*****
ความเดิมโดยย่อจากตอนที่แล้ว (65) *****
จักรพรรดิเนรอสตัวจริง รีบฉวยโอกาสที่จักรพรรดิจำแลงไม่อยู่ ขับยานราชพาหนะส่วนพระองค์หนีออกมาจากแอตแลนติสใต้พร้อมกับจักรพรรดินีเซฟิย่าและสองคู่สามีภรรยา อาบือ-ลิลลี่ กับอาเจอะ-โรซ่า ถึงเมืองโลโคเทีย ณ แอตแลนติสเหนือ ทุกคนได้ปรึกษาหารือกับบุคคลสำคัญแห่งที่นั้นอาทิเช่นอิบิคัสและเซบาสเต็น มีการพิสูจน์ตราพระราชลัญจกรอีกครั้งและผลคือของจริงยืนยันตัวจรืงของจักรพรรดิแน่นอนไม่มีปัญหา แต่เมื่อได้ทราบว่ากัปตันวันชนะและชาวคณะมิได้อยู่ที่นั่น แต่อยู่บนเกาะนิรนาม (อิบิคัสและชาวเหนือก็ไม่ทราบว่ากัปตันและชาวคณะเดินทางไปแอตแลนติสใต้แล้วโดยมิได้แจ้งข่าวให้ทางฝ่ายตนได้รับทราบ) จึงตกลงว่าจะมีการตามหาตัว "ไซม่อน" ชายคนขับยานบินโดยสารซึ่งเคยพบกับออเรเคิลและนำพระธำมรงค์หมั้นที่นางจ่ายแทนค่าโดยสารมาถวายคืนองค์จักรพรรดิ เพื่อให้เขาเป็นผู้นำทางไปยังบนเขาแอตลาสซึ่งมีช่องทางลับไปสู่เกาะนิรนาม
ทางด้านแอตแลนติสใต้ หัวหน้าเร็พไทเลี่ยนชาวไซเมนนัสซึ่งได้ออกจากร่างของจักรพรรดิเนรอส ได้เข้าไปหาอีกอรัส เลมูรัสชายซึ่งตนประมูลมาและให้อยู่ในห้องส่วนตัวภายในถ้ำอันเป็นสถานที่ลับ ใช้กำลังข่มขืนเขาตามวิสัยของตนซึ่งเสพเฉพาะเพศชายเท่านั้น จนอีกอรัสสลบไป เสร็จสมอารมณ์หมายแล้วก็ออกไปจากห้องและปิดล็อกประตูอย่างหนาแน่น แต่อีกอรัสซึ่งตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวดจากการถูกข่มขืนเกิดโมโหพยายามพังทลายประตูออกไปจนในที่สุดความโกรธเปลี่ยนเป็นพลังงานพิเศษทำให้ประตูเกิดไฟไหม้ทะลุเป็นช่องออกไป อีกอรัสจึงเป็นอิสระ เขาใช้โทรจิตติดต่อกับลีน่า เลมูรัสหญิงซึ่งขณะนี้สวมบทบาทเป็นออเรเคิลอยู่ในวังและชักชวนให้หนีไปด้วยกัน แต่ลีน่าปฏิเสธโดยยืนยันว่าตนอยู่อย่างนี้สุขสบายดีแล้ว ทั้งสองจึงต้องลาจากกันโดยอีกอรัสเดินทางหวนคืนกลับไปสู่ "บ้านเก่า" คือศูนย์ปฏิบัติการลับในเมืองเซเปรัส สถานที่ที่ให้กำเนิดตน ลีน่า และชาวเลมูรัสคนอื่นๆ ขึ้นมานั่นเอง โดยมีเป้าหมายคือช่วยเพื่อนๆ ชาวเลมูรัสให้เป็นอิสระจากพวกมนุษย์! เนื่องจากตนได้รับรู้จากจิตสัมผัสว่าเลมูรัสหลายคนถูกพวกมนุษย์ฆ่าทิ้งหลังจากเห็นว่าไร้ประโยชน์หรือเบื่อหน่ายแล้ว ดังนั้นเลมูรัสซึ่งยังมีชีวิตอยู่จะต้องได้รับอิสรภาพ!
ต่อมาไม่นาน กัปตันวันชนะและคณะก็เดินทางถึงพระราชวัง ณ แอตแลนติสใต้ พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างดีจากจักรพรรดิ มีการจัดเลี้ยงต้อนรับพวกเขาทุกคนอย่างอบอุ่น บรรยากาศเปี่ยมด้วยมิตรภาพ แต่ครั้นถึงเช้าวันใหม่ ขณะที่กัปตันและชาวคณะกำลังประชุมกันภายในห้องประชุมบนยาน THE FUGITIVE ไดรฟัสได้เดินทางมาถึงด้านหน้ายาน เมื่อขึ้นไปบนยานและเข้าห้องประชุมรายงานข่าวแล้ว กัปตันและชาวคณะจึงได้รู้ว่า ในขณะนี้ จักรพรรดิ และจักรพรรดินี ประทับอยู่ที่เมืองโลโคเทีย พอลองติดต่อกับทางเหนือก็ปรากฏว่าไม่สามารถทำการติดต่อใครๆ ได้ จึงทราบว่าระบบการติดต่อสื่อสารภายนอกถูกตัดไปแล้วโดยสิ้นเชิง จากนั้นมีประกาศจากจักรพรรดิจำแลงไปทั่วแผ่นดิน ให้ทางเหนือเตรียมจับกุมและมอบตัวจักรพรรดิเนรอสและผู้เกี่ยวข้องใกล้ชิดทุกคนให้แก่ทหารจากทางใต้เวลาบ่ายสามโมง
และครั้นรายงานข่าวจบลง พื้นลานจอดยาน THE FUGITIVE และ SAVIOR FALCON ก็ยุบลงไป เปิดเป็นช่อง ยานทั้งสองตกลงไปอยู่บนพื้นใต้ดินและขอบยานถูกล็อกด้วยคีมเหล็กขนาดยักษ์นับสิบ ไม่อาจบินหนีไปไหนได้!
ต่อจากนี้ไป เชิญพบกับ แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 66.1 ต่อไป ได้เลยครับ......
==========================================================================
"เสียท่าไอ้กะปอมต่างดาวจนได้....เฮ้อ..." กัปตันวันชนะเอ่ยขึ้นเหมือนบ่นกับตัวเองพลางส่ายหน้า
"It's not fair!" เป็นคำบ่นจาก ยูไล เกลเลอร์
"เชี่ยเอ๊ยย....ทำไงกันดีวะเนี่ย ?" สถาพรออกอาการพล่านและเก้ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ถูก
"ผมว่าพวกเราทุกคน ใจเย็นๆ กันก่อนดีกว่าครับ คอยดูต่อไปว่ามันจะเอาอย่างไรกับพวกเรา แล้วค่อยหาทางแก้กันอีกที" มหาเอกกล่าวดึงสติทุกคนซึ่งดูเหมือนแทบจะตื่นตระหนกและวิตกกังวลกันไปหมด
"ใช่แล้วหละ ทุกคนทำตามที่คุณเอกว่าดีที่สุด เราทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้แล้ว" กัปตันพยักหน้ากล่าวเหมือนยอมจำนน
ทันใดนั้น จอมอนิเตอร์ใหญ่บนผนังด้านหนึ่งในห้องประชุมเปิดขึ้น ปรากฏภาพจักรพรรดิจำแลงครึ่งตัว จ้องมายังทุกคนแล้วเริ่มเจรจา
"สวัสดีอีกครั้ง ท่านวันชนะ และสหายทุกๆ ท่าน"
"ไอ้สัส! ปล่อยยานของพวกเราเดี๋ยวนี้นะ !!" สถาพรร้องโวยวาย
"ฮ่ะๆๆๆๆ..." จักรพรรดิจำแลงหัวเราะชอบใจ "ข้าจะปล่อยพวกท่านไปได้อย่างไรเล่า...ทำอย่างนั้น ก็โง่เสียยิ่งกว่าโง่น่ะซี่..."
"พวกเรารู้แล้วว่าแกมิใช่จักรพรรดิ เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นที่แกจะต้องจำแลงกายอีกต่อไปหรอก เผยร่างจริงของแกออกมาเถอะ!" กัปตันว่า
"โอ้...ท่านวันชนะ..." หัวหน้าเร็พไทเลี่ยนในคราบจักรพรรดิกล่าวยิ้มๆ "อันที่จริง ข้าก็อยากจะกลับร่างเป็นร่างเดิมอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ฐานและกรณ์แห่ง อวัยวะคือปากและลิ้นของร่างนั้น จะพูดภาษามนุษย์ได้ไม่ถนัด ไม่สะดวก...ดังนั้นขอให้ข้าปรากฏต่อพวกท่านด้วยร่างจำแลงแห่งมนุษย์เยี่ยงนี้ต่อไปดีกว่า จะได้พูดจาสื่อสารกันได้โดยง่าย..."
"แกต้องการอะไร ถึงได้ทำแบบนี้ ?" กัปตันถามโดยไม่อ้อมค้อม
"แหม...ข้าว่า ตัวท่านเอง น่าจะคาดเดาได้นา...บอกให้ก็ได้ ข้าต้องการยานของท่าน ทั้งสองลำ! ทั้งยานเล็กและยานใหญ่ รวมทั้งหุ่นยนต์อัจฉริยะผู้ช่วยของท่านด้วย ท่าน รวมทั้งท่านสถาพร ซึ่งเป็นยอดวิศวกร ต้องร่วมมือกับข้า และผู้ช่วยของข้า ในการทำวิศวกรรมย้อนกลับ เพื่อสร้างยานตามอย่างยานของท่าน...ข้าหมายถึงยานลำใหญ่ ซึ่งสมบูรณ์ เพียบพร้อมด้วยวิทยาการจากดาวเนโอโซรอส จนสำเร็จ! หลังจากนั้น ข้าจึงจะปล่อยพวกท่านทุกคนให้เป็นอิสระ ได้ไปจากที่นี่...ถึงตอนนั้นพวกท่านก็สมควรกลับคืนสู่เวลาและสถานที่ที่พวกท่านจากมาเสียที!"
"เกรงว่า หากยอมทำตามที่แกว่ามา พอพวกเราเดินทางกลับไปแล้ว จะพบกับโลกที่เปลี่ยนแปรผิดเพี้ยนไปเพราะการกระทำของแกน่ะสิวะ!" สถาพรตอบทันทีที่หัวหน้าเร็พไทเลี่ยนพูดจบ "และแก...แกฝันเฟื่องไปแล้ว! แกไม่มีวันได้ยานของพวกเราไปหรอก! ใครจะมอบให้แก ? ไม่มี!! และต่อให้แกได้ไป ก็ไม่มีวันจะขโมยวิทยาการของดาวเนโอโซรอสไปได้ เพราะไม่มีใครสามารถแปลภาษาของพวกเขาที่ปรากฏบนอุปกรณ์ต่างๆ ภายในยานให้แกได้!!"
"ใครว่าไม่มีกันเล่า....ท่านสถาพร ?" จักรพรรดิจำแลงกล่าวและยิ้มอย่างมีเลศนัย
สถาพรอึ้งและทำหน้าตาเหวอ ส่วนกัปตันใจหายวูบ! เขาหันไปมองเหล่าสมาชิกภายในยานโดยรอบ และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเครียด
"เอ็มม่า แอนนา และน้องแจ๊ค หายไปไหน ???"
คำถามนี้สร้างความตกใจแก่ชาวคณะทุกคน แต่ละคนช่วยกันมองหาภรรยาและลูกทั้งสองของกัปตัน...ทั้งสามคน หายไป! ไม่ได้อยู่กับพวกเขา !!!
"ฮ่ะๆๆๆ........" จักรพรรดิจำแลงหัวเราะชอบใจ ทุกคนหันกลับไปมองจอมอนิเตอร์อีกครั้ง แล้วก็ต้องตกใจมากกว่าเดิม!
เนรอสจำแลงเบี่ยงกายไปทางซ้ายและผายมือออก ทุกคนมองเห็นเอ็มม่า แอนนา และเด็กชายแจ๊ค ถูกจับเข้าเครื่องพันธนาการและขังไว้ในตู้โลหะตั้งเรียงกัน มีช่องหน้าต่างกระจกทรงกลมเผยให้เห็นเฉพาะบริเวณใบหน้าของทั้งสามคนนั้นเท่านั้น!!!
"เฮ้ย!! เป็นไปได้ไงวะ ?? ไอ้ ra ยำ!!" สถาพรโวยวายอีกครั้ง "พวกแกเข้ามาจับพวกเขาออกไปจากยานตั้งแต่เมื่อไร ???"
"ฮ่ะๆๆๆๆ........." เนรอสจำแลงส่งเสียงหัวร่ออีกครา สร้างความคันมือคันเท้าแก่ด็อกเตอร์จอมระห่ำเป็นยิ่งนัก ก่อนจะเฉลย "อาศัยช่วงที่พวกท่านกำลังตื่นตระหนกตกใจในขณะที่ยานกำลังลงมาสู่ฐานใต้ดิน ผู้ช่วยของข้า ก็ลอบเข้าสู่ยานของพวกท่าน ทำให้ภรรยาและลูกๆ ของท่านวันชนะหมดสติแล้วพาออกจากยาน ภายในเวลาอันสั้น!"
"พวกแก ทำได้ยังไงวะ ???" สถาพรตะโกนถามอย่างเดือดดาล
"โอ....มันเป็นสิ่งที่พวกท่านผู้มาจากอนาคตเรียกว่า เทเลพอร์เทชั่น ไงเล่า!" หัวหน้าเร็พไทเลี่ยนกล่าวเฉลยยิ้มๆ
"แกแน่มาก!!" กัปตันวันชนะกัดฟันกล่าว "และผู้ช่วยของแก ก็ร้ายกาจมาก! ไม่น่าเชื่อว่ามันจะสามารถเข้ามาภายในยานลำนี้ได้และยังพาคนออกไปจากยานได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที!!" จากนั้นเขาหันมากล่าวกับสถาพร และชาวคณะ พลางส่ายหน้า "เอ็มม่าและลูกๆ ตกเป็นเชลยของมันเสียแล้วแบบนี้ มันต้องใช้ทั้งสามคนเป็นตัวประกัน บีบบังคับพวกเราแน่ รวมทั้งบีบบังคับพวกเขาทั้งสามด้วย"
"หมายความว่า เราต้องยอมทำตามทุกอย่างที่มันสั่ง งั้นเหรอวะ ??" สถาพรถามเพื่อนอย่างคลั่งแค้น
"ก็คงต้องเป็นงั้น เราจะทำอย่างไรได้เล่าเพื่อน ?" กัปตันกล่าวด้วยน้ำเสียงเหมือนท้อแท้สิ้นหวัง
"สัส ra ยำเอ๊ยยย...." ผู้เป็นสหายรักก่นด่าพลางกัดฟันกรอดๆ หันไปหาจอมอนิเตอร์ ตะโกนถามผู้ร้ายซึ่งมาจากต่างดาวอีกครั้ง "ไหนวะ ผู้ช่วยของแก! ขอดูหน้ามันหน่อยซิ ทำไมถึงร้ายกาจขนาดนี้ !!"
"โอ้....ได้เลย ท่านสถาพร..." เนรอสจำแลงกล่าวยิ้มๆ อีกครั้ง "ดูเหมือนว่า เขาเอง ก็อยากพบเจอตัวท่านด้วยเหมือนกัน!"
คำตอบนั้น ทำให้ด็อกเตอร์จอมบ้าดีเดือดอึ้งไปชั่วขณะ และมึนงงด้วยความสงสัย นึกในใจ "ทำไมมันจึงอยากเจอเราด้วยวะ ? มันเป็นใครกัน ??"
จักรพรรดิจำแลงยิ้มให้สถาพรผู้กำลังตกอยู่ในความมึนงงสงสัยอีกครั้งก่อนจะพาตัวเองหายลับไปจากจอภาพ แล้วมีคนๆ หนึ่ง สวมหน้ากากสีขาวนวลปกปิดใบหน้าไว้ สวมชุดดำปกคลุมตั้งแต่ศีรษะ มาปรากฏบนจอแทน..ทันทีที่มาถึง บุรุษนั้นเอ่ยทักทายเขาและชาวคณะ THE FUGITIVE ทุกคนด้วยน้ำเสียงซึ่งฟังดูคุ้นหูเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับสถาพร!
"สวัสดี ท่านสถาพร และท่านผู้มาจากอนาคตทั้งหลาย...."
ทุกคนมองเขาด้วยความฉงนฉงาย
"แกเป็นใครวะ ? ทำไมต้องสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าด้วย ถอดหน้ากากสิวะ !!!" สถาพรตะโกนสั่ง
"ฮ่าๆๆๆ......." ผู้ช่วยของเนรอสจำแลงส่งเสียงหัวเราะยาว ซึ่งด็อกเตอร์จอมระห่ำยิ่งฟังก็ยิ่งคุ้นกับน้ำเสียงนั้น!
"หรือว่าแก...... ???" สถาพรกล่าวเบาๆ พลางฉุกคิดเรื่องความฝันของตัวเอง แล้วส่ายหน้า "ไม่ๆๆ เป็นไปไม่ได้!!"
"ฮ่าๆๆๆ.......อะไรหรือ ที่เป็นไปไม่ได้ ท่านสถาพร ?" บุรุษผู้สวมหน้ากากขาวกล่าวถามด้วยน้ำเสียงแสดงความขบขันและยั่วโมโห พูดกระตุ้นความสงสัยของสถาพรมากยิ่งขึ้นไปอีก "ท่านคงรู้สึกว่าจำเสียงของข้านี้ได้ล่ะสินะ ? แต่คิดว่าเป็นไปไม่ได้...ที่จะเป็นเสียงของใครบางคน...หึหึหึ..."
"ไอ้ ra ยำเอ๊ยย...พูดพล่ามอยู่ได้ ถอดหน้ากากสิวะ !!!"
"ได้ซี่....จะเป็นไรไปเล่า..." เขากล่าวยั่วเย้าอีกครั้ง แล้วค่อยๆ ขยับหน้ากาก แง้มใบหน้าซึ่งซ่อนอยู่หลังหน้ากากเผยออกทีละน้อยๆ พอเปิดได้ประมาณครึ่งหน้าก็สะบัดหน้ากากออกวูบอย่างรวดเร็ว! แล้วกล่าวคำทักทายอีกครั้งกับคนผู้ออกคำสั่ง
"สบายดีหรือ ท่านสถาพร ??? !!!"
"เลโอนีดาส !!!"
ทั้งสถาพร กัปตันวันชนะ และหลายคนในคณะ ร้องอุทานพร้อมกัน
"ฮ่าๆๆๆๆๆ........" ผู้เป็นเจ้าของนามนั้นหัวร่ออย่างสะใจ แล้วพยักหน้าตอบ "ช่ายย.....ข้าเอง...เลโอนีดาส อดีตเพื่อนร่วมงานของท่านอย่างไรเล่า..."
"เลโอนีดาส ไอ้ raยำสัส บัดซบ!! แก...แกรอดมาได้ยังไง ???"
"ฮ่าๆๆๆ......" อดีตสายลับผู้ได้ชีวิตใหม่หัวเราะอย่างขบขันกับสีหน้าและท่าทางของสถาพรซึ่งตอนนี้ยืนงงเหมือนไก่ตาแตกหน้าจอ "เป็นเพราะ เจ้านายผู้เอื้ออารี ผู้มาจากต่างดาว ช่วยชุบชีวิตของข้าขึ้นมาใหม่น่ะซี่........."
"ความฝันของคุณสถาพร เป็นเรื่องจริง...จริงๆ..." มหาเอกกล่าวเบาๆ
"ชุบชีวิตใหม่งั้นเรอะ ? ทำได้ไงวะ ??" สถาพรยังข้องใจ
"ฮ่ะๆๆๆ..." เลโอนีดาสหัวเราะ ราวกับขำเสียเต็มประดา "ถึงแม้ว่าร่างกายของข้าถูกจระเข้สองตัวแย่งกันกัดกินไป แต่สมองของข้าซึ่งตั้งอยู่ข้างในกระโหลกศีรษะ มิได้เสียหาย ข้อมูลความทรงจำต่างๆ ยังอยู่ครบ ดังนั้นท่านหัวหน้าของข้าจึงสามารถกอบกู้ขึ้นมาได้ และยังสร้างร่างใหม่ให้ข้าใช้แทนร่างเก่า แถมมีความพิเศษเหนือร่างเดิมอย่างมากมายมหาศาลเสียด้วย!!"
"น่าทึ่งมาก!" กัปตันอดออกปากชมเสียมิได้
"ขอบคุณที่ชม ท่านวันชนะ!" เลโอนีดาสตอบรับคำชมยิ้มๆ พลางโค้งคำนับ แล้วเงยหน้าขึ้น นำหน้ากากมาสวมตามเดิม ก่อนที่จะขยับตัวให้เนรอสจำแลงกลับมาออกจออีกครั้งโดยยืนคู่กัน
💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 66.1 🚀💫🕛💫
จักรพรรดิเนรอสตัวจริง รีบฉวยโอกาสที่จักรพรรดิจำแลงไม่อยู่ ขับยานราชพาหนะส่วนพระองค์หนีออกมาจากแอตแลนติสใต้พร้อมกับจักรพรรดินีเซฟิย่าและสองคู่สามีภรรยา อาบือ-ลิลลี่ กับอาเจอะ-โรซ่า ถึงเมืองโลโคเทีย ณ แอตแลนติสเหนือ ทุกคนได้ปรึกษาหารือกับบุคคลสำคัญแห่งที่นั้นอาทิเช่นอิบิคัสและเซบาสเต็น มีการพิสูจน์ตราพระราชลัญจกรอีกครั้งและผลคือของจริงยืนยันตัวจรืงของจักรพรรดิแน่นอนไม่มีปัญหา แต่เมื่อได้ทราบว่ากัปตันวันชนะและชาวคณะมิได้อยู่ที่นั่น แต่อยู่บนเกาะนิรนาม (อิบิคัสและชาวเหนือก็ไม่ทราบว่ากัปตันและชาวคณะเดินทางไปแอตแลนติสใต้แล้วโดยมิได้แจ้งข่าวให้ทางฝ่ายตนได้รับทราบ) จึงตกลงว่าจะมีการตามหาตัว "ไซม่อน" ชายคนขับยานบินโดยสารซึ่งเคยพบกับออเรเคิลและนำพระธำมรงค์หมั้นที่นางจ่ายแทนค่าโดยสารมาถวายคืนองค์จักรพรรดิ เพื่อให้เขาเป็นผู้นำทางไปยังบนเขาแอตลาสซึ่งมีช่องทางลับไปสู่เกาะนิรนาม
ทางด้านแอตแลนติสใต้ หัวหน้าเร็พไทเลี่ยนชาวไซเมนนัสซึ่งได้ออกจากร่างของจักรพรรดิเนรอส ได้เข้าไปหาอีกอรัส เลมูรัสชายซึ่งตนประมูลมาและให้อยู่ในห้องส่วนตัวภายในถ้ำอันเป็นสถานที่ลับ ใช้กำลังข่มขืนเขาตามวิสัยของตนซึ่งเสพเฉพาะเพศชายเท่านั้น จนอีกอรัสสลบไป เสร็จสมอารมณ์หมายแล้วก็ออกไปจากห้องและปิดล็อกประตูอย่างหนาแน่น แต่อีกอรัสซึ่งตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวดจากการถูกข่มขืนเกิดโมโหพยายามพังทลายประตูออกไปจนในที่สุดความโกรธเปลี่ยนเป็นพลังงานพิเศษทำให้ประตูเกิดไฟไหม้ทะลุเป็นช่องออกไป อีกอรัสจึงเป็นอิสระ เขาใช้โทรจิตติดต่อกับลีน่า เลมูรัสหญิงซึ่งขณะนี้สวมบทบาทเป็นออเรเคิลอยู่ในวังและชักชวนให้หนีไปด้วยกัน แต่ลีน่าปฏิเสธโดยยืนยันว่าตนอยู่อย่างนี้สุขสบายดีแล้ว ทั้งสองจึงต้องลาจากกันโดยอีกอรัสเดินทางหวนคืนกลับไปสู่ "บ้านเก่า" คือศูนย์ปฏิบัติการลับในเมืองเซเปรัส สถานที่ที่ให้กำเนิดตน ลีน่า และชาวเลมูรัสคนอื่นๆ ขึ้นมานั่นเอง โดยมีเป้าหมายคือช่วยเพื่อนๆ ชาวเลมูรัสให้เป็นอิสระจากพวกมนุษย์! เนื่องจากตนได้รับรู้จากจิตสัมผัสว่าเลมูรัสหลายคนถูกพวกมนุษย์ฆ่าทิ้งหลังจากเห็นว่าไร้ประโยชน์หรือเบื่อหน่ายแล้ว ดังนั้นเลมูรัสซึ่งยังมีชีวิตอยู่จะต้องได้รับอิสรภาพ!
ต่อมาไม่นาน กัปตันวันชนะและคณะก็เดินทางถึงพระราชวัง ณ แอตแลนติสใต้ พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างดีจากจักรพรรดิ มีการจัดเลี้ยงต้อนรับพวกเขาทุกคนอย่างอบอุ่น บรรยากาศเปี่ยมด้วยมิตรภาพ แต่ครั้นถึงเช้าวันใหม่ ขณะที่กัปตันและชาวคณะกำลังประชุมกันภายในห้องประชุมบนยาน THE FUGITIVE ไดรฟัสได้เดินทางมาถึงด้านหน้ายาน เมื่อขึ้นไปบนยานและเข้าห้องประชุมรายงานข่าวแล้ว กัปตันและชาวคณะจึงได้รู้ว่า ในขณะนี้ จักรพรรดิ และจักรพรรดินี ประทับอยู่ที่เมืองโลโคเทีย พอลองติดต่อกับทางเหนือก็ปรากฏว่าไม่สามารถทำการติดต่อใครๆ ได้ จึงทราบว่าระบบการติดต่อสื่อสารภายนอกถูกตัดไปแล้วโดยสิ้นเชิง จากนั้นมีประกาศจากจักรพรรดิจำแลงไปทั่วแผ่นดิน ให้ทางเหนือเตรียมจับกุมและมอบตัวจักรพรรดิเนรอสและผู้เกี่ยวข้องใกล้ชิดทุกคนให้แก่ทหารจากทางใต้เวลาบ่ายสามโมง และครั้นรายงานข่าวจบลง พื้นลานจอดยาน THE FUGITIVE และ SAVIOR FALCON ก็ยุบลงไป เปิดเป็นช่อง ยานทั้งสองตกลงไปอยู่บนพื้นใต้ดินและขอบยานถูกล็อกด้วยคีมเหล็กขนาดยักษ์นับสิบ ไม่อาจบินหนีไปไหนได้!
ต่อจากนี้ไป เชิญพบกับ แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 66.1 ต่อไป ได้เลยครับ......
==========================================================================
"เสียท่าไอ้กะปอมต่างดาวจนได้....เฮ้อ..." กัปตันวันชนะเอ่ยขึ้นเหมือนบ่นกับตัวเองพลางส่ายหน้า
"It's not fair!" เป็นคำบ่นจาก ยูไล เกลเลอร์
"เชี่ยเอ๊ยย....ทำไงกันดีวะเนี่ย ?" สถาพรออกอาการพล่านและเก้ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ถูก
"ผมว่าพวกเราทุกคน ใจเย็นๆ กันก่อนดีกว่าครับ คอยดูต่อไปว่ามันจะเอาอย่างไรกับพวกเรา แล้วค่อยหาทางแก้กันอีกที" มหาเอกกล่าวดึงสติทุกคนซึ่งดูเหมือนแทบจะตื่นตระหนกและวิตกกังวลกันไปหมด
"ใช่แล้วหละ ทุกคนทำตามที่คุณเอกว่าดีที่สุด เราทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้แล้ว" กัปตันพยักหน้ากล่าวเหมือนยอมจำนน
ทันใดนั้น จอมอนิเตอร์ใหญ่บนผนังด้านหนึ่งในห้องประชุมเปิดขึ้น ปรากฏภาพจักรพรรดิจำแลงครึ่งตัว จ้องมายังทุกคนแล้วเริ่มเจรจา
"สวัสดีอีกครั้ง ท่านวันชนะ และสหายทุกๆ ท่าน"
"ไอ้สัส! ปล่อยยานของพวกเราเดี๋ยวนี้นะ !!" สถาพรร้องโวยวาย
"ฮ่ะๆๆๆๆ..." จักรพรรดิจำแลงหัวเราะชอบใจ "ข้าจะปล่อยพวกท่านไปได้อย่างไรเล่า...ทำอย่างนั้น ก็โง่เสียยิ่งกว่าโง่น่ะซี่..."
"พวกเรารู้แล้วว่าแกมิใช่จักรพรรดิ เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นที่แกจะต้องจำแลงกายอีกต่อไปหรอก เผยร่างจริงของแกออกมาเถอะ!" กัปตันว่า
"โอ้...ท่านวันชนะ..." หัวหน้าเร็พไทเลี่ยนในคราบจักรพรรดิกล่าวยิ้มๆ "อันที่จริง ข้าก็อยากจะกลับร่างเป็นร่างเดิมอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ฐานและกรณ์แห่ง อวัยวะคือปากและลิ้นของร่างนั้น จะพูดภาษามนุษย์ได้ไม่ถนัด ไม่สะดวก...ดังนั้นขอให้ข้าปรากฏต่อพวกท่านด้วยร่างจำแลงแห่งมนุษย์เยี่ยงนี้ต่อไปดีกว่า จะได้พูดจาสื่อสารกันได้โดยง่าย..."
"แกต้องการอะไร ถึงได้ทำแบบนี้ ?" กัปตันถามโดยไม่อ้อมค้อม
"แหม...ข้าว่า ตัวท่านเอง น่าจะคาดเดาได้นา...บอกให้ก็ได้ ข้าต้องการยานของท่าน ทั้งสองลำ! ทั้งยานเล็กและยานใหญ่ รวมทั้งหุ่นยนต์อัจฉริยะผู้ช่วยของท่านด้วย ท่าน รวมทั้งท่านสถาพร ซึ่งเป็นยอดวิศวกร ต้องร่วมมือกับข้า และผู้ช่วยของข้า ในการทำวิศวกรรมย้อนกลับ เพื่อสร้างยานตามอย่างยานของท่าน...ข้าหมายถึงยานลำใหญ่ ซึ่งสมบูรณ์ เพียบพร้อมด้วยวิทยาการจากดาวเนโอโซรอส จนสำเร็จ! หลังจากนั้น ข้าจึงจะปล่อยพวกท่านทุกคนให้เป็นอิสระ ได้ไปจากที่นี่...ถึงตอนนั้นพวกท่านก็สมควรกลับคืนสู่เวลาและสถานที่ที่พวกท่านจากมาเสียที!"
"เกรงว่า หากยอมทำตามที่แกว่ามา พอพวกเราเดินทางกลับไปแล้ว จะพบกับโลกที่เปลี่ยนแปรผิดเพี้ยนไปเพราะการกระทำของแกน่ะสิวะ!" สถาพรตอบทันทีที่หัวหน้าเร็พไทเลี่ยนพูดจบ "และแก...แกฝันเฟื่องไปแล้ว! แกไม่มีวันได้ยานของพวกเราไปหรอก! ใครจะมอบให้แก ? ไม่มี!! และต่อให้แกได้ไป ก็ไม่มีวันจะขโมยวิทยาการของดาวเนโอโซรอสไปได้ เพราะไม่มีใครสามารถแปลภาษาของพวกเขาที่ปรากฏบนอุปกรณ์ต่างๆ ภายในยานให้แกได้!!"
"ใครว่าไม่มีกันเล่า....ท่านสถาพร ?" จักรพรรดิจำแลงกล่าวและยิ้มอย่างมีเลศนัย
สถาพรอึ้งและทำหน้าตาเหวอ ส่วนกัปตันใจหายวูบ! เขาหันไปมองเหล่าสมาชิกภายในยานโดยรอบ และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเครียด
"เอ็มม่า แอนนา และน้องแจ๊ค หายไปไหน ???"
คำถามนี้สร้างความตกใจแก่ชาวคณะทุกคน แต่ละคนช่วยกันมองหาภรรยาและลูกทั้งสองของกัปตัน...ทั้งสามคน หายไป! ไม่ได้อยู่กับพวกเขา !!!
"ฮ่ะๆๆๆ........" จักรพรรดิจำแลงหัวเราะชอบใจ ทุกคนหันกลับไปมองจอมอนิเตอร์อีกครั้ง แล้วก็ต้องตกใจมากกว่าเดิม!
เนรอสจำแลงเบี่ยงกายไปทางซ้ายและผายมือออก ทุกคนมองเห็นเอ็มม่า แอนนา และเด็กชายแจ๊ค ถูกจับเข้าเครื่องพันธนาการและขังไว้ในตู้โลหะตั้งเรียงกัน มีช่องหน้าต่างกระจกทรงกลมเผยให้เห็นเฉพาะบริเวณใบหน้าของทั้งสามคนนั้นเท่านั้น!!!
"เฮ้ย!! เป็นไปได้ไงวะ ?? ไอ้ ra ยำ!!" สถาพรโวยวายอีกครั้ง "พวกแกเข้ามาจับพวกเขาออกไปจากยานตั้งแต่เมื่อไร ???"
"ฮ่ะๆๆๆๆ........." เนรอสจำแลงส่งเสียงหัวร่ออีกครา สร้างความคันมือคันเท้าแก่ด็อกเตอร์จอมระห่ำเป็นยิ่งนัก ก่อนจะเฉลย "อาศัยช่วงที่พวกท่านกำลังตื่นตระหนกตกใจในขณะที่ยานกำลังลงมาสู่ฐานใต้ดิน ผู้ช่วยของข้า ก็ลอบเข้าสู่ยานของพวกท่าน ทำให้ภรรยาและลูกๆ ของท่านวันชนะหมดสติแล้วพาออกจากยาน ภายในเวลาอันสั้น!"
"พวกแก ทำได้ยังไงวะ ???" สถาพรตะโกนถามอย่างเดือดดาล
"โอ....มันเป็นสิ่งที่พวกท่านผู้มาจากอนาคตเรียกว่า เทเลพอร์เทชั่น ไงเล่า!" หัวหน้าเร็พไทเลี่ยนกล่าวเฉลยยิ้มๆ
"แกแน่มาก!!" กัปตันวันชนะกัดฟันกล่าว "และผู้ช่วยของแก ก็ร้ายกาจมาก! ไม่น่าเชื่อว่ามันจะสามารถเข้ามาภายในยานลำนี้ได้และยังพาคนออกไปจากยานได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที!!" จากนั้นเขาหันมากล่าวกับสถาพร และชาวคณะ พลางส่ายหน้า "เอ็มม่าและลูกๆ ตกเป็นเชลยของมันเสียแล้วแบบนี้ มันต้องใช้ทั้งสามคนเป็นตัวประกัน บีบบังคับพวกเราแน่ รวมทั้งบีบบังคับพวกเขาทั้งสามด้วย"
"หมายความว่า เราต้องยอมทำตามทุกอย่างที่มันสั่ง งั้นเหรอวะ ??" สถาพรถามเพื่อนอย่างคลั่งแค้น
"ก็คงต้องเป็นงั้น เราจะทำอย่างไรได้เล่าเพื่อน ?" กัปตันกล่าวด้วยน้ำเสียงเหมือนท้อแท้สิ้นหวัง
"สัส ra ยำเอ๊ยยย...." ผู้เป็นสหายรักก่นด่าพลางกัดฟันกรอดๆ หันไปหาจอมอนิเตอร์ ตะโกนถามผู้ร้ายซึ่งมาจากต่างดาวอีกครั้ง "ไหนวะ ผู้ช่วยของแก! ขอดูหน้ามันหน่อยซิ ทำไมถึงร้ายกาจขนาดนี้ !!"
"โอ้....ได้เลย ท่านสถาพร..." เนรอสจำแลงกล่าวยิ้มๆ อีกครั้ง "ดูเหมือนว่า เขาเอง ก็อยากพบเจอตัวท่านด้วยเหมือนกัน!"
คำตอบนั้น ทำให้ด็อกเตอร์จอมบ้าดีเดือดอึ้งไปชั่วขณะ และมึนงงด้วยความสงสัย นึกในใจ "ทำไมมันจึงอยากเจอเราด้วยวะ ? มันเป็นใครกัน ??"
จักรพรรดิจำแลงยิ้มให้สถาพรผู้กำลังตกอยู่ในความมึนงงสงสัยอีกครั้งก่อนจะพาตัวเองหายลับไปจากจอภาพ แล้วมีคนๆ หนึ่ง สวมหน้ากากสีขาวนวลปกปิดใบหน้าไว้ สวมชุดดำปกคลุมตั้งแต่ศีรษะ มาปรากฏบนจอแทน..ทันทีที่มาถึง บุรุษนั้นเอ่ยทักทายเขาและชาวคณะ THE FUGITIVE ทุกคนด้วยน้ำเสียงซึ่งฟังดูคุ้นหูเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับสถาพร!
"สวัสดี ท่านสถาพร และท่านผู้มาจากอนาคตทั้งหลาย...."
ทุกคนมองเขาด้วยความฉงนฉงาย
"แกเป็นใครวะ ? ทำไมต้องสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าด้วย ถอดหน้ากากสิวะ !!!" สถาพรตะโกนสั่ง
"ฮ่าๆๆๆ......." ผู้ช่วยของเนรอสจำแลงส่งเสียงหัวเราะยาว ซึ่งด็อกเตอร์จอมระห่ำยิ่งฟังก็ยิ่งคุ้นกับน้ำเสียงนั้น!
"หรือว่าแก...... ???" สถาพรกล่าวเบาๆ พลางฉุกคิดเรื่องความฝันของตัวเอง แล้วส่ายหน้า "ไม่ๆๆ เป็นไปไม่ได้!!"
"ฮ่าๆๆๆ.......อะไรหรือ ที่เป็นไปไม่ได้ ท่านสถาพร ?" บุรุษผู้สวมหน้ากากขาวกล่าวถามด้วยน้ำเสียงแสดงความขบขันและยั่วโมโห พูดกระตุ้นความสงสัยของสถาพรมากยิ่งขึ้นไปอีก "ท่านคงรู้สึกว่าจำเสียงของข้านี้ได้ล่ะสินะ ? แต่คิดว่าเป็นไปไม่ได้...ที่จะเป็นเสียงของใครบางคน...หึหึหึ..."
"ไอ้ ra ยำเอ๊ยย...พูดพล่ามอยู่ได้ ถอดหน้ากากสิวะ !!!"
"ได้ซี่....จะเป็นไรไปเล่า..." เขากล่าวยั่วเย้าอีกครั้ง แล้วค่อยๆ ขยับหน้ากาก แง้มใบหน้าซึ่งซ่อนอยู่หลังหน้ากากเผยออกทีละน้อยๆ พอเปิดได้ประมาณครึ่งหน้าก็สะบัดหน้ากากออกวูบอย่างรวดเร็ว! แล้วกล่าวคำทักทายอีกครั้งกับคนผู้ออกคำสั่ง
"สบายดีหรือ ท่านสถาพร ??? !!!"
"เลโอนีดาส !!!"
ทั้งสถาพร กัปตันวันชนะ และหลายคนในคณะ ร้องอุทานพร้อมกัน
"ฮ่าๆๆๆๆๆ........" ผู้เป็นเจ้าของนามนั้นหัวร่ออย่างสะใจ แล้วพยักหน้าตอบ "ช่ายย.....ข้าเอง...เลโอนีดาส อดีตเพื่อนร่วมงานของท่านอย่างไรเล่า..."
"เลโอนีดาส ไอ้ raยำสัส บัดซบ!! แก...แกรอดมาได้ยังไง ???"
"ฮ่าๆๆๆ......" อดีตสายลับผู้ได้ชีวิตใหม่หัวเราะอย่างขบขันกับสีหน้าและท่าทางของสถาพรซึ่งตอนนี้ยืนงงเหมือนไก่ตาแตกหน้าจอ "เป็นเพราะ เจ้านายผู้เอื้ออารี ผู้มาจากต่างดาว ช่วยชุบชีวิตของข้าขึ้นมาใหม่น่ะซี่........."
"ความฝันของคุณสถาพร เป็นเรื่องจริง...จริงๆ..." มหาเอกกล่าวเบาๆ
"ชุบชีวิตใหม่งั้นเรอะ ? ทำได้ไงวะ ??" สถาพรยังข้องใจ
"ฮ่ะๆๆๆ..." เลโอนีดาสหัวเราะ ราวกับขำเสียเต็มประดา "ถึงแม้ว่าร่างกายของข้าถูกจระเข้สองตัวแย่งกันกัดกินไป แต่สมองของข้าซึ่งตั้งอยู่ข้างในกระโหลกศีรษะ มิได้เสียหาย ข้อมูลความทรงจำต่างๆ ยังอยู่ครบ ดังนั้นท่านหัวหน้าของข้าจึงสามารถกอบกู้ขึ้นมาได้ และยังสร้างร่างใหม่ให้ข้าใช้แทนร่างเก่า แถมมีความพิเศษเหนือร่างเดิมอย่างมากมายมหาศาลเสียด้วย!!"
"น่าทึ่งมาก!" กัปตันอดออกปากชมเสียมิได้
"ขอบคุณที่ชม ท่านวันชนะ!" เลโอนีดาสตอบรับคำชมยิ้มๆ พลางโค้งคำนับ แล้วเงยหน้าขึ้น นำหน้ากากมาสวมตามเดิม ก่อนที่จะขยับตัวให้เนรอสจำแลงกลับมาออกจออีกครั้งโดยยืนคู่กัน