ฝันหวาน (Sweet dreams) 2

กระทู้สนทนา


.

               บางครั้งก็แค่ต้องการคนเข้าใจ เอาใจบ้างก็เท่านั้นเอง

               ห้านาทีที่แล้วไทม์ไลน์บอกเวลาของข้อความที่ถูกโพสต์ทิ้งไว้ หลังจากนั้นเธอก็ไปทำอย่างอื่นต่อ พรนภาโพสต์ข้อความทิ้งเอาไว้ ล้วนออกมาจากความรู้สึกทั้งนั้น

               “ถ้าหนูต้องการ พี่ยินดีเสมอครับ”

               มีบุคคลหนึ่งเข้ามาคอมเมนท์ใต้โพสต์ของเธอ ซึ่งเป็นบุคคลที่คุ้นเคยดี เป็นใครไปไม่ได้ นอกจากพี่เมธีหรือคุณเมธี สิมะสุวรรณ นั่นเอง พรนภายิ้มเก้อให้กับข้อความ ทว่ายังไม่ตอบกลับในทันที

               เธอปิดกั้นการมองเห็นพี่โค้กไปนานเป็นปี ๆ แล้วในไทม์ไลน์ ใจจริงอยากลบเพื่อนทิ้งไปด้วยซ้ำถ้าไม่กลัวมีปัญหาตามมา พี่โค้กไม่มีทางเห็นโพสต์ของเธอแน่นอน และในไทม์ไลน์ก็มีเพียงครอบครัวและคนรู้จักเท่านั้นที่เป็นเพื่อนกัน

               นอกจากนั้นยังปิดกั้นการมองเห็นครอบครัวของพี่โค้กทุกคนด้วย พรนภาจึงสบายใจที่จะระบายอะไรลงไปในนี้ อีกอย่างที่เลือกโพสต์ความรู้สึกลงบนไทม์ไลน์ แทนที่จะเป็นหน้าฟีดข่าวเฟสบุ๊ก ก็เพราะเพื่อนในนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ได้ ล้วนเป็นคนที่สนิทกันทั้งนั้นนั่นเอง ที่แน่ ๆ ไม่มีคนข้างบ้านเป็นเพื่อนด้วย

               “ขอบคุณค่ะ บางทีเค้าก็ให้เราได้แค่นี้ อิอิ” พรนภาเข้าใจความหมายของพี่เมธี เข้าใจว่าเมธีสื่อถึงเรื่องอะไร ส่วนเค้าที่พูดถึงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใคร แค่ยกมาเปรียบเปรยเท่านั้น จากนั้นก็คุยกันต่อนานพอควร

                “พี่เมธีว่างมั้ยคะ เจอกันที่ร้านเบียร์วุ้นหน่อย” ไม่บ่อยที่พรนภาจะเป็นคนเอ่ยปากชวน มีหรือเขาจะไม่ไป

                “ว่างครับ พี่บอกแล้วแค่หนูต้องการ พี่ยินดีเสมอ”

               “โต๊ะเดิมนะคะ หนูจะไปรอก่อน อ่อ! หนูไปกับพี่อรวีนะคะ หัวหน้าหนูอ่ะ พี่เมธีจำได้มั้ย”

               “ครับ จำได้ โอเคงั้นพี่ขอเคลียร์งานก่อน แล้วจะรีบไปให้ไวเลย”

                “เคลียร์งานหรือเคลียร์เมีย เคลียร์คิววะ ลัดคิว ๆ วันนี้ลัดคิวให้พรนภาก่อน นานทีปีหนคนนี้จะชวนออกเดรต ฮา” อรวีผู้จัดการของเธอแซวเล่นขำ ๆ เพราะเดินมาทันอ่านแชทที่เธอคุยกับเมธีพอดี ไม่ได้ปิดบังอะไรอยู่แล้ว หร่อนออกงานกับเธอบ่อย สองสามครั้งแล้วที่ไปเจอพี่เมธีกับเธอ

               “น่าจะเป็นอย่างหลังนะพี่ เมียไม่เท่าไหร่ แต่คิวนี่สิ ยาวเป็นหางว่าว! ฮา” พรนภาแซวตัวเองบ้าง คนอย่างเมธีเหรอ เพอร์เฟคขนาดนี้จะมีเธอเพียงคนเดียว ถึงจะอายุแตะเลขสี่ ทว่ารูปร่างหน้าตายังทะมัดทะแมง ไม่ได้ปล่อยตัวเองให้แก่ตามวัย

                เธอไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับผู้ชายคนนี้อยู่แล้ว ทว่าเขากลับเติมเต็มสิ่งที่เธอโหยหาเสมอ แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้น ๆ แม้เป็นแค่เพียงเวลาที่ไม่กี่ชั่วโมง เธอกลับได้รับความสุขอย่างมหันต์ ถึงจะเป็นแค่การนั่งดื่มเบียร์ที่ร้านเหล้าแค่นั้นก็ตาม เธอกับเขาไม่เคยเกินเลยไปกว่านี้ และไม่เคยไปคนเดียวสักครั้ง

               “พี่ออถ้ามีคนรู้จักนภาเห็นเข้า นภาบอกว่าพี่เมธีเป็นกิ๊กพี่ออนะ พี่พลอยไม่ว่าใช่มั้ย” เป็นข้อตกลงของพวกเธอสองคน ที่เวลาไปเจอเมธีเสมอ แม้กระทั่งไปเจอกิ๊กของอรวีเอง พวกเธอก็ใช้มุกนี้ประจำ

               “ไม่ว่า! ไอ้พลอยมันรู้”

               “โอเค”

                เธอรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ผิด และไม่ควรทำอย่างยิ่ง แต่ทำไมเธอต้องจมอยู่กับความทุกข์ ทำไมจะหาความสุขใส่ตัวเองไม่ได้ ในเมื่อมีคนอื่นอยากยื่นความสุขให้ตั้งมากมาย ทำไมต้องปฏิเสธ และเธอไม่ใช่ของตายที่มีลมหายใจของใครอีกต่อไป

                สิ่งนั้นก็ไม่ได้ สิ่งนี้ก็ไม่ควร อย่างนั้นก็รอก่อน อย่างนี้เอาไว้ทีหลัง เป็นแบบนี้เสมอ ๆ สำหรับตัวเธอ ทว่าพี่โค้กกลับหาความสุขให้ตัวเองเพียงฝ่ายเดียว

                มันก่อเกิดเป็นความรู้สึกสะสม น้อยใจสะสมเรื่อย ๆ ที่พี่โค้กไม่รู้ตัว โวยวาย งอน น้อยใจไปก็เท่านั้น เธอล้วนเคยทำมาหมดแล้ว ไม่เป็นผล ทะเลาะกันเปล่า ๆ

               “พี่อยู่ดึกนะ พี่ขัดคำสั่งหัวหน้าไม่ได้!”

               “โอเค!”

              “พี่ทำงานก็เหนื่อยแล้ว วันหยุดยังจะให้พี่ออกไปไหนอีก พี่อยากนอนอยู่ห้องพักผ่อน”

               “โอเคเข้าใจ!”

               “ไปคนเดียวดิ! ไปเองทำเองไม่เป็นเหรอ ทำไมต้องให้ไปส่งทำงานทุกทีเลยเวลาพี่หยุด”

               “อืมม์ ได้!”

               “นภาก็รู้ว่างานพี่มันต้องเดินทาง ทำไมไม่เข้าใจกันบ้างเลย พี่มีเวลาว่างแค่ไม่กี่ชั่วโมง ให้พี่ผ่อนคลาย เล่นเกมบ้างไม่ได้เหรอ”

                “เข้าใจ ก็เพราะไม่ใช่เข้าใจเหรอ ถึงอยู่จนทุกวันนี้ แต่ว่าเวลากลับมาให้เวลากับนภาบ้างไม่ได้เหรอ ทุกลมหายใจเข้าออกมีแค่เพื่อนเท่านั้นเหรอ”
               
               มันก็แค่คำพูดธรรมดา ๆ คำหนึ่ง แต่มันมีผลกับความรู้สึกของเธอ บ่อยเข้ามันก็สะสม เกิดเป็นปมในใจ เกิดเป็นคำถาม ทีเมื่อก่อนทำไมทำได้ ทีเมื่อก่อนทำไมไม่พูดแบบนี้ ทีเมื่อก่อนไกลแค่ไหนก็ไปได้ ยากแค่ไหนก็ทำได้ มันจะเกิดเป็นคำถามเปรียบเทียบในใจเสมอ ๆ

               พรนภานั่งเคาะปากกาเบา ๆ ที่โต๊ะทำงาน คิดไปเรื่อยเปื่อย ใจลอยไปถึงไหนต่อไหน และก็ยิ้มคนเดียวเมื่อนึกถึงใบหน้าพี่เมธีและก็พี่โค้กพร้อมกัน

               มันดีอย่างนี้นี่เองที่ลองเปิดใจ ไม่กักขังตัวเองไว้กับความโดดเดี่ยว พาหัวใจออกมาโลดแล่นข้างนอก เธอกลับพบว่ามันมีความสุขมหาศาล ต่อไปนี้พี่โค้กจะไม่มีความหมายกับเธออีกต่อไป ทว่าเธอจะไม่ทำตัวมีปัญหากับพี่โค้กแน่นอน หากวันใดที่พี่โค้งต้องการอิสระ เธอพร้อมผายมือให้พี่โค้กโบยบินออกไปได้สมดังใจแน่นอน

               พอชีวิตของเธอได้มาเจอกับอีกคน และทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำมันด้วยซ้ำ กลับพบว่ามันดีกว่าที่คิด มันดีกว่าที่เคย พรนภาแสยะยิ้มนิดหน่อยอย่างมีความสุข พี่เมธีคือความสุขเล็ก ๆ ของเธอ ถึงอายุจะห่างกันไปหน่อย ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร

               “พี่โค้ก! นภาไม่ไปแล้ว เชิญพี่โค้กมีความสุขกับเพื่อนพี่โค้กเถอะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นอย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน ก็เป็นคนเลือกเอง เป็นคนทำให้มันเป็นแบบนี้เองจำไว้” พรนภาส่งข้อความหาแฟนตัวเองที่นัดกันไว้หลังเลิกงาน โดนพี่โค้กปฏิเสธไป เพราะเรื่องซ้ำซากเดิม ๆ อาชีพทุกอาชีพมันไม่ได้เลว มันเลวที่ตัวบุคคลต่างหาก

                “โอ๋! อิหล่าน้อยเครียด! / โอ๋ น้องงอน จะให้ทำยังไงนภา พี่เป็นผู้น้อยนะ เอาไว้โตเมื่อไหร่ก่อน” ทว่าเธอไม่สนใจที่จะอ่านที่จะตอบกลับไปอีกแล้ว กว่าจะถึงวันนั้นเธอคงล่องลอยไปไกลแล้ว วันนี้รอเลิกงานแล้วไปตามนัดดีกว่า เจอพี่เมธีความสุขของเธอ

                “ให้ลาออกมั้ยล่ะ แต่ก็กว่าจะแข่งกับคนอื่นมาได้จนทุกวันนี้ ยากนา! ออกไปแล้วจะทำอะไรก็ไม่รู้อีก ไม่ทำนะโรงงานน่ะ” ไม่มีการอ่านหรือตอบกลับไปใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อเธอไม่อ่านไม่ตอบ พี่โค้กจึงเลิกคุยไปเองเช่นกัน

                “แก! แกจะประชดแฟน โดยการทำแบบนี้บ่อย ๆ ไม่ได้นะเว้ย พี่กลัวมันยิงผิดคน ฮา” อรวีเดินเข้ามาคุยกับเธอ แบบเฮฮาตลก ไม่ค่อยเห็นด้วยกับเธอแต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร

              “จะผิดคนได้ไงพี่ออ นภาผมสั้น พี่ออผมยาว”

               “พี่กลัวโดนลูกหลง”

                “ไม่โดนหรอก อีกอย่างเค้าไม่ตามมาหรอก ร้านเค้าก็ไม่รู้จัก นภายังไม่เคยพาเค้าไปนั่ง “

                “ว่าไม่ได้นะแก เค้าอาจจะซอม/จับตา แกอยู่ก็ได้นา แบบว่า เอ๊ะ! ทำไมเมียกูยอมอนุญาตง่ายจังวะ เอ๊ะทำไมไม่โกรธกูเลยอะไรแบบนี้ เฮ้ยเปลี่ยนไปวะอะไรแบบนี้ไง” อรวีผู้จัดการเดินมาคุยด้วยที่โต๊ะทำงานของเธอ สุดท้ายก็ยอมไปด้วยอยู่ดี

               ณ ร้านเบียร์วุ้น

               ไม่เกินความคาดหมาย เมธีมารอพวกเธออยู่ก่อนแล้ว ที่โต๊ะเดิม มุมเดิม พวกเธอเดินเข้าไปยกมือไหว้ทักทายตามมารยาท แล้วนั่งลงร่วมโต๊ะอย่างคนคุ้ยเคย

              คืนนี้ไปจนถึงสี่ห้าทุ่มมันคงอบอวนไปด้วยรอยยิ้มและความสุข แววตาและรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นคู่นี้ยังเหมือนเดิม เธอไม่รู้หรอกว่าเบื้องหลังเขาเป็นอย่างไร เพราะไม่ได้สอบถามหรือสืบหาความจริง ด้วยไม่คิดจริงจังอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเธอมันเป็นไปไม่ได้ แม้จะอยากให้มันเป็นไปได้สักแค่ไหนก็ตาม

               เสียงปืนยิงขึ้นฟ้า
               เป็นสัญญาณว่าฮักเฮาต้องจบ
              เมื่อผัวน้องมาพบ ความชั่วที่เฮาได้ทำ
              รีสอร์ตต้องลุกเป็นไฟ
              บ่น้องกะอ้ายต้องตายชดใช้กรรม
              ยอมรับทุกการกระทำ และจำนนต่อหลักฐาน

              เสียงเพลงที่ร้านเบียร์วุ้นกำลังเปิดให้ลูกค้าฟัง แต่ว่ามันดูขัด ๆ หูยังไงพิลึก “พี่ออ พี่ช่วยไปบอกเจ้าของร้านเปลี่ยนเพลงได้มั้ย นภาฟังแล้วเสียวสันหลังยังไงไม่รู้ ฮา” พรนภากระซิบอรวี เธอแค่พูดเล่นไม่ได้ให้อรวีลุกไปบอกเจ้าของร้านจริง

              “พี่เมธีว่างเหรอคะ ลัดคิวใครปะเนี่ย” พรนภาพูดแซวคนตรงหน้า ปรายตามองและยิ้มก่อนจะยกแก้วเบียร์จิบนิดหน่อยแล้ววางลงที่เดิม

               “เฮ้ย! พูดไป คิวเคิวมีที่ไหน เมียยังไม่มีเลย หนูต้องการ พี่ว่างเสมอครับ” เขาตอบ พร้อมยกแก้วเบียร์ขึ้นซดเช่นกัน

                “เหรอ!” พรนภาหรี่ตามองเขาแบบล้อเลียน

                “เคยมีแต่หย่าไปแล้ว”

                “เหรอ!” พรนภาทำท่าเดิม พูดคำพูดเดิม ทว่าทำให้มันตลก ไม่ได้ซีเรียสอะไร

                “ครับ ถ้ามีพี่จะออกมาเจอพวกหนูได้เหรอ จะดูใบหย่าป่าว รอบหน้าจะเอามาให้ดู พี่ตัวเปล่าครับ “

                “จ้า! หนูไม่อะไรหรอก เพราะเราสองคนมันได้แค่นี้แหละ มากกว่านี้คงเป็นไปไม่ได้” พรนภายิ้มเจื่อน ๆ ให้กับผู้ชายตรงหน้า แค่นี้เธอก็มีความสุขแล้วมากแล้ว

               “ครับพี่เข้าใจ หนูมีเวลามาเจอพี่บ้างแบบนี้ พี่ก็พอใจแล้วเหมือนกันครับ”

               ทั้งสามคนนั่งดื่มเบียร์ไปพร้อมฟังเพลงเบา ๆ ไปด้วย นาทีนี้ไม่มีใครพกพาความทุกข์มาด้วย นาทีนี้ให้มันมีแค่ความสุขก็พอ จนเวลาล่วงเลยมาถึงสี่ทุ่มครึ่ง พวกเธอจึงขอตัวกลับ

                พอมาถึงห้องพักความรู้สึกเดิม ๆ กลับมาอีกครั้ง ความสุขเมื่อสักครู่นั้นหายไป จะห้าทุ่มแล้วพี่โค้กยังไม่ถึงห้องเลย แล้วจะให้เธอรู้สึกอย่างไรเหรอ

               ให้ความสุขมันเกิดขึ้นแค่ในฝันก็พอ โลกความจริงมันเป็นได้เท่านี้ไม่เป็นไร ทีเหลือฉันจะให้มันเกิดขึ้นในความฝันเอง ฝันหวาน ฝันที่มีความสุขที่สุด...

จบ...


               

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอเพลงประกอบเรื่องสั้นค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่