JJNY : พท.เปิดแคมเปญลต.ท้องถิ่น/พงศกรชี้ตู่ชิงปัดตกร่างกม.เลิกเกณฑ์ทหารเพราะกลัว/‘ช่อ’ไม่ให้ค่าศรีสุวรรณ/แห่แบนช่องดัง

'พท.'เปิดแคมเปญลต.ท้องถิ่น-25ผู้สมัครนายก อบจ.
https://www.dailynews.co.th/politics/805871
 

เมื่อวันที่ 9 พ.ย. เวลา 10.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการตีความของ พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่นมาตรา 34 ที่ กกต.ชี้ว่าพรรคส่งผู้สมัคร อบจ.ในนามพรรคและใช้โลโก้พรรคได้ แต่ห้าม ส.ส., ส.ว. ข้าราชการการเมือง รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐช่วยหาเสียงนั้นจะเป็นการลักลั่นของกฎหมายหรือไม่ ว่า ขึ้นอยู่กับการตีความกฎหมาย แต่ยอมรับว่าอาจขัดๆ และรู้สึกแปลกกันอยู่บ้างแต่เราก็พร้อมทำตามกฎหมาย ทั้งนี้ เท่าที่รับทราบ กกต.ไม่ได้มีมติเรื่องนี้เป็นเอกฉันท์ และท้ายที่สุดต้องให้คนที่ไม่ได้เป็น ส.ส.ไปช่วยหาเสียง และเชื่อว่าหากพรรคไม่ได้ให้ ส.ส.ของพรรคไปช่วยหาเสียงก็จะไม่มีเรื่องร้องเรียน
 
จากนั้นเวลา 10.40 น. นายชูศักดิ์ พร้อมด้วย นายนพดล ปัทมะ ประธานคณะทำงานนโยบายและวิชาการ พรรคเพื่อไทย และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค ร่วมกันเปิดแคมเปญนโยบายเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น โดย นายชูศักดิ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเห็นว่าการปกครองส่วนท้องถิ่นมีความสำคัญต่อประเทศและระบอบประชาธิปไตย ถ้าท้องถิ่นมีความเจริญ ประเทศก็เจริญไปด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่า รัฐธรรมนูญปี 40 เป็นต้นมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แต่ก็รู้สึกเสียใจว่าตั้งแต่การรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช. ได้ออกคำสั่งไม่ให้มีการเลือกตั้งผู้บริหารและสภาท้องถิ่นไว้เกือบ 5 ปี ผู้บริหารหลายจังหวัดถูกพักงานโดยอ้างว่า เพื่อการสอบสวน แต่เมื่อมีการเลือกตั้ง ส.ส.ก็ให้กลับมาทำงานได้ เช่นเดียวกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ปัจจุบันนี้ก็ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และยังไม่รู้ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อใด 
 
นายชูศักดิ์ ยังระบุว่า สนช. ได้ออกกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่นไว้ตั้งแต่ 16 เม.ย. 2562 แต่เพิ่งจะมีการเลือกตั้ง เพราะมาจากกระแสเรียกร้องของประชาชน จนเกิดการเลือกตั้ง อบจ.เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ทั้งนี้ ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับท้องถิ่นทั้งนายก อบจ.และ สมาชิก อบจ. ที่จะต้องดูแลประชาชนทั้งจังหวัด และมองว่าถ้าได้ผู้นำที่ดี ก็จะสร้างรากฐานที่ดีให้ท้องถิ่นและจังหวัด
 
ทั้งนี้พรรคมีความเห็นว่าหากผู้สมัครใดมีความประสงค์อยากลงในนามพรรคก็สามารถแจ้งความประสงค์ขอใช้ โลโก้ และนโยบายพรรค ในการหาเสียงได้ โดยขณะนี้ มีอยู่ 25 จังหวัด ที่แจ้งความประสงค์เข้ามา ได้แก่ 
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 จังหวัด ได้แก่ 1. จังหวัดชัยภูมิ นายสุชีพ เศวตกมล 2. จังหวัดมหาสารคาม นายศรีเมือง เจริญศิริ 3. จังหวัดหนองคาย นายธนพล ไลละวิทย์มงคล 4. จังหวัดหนองบัวลำภู นายวิชัย สามิตร 5. จังหวัดกาฬสินธุ์ นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล 6. จังหวัดนครพนม นายสมชอบ นิติพจน์ 7. จังหวัดอุดรธานี นายวิเชียร ขาวขำ 8. จังหวัดอุบลราชธานี นายกานต์ กัลป์ตินันท์  9. จังหวัดยโสธร นายวิเชียร สมวงค์ 10. จังหวัดมุกดาหาร พ.ต.ท.ดร.จิตต์ ศรีโยหะมุกดาธนพงศ์  
 
ภาคเหนือ 6 คน ได้แก่ 1. จังหวัดเชียงใหม่ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร 2. จังหวัดเชียงราย นางสาววิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ 3. จังหวัดลำพูน นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ 4. จังหวัดน่าน นายนพรัตน์ ถาวงศ์ 5. จังหวัดลำปาง นางสาวตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร 6. จังหวัดแพร่ นายอนุวัธ วงศ์วรรณ เบอร์ 1
 
ภาคกลาง 9 คน ได้แก่ 1. จังหวัดสุพรรณบุรี พล.ต.เทียมศักดิ์ สุขานุยุทธ 2. จังหวัดระยอง นายเกรียงไกร กิ่งทอง 3. จังหวัดนครนายก นายสิทธิชัย กิตติธเนศวร 4. จังหวัดปราจีนบุรี นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ 5. จังหวัดนครปฐม นายวินัย วิจิตรโสภณ 6. จังหวัดสมุทรสงคราม นายธนวุฒิ โมทย์วารีศรี 7. จังหวัดสมุทรสาคร นายเชาวรินทร์ ชาญสายชล 8. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล 9. จังหวัดสิงห์บุรี ดร.สุรสาล ผาสุก 
 
ด้าน นายนพดล กล่าวถึงนโยบายที่จะให้ผู้สมัครนำไปใช้ว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ได้มองท้องถิ่นเป็นฐานการเมือง แต่มองว่าท้องถิ่นเป็นฐานรากที่จะทำให้บ้านเมืองแข็งแรง และผู้สมัครในนามเพื่อไทยถือว่ามีความแตกต่างจากกลุ่มการเมืองอิสระ เพราะมีแนวคิดคือเอาประสบการณ์ ความรู้ สมัยพรรคไทยรักไทย มาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในจังหวัด สร้างรายได้ ภายใต้บริบทการเมืองที่เปลี่ยนแปลง เพราะที่ผ่านมาทุกคนเห็นแต่คำสัญญาที่ว่างเปล่า แต่ท้องถิ่นวันนี้ทุกคนต้องเน้นที่การประเมิน และผลงานเป็นหลัก 
 
โดยนโยบายกลางแคมเปญกลาง ที่จะนำไปให้ผู้สมัคร อบจ. นำไปใช้ มี 6 ด้าน ประกอบด้วย 
1. ด้านการเดินทาง-ขนส่ง ด้วยระบบขนส่งคุณภาพใกล้บ้าน และเชื่อมท้องถิ่นเป็นเส้นเลือดฝอยด้านคมนาคม 
2. นโยบายด้านสุขภาพ ที่เน้นให้คนในท้องถิ่นมีสุขภาพที่ดีขึ้น และอยู่ใกล้บ้าน 
3. นโยบายด้านการศึกษา ที่ตั้งเป้าลดเด็กหลุดจากระบบศึกษาเพราะยากจน ให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ภายใต้แนวคิด “ลูกคุณเราดูแล ลูกเราต้องเท่ากัน” และ “การศึกษาระดับโลกใกล้บ้าน”  
4. ด้านการเกษตร-อาหารปลอดภัย ด้วยแนวคิด "เกษตรปลอดภัยใกล้บ้าน สู่ครัวโลก ปลูกในถิ่น กินไปทั่วโลก”  
5. ด้าน SMEs OTOP 
และ 6. ด้านท่องเที่ยว-กีฬา-วัฒนธรรม เพื่อสร้างรายได้. 
 

 
พงศกร ชี้ บิ๊กตู่ชิงปัดตก ร่าง กม.ยกเลิกเกณฑ์ทหาร เพราะกลัวกระแส ทำพรรคร่วมโหวตรับ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2433580

วันนี้ (9 พ.ย.) พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะผู้เสนอร่าง พ.ร.บ.รับราชการทหาร (ฉบับที่..) พ.ศ. …. หรือ ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกเกณฑ์ทหาร โพสต์แสดงความเห็นกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ให้คำรับรองร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เนื่องจากมีลักษณะเป็นร่าง พ.ร.บ.ที่เกี่ยวด้วยการเงิน โดยระบุว่า
 
“มีผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ว่า คิดอย่างไรกรณีร่างแก้ไข พ.ร.บ.รับราชการทหาร หรือเรียกว่าการรับทหารกองประจำการแบบสมัครใจไม่บังคับ และจะเกณฑ์เมื่อมีท่าทีจะเกิดสงครามเท่านั้น
 
ผมตอบไปว่า การตีตกนี้ใช้เหตุผลว่าเป็น พ.ร.บ.เกี่ยวข้องกับการเงิน รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณาว่าจะสนับสนุน หรือตีตกไปก่อนเข้าสภาอีกรอบ ผลก็คือรัฐบาลตีตกไปก่อน
 
คำถามคือ ทำไม ก็ต้องดูที่เจตนาว่าต้องการกองทัพแบบไหน การปฏิรูปโครงสร้างกองทัพทำมาตั้งแต่สมัย บิล คลินตัน และกระจายไปทั่วโลกในการลดขนาดเพิ่มประสิทธิภาพ ทำให้กองทัพทั่วโลกก้าวหน้าไปกว่าเดิมอีก 2 หรือ 3 ขั้นจากเดิม และลดงบประมาณลงได้ด้วยถ้าจัดการดีพอ
 
บางทีเราอาจต้องการจำนวนทหารไว้มากๆ ดีกว่ามีขีดความสามารถสูงๆ (เงินไปจมที่เบี้ยเลี้ยง เงินเดือนที่ใช้หมดทุกเดือนแทนที่จะเป็นอาวุธ ยุทโธปกรณ์)
ทำไมต้องตัดตอนที่รัฐบาลไม่ส่งมาให้รัฐสภาพิจารณาเลย คำตอบง่ายๆ คือแนวทางนี้ตั้งแต่หาเสียงเลือกตั้ง มีกระแสประชาชนสนใจมาก หากเข้าสภามาก็น่าจะมีพรรคการเมืองหลายพรรคเห็นด้วย อาจฝืนกระแสความต้องการประชาชนไม่ได้
 
แล้วจะทำอย่างไรต่อไป ทางพรรคอนาคตใหม่ได้พิจารณาแง่มุมต่างๆ ไว้รอบคอบ ครบทุกด้านและมีบันทึกเป็นหลักฐานไว้ในสภาแล้ว เมื่อถึงเวลามีรัฐบาลใหม่ที่ฟังเสียงประชาชนก็สามารถหยิบยกขึ้นมาใหม่ได้ทันที
 
ดังนั้นประชาชนไม่ต้องเสียกำลังใจ ยังมีความหวังอยู่ รอเวลาที่จะได้กลับมาแก้ไขปัญหาหมักหมมนี้ในเวลาอันใกล้ครับ”

https://web.facebook.com/permalink.php?story_fbid=3586056958125642&id=100001641182657
 


‘ช่อ’ ไม่ให้ค่า ‘ศรีสุวรรณ’ ร้อง กกต.เอาผิด ‘ธนาธร-ปิยบุตร’ นำคณะก้าวหน้าช่วยผู้สมัคร อบจ.หาเสียง
https://www.matichon.co.th/politics/news_2433613
 
‘ช่อ’ ไม่ให้ค่า ‘ศรีสุวรรณ’ ร้อง กกต.เอาผิด ‘ธนาธร-ปิยบุตร’ นำคณะก้าวหน้าช่วยผู้สมัคร อบจ.หาเสียง
 
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบคณะก้าวหน้า ที่มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นประธาน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการ และ น.ส.พรรณิการ์ กรณีส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งนายก และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อาจเข้าข่ายผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 111 ที่กำหนดว่าผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปดำเนินกิจกรรมทางการเมืองที่มีลักษณะคล้ายกับพรรคการเมือง ว่า เรายืนยันว่าทางฝ่ายกฎหมายของเราตรวจสอบแล้วว่า การถูกตัดสิทธิทางการเมืองของอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เป็นเพียงการถูกตัดสิทธิ 3 อย่างคือ 
1.ห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง 
2.ห้ามตั้งพรรคการเมือง 
และ 3.ห้ามแทรกแซง หรือมีอิทธิพลครอบงำพรรคการเมือง 

ส่วนสิทธิทางการเมืองอื่นๆ ยังคงอยู่ตามปกติทุกประการ ไม่มีใครพรากไปจากเราได้ การไปช่วยผู้สมัครหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น เราขึ้นทะเบียนเป็นผู้ช่วยหาเสียงถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ เรื่องนี้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็เคยทำมาแล้ว สมัยพรรคเพื่อชาติ ทั้งที่ตัวเองถูกตัดสิทธิทางการเมือง ทั้งนี้ พรรคเพื่อชาติก็ได้สอบถามไปที่ กกต.ว่า ทำได้หรือไม่ โด ยกกต.ก็มีหนังสือตอบอย่างเป็นทางการว่า สามารถทำได้ ดังนั้น จึงเป็นบรรทัดฐานว่าเราสามารถช่วยหาเสียงได้ และไม่มีกฎหมาย
  
เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะชี้แจงอย่างเป็นทางการหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องชี้แจงเพิ่มเติม เพราะว่าได้ชี้แจงไปหมดแล้ว คุณศรีสุวรรณไปร้อง ก็เป็นเรื่องปกติของคุณศรีสุวรรณ เราก็ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องสำคัญอะไร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่