.
วันเสาร์แพรวไปโรงเรียนและเอาพิมพ์ไปเป็นเพื่อน สองฝาแฝดชวนเธอไปด้วยแต่ว่าเธอปฏิเสธไป ด้วยความขี้เกียจ วันนี้จึงค่อนข้างเหงา ๆ หน่อย ไม่มีเพื่อนเล่น
น้องบีมก็ทิ้งเธอไปเล่นกับเพื่อนตัวเอง ส่วนพี่สาวสองคนเสาร์อาทิตย์แบบนี้ก็พากันไปปัดกวาดบ้านของตน พี่บอลไปเล่นที่ไหนไม่ทราบได้ เธออยู่บ้านกับพี่บอมสองคน ยายไปเล่นบ้านยายอ้วน ตาไปเลี้ยงวัวเช่นเดิม ค่ำ ๆ ถึงจะกลับ
บอสกับพี่บอมนอนดูทีวีอยู่ในบ้าน เหมือนสวรรค์รู้ว่าเธอกำลังเหงา ไปไหนไม่ได้ไม่มีรถมอเตอร์ไซค์ รถของพี่ ๆ ไม่อยู่สักคัน เหลือก็แต่จักรยานคู่ใจของตาจอดอยู่ จะให้เธอปั่นไปเล่นเป็นไปไม่ได้
จู่ ๆ ชมพู่ก็ขับรถมาหาเธอ มาเล่นกับเธอที่บ้าน เป็นอะไรที่โชคดีมาก ชมพู่มาทันเวลาพอดี เธอกำลังเหงา ๆ อยู่เลย
“บอส! ทำอะไร” ชมพู่จอดรถไว้หน้าบ้าน เดินมาหยุดยืนตรงหน้าประตู ยังไม่กล้าเข้ามาเพราะเห็นพี่บอมนอนอยู่
เธอรีบลุกขึ้นเดินมาหาเพื่อนทันที ดีใจมากที่สุด “พู่มาคนเดียวเหรอ”
“เหงาอ่ะ เลยมาหามืง”
“เหมือนกัน ไปหาอี่นินป่ะ “ บอสชวนชมพู่ไปเล่นบ้านนินดีกว่า อยู่นี่มีพี่บอมเธอเกรงใจว่าชมพู่จะไม่สนุกเอา
“ป่ะ” ชมพู่จอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ที่บ้านของเธอ พวกเธอพากันเดินไปบ้านนินเพราะบ้านอยู่ใกล้แค่นี้เอง “บอสอี่แฝดไม่อยู่เหรอ”
“ไม่อ่ะ มันไปโรงเรียน” ระหว่างที่เดินไปบ้านนินผ่านบ้านพิมพ์กับแพรวพอดี ชมพู่จึงถามขึ้น ทว่าไปถึงบ้านนินกลับไม่มีใครอยู่บ้าน คนข้างบ้านบอกว่านินพายายไปนา น่าจะกลับค่ำ ๆ
“เอาไงดีมืง” บอสหันไปหาเพื่อน ทีนี้จะไปบ้านใครดี หรือจะไปหาเพื่อนที่คุ้มโรงเรียนดี “ไปหาอี่จ๋อมปะเผื่อมันอยู่บ้าน”
“ไปก็ไป” ชมพู่ไม่ปฏิเสธ ไปไหนไปกัน แล้วพวกเธอสองคนก็พากันเดินวนกลับมาเอารถมอเตอร์ไซค์ชมพู่ที่บ้านของเธอ
“พี่บอมบอกยายด้วยว่าบอสไปเล่น ไปบ้านจ๋อม พาชมพู่ไปเอาหนังสือ” เธอโกหกอ้างเหตุผลไปอย่างนั้นเอง พี่บอมไม่ได้สนใจพวกเธอด้วยซ้ำไป
“ไปเลาะไหน อย่าให้รู้ว่าไปหาผู้ชายหมู่บ้านนั้นหมู่บ้านนี้นะ ตายแน่มืง” พี่บอมขู่เธอ ไม่ค่อยชอบเลยที่คนในบ้านพูดแบบนี้ เหมือนไม่ไว้ใจกันเลย เธอไม่ใช่เด็กใจแตกอะไรแบบนั้นสักหน่อย
ทีตัวเองพาผู้หญิงมาบ้าน ไม่เห็นคิดแบบนี้ คงกลัวน้องจะเป็นแบบนั้น ใครเค้าจะเป็นเหมือนแฟนตัวเอง บอสได้แต่เถียงพี่ชายในใจ
“เออไม่ไปหรอกน่า ก็บอกว่าไปบ้านอี่จ๋อม บอกยายด้วย” แล้วเธอก็ซ้อนรถไปบ้านจ๋อมกับชมพู่ โชคดีที่จ๋อมอยู่บ้าน ไม่ได้ไปโรงเรียนเหมือนสองฝาแฝด ทั้งที่ก็อยู่โรงเรียนเดียวกันนั่นแหละ
“จ๋อมทำอะไร” เมื่อชมพู่จอดรถสนิท บอสลงจากรถเดินมาหาจ๋อมในบ้านอย่างคุ้นเคย ก็เป็นเพื่อนสนิทกันมาแต่เด็ก ๆ มาบ้านหลังนี้ตั้งแต่เด็ก ๆ ชมพูพึ่งจะมาไม่กี่ครั้ง เพราะบ้านไกล อยู่คนละคุ้มและตอนประถมไม่ได้อยู่แก๊งเดียวกันกับพวกเธอ
“ทำการบ้านมืง อี่แฝดไปโรงเรียนเหรอ”
“อือ มืงไม่ได้ไปกับมันเหรอ” บอสตอบเดินเข้ามานั่งโซฟาสีดำหน้าทีวีของจ๋อม ตัวเก่าตัวเดิมที่คุ้นเคยแต่เด็ก ๆ โซฟาตัวนี้ยังอยู่
“พวกมืงไปไหนมาหนิ ชมพู่ไงได้มากับอี่บอส มืงไปบ้านชมพู่มาเหรอ”
“กูมาหาอี่บอสเอง ที่บ้านเงียบเหงาอ่ะ เลยมาเล่นกับอี่บอส ไปบ้านอี่นินก็ไม่อยู่ วันนี้เพื่อนเราหายไปไหนหมดก็ไม่รู้” ชมพู่พูดเซ็ง ๆ ก็กว่าจะมาหาเธอ ไปบ้านนิดกับน้ำมาแล้วซึ่งก็ไม่อยู่ทั้งคู่
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันพอดี ข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้กินสักคน พวกเธอสามคนจึงออกเงินกันซื้อส้มตำไก่ทอดมากินที่บ้านของจ๋อมซะเลย เป็นมื้อเที่ยงที่อร่อยมาก กินไปโม้ไป จ๋อมเป็นคนโม้เรื่องที่โรงเรียนตัวเองให้พวกเธอฟัง สลับกันเล่ากับพวกเธอ
“อี่ห่าวันนั้นพวกกูวิ่งลัดทุ่งมา ตลกมากมืงกลัวก็กลัว กฐินก็อยากแห่ วันจันทร์กลับไปเจอครูบรรจงแจกขนมเปี๊ยะซะ ฮา” ชมพูเล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นให้ฟัง เล่าไม่เคยเบื่อ เล่ากี่รอบ ๆ ก็ขำจนน้ำตาเล็ดทุกรอบ
จ๋อมหัวเราะเรื่องราวของพวกเธอแทบจะทานข้าวไม่ได้ หัวเราะจนตัวโก่งตัวงอ เจ็บไส้เจ็บพุงไปหมด รวมทั้งเธอด้วยจำไม่รู้ลืม ฮา
“ไปเล่นเขื่อนกันมั้ยมืง” บอสเสนอกับเพื่อนทั้งสองคน อยู่บ้านรู้สึกเบื่อ ๆ ไปหาขับรถเล่นดีกว่า
“ไปก็ไป! “จ๋อมก็ไม่คิดจะปฏิเสธอะไรเลย ด้วยอยากไปอยู่แล้ว “ไปชวนอี่อุ้มด้วยกูไม่อยากขับรถคนเดียว”
“ ได้ ไปหลาย ๆ คนสนุกดี แล้วการบ้านมืงเสร็จยัง” ชมพู่ถาม
“ช่าง! ไว้ทำตอนเย็น”
เมื่อตกลงกันได้ดังนั้นจึงพากันออกเดินทางกันเลย หลังทานข้าวเที่ยงอิ่ม เธอซ้อนไปกับชมพู่ ส่วนจ๋อมขับรถตัวเองไปรับอุ้มที่บ้าน โชคดีที่อุ้มอยู่บ้าน แล้วก็พากันขับมอเตอร์ไซค์ออกไป
พวกเธอสี่คนกับมอเตอร์ไซค์ซ้อนกันสองคน สองคันขับตามกันไปเขื่อนลำปาว แต่ละคนสวมกางเกงวอร์มเสื้อยืดคอกลมและเสื้อแขนยาวกันแดดอีกชั้น ขับรถมุ่งหน้าไปยังเขื่อนบำปาวที่ว่า ไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงจุดหมายปลายทาง
พวกเธอขับรถเข้ามาภายในเขื่อน บรรยากาศร่มรื่นจนน่ากลัว เนื่องจากไม่ใช่เทศกาลคนจึงไม่ค่อยมาเที่ยวกันเท่าไหร่นัก มีประปรายที่มาปูเสื่อนั่งชมวิวที่นี่
“เอาไงมืง วังเวงว่ะ” อุ้มพูดขึ้น มองไปรอบ ๆ บริเวณ ไม่ค่อยจะมีผู้คนเลย
“กลับมั้ย” เธอเสนอ ก็จะไปไหนต่อ เมื่อเขื่อนไม่น่าเล่นแล้ว กลับน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
“ได้มาแล้ว ไปภูกุ้มข้าวต่อมั้ยล่ะ ไปหาถ่ายรูปกับไดโนเสาร์” ชมพู่เหมือนจะยังไม่อยากกลับ เธอเองก็คิดแบบนั้น ทว่าไม่กล้าเสนอเนื่องจากตนเองไม่ใช่เจ้าของรถ
“เอาไง” จ๋อมหันมาหาเธอกับอุ้ม
“ไปก็ไป” อุ้มตอบตกลงด้วยความที่อยากไปเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มีหรือจะปฏิเสธ
แล้วทุกคนก็ขับรถออกจากเขื่อนมุ่งหน้าไปยังภูกุ้มข้าวคู่ใครคู่มัน ขับรถออกจากเขื่อนได้ไม่นานก็ถึงภูที่ว่าแล้ว ข้างทางมีรูปปั้นของไดโนเสาร์ตั้งตระหง่านอยู่หลายตัว แล้วพวกเธอก็ขับรถเข้ามาภายในบริเวณวัด
นำรถไปจอดไว้ที่จอดรถสำหรับมอเตอร์ไซค์ มาที่นี่โชคดีหน่อย มีคนมาเที่ยวเยอะ ไม่เงียบเหมือนอยู่ที่เขื่อน มีคนพาลูกพาครอบครัวมาชมกระดูกไดโนเสาร์หลายครอบครัว
พอมาถึงพวกเธอก็เริ่มปฏิบัติการตามล่าไดโนเสาร์กัน เข้าไปในพิพิธภัณฑ์ ดูโครงกระดูกของจริง เจ้าหน้าที่ล้อมรั้วกระจกไว้ พวกเธอเก็บภาพไว้หลายภาพ สลับกันถ่ายรูปให้ซึ่งกันและกัน เดินชมซากฟอสซิ่วต่าง ๆ ชมสัตว์โบราณต่าง ๆ ด้วย
บ่ายสามโมงกว่า ๆ พวกเธอจึงพากันเดินทางกลับบ้าน ขับรถตามกันไป พอตะวันบ่ายคล้อยบอสก็เริ่มกลัว กลัวว่ายายจะถามว่าไปไหนมา กลัวยายจะเค้นเอาความจริง กลัวว่ายายจะตามหา กลัวไปหมด นั่งรถไปภาวนาไปตามทาง
เฮ้ย! กรี๊ด! “ชมพู่ระวัง!” ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก โดยที่พวกเธอสองคนก็ตั้งตัวไม่ทัน รถเสียหลักลงข้างทาง เพราะชมพู่ขับรถมือเดียว มัวแต่ยุ่งกับการหยิบหวมกเสื้อแขนยาวมาคลุมศีรษะ
พอมาถึงกึ่งกลางระหว่างทาง ใกล้จะเข้าหมู่บ้านของเธอแล้ว ไม่รู้ชมพู่ขับรถท่าไหน พาเธอลงข้างทางจนได้ โชคดีไม่มีใครเป็นอะไร ไม่มีใครเจ็บตรงไหน เพราะชมพู่ไม่ได้ขับรถเร็ว ค่อย ๆ ขับไปเรื่อย ๆ นั่นเอง
เมื่อรถเสียหลักลงข้างทาง พากันนั่งหัวเราะเยาะกัน “อี่ชมพู่มืงขับรถยังไงของมืงหนิ ฮา” บอสต่อว่าเพื่อนแต่ไม่ได้โกรธอะไร ก็เจ็บทั้งคู่ หัวเราะตัวเอง ชมพู่เองก็ขำตัวเอง ทั้งสองคนพากันนั่งขำกันเอง พร้อมรถที่ล้มอยู่ข้าง ๆ
เมื่อตั้งสติได้ พวกเธอทั้งสองคนก็ลุกขึ้น พยายามเข็นรถขึ้นถนน มันช่างสูงยิ่งนัก นาทีนี้รถมอเตอร์ไซค์มันช่างหนักเหลือเกิน ผู้หญิงสองคนกำลังพยายามเข็นรถขึ้นถนน ชมพู่เข็นด้านหน้า ส่วนเธอดันด้านหลังขึ้นไป
รถวิ่งผ่านไปผ่านมาก็ไม่มีน้ำใจ ที่จะเข็นรถขึ้นถนนช่วยพวกเธอเลย ขับผ่านมามองแล้วก็ขับผ่านไปอย่างหน้าตาเฉย บนความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีเมื่อจ๋อมกับอุ้มวนรถกลับมาพอดี
“เฮ้ยบอส ชมพู่เป็นไรมากมั้ย” อุ้มกับจ๋อมเมื่อเห็นพวกเธอกำลังดันรถขึ้นมาบนถนน รีบจอดรถไว้ข้างทางรีบมาช่วยดึงรถขึ้น จนในที่สุดก็เข็นขึ้นมาได้
“ไม่เป็นไรมืง ฮา ชมพู่เป็นไรมั้ย ส่วนกูไม่เจ็บตรงไหนเลย” บอสถามชมพู่ เธอไม่เจ็บตรงไหนเลยจริง ๆ เธอก็ยังหัวเราะ ตลกกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก
“ไม่ ๆ กูก็ไม่เจ็บ แต่กระจกรถแตกนี่สิ กูจะบอกแม่กูยังไงดี” พวกเธอไม่มีใครเจ็บตรงไหน ทว่าชมพู่ดูเป็นกังวลเรื่องรถมากกว่า
“บอกว่าโดนแก้งก็ได้มืง จอดไว้มีคนมาทุบที่โรงเรียนก็ว่าไป” จ๋อมแนะนำ “ดีนะอี่อุ้มฉุกคิด ไม่เห็นพวกมืงขับตามมา บอกให้กูวนรถกลับมาดู “
“โชคดีมากเลยจ๋อมที่มืงยังวนรถกลับมาช่วยพวกกู ไม่งั้นนะจะเอารถขึ้นได้ตอนไหนก็ไม่รู้ “ บอสบ่น เธอแค่รู่สึกหมั่นไส้คนที่ขับรถผ่าน จะจอดช่วยสักหน่อยก็ไม่ได้ ไม่มีน้ำใจเลย
“ไม่มีใครเป็นไรก็ดีแล้วมืง กลับเหอะเย็นแล้ว”
“ปะ!” แล้วพวกเธอก็ขับรถกลับบ้านกันต่อ บอสยิ่งกระวนกระวายใจไปอีก กลัวว่ายายจะถามหาเนื่องจากกลับถึงบ้านค่ำ ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุก่อน เธอจะกลับถึงบ้านในเวลาที่พอดี แต่มาเสียเวลาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน
“บอสมืงไปไหนมา กลับบ้านค่ำ ๆ แบบนี้ วัวไม่เข้าคอกมืงก็ไม่มาน้อบ้าน” ยายบ่นให้เธอทันทีที่ชมพู่ขับรถออกไป บอสกลับมาถึงไม่รีรอ รีบทำงานบ้านหน้าที่ของตนอย่างเร็ว “มืงไปเลาะที่ไหนมา มีคนเห็นมืงขับรถไปทางหมู่บ้านนู้น”
“ไปไหนยาย ก็ไปบ้านอี่จ๋อม ใครเห็น! ใครมีตาทิพย์เหรอ” บอสแถไปอย่างนั้นเอง ในใจกำลังตั้งคำถามว่าใครกัน ใครที่นำมาบอกยาย ช่างเป็นผู้รู้เสียจริง ๆ ก็ใช่เธอไปจริง แต่ทำไมต้องมายุ่งเรื่องของเธอด้วย
“ไปบ้านอี่จ๋อมมืงกลับเอาป่านนี่เหรอ” นั่นไงยายจะเค้นเธอใช่มั้ย โอ้ยจะโกหกว่าอะไรดี การโกหกผู้ใหญ่เป็นสิ่งไม่ดี แต่ถ้าบอกความจริงเธออาจจะโดนฝ่ามือพิฆาตได้ ไหนจะเรื่องรถล้มวันนี้อีก ถ้าเข้าหูยายเธอตายแน่
“ก็รอชมพู่ พาชมพู่เอาหนังสืออี่จ๋อมไปถ่ายเอกสาร มันยืมไปทำรายงานน่ะยาย บอสก็เลยพามันไป” เยส! สุดท้ายเธอก็แถไปต่อจนได้ และยายก็เลิกรบเร้า ในที่สุดเธอก็ผ่านเหตุการณ์น่าหวาดเสียวนี้ไปได้อย่างหวุดหวิด...
คิดถึง 2 บทที่ 10
.
วันเสาร์แพรวไปโรงเรียนและเอาพิมพ์ไปเป็นเพื่อน สองฝาแฝดชวนเธอไปด้วยแต่ว่าเธอปฏิเสธไป ด้วยความขี้เกียจ วันนี้จึงค่อนข้างเหงา ๆ หน่อย ไม่มีเพื่อนเล่น
น้องบีมก็ทิ้งเธอไปเล่นกับเพื่อนตัวเอง ส่วนพี่สาวสองคนเสาร์อาทิตย์แบบนี้ก็พากันไปปัดกวาดบ้านของตน พี่บอลไปเล่นที่ไหนไม่ทราบได้ เธออยู่บ้านกับพี่บอมสองคน ยายไปเล่นบ้านยายอ้วน ตาไปเลี้ยงวัวเช่นเดิม ค่ำ ๆ ถึงจะกลับ
บอสกับพี่บอมนอนดูทีวีอยู่ในบ้าน เหมือนสวรรค์รู้ว่าเธอกำลังเหงา ไปไหนไม่ได้ไม่มีรถมอเตอร์ไซค์ รถของพี่ ๆ ไม่อยู่สักคัน เหลือก็แต่จักรยานคู่ใจของตาจอดอยู่ จะให้เธอปั่นไปเล่นเป็นไปไม่ได้
จู่ ๆ ชมพู่ก็ขับรถมาหาเธอ มาเล่นกับเธอที่บ้าน เป็นอะไรที่โชคดีมาก ชมพู่มาทันเวลาพอดี เธอกำลังเหงา ๆ อยู่เลย
“บอส! ทำอะไร” ชมพู่จอดรถไว้หน้าบ้าน เดินมาหยุดยืนตรงหน้าประตู ยังไม่กล้าเข้ามาเพราะเห็นพี่บอมนอนอยู่
เธอรีบลุกขึ้นเดินมาหาเพื่อนทันที ดีใจมากที่สุด “พู่มาคนเดียวเหรอ”
“เหงาอ่ะ เลยมาหามืง”
“เหมือนกัน ไปหาอี่นินป่ะ “ บอสชวนชมพู่ไปเล่นบ้านนินดีกว่า อยู่นี่มีพี่บอมเธอเกรงใจว่าชมพู่จะไม่สนุกเอา
“ป่ะ” ชมพู่จอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ที่บ้านของเธอ พวกเธอพากันเดินไปบ้านนินเพราะบ้านอยู่ใกล้แค่นี้เอง “บอสอี่แฝดไม่อยู่เหรอ”
“ไม่อ่ะ มันไปโรงเรียน” ระหว่างที่เดินไปบ้านนินผ่านบ้านพิมพ์กับแพรวพอดี ชมพู่จึงถามขึ้น ทว่าไปถึงบ้านนินกลับไม่มีใครอยู่บ้าน คนข้างบ้านบอกว่านินพายายไปนา น่าจะกลับค่ำ ๆ
“เอาไงดีมืง” บอสหันไปหาเพื่อน ทีนี้จะไปบ้านใครดี หรือจะไปหาเพื่อนที่คุ้มโรงเรียนดี “ไปหาอี่จ๋อมปะเผื่อมันอยู่บ้าน”
“ไปก็ไป” ชมพู่ไม่ปฏิเสธ ไปไหนไปกัน แล้วพวกเธอสองคนก็พากันเดินวนกลับมาเอารถมอเตอร์ไซค์ชมพู่ที่บ้านของเธอ
“พี่บอมบอกยายด้วยว่าบอสไปเล่น ไปบ้านจ๋อม พาชมพู่ไปเอาหนังสือ” เธอโกหกอ้างเหตุผลไปอย่างนั้นเอง พี่บอมไม่ได้สนใจพวกเธอด้วยซ้ำไป
“ไปเลาะไหน อย่าให้รู้ว่าไปหาผู้ชายหมู่บ้านนั้นหมู่บ้านนี้นะ ตายแน่มืง” พี่บอมขู่เธอ ไม่ค่อยชอบเลยที่คนในบ้านพูดแบบนี้ เหมือนไม่ไว้ใจกันเลย เธอไม่ใช่เด็กใจแตกอะไรแบบนั้นสักหน่อย
ทีตัวเองพาผู้หญิงมาบ้าน ไม่เห็นคิดแบบนี้ คงกลัวน้องจะเป็นแบบนั้น ใครเค้าจะเป็นเหมือนแฟนตัวเอง บอสได้แต่เถียงพี่ชายในใจ
“เออไม่ไปหรอกน่า ก็บอกว่าไปบ้านอี่จ๋อม บอกยายด้วย” แล้วเธอก็ซ้อนรถไปบ้านจ๋อมกับชมพู่ โชคดีที่จ๋อมอยู่บ้าน ไม่ได้ไปโรงเรียนเหมือนสองฝาแฝด ทั้งที่ก็อยู่โรงเรียนเดียวกันนั่นแหละ
“จ๋อมทำอะไร” เมื่อชมพู่จอดรถสนิท บอสลงจากรถเดินมาหาจ๋อมในบ้านอย่างคุ้นเคย ก็เป็นเพื่อนสนิทกันมาแต่เด็ก ๆ มาบ้านหลังนี้ตั้งแต่เด็ก ๆ ชมพูพึ่งจะมาไม่กี่ครั้ง เพราะบ้านไกล อยู่คนละคุ้มและตอนประถมไม่ได้อยู่แก๊งเดียวกันกับพวกเธอ
“ทำการบ้านมืง อี่แฝดไปโรงเรียนเหรอ”
“อือ มืงไม่ได้ไปกับมันเหรอ” บอสตอบเดินเข้ามานั่งโซฟาสีดำหน้าทีวีของจ๋อม ตัวเก่าตัวเดิมที่คุ้นเคยแต่เด็ก ๆ โซฟาตัวนี้ยังอยู่
“พวกมืงไปไหนมาหนิ ชมพู่ไงได้มากับอี่บอส มืงไปบ้านชมพู่มาเหรอ”
“กูมาหาอี่บอสเอง ที่บ้านเงียบเหงาอ่ะ เลยมาเล่นกับอี่บอส ไปบ้านอี่นินก็ไม่อยู่ วันนี้เพื่อนเราหายไปไหนหมดก็ไม่รู้” ชมพู่พูดเซ็ง ๆ ก็กว่าจะมาหาเธอ ไปบ้านนิดกับน้ำมาแล้วซึ่งก็ไม่อยู่ทั้งคู่
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันพอดี ข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้กินสักคน พวกเธอสามคนจึงออกเงินกันซื้อส้มตำไก่ทอดมากินที่บ้านของจ๋อมซะเลย เป็นมื้อเที่ยงที่อร่อยมาก กินไปโม้ไป จ๋อมเป็นคนโม้เรื่องที่โรงเรียนตัวเองให้พวกเธอฟัง สลับกันเล่ากับพวกเธอ
“อี่ห่าวันนั้นพวกกูวิ่งลัดทุ่งมา ตลกมากมืงกลัวก็กลัว กฐินก็อยากแห่ วันจันทร์กลับไปเจอครูบรรจงแจกขนมเปี๊ยะซะ ฮา” ชมพูเล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นให้ฟัง เล่าไม่เคยเบื่อ เล่ากี่รอบ ๆ ก็ขำจนน้ำตาเล็ดทุกรอบ
จ๋อมหัวเราะเรื่องราวของพวกเธอแทบจะทานข้าวไม่ได้ หัวเราะจนตัวโก่งตัวงอ เจ็บไส้เจ็บพุงไปหมด รวมทั้งเธอด้วยจำไม่รู้ลืม ฮา
“ไปเล่นเขื่อนกันมั้ยมืง” บอสเสนอกับเพื่อนทั้งสองคน อยู่บ้านรู้สึกเบื่อ ๆ ไปหาขับรถเล่นดีกว่า
“ไปก็ไป! “จ๋อมก็ไม่คิดจะปฏิเสธอะไรเลย ด้วยอยากไปอยู่แล้ว “ไปชวนอี่อุ้มด้วยกูไม่อยากขับรถคนเดียว”
“ ได้ ไปหลาย ๆ คนสนุกดี แล้วการบ้านมืงเสร็จยัง” ชมพู่ถาม
“ช่าง! ไว้ทำตอนเย็น”
เมื่อตกลงกันได้ดังนั้นจึงพากันออกเดินทางกันเลย หลังทานข้าวเที่ยงอิ่ม เธอซ้อนไปกับชมพู่ ส่วนจ๋อมขับรถตัวเองไปรับอุ้มที่บ้าน โชคดีที่อุ้มอยู่บ้าน แล้วก็พากันขับมอเตอร์ไซค์ออกไป
พวกเธอสี่คนกับมอเตอร์ไซค์ซ้อนกันสองคน สองคันขับตามกันไปเขื่อนลำปาว แต่ละคนสวมกางเกงวอร์มเสื้อยืดคอกลมและเสื้อแขนยาวกันแดดอีกชั้น ขับรถมุ่งหน้าไปยังเขื่อนบำปาวที่ว่า ไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงจุดหมายปลายทาง
พวกเธอขับรถเข้ามาภายในเขื่อน บรรยากาศร่มรื่นจนน่ากลัว เนื่องจากไม่ใช่เทศกาลคนจึงไม่ค่อยมาเที่ยวกันเท่าไหร่นัก มีประปรายที่มาปูเสื่อนั่งชมวิวที่นี่
“เอาไงมืง วังเวงว่ะ” อุ้มพูดขึ้น มองไปรอบ ๆ บริเวณ ไม่ค่อยจะมีผู้คนเลย
“กลับมั้ย” เธอเสนอ ก็จะไปไหนต่อ เมื่อเขื่อนไม่น่าเล่นแล้ว กลับน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
“ได้มาแล้ว ไปภูกุ้มข้าวต่อมั้ยล่ะ ไปหาถ่ายรูปกับไดโนเสาร์” ชมพู่เหมือนจะยังไม่อยากกลับ เธอเองก็คิดแบบนั้น ทว่าไม่กล้าเสนอเนื่องจากตนเองไม่ใช่เจ้าของรถ
“เอาไง” จ๋อมหันมาหาเธอกับอุ้ม
“ไปก็ไป” อุ้มตอบตกลงด้วยความที่อยากไปเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มีหรือจะปฏิเสธ
แล้วทุกคนก็ขับรถออกจากเขื่อนมุ่งหน้าไปยังภูกุ้มข้าวคู่ใครคู่มัน ขับรถออกจากเขื่อนได้ไม่นานก็ถึงภูที่ว่าแล้ว ข้างทางมีรูปปั้นของไดโนเสาร์ตั้งตระหง่านอยู่หลายตัว แล้วพวกเธอก็ขับรถเข้ามาภายในบริเวณวัด
นำรถไปจอดไว้ที่จอดรถสำหรับมอเตอร์ไซค์ มาที่นี่โชคดีหน่อย มีคนมาเที่ยวเยอะ ไม่เงียบเหมือนอยู่ที่เขื่อน มีคนพาลูกพาครอบครัวมาชมกระดูกไดโนเสาร์หลายครอบครัว
พอมาถึงพวกเธอก็เริ่มปฏิบัติการตามล่าไดโนเสาร์กัน เข้าไปในพิพิธภัณฑ์ ดูโครงกระดูกของจริง เจ้าหน้าที่ล้อมรั้วกระจกไว้ พวกเธอเก็บภาพไว้หลายภาพ สลับกันถ่ายรูปให้ซึ่งกันและกัน เดินชมซากฟอสซิ่วต่าง ๆ ชมสัตว์โบราณต่าง ๆ ด้วย
บ่ายสามโมงกว่า ๆ พวกเธอจึงพากันเดินทางกลับบ้าน ขับรถตามกันไป พอตะวันบ่ายคล้อยบอสก็เริ่มกลัว กลัวว่ายายจะถามว่าไปไหนมา กลัวยายจะเค้นเอาความจริง กลัวว่ายายจะตามหา กลัวไปหมด นั่งรถไปภาวนาไปตามทาง
เฮ้ย! กรี๊ด! “ชมพู่ระวัง!” ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก โดยที่พวกเธอสองคนก็ตั้งตัวไม่ทัน รถเสียหลักลงข้างทาง เพราะชมพู่ขับรถมือเดียว มัวแต่ยุ่งกับการหยิบหวมกเสื้อแขนยาวมาคลุมศีรษะ
พอมาถึงกึ่งกลางระหว่างทาง ใกล้จะเข้าหมู่บ้านของเธอแล้ว ไม่รู้ชมพู่ขับรถท่าไหน พาเธอลงข้างทางจนได้ โชคดีไม่มีใครเป็นอะไร ไม่มีใครเจ็บตรงไหน เพราะชมพู่ไม่ได้ขับรถเร็ว ค่อย ๆ ขับไปเรื่อย ๆ นั่นเอง
เมื่อรถเสียหลักลงข้างทาง พากันนั่งหัวเราะเยาะกัน “อี่ชมพู่มืงขับรถยังไงของมืงหนิ ฮา” บอสต่อว่าเพื่อนแต่ไม่ได้โกรธอะไร ก็เจ็บทั้งคู่ หัวเราะตัวเอง ชมพู่เองก็ขำตัวเอง ทั้งสองคนพากันนั่งขำกันเอง พร้อมรถที่ล้มอยู่ข้าง ๆ
เมื่อตั้งสติได้ พวกเธอทั้งสองคนก็ลุกขึ้น พยายามเข็นรถขึ้นถนน มันช่างสูงยิ่งนัก นาทีนี้รถมอเตอร์ไซค์มันช่างหนักเหลือเกิน ผู้หญิงสองคนกำลังพยายามเข็นรถขึ้นถนน ชมพู่เข็นด้านหน้า ส่วนเธอดันด้านหลังขึ้นไป
รถวิ่งผ่านไปผ่านมาก็ไม่มีน้ำใจ ที่จะเข็นรถขึ้นถนนช่วยพวกเธอเลย ขับผ่านมามองแล้วก็ขับผ่านไปอย่างหน้าตาเฉย บนความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีเมื่อจ๋อมกับอุ้มวนรถกลับมาพอดี
“เฮ้ยบอส ชมพู่เป็นไรมากมั้ย” อุ้มกับจ๋อมเมื่อเห็นพวกเธอกำลังดันรถขึ้นมาบนถนน รีบจอดรถไว้ข้างทางรีบมาช่วยดึงรถขึ้น จนในที่สุดก็เข็นขึ้นมาได้
“ไม่เป็นไรมืง ฮา ชมพู่เป็นไรมั้ย ส่วนกูไม่เจ็บตรงไหนเลย” บอสถามชมพู่ เธอไม่เจ็บตรงไหนเลยจริง ๆ เธอก็ยังหัวเราะ ตลกกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก
“ไม่ ๆ กูก็ไม่เจ็บ แต่กระจกรถแตกนี่สิ กูจะบอกแม่กูยังไงดี” พวกเธอไม่มีใครเจ็บตรงไหน ทว่าชมพู่ดูเป็นกังวลเรื่องรถมากกว่า
“บอกว่าโดนแก้งก็ได้มืง จอดไว้มีคนมาทุบที่โรงเรียนก็ว่าไป” จ๋อมแนะนำ “ดีนะอี่อุ้มฉุกคิด ไม่เห็นพวกมืงขับตามมา บอกให้กูวนรถกลับมาดู “
“โชคดีมากเลยจ๋อมที่มืงยังวนรถกลับมาช่วยพวกกู ไม่งั้นนะจะเอารถขึ้นได้ตอนไหนก็ไม่รู้ “ บอสบ่น เธอแค่รู่สึกหมั่นไส้คนที่ขับรถผ่าน จะจอดช่วยสักหน่อยก็ไม่ได้ ไม่มีน้ำใจเลย
“ไม่มีใครเป็นไรก็ดีแล้วมืง กลับเหอะเย็นแล้ว”
“ปะ!” แล้วพวกเธอก็ขับรถกลับบ้านกันต่อ บอสยิ่งกระวนกระวายใจไปอีก กลัวว่ายายจะถามหาเนื่องจากกลับถึงบ้านค่ำ ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุก่อน เธอจะกลับถึงบ้านในเวลาที่พอดี แต่มาเสียเวลาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน
“บอสมืงไปไหนมา กลับบ้านค่ำ ๆ แบบนี้ วัวไม่เข้าคอกมืงก็ไม่มาน้อบ้าน” ยายบ่นให้เธอทันทีที่ชมพู่ขับรถออกไป บอสกลับมาถึงไม่รีรอ รีบทำงานบ้านหน้าที่ของตนอย่างเร็ว “มืงไปเลาะที่ไหนมา มีคนเห็นมืงขับรถไปทางหมู่บ้านนู้น”
“ไปไหนยาย ก็ไปบ้านอี่จ๋อม ใครเห็น! ใครมีตาทิพย์เหรอ” บอสแถไปอย่างนั้นเอง ในใจกำลังตั้งคำถามว่าใครกัน ใครที่นำมาบอกยาย ช่างเป็นผู้รู้เสียจริง ๆ ก็ใช่เธอไปจริง แต่ทำไมต้องมายุ่งเรื่องของเธอด้วย
“ไปบ้านอี่จ๋อมมืงกลับเอาป่านนี่เหรอ” นั่นไงยายจะเค้นเธอใช่มั้ย โอ้ยจะโกหกว่าอะไรดี การโกหกผู้ใหญ่เป็นสิ่งไม่ดี แต่ถ้าบอกความจริงเธออาจจะโดนฝ่ามือพิฆาตได้ ไหนจะเรื่องรถล้มวันนี้อีก ถ้าเข้าหูยายเธอตายแน่
“ก็รอชมพู่ พาชมพู่เอาหนังสืออี่จ๋อมไปถ่ายเอกสาร มันยืมไปทำรายงานน่ะยาย บอสก็เลยพามันไป” เยส! สุดท้ายเธอก็แถไปต่อจนได้ และยายก็เลิกรบเร้า ในที่สุดเธอก็ผ่านเหตุการณ์น่าหวาดเสียวนี้ไปได้อย่างหวุดหวิด...