คืนข้างขึ้น 8 ค่ำ....
กัปตันวันชนะและคณะ พร้อมกับสมาชิกขบวนการเสรีสหพันธรัฐ ได้พากันเข้าเฝ้าและอยู่ร่วมกับจักรพรรดิเนรอสตัวจริงในศูนย์วิทยาศาสตร์และกองบัญชาการแห่งโลโคเทียมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ทุกคนพบว่าจักรพรรดิเนรอสบัดนี้มีท่าทีที่โอนอ่อนยืดหยุ่น ต่างจากเมื่อก่อน ทำให้ความหวาดระแวงของหลายๆ คนคลายไป มีความสบายใจมากขึ้น
อิบิคัสและเซบาสเต็นได้ติดต่อวิศวกรชั้นแนวหน้าซึ่งเป็นชาวสหพันธรัฐให้เข้าร่วมงานกับสามยอดวิศวกรคือกัปตันวันชนะสถาพรและเอ็มม่า ทุกคนทำการศึกษา "พิมพ์เขียว" ยานบินต่างดาวซึ่งจักรพรรดิเนรอสเขียนจากความทรงจำอันได้มาจากกามาร่าอย่างขมักเขม้น แต่เฉพาะชาวโลกนั้นไม่อาจทำความเข้าใจได้ง่ายๆ ยังดีที่ได้เอ็มม่าซึ่งเป็นชาวเนโอโซรอสช่วยศึกษาด้วย ผลปรากฏว่าคุณแม่ต่างดาว สามารถอ่านออกและชี้แนะเหล่าวิศวกรได้หลายจุด เธอพบว่าหลักวิทยาการของพวกเร็พไทเลี่ยนนั้นไม่ต่างจากของชาวเนโอโซรอสมากนัก เพียงสามสี่วัน ยานบินชนิดใหม่ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ทุกคนเริ่มมีความหวังในการต่อสู้กับกองทัพของเนรอสตัวปลอมหรือเร็พไทเลี่ยนผู้มาแทนที่กามาร่ามากขึ้นตามลำดับ
แต่หนทางแห่งความสำเร็จ มักจะขรุขระ มีอุปสรรคขวากหนามเสมอ หาใช่ราบรื่นตลอดเหมือนปูด้วยกลีบกุหลาบไม่!
เอ็มม่าได้พบและชี้ให้ทุกคนเห็นว่า
ยานต่างดาวแบบของเร็พไทเลี่ยนนั้น ต้องการธาตุชนิดหนึ่งซึ่งไม่ปรากฏมีอยู่ในโลกนี้ ทำให้กัปตันวันชนะและสถาพร รวมทั้งชาวคณะทึ่งไปตามๆ กัน เพราะจากคำอธิบายลักษณะและคุณสมบัติของธาตุดังกล่าวของเอ็มม่านั้น ไม่เข้าข่ายธาตุใดๆ ที่มีอยู่ในตารางธาตุทั้ง 118 ธาตุในโลกนี้เลย และหากจะสร้างมันขึ้นมา ก็ไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้บนโลกนี้ แต่ต้องไปสร้างในห้องแล็ปกลางอวกาศเท่านั้นและต้องอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์หรือดาวฤกษ์ดวงใดดวงหนึ่งในระยะที่พอเหมาะพอดีด้วย!
"ธาตุตัวนี้ บนดาวของพวกคุณใช้กันไหม ?" กัปตันถามภรรยา
"ใช้ค่ะ ชาวเนโอโซรอสสร้างมันขึ้นมาได้และใช้งานมันมานานแล้ว" เอ็มม่าตอบ แล้วตามด้วยคำพูดดักคอไว้ก่อน "แต่อย่าถามฉันนะคะที่รัก ว่าจะให้ฉันขอมันมาสักหน่อยจากพวกเขาได้ไหม รับรองพวกเขาไม่ให้เด็ดขาดเลยค่ะ เพราะมันมีค่ามหาศาล สามารถนำไปใช้กับยานบินแล้วจะทำให้ยานบินนั้นมีสมรรถนะทัดเทียมกับยานของชาวเนโอโซรอสเลย และแน่นอนว่าทัดเทียมกับพวกอสูรที่คุณเรียกว่าพวกเร็พไทเลี่ยนนั้นด้วย อาวุธร้ายคือ 'รังสีสลายอณู' รวมทั้งเกราะป้องกันรังสีนี้ซึ่งมีในยานของพวกมัน ก็เกิดจากการใช้ธาตุตัวนี้แหละค่ะ"
"หมายความว่าเราต้องสร้างมันเอง ต้องออกไปนอกโลกแล้วสร้างห้องทดลองกลางอวกาศเพื่อจะสังเคราะห์มันขึ้นมา ไม่มีเวลาทำเช่นนั้นแน่ๆ" สถาพรกล่าวพลางยกมือกุมขมับ
"ถ้างั้นก็มีทางเดียว..." ยูไล เกลเลอร์เอ่ยขึ้น
"นายคิดจะทำไง ยูไล ?" กัปตันถาม
"เอาตัวอย่างจากของจริงมาสิครับ" หนุ่มเลือดเนื้อเชื้อไขนักพลังจิตชื่อดัง ยูริ เกลเลอร์ ในศตวรรษที่ 20 ตอบยิ้มๆ
"อืม...ถ้าได้ตัวอย่างของจริงมาสักชิ้น เราก็อาจจะทำการก๊อปปี้ หรือทำเลียนแบบมันได้ ทำได้หรือเปล่าครับคุณเอ็ม ?" สถาพรถามภรรยาของกัปตัน
"ไม่แน่ใจนะคะ ปกตินักวิทยาศาสตร์ชาวเนโอโซรอสจะสังเคราะห์มันในอวกาศนะ ท่าทางจะยากอยู่ค่ะสำหรับชาวโลกอย่างพวกคุณ องค์ประกอบของธาตุนี้สลับซับซ้อนมาก การสังเคราะห์มันขึ้นมา แม้ฉันจะรู้วิธี แต่ก็ไม่อาจทำให้สำเร็จโดยเร็วได้"
"ไม่เป็นไรครับ ขอให้ได้มาสักชิ้น เราก็ออกไปนอกอวกาศโดยใช้เวลาเต็มที่ได้ไม่จำกัดด้วยการเดินทางโดยระบบควอนตั้ม ทำเสร็จได้จำนวนตามที่ต้องการแล้วเราก็กลับมา แล้วเอามาใส่ให้กับยานบินของพวกเราทุกลำได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลาสร้างยานใหม่แล้ว! ส่วนเทคโนโลยีอื่นๆ เท่าที่เราได้จากการศึกษาจากแบบที่องค์จักรพรรดิเขียนออกมา ก็ให้คนทางนี้ใช้วิศวกรรมย้อนกลับ สร้างอุปกรณ์และติดตั้งกับยานทุกลำ ส่วนพวกเรา หลังจากสังเคราะห์ธาตุเลียนแบบได้จำนวนที่ต้องการแล้วก็จะกลับมา ณ จุดเวลาที่เราตั้งไว้
เหมือนตอนที่ THE FUGITIVE ออกเดินทางเพื่อมาแอตแลนติส เราก็ตั้งเวลาจากปัจจุบันที่เราจากมาไว้สามนาที แต่เราสามารถอยู่ที่แอตแลนติสนี่นานเท่าไรก็ได้ พอเรากลับไปเมื่อไร เวลาที่ปัจจุบันนั้นก็จะผ่านไปแค่สามนาทีเท่านั้น หลังจากที่เราออกเดินทาง!" กัปตันอธิบาย
"เออ จริงแฮะ!" สถาพรว่าพลางพยักหน้าและดีดนิ้ว
"ถ้าเช่นนั้น งานนี้ ต้องเข้าถ้ำเสือกันอีกครั้ง!" แอนดี้กล่าวสรุป แล้วเสนอตัว "ผมขออาสา บุกเข้าไปขโมยยานของพวกมันมาเองครับ"
"ไปคนเดียวไม่ได้หรอก แอนดี้" กัปตันค้านเมื่อเห็นลูกน้องคนเก่งทำท่าจะลุยเดี่ยว "ต้องมีคนไปด้วย อย่างน้อยซักสองสามคน"
"ถึงเวลาไออ้อนแมนออกโรงเสียทีว่ะ!" สถาพรกล่าวอย่างกระเหี้ยนกระหือ "คันไม้คันมือมานานแล้วโว้ย แอนดี้! เตรียมตัวแท็กทีมด้วยกันอีกที!"
"ด้วยความยินดีครับ คุณสถาพร" แอนดรอยด์ผู้ถูกอัพเกรดมาสามสี่รอบแล้วตอบและยิ้มแฉ่ง
"ฉันขอไปด้วยค่ะ" เอ็มม่ายกมือขอร่วมทีม "ถ้าสามารถขโมยยานของพวกมันมาได้ ฉันจะสามารถช่วยได้มาก ในการบังคับยานของพวกมัน ถึงจะเป็นคนละภาษาคนละเผ่าพันธุ์ แต่หลักการวิทยาการสากลจักรวาลมันจะคล้ายๆ กันนั่นแหละ ฉันเคยขับยานบินของชาวดาวต่างๆ ทั้งในแกแล็กซี่เดียวกันและต่างแกแล็กซี่มาแล้วหลายลำ เพราะฉะนั้นฉันมั่นใจว่าจะช่วยได้แน่"
"หนูไปด้วยค่ะ", "ผมไปด้วยฮะ" สาวแอนนาและเด็กชายแจ๊คขอติดตามแม่ทันที
"ขอผมไปด้วยอีกคน" ยูไล เกลเลอร์รีบชูมือขอ และอ้างเหตุผลเดิมที่เคยอ้างมาก่อน "ทีมพลังจิตต้องมีสามคนนะครับผม จะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และ แบ่งเบาภาระคุณเอ็มม่า คุณสถาพร และแอนดี้ด้วยครับ"
"ฉันก็พอมีพลังจิตอยู่บ้างจ้ะ พ่อหนุ่ม" เอ็มม่ากล่าวกับเขา
"เยี่ยมเลยครับผม งั้นเป็นสี่พลังจิตเลยครับ" ยูไลยิ้มร่าและยกนิ้วโป้งให้คุณแม่ต่างดาว
กัปตันวันชนะทำท่าจะคัดค้านในตอนแรก แต่ก็ต้องยอมด้วยเหตุผลของภรรยาอันไม่อาจโต้แย้งได้ด้วยประการทั้งปวง จึงได้แต่กล่าวเตือนให้ทุกคนระวังตัว
"ถ้าอย่างนั้น ทุกคนก็ระมัดระวังตัว และดูแลกันให้ดีนะครับ ถ้าเหตุการณ์คับขัน เห็นท่าไม่ดี ก็ขอให้ถอยกลับมาก่อน"
"ค่ะ", "ค่ะคุณพ่อ", "คับ", "ครับ กัปตัน", "ครับผม เจ้านาย" ทั้ง 5 คนตอบพร้อมกัน
"พวกท่านคิดจะทำอะไรกันหรือ ? ข้าฟังภาษาของพวกท่านไม่ออกเลยสักคำ พอจะบอกให้ข้ารู้บ้างได้ไหม ?" จักรพรรดิเนรอสตรัสถามหลังจากฟังการสนทนาของพวกกัปตันมานาน
"อ๋อ ได้พระเจ้าข้า ฝ่าบาท" กัปตันทูลตอบ "คืออย่างนี้...พวกเราพบว่า ยานของอสูรต่างพิภพนั่นจำเป็นต้องได้ธาตุชนิดหนึ่งซึ่งไม่มีอยู่บนโลกนี้ เราต้องได้มันมาจึงจะสร้างยานบินให้มีสมรรถนะทัดเทียมกับมันได้ เราจึงตกลงกันว่าจะให้คนส่วนหนึ่งไปขโมยยานของพวกนั้นมาสักลำหนึ่ง และเราได้ 5 คนที่จะไปปฏิบัติการนี้พระเจ้าข้า"
"จำเป็นต้องทำอย่างนั้นหรือ ? พวกท่านสังเคราะห์ธาตุชนิดนั้นขึ้นมาเองไม่ได้หรือไร ?"
"ไม่ได้พระเจ้าข้าฝ่าบาท ตราบใดที่เรายังอยู่บนโลกนี้"
"ท่านหมายความว่าอย่างไร ?" เนรอสตรัสถามด้วยความฉงน
"เพราะธาตุชนิดนี้ไม่อาจสังเคราะห์บนโลกนี้ได้ ต้องออกไปสร้างห้องทดลองนอกโลกเพื่อสังเคราะห์มันในอวกาศเท่านั้นและต้องอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ในระยะที่เหมาะสมด้วยพระเจ้าข้า และองค์ประกอบของธาตุนี้ก็สลับซับซ้อน มิอาจสังเคราะห์ได้โดยง่าย ดังนั้นวิธีการเดียวที่ไวที่สุดคือ ไปขโมยยานของพวกนั้นมา แล้วดึงธาตุนั้นออกจากยานเพื่อสร้างเพิ่ม"
"ที่แท้เป็นเช่นนี้...ลำบากพวกท่านแล้ว" เนรอสตรัสด้วยความเห็นใจ "แต่จะทันเวลา ทันการณ์หรือไม่นี่สิ เราไม่รู้ว่าพวกนั้นจะบุกจู่โจมพวกเราเมื่อไร แต่ก็คงจะไม่ใช่ช่วงเวลานี้หรอก เพราะเจ้าจักรพรรดิตัวปลอมนั่นประกาศไปทั่วแอตแลนติสแล้วว่าจะเปิดศาลทวีปในอีก 7 วันข้างหน้าเพื่อให้ออเรเคิลชี้ตัวจักรพรรดิที่แท้จริง"
"ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเวลาพระเจ้าข้า ด้วยวิทยาการแห่งโลกอนาคตที่เราจากมา พวกเราเมื่อไปจากพระองค์ จะไปไกลเพียงใดก็ตาม ใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม ในยามที่เรากลับมา เวลาของพระองค์ซึ่งประทับอยู่ที่นี่ จะผ่านพ้นไปเพียงไม่กี่เศษเสี้ยวแห่งสี่ส่วนของชั่วยามเดียวเท่านั้น พระเจ้าข้า"
"พวกท่านสามารถทำเช่นนั้นได้จริงๆ หรือ ?" เนรอสตรัสถามด้วยความทึ่งสุดประมาณ
"ทำได้จริงๆ วางพระทัยได้เลยพระเจ้าข้า ฝ่าบาท" กัปตันยืนยัน
"อืม...แล้วพวกท่านที่จะไป จะออกเดินทางกันเมื่อไร ?"
"ตอนนี้เลยพระเจ้าข้า" สถาพรทูลตอบ "ขอถือโอกาสทูลลาเลยพระเจ้าข้า แล้วพบกันใหม่พระเจ้าข้า ฝ่าบาท" ทูลจบ ด็อกเตอร์จอมระห่ำกฌน้อมกาย มือขวาพาดอกถวายความเคารพ อีก 4 คนคือ เอ็มม่า แอนนา เด็กชายแจ๊ค และยูไล เกลเลอร์ ก็ทำตาม
"ขอให้โชคดี มีชัย ทำงานสำเร็จตามความประสงค์ ทุกๆ ท่าน"
"ขอบพระทัยฝ่าบาท"
คนทั้ง 5 ตอบพร้อมกัน แล้วหันไปร่ำลากัปตันและคนอื่นๆ ซึ่งก็ได้รับคำอวยพรให้โชคดีทำงานสำเร็จจากทุกๆ คน จากนั้นสถาพรก็พาอีก 4 คนและแอนดี้ไปขึ้นยาน Savior Falcon ของตน แล้วนำยานบินขึ้น มุ่งหน้าสู่พระราชวังของเนรอสทางแอตแลนติสใต้
******************************************
ที่บ้านพักของ พาเลตัส ชายชราผู้ไร้ที่พึ่ง ซึ่งได้ติดสอยห้อยตามกัปตันมาจากจักรวรรดิแอตแลนติสใต้ และกัปตันได้เคยฝากฝังไว้กับอิบิคัสให้จัดหาที่พักอาศัยให้
ชาวคณะ THE FUGITIVE ส่วนหนึ่ง ได้แก่ ฝ่ายที่เป็นชาวแอตแลนติส คือ ผู้เฒ่าไดโอเซนัส แม่หมอฟรีด้า พร้อมทั้งนางลิงเผือกปุยเมฆ และ ลาลูน่า กับผู้มาจากต่างกาล คือ ออเรร่า ได้มาพักอยู่ร่วมด้วย ส่วนคนที่เหลืออยู่ที่บ้านพักของกัปตันและสถาพร
หลายวันที่ผ่านมา ลาลูน่า ได้ให้สาวจอยเจาะเลือดของตนปริมาณหนึ่งไปเพื่อนำไปสกัดสร้างวัคซีนฉีดให้กับผู้คนทุกคนซึ่งติดเชื้อจากการเคยถูกนางและบริวารมนุษย์หมาป่าของนางกัดและถูกกักขังตัวอยู่ ทำให้พวกเขาเหล่านั้นมีอาการดีขึ้น บรรเทาความหิวกระหายเลือดลงได้ แต่อย่างไรก็ตาม ลาลูน่าแนะนำหลังจากนั้นว่า ให้พวกเขากินอาหารแบบสุกๆ ดิบๆ ไปก่อน เพื่อให้พวกเขาค่อยๆ ปรับสภาพ เนื่องจากพวกเขายังไม่สามารถกินอาหารที่ปรุงสุกตามปกติได้ ส่วนตัวของนางเอง ก็ต้องดื่มเลือดของสัตว์และกินเนื้อสัตว์เช่นกัน
แต่นั่นไม่มีปัญหาอะไร...ปัญหาที่ยุ่งยากก็คือ ทุกคืนวันพระจันทร์ครึ่งดวง คือไม่วันขึ้น 8 ค่ำก็วันแรม 8 ค่ำ นางต้องได้เลือดสดๆ ของมนุษย์! มิฉะนั้น นางจะร้อนรุ่ม กระวนกระวาย แม้มิใช่ค่ำคืนเดือนเพ็ญที่จะกลายร่าง แต่ก็ยังมีความกระหายเลือด!
ลาลูน่าได้บอกเรื่องนี้แก่ทุกคนแล้ว และบอกให้จับตัวนางพันธนาการไว้ในห้องขังเดี่ยว หาไม่แล้วนางคงต้องออกไปปลิดชีวิตใครสักคน แม้จะมิได้กลายร่างก็ตาม!
และคืนนี้ ก็ขึ้น 8 ค่ำ!
ช่วงเวลาเย็น กัปตันสั่งให้สามหนุ่มอาข่า บรรจง อาบือ และอาเจอะ ไปเฝ้าดูลาลูน่าซึ่งถูกมัดตัวติดกับเสาใน "เรือนจำ" หลังเล็กซึ่งปกติใช้เป็นโรงเก็บของตามความประสงค์ของนางเอง ส่วนชาวคณะและคนอื่นๆ นั้นไปช่วยงานในศูนย์วิทยาศาสตร์กันหมด ยกเว้นพาเลตัสชายชราผู้เป็นเจ้าของบ้าน
กัปตันวันชนะ ได้สั่งให้สามหนุ่มเตรียมอาหารไว้ให้ลาลูน่าด้วย ซึ่งทั้งสามคนช่วยกันทำ "ลาบเลือดเนื้อวัว" ทำกินกันเองด้วยและแบ่งส่วนหนึ่งไว้สำหรับสาวดาบวงพระจันทร์ด้วย ส่วนสำหรับพวกตนนั้นใส่เครื่องปรุงเต็มที่ แต่ส่วนของลาลูน่านั้นไม่ใส่เครื่องปรุงใดๆ มีแต่เนื้อสดสับละเอียดแช่ในเลือดสดๆ รอเวลาที่นางจะบอกว่าหิวเมื่อไร ก็จะนำไปให้เมื่อนั้น
ตะวันตกดินแล้ว สามหนุ่มอาข่านั่งล้อมวงกินข้าวเหนียวกับลาบเลือดเนื้อวัวกันอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ข้างนอก ห่างจากห้องขังราวสองร้อยเมตร แต่กลื่นคาวเลือดก็ยังโชยไปเตะจมูกสาวดาบวงพระจันทร์ได้อยู่ดี ทำให้นางต้องกลืนน้ำลายลงคอหลายครั้ง
จนสามหนุ่มอาข่ากินกันอิ่มแล้วนั่งพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย...ถึงเวลาสองทุ่ม พระจันทร์ครึ่งดวงลอยเด่น อาบือและอาเจอะหนังท้องตึง หนังตาหย่อน นอนหลับกันทั้งคู่บนชานเรือน เหลือแต่บรรจงที่ยังตื่นอยู่ นั่งพักที่หัวบันได
(ต่อครับ) ^^
💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 47 🚀💫🕛💫
กัปตันวันชนะและคณะ พร้อมกับสมาชิกขบวนการเสรีสหพันธรัฐ ได้พากันเข้าเฝ้าและอยู่ร่วมกับจักรพรรดิเนรอสตัวจริงในศูนย์วิทยาศาสตร์และกองบัญชาการแห่งโลโคเทียมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ทุกคนพบว่าจักรพรรดิเนรอสบัดนี้มีท่าทีที่โอนอ่อนยืดหยุ่น ต่างจากเมื่อก่อน ทำให้ความหวาดระแวงของหลายๆ คนคลายไป มีความสบายใจมากขึ้น
อิบิคัสและเซบาสเต็นได้ติดต่อวิศวกรชั้นแนวหน้าซึ่งเป็นชาวสหพันธรัฐให้เข้าร่วมงานกับสามยอดวิศวกรคือกัปตันวันชนะสถาพรและเอ็มม่า ทุกคนทำการศึกษา "พิมพ์เขียว" ยานบินต่างดาวซึ่งจักรพรรดิเนรอสเขียนจากความทรงจำอันได้มาจากกามาร่าอย่างขมักเขม้น แต่เฉพาะชาวโลกนั้นไม่อาจทำความเข้าใจได้ง่ายๆ ยังดีที่ได้เอ็มม่าซึ่งเป็นชาวเนโอโซรอสช่วยศึกษาด้วย ผลปรากฏว่าคุณแม่ต่างดาว สามารถอ่านออกและชี้แนะเหล่าวิศวกรได้หลายจุด เธอพบว่าหลักวิทยาการของพวกเร็พไทเลี่ยนนั้นไม่ต่างจากของชาวเนโอโซรอสมากนัก เพียงสามสี่วัน ยานบินชนิดใหม่ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ทุกคนเริ่มมีความหวังในการต่อสู้กับกองทัพของเนรอสตัวปลอมหรือเร็พไทเลี่ยนผู้มาแทนที่กามาร่ามากขึ้นตามลำดับ
แต่หนทางแห่งความสำเร็จ มักจะขรุขระ มีอุปสรรคขวากหนามเสมอ หาใช่ราบรื่นตลอดเหมือนปูด้วยกลีบกุหลาบไม่!
เอ็มม่าได้พบและชี้ให้ทุกคนเห็นว่า ยานต่างดาวแบบของเร็พไทเลี่ยนนั้น ต้องการธาตุชนิดหนึ่งซึ่งไม่ปรากฏมีอยู่ในโลกนี้ ทำให้กัปตันวันชนะและสถาพร รวมทั้งชาวคณะทึ่งไปตามๆ กัน เพราะจากคำอธิบายลักษณะและคุณสมบัติของธาตุดังกล่าวของเอ็มม่านั้น ไม่เข้าข่ายธาตุใดๆ ที่มีอยู่ในตารางธาตุทั้ง 118 ธาตุในโลกนี้เลย และหากจะสร้างมันขึ้นมา ก็ไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้บนโลกนี้ แต่ต้องไปสร้างในห้องแล็ปกลางอวกาศเท่านั้นและต้องอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์หรือดาวฤกษ์ดวงใดดวงหนึ่งในระยะที่พอเหมาะพอดีด้วย!
"ธาตุตัวนี้ บนดาวของพวกคุณใช้กันไหม ?" กัปตันถามภรรยา
"ใช้ค่ะ ชาวเนโอโซรอสสร้างมันขึ้นมาได้และใช้งานมันมานานแล้ว" เอ็มม่าตอบ แล้วตามด้วยคำพูดดักคอไว้ก่อน "แต่อย่าถามฉันนะคะที่รัก ว่าจะให้ฉันขอมันมาสักหน่อยจากพวกเขาได้ไหม รับรองพวกเขาไม่ให้เด็ดขาดเลยค่ะ เพราะมันมีค่ามหาศาล สามารถนำไปใช้กับยานบินแล้วจะทำให้ยานบินนั้นมีสมรรถนะทัดเทียมกับยานของชาวเนโอโซรอสเลย และแน่นอนว่าทัดเทียมกับพวกอสูรที่คุณเรียกว่าพวกเร็พไทเลี่ยนนั้นด้วย อาวุธร้ายคือ 'รังสีสลายอณู' รวมทั้งเกราะป้องกันรังสีนี้ซึ่งมีในยานของพวกมัน ก็เกิดจากการใช้ธาตุตัวนี้แหละค่ะ"
"หมายความว่าเราต้องสร้างมันเอง ต้องออกไปนอกโลกแล้วสร้างห้องทดลองกลางอวกาศเพื่อจะสังเคราะห์มันขึ้นมา ไม่มีเวลาทำเช่นนั้นแน่ๆ" สถาพรกล่าวพลางยกมือกุมขมับ
"ถ้างั้นก็มีทางเดียว..." ยูไล เกลเลอร์เอ่ยขึ้น
"นายคิดจะทำไง ยูไล ?" กัปตันถาม
"เอาตัวอย่างจากของจริงมาสิครับ" หนุ่มเลือดเนื้อเชื้อไขนักพลังจิตชื่อดัง ยูริ เกลเลอร์ ในศตวรรษที่ 20 ตอบยิ้มๆ
"อืม...ถ้าได้ตัวอย่างของจริงมาสักชิ้น เราก็อาจจะทำการก๊อปปี้ หรือทำเลียนแบบมันได้ ทำได้หรือเปล่าครับคุณเอ็ม ?" สถาพรถามภรรยาของกัปตัน
"ไม่แน่ใจนะคะ ปกตินักวิทยาศาสตร์ชาวเนโอโซรอสจะสังเคราะห์มันในอวกาศนะ ท่าทางจะยากอยู่ค่ะสำหรับชาวโลกอย่างพวกคุณ องค์ประกอบของธาตุนี้สลับซับซ้อนมาก การสังเคราะห์มันขึ้นมา แม้ฉันจะรู้วิธี แต่ก็ไม่อาจทำให้สำเร็จโดยเร็วได้"
"ไม่เป็นไรครับ ขอให้ได้มาสักชิ้น เราก็ออกไปนอกอวกาศโดยใช้เวลาเต็มที่ได้ไม่จำกัดด้วยการเดินทางโดยระบบควอนตั้ม ทำเสร็จได้จำนวนตามที่ต้องการแล้วเราก็กลับมา แล้วเอามาใส่ให้กับยานบินของพวกเราทุกลำได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลาสร้างยานใหม่แล้ว! ส่วนเทคโนโลยีอื่นๆ เท่าที่เราได้จากการศึกษาจากแบบที่องค์จักรพรรดิเขียนออกมา ก็ให้คนทางนี้ใช้วิศวกรรมย้อนกลับ สร้างอุปกรณ์และติดตั้งกับยานทุกลำ ส่วนพวกเรา หลังจากสังเคราะห์ธาตุเลียนแบบได้จำนวนที่ต้องการแล้วก็จะกลับมา ณ จุดเวลาที่เราตั้งไว้ เหมือนตอนที่ THE FUGITIVE ออกเดินทางเพื่อมาแอตแลนติส เราก็ตั้งเวลาจากปัจจุบันที่เราจากมาไว้สามนาที แต่เราสามารถอยู่ที่แอตแลนติสนี่นานเท่าไรก็ได้ พอเรากลับไปเมื่อไร เวลาที่ปัจจุบันนั้นก็จะผ่านไปแค่สามนาทีเท่านั้น หลังจากที่เราออกเดินทาง!" กัปตันอธิบาย
"เออ จริงแฮะ!" สถาพรว่าพลางพยักหน้าและดีดนิ้ว
"ถ้าเช่นนั้น งานนี้ ต้องเข้าถ้ำเสือกันอีกครั้ง!" แอนดี้กล่าวสรุป แล้วเสนอตัว "ผมขออาสา บุกเข้าไปขโมยยานของพวกมันมาเองครับ"
"ไปคนเดียวไม่ได้หรอก แอนดี้" กัปตันค้านเมื่อเห็นลูกน้องคนเก่งทำท่าจะลุยเดี่ยว "ต้องมีคนไปด้วย อย่างน้อยซักสองสามคน"
"ถึงเวลาไออ้อนแมนออกโรงเสียทีว่ะ!" สถาพรกล่าวอย่างกระเหี้ยนกระหือ "คันไม้คันมือมานานแล้วโว้ย แอนดี้! เตรียมตัวแท็กทีมด้วยกันอีกที!"
"ด้วยความยินดีครับ คุณสถาพร" แอนดรอยด์ผู้ถูกอัพเกรดมาสามสี่รอบแล้วตอบและยิ้มแฉ่ง
"ฉันขอไปด้วยค่ะ" เอ็มม่ายกมือขอร่วมทีม "ถ้าสามารถขโมยยานของพวกมันมาได้ ฉันจะสามารถช่วยได้มาก ในการบังคับยานของพวกมัน ถึงจะเป็นคนละภาษาคนละเผ่าพันธุ์ แต่หลักการวิทยาการสากลจักรวาลมันจะคล้ายๆ กันนั่นแหละ ฉันเคยขับยานบินของชาวดาวต่างๆ ทั้งในแกแล็กซี่เดียวกันและต่างแกแล็กซี่มาแล้วหลายลำ เพราะฉะนั้นฉันมั่นใจว่าจะช่วยได้แน่"
"หนูไปด้วยค่ะ", "ผมไปด้วยฮะ" สาวแอนนาและเด็กชายแจ๊คขอติดตามแม่ทันที
"ขอผมไปด้วยอีกคน" ยูไล เกลเลอร์รีบชูมือขอ และอ้างเหตุผลเดิมที่เคยอ้างมาก่อน "ทีมพลังจิตต้องมีสามคนนะครับผม จะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และ แบ่งเบาภาระคุณเอ็มม่า คุณสถาพร และแอนดี้ด้วยครับ"
"ฉันก็พอมีพลังจิตอยู่บ้างจ้ะ พ่อหนุ่ม" เอ็มม่ากล่าวกับเขา
"เยี่ยมเลยครับผม งั้นเป็นสี่พลังจิตเลยครับ" ยูไลยิ้มร่าและยกนิ้วโป้งให้คุณแม่ต่างดาว
กัปตันวันชนะทำท่าจะคัดค้านในตอนแรก แต่ก็ต้องยอมด้วยเหตุผลของภรรยาอันไม่อาจโต้แย้งได้ด้วยประการทั้งปวง จึงได้แต่กล่าวเตือนให้ทุกคนระวังตัว
"ถ้าอย่างนั้น ทุกคนก็ระมัดระวังตัว และดูแลกันให้ดีนะครับ ถ้าเหตุการณ์คับขัน เห็นท่าไม่ดี ก็ขอให้ถอยกลับมาก่อน"
"ค่ะ", "ค่ะคุณพ่อ", "คับ", "ครับ กัปตัน", "ครับผม เจ้านาย" ทั้ง 5 คนตอบพร้อมกัน
"พวกท่านคิดจะทำอะไรกันหรือ ? ข้าฟังภาษาของพวกท่านไม่ออกเลยสักคำ พอจะบอกให้ข้ารู้บ้างได้ไหม ?" จักรพรรดิเนรอสตรัสถามหลังจากฟังการสนทนาของพวกกัปตันมานาน
"อ๋อ ได้พระเจ้าข้า ฝ่าบาท" กัปตันทูลตอบ "คืออย่างนี้...พวกเราพบว่า ยานของอสูรต่างพิภพนั่นจำเป็นต้องได้ธาตุชนิดหนึ่งซึ่งไม่มีอยู่บนโลกนี้ เราต้องได้มันมาจึงจะสร้างยานบินให้มีสมรรถนะทัดเทียมกับมันได้ เราจึงตกลงกันว่าจะให้คนส่วนหนึ่งไปขโมยยานของพวกนั้นมาสักลำหนึ่ง และเราได้ 5 คนที่จะไปปฏิบัติการนี้พระเจ้าข้า"
"จำเป็นต้องทำอย่างนั้นหรือ ? พวกท่านสังเคราะห์ธาตุชนิดนั้นขึ้นมาเองไม่ได้หรือไร ?"
"ไม่ได้พระเจ้าข้าฝ่าบาท ตราบใดที่เรายังอยู่บนโลกนี้"
"ท่านหมายความว่าอย่างไร ?" เนรอสตรัสถามด้วยความฉงน
"เพราะธาตุชนิดนี้ไม่อาจสังเคราะห์บนโลกนี้ได้ ต้องออกไปสร้างห้องทดลองนอกโลกเพื่อสังเคราะห์มันในอวกาศเท่านั้นและต้องอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ในระยะที่เหมาะสมด้วยพระเจ้าข้า และองค์ประกอบของธาตุนี้ก็สลับซับซ้อน มิอาจสังเคราะห์ได้โดยง่าย ดังนั้นวิธีการเดียวที่ไวที่สุดคือ ไปขโมยยานของพวกนั้นมา แล้วดึงธาตุนั้นออกจากยานเพื่อสร้างเพิ่ม"
"ที่แท้เป็นเช่นนี้...ลำบากพวกท่านแล้ว" เนรอสตรัสด้วยความเห็นใจ "แต่จะทันเวลา ทันการณ์หรือไม่นี่สิ เราไม่รู้ว่าพวกนั้นจะบุกจู่โจมพวกเราเมื่อไร แต่ก็คงจะไม่ใช่ช่วงเวลานี้หรอก เพราะเจ้าจักรพรรดิตัวปลอมนั่นประกาศไปทั่วแอตแลนติสแล้วว่าจะเปิดศาลทวีปในอีก 7 วันข้างหน้าเพื่อให้ออเรเคิลชี้ตัวจักรพรรดิที่แท้จริง"
"ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเวลาพระเจ้าข้า ด้วยวิทยาการแห่งโลกอนาคตที่เราจากมา พวกเราเมื่อไปจากพระองค์ จะไปไกลเพียงใดก็ตาม ใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม ในยามที่เรากลับมา เวลาของพระองค์ซึ่งประทับอยู่ที่นี่ จะผ่านพ้นไปเพียงไม่กี่เศษเสี้ยวแห่งสี่ส่วนของชั่วยามเดียวเท่านั้น พระเจ้าข้า"
"พวกท่านสามารถทำเช่นนั้นได้จริงๆ หรือ ?" เนรอสตรัสถามด้วยความทึ่งสุดประมาณ
"ทำได้จริงๆ วางพระทัยได้เลยพระเจ้าข้า ฝ่าบาท" กัปตันยืนยัน
"อืม...แล้วพวกท่านที่จะไป จะออกเดินทางกันเมื่อไร ?"
"ตอนนี้เลยพระเจ้าข้า" สถาพรทูลตอบ "ขอถือโอกาสทูลลาเลยพระเจ้าข้า แล้วพบกันใหม่พระเจ้าข้า ฝ่าบาท" ทูลจบ ด็อกเตอร์จอมระห่ำกฌน้อมกาย มือขวาพาดอกถวายความเคารพ อีก 4 คนคือ เอ็มม่า แอนนา เด็กชายแจ๊ค และยูไล เกลเลอร์ ก็ทำตาม
"ขอให้โชคดี มีชัย ทำงานสำเร็จตามความประสงค์ ทุกๆ ท่าน"
"ขอบพระทัยฝ่าบาท"
คนทั้ง 5 ตอบพร้อมกัน แล้วหันไปร่ำลากัปตันและคนอื่นๆ ซึ่งก็ได้รับคำอวยพรให้โชคดีทำงานสำเร็จจากทุกๆ คน จากนั้นสถาพรก็พาอีก 4 คนและแอนดี้ไปขึ้นยาน Savior Falcon ของตน แล้วนำยานบินขึ้น มุ่งหน้าสู่พระราชวังของเนรอสทางแอตแลนติสใต้
ชาวคณะ THE FUGITIVE ส่วนหนึ่ง ได้แก่ ฝ่ายที่เป็นชาวแอตแลนติส คือ ผู้เฒ่าไดโอเซนัส แม่หมอฟรีด้า พร้อมทั้งนางลิงเผือกปุยเมฆ และ ลาลูน่า กับผู้มาจากต่างกาล คือ ออเรร่า ได้มาพักอยู่ร่วมด้วย ส่วนคนที่เหลืออยู่ที่บ้านพักของกัปตันและสถาพร
หลายวันที่ผ่านมา ลาลูน่า ได้ให้สาวจอยเจาะเลือดของตนปริมาณหนึ่งไปเพื่อนำไปสกัดสร้างวัคซีนฉีดให้กับผู้คนทุกคนซึ่งติดเชื้อจากการเคยถูกนางและบริวารมนุษย์หมาป่าของนางกัดและถูกกักขังตัวอยู่ ทำให้พวกเขาเหล่านั้นมีอาการดีขึ้น บรรเทาความหิวกระหายเลือดลงได้ แต่อย่างไรก็ตาม ลาลูน่าแนะนำหลังจากนั้นว่า ให้พวกเขากินอาหารแบบสุกๆ ดิบๆ ไปก่อน เพื่อให้พวกเขาค่อยๆ ปรับสภาพ เนื่องจากพวกเขายังไม่สามารถกินอาหารที่ปรุงสุกตามปกติได้ ส่วนตัวของนางเอง ก็ต้องดื่มเลือดของสัตว์และกินเนื้อสัตว์เช่นกัน
แต่นั่นไม่มีปัญหาอะไร...ปัญหาที่ยุ่งยากก็คือ ทุกคืนวันพระจันทร์ครึ่งดวง คือไม่วันขึ้น 8 ค่ำก็วันแรม 8 ค่ำ นางต้องได้เลือดสดๆ ของมนุษย์! มิฉะนั้น นางจะร้อนรุ่ม กระวนกระวาย แม้มิใช่ค่ำคืนเดือนเพ็ญที่จะกลายร่าง แต่ก็ยังมีความกระหายเลือด!
ลาลูน่าได้บอกเรื่องนี้แก่ทุกคนแล้ว และบอกให้จับตัวนางพันธนาการไว้ในห้องขังเดี่ยว หาไม่แล้วนางคงต้องออกไปปลิดชีวิตใครสักคน แม้จะมิได้กลายร่างก็ตาม!
และคืนนี้ ก็ขึ้น 8 ค่ำ!
ช่วงเวลาเย็น กัปตันสั่งให้สามหนุ่มอาข่า บรรจง อาบือ และอาเจอะ ไปเฝ้าดูลาลูน่าซึ่งถูกมัดตัวติดกับเสาใน "เรือนจำ" หลังเล็กซึ่งปกติใช้เป็นโรงเก็บของตามความประสงค์ของนางเอง ส่วนชาวคณะและคนอื่นๆ นั้นไปช่วยงานในศูนย์วิทยาศาสตร์กันหมด ยกเว้นพาเลตัสชายชราผู้เป็นเจ้าของบ้าน
กัปตันวันชนะ ได้สั่งให้สามหนุ่มเตรียมอาหารไว้ให้ลาลูน่าด้วย ซึ่งทั้งสามคนช่วยกันทำ "ลาบเลือดเนื้อวัว" ทำกินกันเองด้วยและแบ่งส่วนหนึ่งไว้สำหรับสาวดาบวงพระจันทร์ด้วย ส่วนสำหรับพวกตนนั้นใส่เครื่องปรุงเต็มที่ แต่ส่วนของลาลูน่านั้นไม่ใส่เครื่องปรุงใดๆ มีแต่เนื้อสดสับละเอียดแช่ในเลือดสดๆ รอเวลาที่นางจะบอกว่าหิวเมื่อไร ก็จะนำไปให้เมื่อนั้น
ตะวันตกดินแล้ว สามหนุ่มอาข่านั่งล้อมวงกินข้าวเหนียวกับลาบเลือดเนื้อวัวกันอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ข้างนอก ห่างจากห้องขังราวสองร้อยเมตร แต่กลื่นคาวเลือดก็ยังโชยไปเตะจมูกสาวดาบวงพระจันทร์ได้อยู่ดี ทำให้นางต้องกลืนน้ำลายลงคอหลายครั้ง
จนสามหนุ่มอาข่ากินกันอิ่มแล้วนั่งพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย...ถึงเวลาสองทุ่ม พระจันทร์ครึ่งดวงลอยเด่น อาบือและอาเจอะหนังท้องตึง หนังตาหย่อน นอนหลับกันทั้งคู่บนชานเรือน เหลือแต่บรรจงที่ยังตื่นอยู่ นั่งพักที่หัวบันได
(ต่อครับ) ^^