ได้อ่านเรื่องราวของ พล.อ.ท. มรกต ชาญสำรวจ ปัจจุบันอายุ 78 ปี ผู้คิดค้นนวัตกรรม รถไฟฟ้า รถพลังงานเซลเชื้อเพลิง และมอเตอร์ลำแสงอินฟราเรด แล้วรู้สึกทึ่งในเรื่องราวต่าง ๆ ของท่านดังนี้
พล.ท. มรกต เคยเป็นหัวหน้าทีมออกแบบ จรวดพื้นสู่อากาศ "เห่าฟ้า" ของกองทัพไทยอันลือลั่นเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ยศในขณะนั้น นาวาโท ในครั้งนั้นอาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว ที่กองทัพไทยสามารถประดิษฐ์คิดค้น อาวุธระดับไฮเทคในยุคสมัยของมันออกมาได้ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยนโยบายแบบไทย ๆ "ซื้อของเขาใช้ ดีกว่านั่งทำเอง" จรวดเห่าฟ้าจึงไม่ได้ถูกพัฒนาต่อยอดเท่าที่ควร เช่นเพิ่มระบบนำร่องอิเลคทรอนิคส์ ฯลฯ สุดท้ายก็เลยกลายเป็นอาวุธล้าสมัยและถูกลืมไปในที่สุด
ภายหลัง พล.ท.มรกต ได้ดำรงตำแหน่งเจ้ากรมสรรพาวุธทหาร และเกษียรอายุราชการออกมา ในวัยประมาณ 70 ท่านได้วิจัยค้นคว้านวัตกรรมต่าง ๆ โดยขอทุนจากสถาบันวิจัย บ้าง ทุนส่วนตัวบ้าง โดยส่วนตัวผมไม่คิดว่า ทหารที่เกษียรอายุมานานอย่าง พล.ท.มรกต จะมีเส้นสายขอทุนวิจัยได้ดีกว่าคนอื่น ซึ่งก็คงด้วยความพากเพียร บวกกับรู้ขั้นตอนทางราชการ จึงได้ทุนเหล่านั้นมา
พล.ท.มรกต ได้ประดิษฐ์คิดค้น สิ่งต่าง ๆ คือ รถไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รถขับเคลื่อนด้วยเซลเชื้อเพลิงไฮโดรเจน และล่าสุด มอเตอร์ชนิดใหม่ของโลก ขับเคลื่อนด้วยลำแสงอินฟราเรด โดยประดิษฐ์คิดค้นและทดสอบในบริเวณบ้านของท่าน (ผู้เขียนเดาจากรูปภาพ) พล.ท.มรกตไม่สนับสนุน นโยบาย กู้เงินมาทำโครงการ เนื่องด้วยเห็นว่า นวัตกรรมนั้นใช่ว่าเมื่อประดิษฐ์ออกมาได้แล้วจะขายทำเงินได้ทันที ส่วนดอกเบี้ยนั้นเดินตลอด การกู้มาวิจัย จึงมีภาระเรื่องดอกเบี้ย ทำให้ผู้บริหารโครงการขาดสมาธิและบั่นทอนความคิดสร้างสรรค์
พล.ท.มรกต มีการนำแสดงผลงานที่ดี โดยออกสื่อหนังสือพิมพ์ รายการโทรทัศน์ เคยนำรถพลังงานเซลเชื้อเพลิง ไปขับแสดงโชว์บริเวณลานพระรูปทรงม้า ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก ยามพีเซนท์ ผลงานท่านก็ใส่สูท ดูภูมิฐาน แม้จะอายุมาก ก็พูดจาคล่องแคล่ว ไม่มีเคอะเขิน
พล.ท.มรกตมีความภูมิใจประกาศสิ่งประดิษฐ์ว่า Made in Thailand (อันนี้ผู้เขียนไม่เห็นด้วย เนื่องจากมีประสบการณ์เคยขายสินค้าประเภท เทคโนโลยี่ พอบอกลูกค้าว่าเป็นของคนไทยทำแล้ว ลูกค้าไม่เชื่อมั่น ยอดขายลดลง) ปัจจุบัน พล.ท. มรกต เปิดบริษัทขายรถไฟฟ้า รถสนามกอล์ฟ ล่าสุดมีบริษัทยุโรป สนใจจะขอซื้อนวัตกรรมเซลเชื้อเพลิงในราคานับร้อยล้าน บาท ซึ่งท่านมองว่าเป็นโอกาสอันดี ที่จะนำสิ่งประดิษฐ์ไปสู่การผลิตจำนวนมากเชิงพาณิชย์ต่อไป
ผมคงไม่สามารถวิพากวิจารณ์สิ่งประดิษฐ์ ของ พล.ท.มรกตว่า ดีหรือต้องพัฒนาต่ออะไร เนื่องจากไม่เคยเห็น และไม่เคยพบหน้าผู้ประดิษฐ์คิดค้นแต่ประการใด แต่เมื่อดูจาก ประวัติ ความมุ่งมั่น และการปฏิบัติของท่านสมควรแล้ว ที่นักประดิษฐ์รุ่นลูกหลานจะถือเป็นแบบอย่าง
พล.อ.ท.มรกต ชาญสำรวจตัวอย่างนักประดิษฐ์ชาวไทย
ได้อ่านเรื่องราวของ พล.อ.ท. มรกต ชาญสำรวจ ปัจจุบันอายุ 78 ปี ผู้คิดค้นนวัตกรรม รถไฟฟ้า รถพลังงานเซลเชื้อเพลิง และมอเตอร์ลำแสงอินฟราเรด แล้วรู้สึกทึ่งในเรื่องราวต่าง ๆ ของท่านดังนี้
พล.ท. มรกต เคยเป็นหัวหน้าทีมออกแบบ จรวดพื้นสู่อากาศ "เห่าฟ้า" ของกองทัพไทยอันลือลั่นเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ยศในขณะนั้น นาวาโท ในครั้งนั้นอาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว ที่กองทัพไทยสามารถประดิษฐ์คิดค้น อาวุธระดับไฮเทคในยุคสมัยของมันออกมาได้ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยนโยบายแบบไทย ๆ "ซื้อของเขาใช้ ดีกว่านั่งทำเอง" จรวดเห่าฟ้าจึงไม่ได้ถูกพัฒนาต่อยอดเท่าที่ควร เช่นเพิ่มระบบนำร่องอิเลคทรอนิคส์ ฯลฯ สุดท้ายก็เลยกลายเป็นอาวุธล้าสมัยและถูกลืมไปในที่สุด
ภายหลัง พล.ท.มรกต ได้ดำรงตำแหน่งเจ้ากรมสรรพาวุธทหาร และเกษียรอายุราชการออกมา ในวัยประมาณ 70 ท่านได้วิจัยค้นคว้านวัตกรรมต่าง ๆ โดยขอทุนจากสถาบันวิจัย บ้าง ทุนส่วนตัวบ้าง โดยส่วนตัวผมไม่คิดว่า ทหารที่เกษียรอายุมานานอย่าง พล.ท.มรกต จะมีเส้นสายขอทุนวิจัยได้ดีกว่าคนอื่น ซึ่งก็คงด้วยความพากเพียร บวกกับรู้ขั้นตอนทางราชการ จึงได้ทุนเหล่านั้นมา
พล.ท.มรกต ได้ประดิษฐ์คิดค้น สิ่งต่าง ๆ คือ รถไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รถขับเคลื่อนด้วยเซลเชื้อเพลิงไฮโดรเจน และล่าสุด มอเตอร์ชนิดใหม่ของโลก ขับเคลื่อนด้วยลำแสงอินฟราเรด โดยประดิษฐ์คิดค้นและทดสอบในบริเวณบ้านของท่าน (ผู้เขียนเดาจากรูปภาพ) พล.ท.มรกตไม่สนับสนุน นโยบาย กู้เงินมาทำโครงการ เนื่องด้วยเห็นว่า นวัตกรรมนั้นใช่ว่าเมื่อประดิษฐ์ออกมาได้แล้วจะขายทำเงินได้ทันที ส่วนดอกเบี้ยนั้นเดินตลอด การกู้มาวิจัย จึงมีภาระเรื่องดอกเบี้ย ทำให้ผู้บริหารโครงการขาดสมาธิและบั่นทอนความคิดสร้างสรรค์
พล.ท.มรกต มีการนำแสดงผลงานที่ดี โดยออกสื่อหนังสือพิมพ์ รายการโทรทัศน์ เคยนำรถพลังงานเซลเชื้อเพลิง ไปขับแสดงโชว์บริเวณลานพระรูปทรงม้า ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก ยามพีเซนท์ ผลงานท่านก็ใส่สูท ดูภูมิฐาน แม้จะอายุมาก ก็พูดจาคล่องแคล่ว ไม่มีเคอะเขิน
พล.ท.มรกตมีความภูมิใจประกาศสิ่งประดิษฐ์ว่า Made in Thailand (อันนี้ผู้เขียนไม่เห็นด้วย เนื่องจากมีประสบการณ์เคยขายสินค้าประเภท เทคโนโลยี่ พอบอกลูกค้าว่าเป็นของคนไทยทำแล้ว ลูกค้าไม่เชื่อมั่น ยอดขายลดลง) ปัจจุบัน พล.ท. มรกต เปิดบริษัทขายรถไฟฟ้า รถสนามกอล์ฟ ล่าสุดมีบริษัทยุโรป สนใจจะขอซื้อนวัตกรรมเซลเชื้อเพลิงในราคานับร้อยล้าน บาท ซึ่งท่านมองว่าเป็นโอกาสอันดี ที่จะนำสิ่งประดิษฐ์ไปสู่การผลิตจำนวนมากเชิงพาณิชย์ต่อไป
ผมคงไม่สามารถวิพากวิจารณ์สิ่งประดิษฐ์ ของ พล.ท.มรกตว่า ดีหรือต้องพัฒนาต่ออะไร เนื่องจากไม่เคยเห็น และไม่เคยพบหน้าผู้ประดิษฐ์คิดค้นแต่ประการใด แต่เมื่อดูจาก ประวัติ ความมุ่งมั่น และการปฏิบัติของท่านสมควรแล้ว ที่นักประดิษฐ์รุ่นลูกหลานจะถือเป็นแบบอย่าง