ฝ่ายจักรพรรดิเนรอส ขึ้นยานราชพาหนะส่วนพระองค์และผ่านช่อง "ทางลัด" กลางอากาศ หนีพ้นพวกเร็พไทเลี่ยนได้แล้วทะลุออกมาเหนือน่านฟ้าแห่งเมืองแคสสิโอเปีย ซึ่งเคยเป็นอดีตรัฐกันชนระหว่างอดีตสหพันธรัฐแอตแลนติสเหนือและจักรวรรดิแอตแลนติสใต้
ทันทีที่ราชพาหนะลำนั้นปรากฏเหนือน่านฟ้า ชาวเมืองแคสสิโอเปียหลายคนได้มองเห็นและจำได้
อนึ่ง ในแคสสิโอเปียนั้น มีพระราชวังหลังหนึ่งซึ่งเนรอสเคยรับสั่งให้สร้างไว้สำหรับการแปรพระราชฐานมาประทับเป็นการชั่วคราว มีฐานะเป็น
"สถานทูต" ตามข้อตกลงในสมัยที่ยังมีการแบ่งแยกดินแดนและการปกครอง ปัจจุบันนี้เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิแล้ว และตั้งอยู่ใกล้แคว้นเซเปรัสอันเป็นที่ตั้งแห่งตุลาการศาลทวีปด้วย
ดังนั้นเนรอสจึงรับสั่งให้ทหารราชองครักษ์ผู้มาด้วยและทำหน้าที่ขับยานราชพาหนะแทนพระองค์ นำยานลงจอดบนลานจอดด้านหลังพระราชวังแห่งนั้น จากนั้นเนรอสจึงลงจากยานแล้วเดินตรงไปยังบันไดทางขึ้นสู่พระตำหนัก โดยมีอิบิคัสและเซบาสเต็นตามมาติดๆ มีนายทหารราชองครักษ์รักษาพระองค์ยืนยามรักษาความปลอดภัยอยู่ด้านล่างห้านาย เฝ้าประตูข้างบนหน้าพระตำหนักอีกสองนาย
เมื่อจักรพรรดิไปถึงหน้าบานประตู ทหารสองนายนั้นก็ถวายความเคารพ แล้วหนึ่งในสองนายนั้นก็เปิดประตูให้องค์จักรพรรดิเสด็จเข้าข้างใน จากนั้นก็ปิดประตูลั่นดาลอย่างแน่นหนาและยืนยามกันต่อ
เนรอสเปิดไฟภายในตำหนัก และเปิดเครื่องรับส่งสัญญาณภาพและเสียงหรือ "ทีวี" จอใหญ่เกือบเต็มฝาผนังห้อง ภาพและเสียงของการรายงานข่าวต่างๆปรากฏและดังขึ้น มีรายงานข่าวเรื่องการตระเตรียมเปิดศาลทวีปในวันพรุ่งนี้ที่กำลังจะมาถึงเพื่อให้มีการชี้ตัวจักรพรรดิที่แท้จริงซึ่งเป็นบัญชาแห่งจักรพรรดิจำแลง พร้อมกับรายงานข่าวด่วนเรื่องอาณาจักรทางตอนเหนือถูกรุกรานโดยยานบินจากต่างพิภพ แต่แหล่งข่าวบางแห่งก็กล่าวขัดแย้งว่าเป็นยานบินจากฝ่ายใต้เองมิใช่ยานจากต่างพิภพ แต่อย่างไรก็ตาม ข่าวซึ่งรายงานตรงกันจากทุกสำนักข่าวก็คือ จักรพรรดิองค์ที่ประทับอยู่ทางเหนือได้หายสาบสูญไป ณ ที่ไหน ไม่มีใครรู้ และชาวเมืองหลายเมืองทางตอนเหนือซึ่งมิได้ถูกจานบินของเร็พไทเลี่ยนบุกถล่มก็ช่วยกันค้นหาและตามหาตัวจักรพรรดิองค์นี้เพราะคนส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเป็นจักรพรรดิตัวจริง เพื่อจะได้ร่วมเป็นพยานสำหรับการช่วยชี้ตัวจักรพรรดินั่นเอง
"คณะตุลาการศาลทวีป ขอส่งคำประกาศให้รู้โดยทั่วกันว่า วันพรุ่งนี้ เวลาหนึ่งชั่วยามหลังเที่ยงตรง ขอเชิญองค์จักรพรรดิผู้ประทับอยู่ทางเหนือ เสด็จเข้าสู่ห้องพิพากษาแห่งตุลาการศาลทวีป และประทับนั่งบนบัลลังก์ซึ่งทางตุลาการศาลทวีปได้จัดเตรียมไว้ด้วย เพื่อให้บุคคลสำคัญในจักรวรรดิ และผู้ทำหน้าที่เป็นทนายทั้งสองฝ่ายได้พิจารณา ให้การ สอบถาม และชี้ขาดในที่สุด หากองค์จักรพรรดิผู้ประทับอยู่ทางเหนือไม่เสด็จมาแล้วไซร้ ตุลาการศาลทวีปจะประกาศแจ้งอย่างเป็นทางการว่า องค์จักรพรรดิผู้ประทับอยู่ทางใต้ เป็นองค์จักรพรรดิที่แท้จริง
หลังจากนั้นองค์จักรพรรดิจะเสด็จเข้าสู่พระราชพิธีจักรวรรดิราชาภิเษก และพิธีอภิเษกสมรสพร้อมกับการสถาปนาเทพพยากรณ์ออเรเคิลเป็นองค์พระจักรพรรดินี ส่วนผู้ที่เป็นจักรพรรดิตัวปลอมต้องมอบตัวต่อทางการ และกองกำลังที่เหลือของเขาต้องยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข เพื่อให้จักรวรรดิแอตแลนติสกลับคืนสู่ความสงบ ในทางตรงกันข้ามหากองค์จักรพรรดิผู้ประทับอยู่ทางเหนือได้รับการชี้ขาดว่าเป็นจักรพรรดิองค์จริง ทุกอย่างก็จักเป็นไปในทำนองเดียวกัน !!"
นั่นคือคำประกาศจากตุลาการศาลทวีปซึ่งถูกถ่ายทอดไปทั่วทวีป และผู้อ่านคำประกาศคือ เฮโรดัส หัวหน้าผู้พิพากษาแห่งศาลทวีป
"เฮโรดัส ไปอยู่ที่ศาลแล้วหรือนี่ ?" เนรอสตรัสด้วยความข้องพระทัย
"ถ้าเขาไปอยู่ที่ศาลจริง คนอื่นๆ ในครอบครัว คือ เซบิน่าผู้เป็นภริยา ฟิลิปเป้ ลูกชาย และ เซฟิน่า ลูกสาวคนเล็ก ก็ต้องอยู่กับเขาด้วยนะพระเจ้าข้า"
เซบาสเต็นทูลออกความเห็น
"ตอนที่พวกเราแยกย้ายกันหนี ข้าไม่พบเห็นพวกเขาเลย" อิบิคัสกล่าวขณะครุ่นคิด "แต่ก็เป็นไปได้ที่พวกเขาจะอยู่ที่นั่น เพราะที่นั่นเป็นที่ซึ่งปลอดจากภยันตราย มิได้ถูกโจมตี"
"ก็เพราะพวกนั้นเตรียมไว้สำหรับการเปิดศาลตัดสินชี้ตัวข้าอย่างไรเล่า" เนรอสตรัสสรุป
"ฝ่าบาท...ลักษณะเช่นนี้ ข้าพระองค์หวั่นเกรงว่า สามคนพ่อลูกนั่น อาจจะอยู่ในฐานะตัวประกัน เฮโรดัสอาจถูกบีบบังคับให้ปรากฏตัวผ่านการถ่ายทอดออกข่าว เพื่อล่อให้พวกเราเข้าสู่ห้องพิจารณาว่าความ...พวกเราในที่นี้ ข้าหมายถึงทั้งอีกพวกหนึ่งซึ่งหนีไปพร้อมกับเหล่าผู้คนของท่านวันชนะส่วนหนึ่งกับอาจารย์ไดโอเซนัสและแม่หมอฟรีด้าด้วย" อิบิคัสไตร่ตรองถึงสถานการณ์
"และไม่แน่ว่า ถ้าหากท่านวันชนะและพรรคพวกกลับมาจากดวงจันทร์แล้วพบว่าบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปแล้ว และได้ทราบข่าวการเปิดศาลในวันพรุ่งนี้พวกเขาก็อาจจะตามไปที่นั่น" เซบาสเต็นกล่าวเสริม
"ถ้าเป็นอย่างนั้น ทุกคนฝ่ายเราก็จะได้พบกันอีกครั้ง!" เนรอสตรัส
"แต่นั่นก็จะหมายถึง การที่พวกเราทุกคน จะถูกขังอยู่ภายในศาลทันที !!" อิบิคัสกล่าวแล้วเบิกตากว้าง "นี่เป็นแผนการล่อให้พวกเราไปติดกับชัดๆ"
"และหลังจากนั้นพวกมันก็จะจับพวกเราทุกคน ใครขัดขืนก็คงจะถูกกำจัดแน่นอน ไม่มีทางที่เจ้าจักรพรรดิตัวปลอมจะปล่อยให้ใครรอด!!" เนรอสตรัสพลางขบกรามกรอด
ในขณะที่ทุกคนกำลังปรึกษาหารือกันอยู่อย่างเคร่งเครียดนั้นเอง สัญญาณเสียงวิทยุสื่อสารจากยานบินลำหนึ่งก็ติดต่อเข้ามา
"
นี่คือการติดต่อจากราชพาหนะส่วนตัวของข้า เซฟิย่า สนมเอกแห่งองค์จักรพรรดิ ใครได้ยินข้าบ้างโปรดตอบด้วย, ฝ่าบาท! ทรงได้ยินหม่อมฉันหรือไม่เพคะ ? ท่านพ่อ ฟิลิปเป้ เซบิน่า ได้ยินไหม ? ท่านอิบิคัส ท่านเซบาสเต็น ได้ยินไหม ข้ากับท่านแม่และลิลลี่อยู่ด้วยกันบนยานลำนี้ ใครก็ได้ที่ฟังอยู่ตอนนี้ ได้ยินโปรดตอบด้วย !!"
"เซฟิย่า!!" เนรอสหูผึ่ง หันรีหันขวาง "อุปกรณ์สื่อสารอยู่ตรงไหน ?"
"เชิญเสด็จทางนี้พระเจ้าข้า" ทหารนายหนึ่งกราบทูลแล้วเชิญจักรพรรดิเสด็จเข้าสู่ห้องติดต่อสื่อสารซึ่งเป็นห้องเล็กๆ อยู่ไม่ไกล ภายในห้องมีแผงควบคุมติดตั้งบนโต๊ะลาดเอียงทำมุม 45 องศา พร้อมเก้าอี้และอุปกรณ์ลักษณะฌป็นโลหะขนาดครึ่งวงกลมคล้ายหมวกและพอให้คนสวมได้พอดี แถมบริเวณตำแหน่งหูก็ถูกออกแบบให้ป่องออกด้านข้างครอบใบหูได้อย่างเหมาะเจอะ มีสายระโยงระยางจากเพดานลงมาเชื่อมต่อบริเวณกึ่งกลางหมวกนั้น
เนรอสปราดเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ หยิบหมวกโลหะครึ่งวงกลมนั้นสวมเข้ากับศีรษะ แล้วลองพูดออกไป
"เซฟิย่า นี่ข้า เนรอส เจ้าได้ยินไหม ?"
มีเสียงของนางตอบกลับด้วยน้ำเสียงแสดงความดีอกดีใจและตื่นเต้น
"หม่อมฉันได้ยินแล้วเพคะ ฝ่าบาท ประทับอยู่ที่ไหนเพคะ ?"
"เจ้าลองมองหาตำแหน่งบนหน้าจอแผงควบคุมข้างหน้ายานสิ"
"มองหาอยู่เพคะ แต่ไม่เห็นมีปรากฏสักจุดหนึ่งเลย"
ขณะที่เนรอสกำลังงุนงงและหาทางช่วยเซฟิย่าอยู่ นายทหารผู้นำทางมาคนนั้นก็เข้ามาใกล้แล้วเอื้อมมือไปกดปุ่มๆ หนึ่งบนแผงควบคุมข้างหน้าพลางทูลต่อจักรพรรดิ
"ขออภัยพระเจ้าข้า ฝ่าบาท นางไม่ทราบตำแหน่งของพระองค์ที่นี่ เพราะทางนี้มิได้เปิดเผยตำแหน่ง แต่ปิดกั้นไว้เพื่อมิให้พวกต่างดาวรู้ ต้องกดปุ่มนี้ เพื่อให้นางรู้ตำแหน่งของที่นี่"
กริ๊กก.....
"รีบบอกให้นางนำยานมาลงจอด แล้วรีบกดปุ่มปิดการแสดงตำแหน่งพระเจ้าข้า"
"อ้อ อย่างนี้นี่เอง ขอบใจ!" เนรอสพยักหน้าให้นายทหาร เขาโค้งคำนับแล้วถอยออกไป ปล่อยให้จักรพรรดิทำการติดต่อต่อไป
"เห็นตำแหน่งของข้าหรือยัง เซฟิย่า ?"
"เห็นแล้วเพคะฝ่าบาท กำลังไปเพคะ"
"รีบมาและนำยานลงจอดหลังตำหนัก ข้าต้องรีบปิดสัญญาณบอกตำแหน่งเพื่อป้องกันมิให้พวกต่างดาวรู้"
"เพคะ ฝ่าบาท ทรงปิดได้เลยเพคะ อีกสักครู่พบกันเพคะ"
"ดีมาก! รีบมา...ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน!"
น้ำเสียงของจักรพรรดินั้นแหบกระเส่าให้เซฟิย่าได้ยินถนัดชัดเจน ทำให้นางยิ้มออกทันที
"นี่สิ! องค์จักรพรรดิที่แท้จริง อาา...ฝ่าบาท...ข้าแทบจะรอคอยไม่ไหวแล้ว !!"
เป็นอย่างที่สนมเอกคาดการณ์ ! ทันทีที่นางลงจากยานพร้อมกับมารดาและลิลลี่ นายทหารสองคนพามารดาและสาวใช้ของนางไปยังบ้านพักหลังหนึ่งทันที ส่วนนางก็รีบขึ้นสู่พระตำหนักตามคำบอกของนางทหารซึ่งยืนยามอยู่ข้างบน
"พระสนมเชิญเสด็จพระเจ้าข้า องค์จักรพรรดิทรงรออยู่พระเจ้าข้า"
"ขอบใจจ้ะ นายทหาร!"
และทันทีที่นางก้าวข้ามพ้นธรณีประตูเข้าไปข้างในและประตูถูกปิด สนมเอกก็ต้องร้องวี้ดว้ายเมื่อถูกอุ้มโดยบุรุษผู้ซึ่งมีกลิ่นกายที่นางคุ้นเคยเป็นอย่างดี ร้องว้ายออกมาได้คำเดียวริมฝีปากทั้งสองก็ถูกประกบปิดและจูบอย่างดุเดือดเนิ่นนาน ก่อนที่เจ้าของพระโอฏฐจะถอนออกแล้วตรัสกับนาง
"ข้าหิวโหยนัก! จะกินเจ้า ตลอดราตรีนี้ทีเดียว!!" จักรพรรดิตรัสปนกับอาการหายใจฟืดฟาดและนัยน์ตาลุกวาว
เซฟิย่าหัวเราะคิก แสร้งดีดดิ้นเล็กน้อย แล้วปล่อยให้เนรอสอุ้มเดินเข้าห้องบรรทม
หลังจากนั้น เสียงร่ำร้องแห่งความหฤหรรษ์เปี่ยมสุข ก็ดังระงมในพระตำหนักนั้น ตลอดทั้งคืน!
**************************************************
อีกด้านหนึ่ง ทางฝ่ายกัปตันวันชนะและสถาพรกับคนอื่นๆ ในยาน THE FUGITIVE และ SAVIOR FALCON ก็กำลังบินอยู่เหนือน่านฟ้าแห่งนครแคสสิโอเปีย คนในยานยังคงพยายามติดต่อเรียกหาบุคคลสำคัญๆ ชาวแอตแลนติสและเหล่าสมาชิกคนที่ขาดไปโดยไม่ขาดระยะ
"จักรพรรดิเนรอส ทรงได้ยินไหม, ท่านอิบิคัส ท่านเซบาสเต็น นี่คือเสียงจากวันชนะ ได้ยินแล้วตอบด้วย, บรรจง อาบือ อาเจอะ นี่ฉันเองนะ ได้ยินแล้วตอบด้วย..."
"นี่พี่สถาพรนะ เอวา, ลาลูน่า ได้ยินไหมตอบด้วย....อาจารย์ปู่ แม่หมอฟรีด้า ได้ยินข้าไหม ตอบด้วย..."
เงียบกริบ...ไม่มีการตอบกลับใดๆ จากใครๆ...
"เสียงแหบเสียงแห้งหมดแล้วว่ะเพื่อน! ไม่มีแมวตัวไหนตอบมาเลย" สถาพรบ่นอุบ
"หาที่พักกันก่อนดีไหม ดูท่าทางคืนนี้คงหาใครไม่เจอแล้ว" กัปตันถามความเห็นเพื่อนรัก
"นายว่า พวกเราควรพักที่ไหนดี ?"
"หาที่พักในป่าหรือบนเขาก่อนดีกว่านะ ในเมืองคงนำยานลงจอดไม่ได้แน่ อันตรายเกินไป พวกต่างดาวอาจมาเจอเข้า"
"อืม... โอเค งั้นนายนำหน้าเราไปก่อนแล้วกัน"
THE FUGITIVE และ SAVIOR FALCON เปลี่ยนทิศทางบินไปทางทิศตะวันตก ข้ามน่านฟ้าแห่งแคสสิโอเปีย เข้าเขตเซเปรัสซึ่งเคยเป็นรัฐกันชน และเป็นที่ตั้งของศาลแห่งทวีปแอตแลนติส แล้วบินขึ้นไปเหนือเทือกเขาซึ่งติดกันเป็นพืดยาวเหยียด ประกอบด้วยยอดเขาสูงๆ ต่ำๆ สลับกันไปมากมาย กินพื้นที่ข้ามเขตแดนไปยังแคว้นอื่นๆ อีกทั้งทางทิศตะวันตก ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และทิศเหนือ
กัปตันวันชนะเลือกยอดเขาหนึ่ง ไม่สูงนักไม่ต่ำนักทางทิศเหนือ เป็นที่ลงจอด
หลังจากยานทั้งสองลำลงจอดบนยอดเขานั้นแล้ว ทุกคนลงมาจากยาน พากันเดินสำรวจบริเวณรอบๆ ยาน แล้วช่วยกันหาไม้หาฟืนมากองรวมกันก่อกองไฟขึ้น จากนั้นจึงนั่งบ้างยืนบ้างล้อมรอบกองไฟสนทนากัน
"หวังว่าพวกเราที่เหลือทุกคนคงปลอดภัย ไม่มีใครเป็นอะไรนะคะ" เอ็มม่ากล่าวขึ้นในช่วงหนึ่งของการสนทนา
"ผมก็หวังว่าคงเป็นเช่นนั้น...ที่รัก" กัปตันตอบภรรยา
"อยากรู้จัง ว่าตอนนี้แต่ละคนอยู่ที่ไหนกันบ้าง" สาวจอยเอ่ยขึ้นพลางทอดสายตามองไปข้างหน้า
"คงไม่น่าจะกระจัดกระจายกันมากหรอกมั้ง ดีไม่ดีอาจจะอยู่รวมกันทั้งหมดนั่นแหละ" หนุ่มแซมว่าพลางโอบกอดภรรยาไว้ในอ้อมแขน
"ฮืมม...หนาวเหรอคะ ?" ผู้เป็นภรรยาหันมาถามแล้วเบียดกายเข้าหา ซบหน้าลงบนหน้าอกของเขา
"นิดหน่อยจ้ะ" น้องเขยฟาโรห์ตอบ แล้วจุ๊บกระหม่อมภรรยาทีหนึ่ง
"นั่นแน่...เค้าเริ่มสวีทกันแล้ว พี่เอก..." รัชนกว่าพลางชายตามองอดีตมหาเปรียญ
"เออเนาะ น้อยหน้าเค้าได้ไง" แฝดผู้น้องรับมุกแฝดผู้พี่ทันที แล้วสองสาวก็กระเถิบเข้าประกบซ้ายและขวาผู้เป็นสามี มหาเอกยิ้มแล้วอ้าแขนรับ โอบกอดไว้ทั้งสองคน
"โห...อุ่นกว่าเราสองเท่าเลย แซม ดูสิ!" สาวจอยพูดยิ้มๆ กับสามี
(ต่อครับ) ^^
💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 50 { จบ EP นี้แล้วต้องพักยาวเพราะจะเข้ารับการผ่าตัดครับ } 🚀💫🕛💫
ทันทีที่ราชพาหนะลำนั้นปรากฏเหนือน่านฟ้า ชาวเมืองแคสสิโอเปียหลายคนได้มองเห็นและจำได้
อนึ่ง ในแคสสิโอเปียนั้น มีพระราชวังหลังหนึ่งซึ่งเนรอสเคยรับสั่งให้สร้างไว้สำหรับการแปรพระราชฐานมาประทับเป็นการชั่วคราว มีฐานะเป็น "สถานทูต" ตามข้อตกลงในสมัยที่ยังมีการแบ่งแยกดินแดนและการปกครอง ปัจจุบันนี้เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิแล้ว และตั้งอยู่ใกล้แคว้นเซเปรัสอันเป็นที่ตั้งแห่งตุลาการศาลทวีปด้วย
ดังนั้นเนรอสจึงรับสั่งให้ทหารราชองครักษ์ผู้มาด้วยและทำหน้าที่ขับยานราชพาหนะแทนพระองค์ นำยานลงจอดบนลานจอดด้านหลังพระราชวังแห่งนั้น จากนั้นเนรอสจึงลงจากยานแล้วเดินตรงไปยังบันไดทางขึ้นสู่พระตำหนัก โดยมีอิบิคัสและเซบาสเต็นตามมาติดๆ มีนายทหารราชองครักษ์รักษาพระองค์ยืนยามรักษาความปลอดภัยอยู่ด้านล่างห้านาย เฝ้าประตูข้างบนหน้าพระตำหนักอีกสองนาย
เมื่อจักรพรรดิไปถึงหน้าบานประตู ทหารสองนายนั้นก็ถวายความเคารพ แล้วหนึ่งในสองนายนั้นก็เปิดประตูให้องค์จักรพรรดิเสด็จเข้าข้างใน จากนั้นก็ปิดประตูลั่นดาลอย่างแน่นหนาและยืนยามกันต่อ
เนรอสเปิดไฟภายในตำหนัก และเปิดเครื่องรับส่งสัญญาณภาพและเสียงหรือ "ทีวี" จอใหญ่เกือบเต็มฝาผนังห้อง ภาพและเสียงของการรายงานข่าวต่างๆปรากฏและดังขึ้น มีรายงานข่าวเรื่องการตระเตรียมเปิดศาลทวีปในวันพรุ่งนี้ที่กำลังจะมาถึงเพื่อให้มีการชี้ตัวจักรพรรดิที่แท้จริงซึ่งเป็นบัญชาแห่งจักรพรรดิจำแลง พร้อมกับรายงานข่าวด่วนเรื่องอาณาจักรทางตอนเหนือถูกรุกรานโดยยานบินจากต่างพิภพ แต่แหล่งข่าวบางแห่งก็กล่าวขัดแย้งว่าเป็นยานบินจากฝ่ายใต้เองมิใช่ยานจากต่างพิภพ แต่อย่างไรก็ตาม ข่าวซึ่งรายงานตรงกันจากทุกสำนักข่าวก็คือ จักรพรรดิองค์ที่ประทับอยู่ทางเหนือได้หายสาบสูญไป ณ ที่ไหน ไม่มีใครรู้ และชาวเมืองหลายเมืองทางตอนเหนือซึ่งมิได้ถูกจานบินของเร็พไทเลี่ยนบุกถล่มก็ช่วยกันค้นหาและตามหาตัวจักรพรรดิองค์นี้เพราะคนส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเป็นจักรพรรดิตัวจริง เพื่อจะได้ร่วมเป็นพยานสำหรับการช่วยชี้ตัวจักรพรรดินั่นเอง
"คณะตุลาการศาลทวีป ขอส่งคำประกาศให้รู้โดยทั่วกันว่า วันพรุ่งนี้ เวลาหนึ่งชั่วยามหลังเที่ยงตรง ขอเชิญองค์จักรพรรดิผู้ประทับอยู่ทางเหนือ เสด็จเข้าสู่ห้องพิพากษาแห่งตุลาการศาลทวีป และประทับนั่งบนบัลลังก์ซึ่งทางตุลาการศาลทวีปได้จัดเตรียมไว้ด้วย เพื่อให้บุคคลสำคัญในจักรวรรดิ และผู้ทำหน้าที่เป็นทนายทั้งสองฝ่ายได้พิจารณา ให้การ สอบถาม และชี้ขาดในที่สุด หากองค์จักรพรรดิผู้ประทับอยู่ทางเหนือไม่เสด็จมาแล้วไซร้ ตุลาการศาลทวีปจะประกาศแจ้งอย่างเป็นทางการว่า องค์จักรพรรดิผู้ประทับอยู่ทางใต้ เป็นองค์จักรพรรดิที่แท้จริง หลังจากนั้นองค์จักรพรรดิจะเสด็จเข้าสู่พระราชพิธีจักรวรรดิราชาภิเษก และพิธีอภิเษกสมรสพร้อมกับการสถาปนาเทพพยากรณ์ออเรเคิลเป็นองค์พระจักรพรรดินี ส่วนผู้ที่เป็นจักรพรรดิตัวปลอมต้องมอบตัวต่อทางการ และกองกำลังที่เหลือของเขาต้องยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข เพื่อให้จักรวรรดิแอตแลนติสกลับคืนสู่ความสงบ ในทางตรงกันข้ามหากองค์จักรพรรดิผู้ประทับอยู่ทางเหนือได้รับการชี้ขาดว่าเป็นจักรพรรดิองค์จริง ทุกอย่างก็จักเป็นไปในทำนองเดียวกัน !!"
นั่นคือคำประกาศจากตุลาการศาลทวีปซึ่งถูกถ่ายทอดไปทั่วทวีป และผู้อ่านคำประกาศคือ เฮโรดัส หัวหน้าผู้พิพากษาแห่งศาลทวีป
"เฮโรดัส ไปอยู่ที่ศาลแล้วหรือนี่ ?" เนรอสตรัสด้วยความข้องพระทัย
"ถ้าเขาไปอยู่ที่ศาลจริง คนอื่นๆ ในครอบครัว คือ เซบิน่าผู้เป็นภริยา ฟิลิปเป้ ลูกชาย และ เซฟิน่า ลูกสาวคนเล็ก ก็ต้องอยู่กับเขาด้วยนะพระเจ้าข้า"
เซบาสเต็นทูลออกความเห็น
"ตอนที่พวกเราแยกย้ายกันหนี ข้าไม่พบเห็นพวกเขาเลย" อิบิคัสกล่าวขณะครุ่นคิด "แต่ก็เป็นไปได้ที่พวกเขาจะอยู่ที่นั่น เพราะที่นั่นเป็นที่ซึ่งปลอดจากภยันตราย มิได้ถูกโจมตี"
"ก็เพราะพวกนั้นเตรียมไว้สำหรับการเปิดศาลตัดสินชี้ตัวข้าอย่างไรเล่า" เนรอสตรัสสรุป
"ฝ่าบาท...ลักษณะเช่นนี้ ข้าพระองค์หวั่นเกรงว่า สามคนพ่อลูกนั่น อาจจะอยู่ในฐานะตัวประกัน เฮโรดัสอาจถูกบีบบังคับให้ปรากฏตัวผ่านการถ่ายทอดออกข่าว เพื่อล่อให้พวกเราเข้าสู่ห้องพิจารณาว่าความ...พวกเราในที่นี้ ข้าหมายถึงทั้งอีกพวกหนึ่งซึ่งหนีไปพร้อมกับเหล่าผู้คนของท่านวันชนะส่วนหนึ่งกับอาจารย์ไดโอเซนัสและแม่หมอฟรีด้าด้วย" อิบิคัสไตร่ตรองถึงสถานการณ์
"และไม่แน่ว่า ถ้าหากท่านวันชนะและพรรคพวกกลับมาจากดวงจันทร์แล้วพบว่าบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปแล้ว และได้ทราบข่าวการเปิดศาลในวันพรุ่งนี้พวกเขาก็อาจจะตามไปที่นั่น" เซบาสเต็นกล่าวเสริม
"ถ้าเป็นอย่างนั้น ทุกคนฝ่ายเราก็จะได้พบกันอีกครั้ง!" เนรอสตรัส
"แต่นั่นก็จะหมายถึง การที่พวกเราทุกคน จะถูกขังอยู่ภายในศาลทันที !!" อิบิคัสกล่าวแล้วเบิกตากว้าง "นี่เป็นแผนการล่อให้พวกเราไปติดกับชัดๆ"
"และหลังจากนั้นพวกมันก็จะจับพวกเราทุกคน ใครขัดขืนก็คงจะถูกกำจัดแน่นอน ไม่มีทางที่เจ้าจักรพรรดิตัวปลอมจะปล่อยให้ใครรอด!!" เนรอสตรัสพลางขบกรามกรอด
ในขณะที่ทุกคนกำลังปรึกษาหารือกันอยู่อย่างเคร่งเครียดนั้นเอง สัญญาณเสียงวิทยุสื่อสารจากยานบินลำหนึ่งก็ติดต่อเข้ามา
"นี่คือการติดต่อจากราชพาหนะส่วนตัวของข้า เซฟิย่า สนมเอกแห่งองค์จักรพรรดิ ใครได้ยินข้าบ้างโปรดตอบด้วย, ฝ่าบาท! ทรงได้ยินหม่อมฉันหรือไม่เพคะ ? ท่านพ่อ ฟิลิปเป้ เซบิน่า ได้ยินไหม ? ท่านอิบิคัส ท่านเซบาสเต็น ได้ยินไหม ข้ากับท่านแม่และลิลลี่อยู่ด้วยกันบนยานลำนี้ ใครก็ได้ที่ฟังอยู่ตอนนี้ ได้ยินโปรดตอบด้วย !!"
"เซฟิย่า!!" เนรอสหูผึ่ง หันรีหันขวาง "อุปกรณ์สื่อสารอยู่ตรงไหน ?"
"เชิญเสด็จทางนี้พระเจ้าข้า" ทหารนายหนึ่งกราบทูลแล้วเชิญจักรพรรดิเสด็จเข้าสู่ห้องติดต่อสื่อสารซึ่งเป็นห้องเล็กๆ อยู่ไม่ไกล ภายในห้องมีแผงควบคุมติดตั้งบนโต๊ะลาดเอียงทำมุม 45 องศา พร้อมเก้าอี้และอุปกรณ์ลักษณะฌป็นโลหะขนาดครึ่งวงกลมคล้ายหมวกและพอให้คนสวมได้พอดี แถมบริเวณตำแหน่งหูก็ถูกออกแบบให้ป่องออกด้านข้างครอบใบหูได้อย่างเหมาะเจอะ มีสายระโยงระยางจากเพดานลงมาเชื่อมต่อบริเวณกึ่งกลางหมวกนั้น
เนรอสปราดเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ หยิบหมวกโลหะครึ่งวงกลมนั้นสวมเข้ากับศีรษะ แล้วลองพูดออกไป
"เซฟิย่า นี่ข้า เนรอส เจ้าได้ยินไหม ?"
มีเสียงของนางตอบกลับด้วยน้ำเสียงแสดงความดีอกดีใจและตื่นเต้น
"หม่อมฉันได้ยินแล้วเพคะ ฝ่าบาท ประทับอยู่ที่ไหนเพคะ ?"
"เจ้าลองมองหาตำแหน่งบนหน้าจอแผงควบคุมข้างหน้ายานสิ"
"มองหาอยู่เพคะ แต่ไม่เห็นมีปรากฏสักจุดหนึ่งเลย"
ขณะที่เนรอสกำลังงุนงงและหาทางช่วยเซฟิย่าอยู่ นายทหารผู้นำทางมาคนนั้นก็เข้ามาใกล้แล้วเอื้อมมือไปกดปุ่มๆ หนึ่งบนแผงควบคุมข้างหน้าพลางทูลต่อจักรพรรดิ
"ขออภัยพระเจ้าข้า ฝ่าบาท นางไม่ทราบตำแหน่งของพระองค์ที่นี่ เพราะทางนี้มิได้เปิดเผยตำแหน่ง แต่ปิดกั้นไว้เพื่อมิให้พวกต่างดาวรู้ ต้องกดปุ่มนี้ เพื่อให้นางรู้ตำแหน่งของที่นี่"
กริ๊กก.....
"รีบบอกให้นางนำยานมาลงจอด แล้วรีบกดปุ่มปิดการแสดงตำแหน่งพระเจ้าข้า"
"อ้อ อย่างนี้นี่เอง ขอบใจ!" เนรอสพยักหน้าให้นายทหาร เขาโค้งคำนับแล้วถอยออกไป ปล่อยให้จักรพรรดิทำการติดต่อต่อไป
"เห็นตำแหน่งของข้าหรือยัง เซฟิย่า ?"
"เห็นแล้วเพคะฝ่าบาท กำลังไปเพคะ"
"รีบมาและนำยานลงจอดหลังตำหนัก ข้าต้องรีบปิดสัญญาณบอกตำแหน่งเพื่อป้องกันมิให้พวกต่างดาวรู้"
"เพคะ ฝ่าบาท ทรงปิดได้เลยเพคะ อีกสักครู่พบกันเพคะ"
"ดีมาก! รีบมา...ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน!"
น้ำเสียงของจักรพรรดินั้นแหบกระเส่าให้เซฟิย่าได้ยินถนัดชัดเจน ทำให้นางยิ้มออกทันที
"นี่สิ! องค์จักรพรรดิที่แท้จริง อาา...ฝ่าบาท...ข้าแทบจะรอคอยไม่ไหวแล้ว !!"
เป็นอย่างที่สนมเอกคาดการณ์ ! ทันทีที่นางลงจากยานพร้อมกับมารดาและลิลลี่ นายทหารสองคนพามารดาและสาวใช้ของนางไปยังบ้านพักหลังหนึ่งทันที ส่วนนางก็รีบขึ้นสู่พระตำหนักตามคำบอกของนางทหารซึ่งยืนยามอยู่ข้างบน
"พระสนมเชิญเสด็จพระเจ้าข้า องค์จักรพรรดิทรงรออยู่พระเจ้าข้า"
"ขอบใจจ้ะ นายทหาร!"
และทันทีที่นางก้าวข้ามพ้นธรณีประตูเข้าไปข้างในและประตูถูกปิด สนมเอกก็ต้องร้องวี้ดว้ายเมื่อถูกอุ้มโดยบุรุษผู้ซึ่งมีกลิ่นกายที่นางคุ้นเคยเป็นอย่างดี ร้องว้ายออกมาได้คำเดียวริมฝีปากทั้งสองก็ถูกประกบปิดและจูบอย่างดุเดือดเนิ่นนาน ก่อนที่เจ้าของพระโอฏฐจะถอนออกแล้วตรัสกับนาง
"ข้าหิวโหยนัก! จะกินเจ้า ตลอดราตรีนี้ทีเดียว!!" จักรพรรดิตรัสปนกับอาการหายใจฟืดฟาดและนัยน์ตาลุกวาว
เซฟิย่าหัวเราะคิก แสร้งดีดดิ้นเล็กน้อย แล้วปล่อยให้เนรอสอุ้มเดินเข้าห้องบรรทม
หลังจากนั้น เสียงร่ำร้องแห่งความหฤหรรษ์เปี่ยมสุข ก็ดังระงมในพระตำหนักนั้น ตลอดทั้งคืน!
"จักรพรรดิเนรอส ทรงได้ยินไหม, ท่านอิบิคัส ท่านเซบาสเต็น นี่คือเสียงจากวันชนะ ได้ยินแล้วตอบด้วย, บรรจง อาบือ อาเจอะ นี่ฉันเองนะ ได้ยินแล้วตอบด้วย..."
"นี่พี่สถาพรนะ เอวา, ลาลูน่า ได้ยินไหมตอบด้วย....อาจารย์ปู่ แม่หมอฟรีด้า ได้ยินข้าไหม ตอบด้วย..."
เงียบกริบ...ไม่มีการตอบกลับใดๆ จากใครๆ...
"เสียงแหบเสียงแห้งหมดแล้วว่ะเพื่อน! ไม่มีแมวตัวไหนตอบมาเลย" สถาพรบ่นอุบ
"หาที่พักกันก่อนดีไหม ดูท่าทางคืนนี้คงหาใครไม่เจอแล้ว" กัปตันถามความเห็นเพื่อนรัก
"นายว่า พวกเราควรพักที่ไหนดี ?"
"หาที่พักในป่าหรือบนเขาก่อนดีกว่านะ ในเมืองคงนำยานลงจอดไม่ได้แน่ อันตรายเกินไป พวกต่างดาวอาจมาเจอเข้า"
"อืม... โอเค งั้นนายนำหน้าเราไปก่อนแล้วกัน"
THE FUGITIVE และ SAVIOR FALCON เปลี่ยนทิศทางบินไปทางทิศตะวันตก ข้ามน่านฟ้าแห่งแคสสิโอเปีย เข้าเขตเซเปรัสซึ่งเคยเป็นรัฐกันชน และเป็นที่ตั้งของศาลแห่งทวีปแอตแลนติส แล้วบินขึ้นไปเหนือเทือกเขาซึ่งติดกันเป็นพืดยาวเหยียด ประกอบด้วยยอดเขาสูงๆ ต่ำๆ สลับกันไปมากมาย กินพื้นที่ข้ามเขตแดนไปยังแคว้นอื่นๆ อีกทั้งทางทิศตะวันตก ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และทิศเหนือ
กัปตันวันชนะเลือกยอดเขาหนึ่ง ไม่สูงนักไม่ต่ำนักทางทิศเหนือ เป็นที่ลงจอด
หลังจากยานทั้งสองลำลงจอดบนยอดเขานั้นแล้ว ทุกคนลงมาจากยาน พากันเดินสำรวจบริเวณรอบๆ ยาน แล้วช่วยกันหาไม้หาฟืนมากองรวมกันก่อกองไฟขึ้น จากนั้นจึงนั่งบ้างยืนบ้างล้อมรอบกองไฟสนทนากัน
"หวังว่าพวกเราที่เหลือทุกคนคงปลอดภัย ไม่มีใครเป็นอะไรนะคะ" เอ็มม่ากล่าวขึ้นในช่วงหนึ่งของการสนทนา
"ผมก็หวังว่าคงเป็นเช่นนั้น...ที่รัก" กัปตันตอบภรรยา
"อยากรู้จัง ว่าตอนนี้แต่ละคนอยู่ที่ไหนกันบ้าง" สาวจอยเอ่ยขึ้นพลางทอดสายตามองไปข้างหน้า
"คงไม่น่าจะกระจัดกระจายกันมากหรอกมั้ง ดีไม่ดีอาจจะอยู่รวมกันทั้งหมดนั่นแหละ" หนุ่มแซมว่าพลางโอบกอดภรรยาไว้ในอ้อมแขน
"ฮืมม...หนาวเหรอคะ ?" ผู้เป็นภรรยาหันมาถามแล้วเบียดกายเข้าหา ซบหน้าลงบนหน้าอกของเขา
"นิดหน่อยจ้ะ" น้องเขยฟาโรห์ตอบ แล้วจุ๊บกระหม่อมภรรยาทีหนึ่ง
"นั่นแน่...เค้าเริ่มสวีทกันแล้ว พี่เอก..." รัชนกว่าพลางชายตามองอดีตมหาเปรียญ
"เออเนาะ น้อยหน้าเค้าได้ไง" แฝดผู้น้องรับมุกแฝดผู้พี่ทันที แล้วสองสาวก็กระเถิบเข้าประกบซ้ายและขวาผู้เป็นสามี มหาเอกยิ้มแล้วอ้าแขนรับ โอบกอดไว้ทั้งสองคน
"โห...อุ่นกว่าเราสองเท่าเลย แซม ดูสิ!" สาวจอยพูดยิ้มๆ กับสามี
(ต่อครับ) ^^