีกกว้าง 72 เมตร หุ้มด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ 17,000 เซลล์เพื่อจ่ายพลังงานให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว
เครื่องบินลำนี้สามารถบินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยอาศัยระบบแบตเตอรี่ที่เก็บพลังงานส่วนเกินไว้ เครื่องบินลำนี้บินรอบโลกสำเร็จในปี พ.ศ 2559 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของพลังงานหมุนเวียนสำหรับการบิน
.
3. Solar Roadways
นวัตกรรมล้ำยุคและชาญฉลาดในการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์และปรับปรุงความปลอดภัยบนท้องถนน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยื
ระบบกระเบื้องโมดูลาร์ที่สามารถแทนที่ถนนยางมะตอยแบบเดิมได้ และทำจากกระจกนิรภัย เซลล์แสงอาทิตย์ ไฟ LED และองค์ประกอบความร้อน กระเบื้องสามารถผลิตไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์ได้ และยังสามารถแสดงป้ายจราจร คำเตือน หรือข้อความต่างๆ โดยใช้ไฟ LED ได้
.
4. Air-Ink
สิ่งประดิษฐ์ที่สร้างสรรค์และยั่งยืนที่สุดอย่างหนึ่งที่สามารถช่วยโลกจากมลภาวะทางอากาศได้ในระดับหนึ่ง เทคโนโลยีนี้ทำหน้าที่ดักจับคาร์บอนที่ปล่อยออกมาจากยานพาหนะและปล่องไฟ แล้วแปลงคาร์บอนเหล่านั้นให้เป็นหมึกและสีคุณภาพสูง
ซึ่งใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า KAALINK ซึ่งติดไว้กับท่อไอเสียหรือปล่องไฟ แล้วรวบรวมอนุภาคเขม่า จากนั้นอนุภาคเหล่านี้จะถูกทำให้บริสุทธิ์และแปรรูปเป็นหมึกเหลว ที่สามารถนำไปใช้ในงานศิลปะต่างๆ ได้ เช่น งานกราฟิตี งานพิมพ์ หรือการวาดภาพ
.
5. Bioo
ด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการผลิตไฟฟ้าจากพืช ถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ยั่งยืนที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
โดยใช้กระถางต้นไม้ที่มีแบตเตอรี่ชีวภาพที่แปลงสารอินทรีย์ที่เกิดจากการสังเคราะห์แสงให้เป็นพลังงาน กระถางต้นไม้มีพอร์ต USB ที่สามารถชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ เช่น โทรศัพท์ แท็บเล็ต หรือแล็ปท็อปได้ สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากถึง 5 โวลต์ ขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดของต้นไม้ กระถางต้นไม้ไม่เป็นอันตรายต่อต้นไม้ และยังสามารถใช้เป็นกระถางธรรมดาได้
.
สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ถือเป็นนวัตกรรมที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตที่จะช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และสร้างโลกที่ยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างของการใช้ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมของมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสิ่งแวดล้อม
หวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนในการนำแนวคิดนี้ไปใช้ และทำให้โลกเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับทุกชีวิตบนโลกใบนี้
.
ขอขอบคุณข้อมูล
: orlandodistaffday .org
: worlds-finest-wool
: wikipedia
: spinning-wheel .org
: partnersforsight
: energytheory
: theoceancleanup
: aroundtheworld .solarimpulse
: solarroadways
: air-ink
: biootech
.
LookAt