.
ณ ย่านอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง มีผู้คนมากมายมาทำงานที่นี่ ทุกภาคของประเทศไทยนอกเหนือจากเมืองหลวงแล้ว ที่นี่ยังเป็นตัวเลือกให้อีกหลาย ๆ คนมาขุดทอง ทุกคนกลับบ้านเกิดปีละสองครั้งเป็นหลัก พรนภาก็เป็นหนึ่งในจำนวนคนเหล่านั้น ที่มาทำงานที่นี่ ทว่าแตกต่างกับคนส่วนใหญ่นิดหน่อยที่เธอไม่ใช่สาวโรงงาน
ด้วยอะไรก็ตามที่นำพาเธอมาเจอกับเขา เธอรู้สึกขอบคุณมาก ๆ มันหอบความสุขใจมาให้เธอ แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้น ๆ ในการพบกัน มันกลับกอบโกยความสุขกลับไปได้นานแสนนาน แม้กระทั่งในความฝัน! พี่เมธียังตามเธอไปด้วยในคืนนั้น หลังจากที่พบเจอกันและจากกันกลับที่ของใครของมัน
“พี่เมธีหนูหิวข้าวอ่ะ” พรนภาย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันกับเมธีเรียบร้อย สองคนตกลงคบกัน เธอรักเขา และเขาก็รักเธอ พวกเธอสองคนรักกัน ไม่สนคนรอบข้างจะคิดอย่างไร นั่นมันปัญหาของคนพวกนั้น ไม่ใช่ปัญหาของพวกเธอสักนิด
“หนูหิวเหรอคะ ทานอะไรดี” เมธีผู้ชายที่แสนดี อบอุ่นและมีความเป็นพ่อบ้านสูง ถามเธอเพื่อจะทำกับข้าวให้เธอทาน ทุกวันเขาก็เป็นคนทำเสมอมา น้อยมากที่เธอจะเป็นคนทำ ถามเธอเพื่อจะทำให้ทานเมื่อกลับไปถึงคอนโดของเขา
“หนูอยากเปลี่ยนบรรยากาศอ่ะ อยากทานข้างนอกบ้าง ” ทุ่มนิด ๆ หลังเลิกงานเมธีขับรถมารับเธอ ระหว่างทางรู้สึกหิวขึ้นมานิดหน่อย
“เบื่อฝีมือพี่แล้วเหรอ” เขาหันมามองเธอแป๊บเดียว ก่อนจะหันกลับไปตั้งใจขับรถเหมือนเดิม
“เปล่า หนูอยากกินก๋วยเตี๋ยว” เธอพูดพร้อมสะบัดหน้าไปมองเขา และยิ้มอ้อนขอให้พาไป เขาหันมามองและก็ยิ้มตอบ มีหรือเขาจะขัดใจเธอแค่เรื่องนิดหน่อยแค่นี้
“ได้สิ ร้านไหนดี” ตั้งแต่มีพรนภาเข้ามาในชีวิต เธอเปลี่ยนเขาทุกอย่าง เช่นพามานั่งทานร้านก๋วยเตี๋ยวในตอนนี้ ไม่ใช่ทานไม่เป็นแต่มันนานหลายปีจนลืมไปแล้ว เพราะหน้าที่การงานที่สูงขึ้น พบปะกับผู้คนและสังคมที่สูงขึ้นตาม ทำให้เขาไม่ค่อยได้ทานอะไรพวกนี้สักเท่าไหร่ นอกจากกลับบ้านต่างจังหวัด
“ข้างทางแถวนี้แหละ นั่นตรงนั้นร้านนั้น! จอด ๆ” พรนภาชี้นิ้วไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็นริมทาง “พี่เมธีกินเส้นอะไร หนูกินวุ้นเส้นหมู”
“เส้นเล็กเนื้อพิเศษครับ”
“โอเค จอดเลยหิวแล้ว เดี๋ยวหนูสั่งให้เอง” เมื่อรถจอดสนิทพรนภาไม่รีรอ ลงจากรถเดินไปสั่งพ่อค้า ส่วนเมธีจองโต๊ะที่นั่งรอ สั่งเสร็จเธอก็กลับมานั่งรอกับเขา เมธีเป็นคนเดินไปนำน้ำมาเสิร์ฟให้ตัวเองและเธออย่างไม่เคอะเขิน ไม่สนใจสายตาของคนในร้านที่แอบมองพวกตน มีบ้างที่มองแล้วแอบคุยกันเบา ๆ
ไม่นานพ่อค้าก็นำก๋วยเตี๋ยวสองชามมาเสิร์ฟ กลิ่นของน้ำซุปหอมกรุ่นเตะจมูก เรียกน้ำย่อยมากทีเดียวยิ่งหิวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พรนภาไม่รีรอรีบปรุงรสชาติที่ชอบทานทันที โดยไม่รู้ตัวว่าเมธีมองอยู่
“หยุดเลยน้องนภา!” พรนภาตกใจทำไมพี่เมธีต้องห้ามเธอด้วย ทันทีที่เธอเทน้ำส้มสายชูลงไปห่าใหญ่มาก หลายช้อน โดยไม่ยอมใส่น้ำตาลลงไปแม้แต่เม็ดเดียว เมธีตกใจและนำช้อนของตนตักน้ำซุปที่เธอปรุงขึ้นไปชิมนิดหน่อย ทันทีที่ชิมเขาก็ทำหน้าเหยเกกับรสชาติก๋วยเตี๋ยวของเธอ “เปลี่ยนใหม่เลยครับ หนูจะกินแบบนี้ไม่ได้มันเปรี้ยวมาก! มากถึงมากที่สุด ไม่ดีต่อสุขภาพ “
มาห่วงสุขภาพอะไรตอนนี้! พรนภานึกโมโหในใจ “ก็พี่เมธีกินไม่เปรี้ยวอ่ะ หนูกินเปรี้ยวมันก็เลยเปรี้ยวมาก แต่สำหรับหนูมันพอดี ฮ้วย” พรนภาหน้าบึ้งให้กับเขา เธองอนจริง ๆ งอนมาก น้ำตาคลอจะร้องไห้ ก็เธอทานรสชาตินี้มาแต่ไหนแต่ไร มาตั้งแต่เด็ก ๆ มาตั้งแต่ทานก๋วยเตี๋ยวเป็นนู่น มาห้ามตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วมั้ง
“น้องครับ ขอก๋วยเตี๋ยวอีกชามหน่อย วุ้นเส้นหมูนะครับ” เมธีจัดการสั่งให้เธอใหม่ด้วยความเป็นห่วง เรียกพ่อค้าว่าน้องเพราะดูทรงอายุน่าจะอ่อนกว่าเขาอยู่ไม่น้อย
“ไม่กิน! จะกินชามนี้” น้ำตาคลออย่างเห็นได้ชัด บางจังหวะไหลออกมาแล้วด้วย แต่เขาก็ยังยิ้มให้เธออยู่ได้ นี่เธอโกรธอยู่นะ ยังจะมายิ้มอีก
“น้องนภามันเปรี้ยวเว่อวังอลังการมากเลยนะ เดี๋ยวก็เป็นโรคไต” เขาหาเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามาอ้างกับเธอให้หายงอน
“ก็ไม่ได้กินทุกวันมั้ย ฮ้วย!” น้ำตาเม็ดใส ๆ ไหลออกจากตา ไม่ได้ร้องไห้เพราะไม่ได้กินชามนั้น แต่ร้องไห้เพราะโดนขัดใจมากกว่า ก็แค่กินเปรี้ยวมันจะอะไรนักหนา เมธีหยิบกระดาษทิชชูจะซับน้ำตาให้เธอ “ไม่ต้อง” แล้วตนเองก็หยิบเช็ดเอง ภายในใจตอนนี้โกรธมาก เดี๋ยวคืนนี้ต้องนอนคนละที่แน่นอนกลับไปถึงห้องนี่แหละคอยดู พลางมองหน้าเขาและนึกในใจ
“มาแล้วค้าบ ชามนี้มันเป็นอะไรครับ” พ่อค้าดูกังวลนิดหน่อยที่เมธีสั่งชามใหม่
“อ่อไม่มีอะไรหรอกครับ ลูกสาวทำน้ำส้มสายชูหกใส่ลงไปเยอะมาก กินไม่ได้” พอเมธีพูดแบบนี้เธอก็ขำออกมา ลืมตัวไปว่างอนเขาอยู่
“ลูกสาวเหรอครับ นึกว่า!”
“ครับ” เมธียิ้มให้พ่อค้าทว่าสายตามีเลศนัย พ่อค้ายิ้มให้เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง และเธอที่หัวเราะออกมา พอพ่อค้าเดินจากไปเธอก็หุบยิ้มเหมือนเดิม “หายงอนพี่แล้วเหรอ”
“ใคร! ใครงอน งอนเรื่องอะไร” ปฏิเสธไปแต่หน้ายังบึ้งตึงอยู่ เมธีอมยิ้มชอบใจที่เอาชนะเธอได้
“เดี๋ยวปรุงให้เอง” แล้วเมธีก็จัดการปรุงให้เธอ ใส่ทุกอย่างยกเว้นน้ำตาลทราย เขารู้ว่าเธอไม่ชอบก็ไม่ใส่มันลงไปในนั้น ทุกอย่างเหมือนเดิม แค่ลดประมาณน้ำส้มสายชูเทานั้นเอง
“ใส่ลงไปอีก! อีกนิดนึง อีกนิดนึงพี่เมธี! เนี่ยมันยังไม่ได้รสชาติเปรี้ยวเลย”
“พอแล้วน้องนภา นะครับ”
“ก็ได้ค่ะ! งั้นคืนนี้พี่เมธีก็นอนหน้าห้องแล้วกัน จะได้รู้ว่าถูกขัดใจมันเป็นยังไง”
“อ้าว! ถ้างั้นเพิ่มให้อีกครึ่งช้อน” พรนภาหัวเราะให้กับท่าทางของเขา อืม! เธอจะหัวเราะไม่ได้พรนภาเธองอนอยู่ พูดกับตัวเองในใจ แล้วก็ทำหน้าตึงเหมือนเดิม
“ทำไมพี่เมธีบอกพ่อค้าแบบนั้นล่ะ” สีหน้ายังตึงอยู่ แต่อยากถามเขาเฉย ๆ ทำไมถึงพูดแบบนั้นทั้งที่เธอก็ไม่ได้อะไร เปิดเผยเสมอมา
“เฉย ๆ นี่พี่เพิ่มน้ำส้มให้แล้ว นอนในห้องด้วยได้ยัง”
“ขอคิดดูก่อน! พี่เมธีตักน้ำซุปชามนั้นให้หนูชิมหน่อยสักคำ”
“ไม่! หยุดเลย”
“เอ๋าพี่เมธีแหมะ” พรนภาทำสายตาอ้อนวอนสุดฤทธิ์
“จะมาพี่เมธีแหมะอิหยังล่ะ/จะมาพี่เมธีอะไรล่ะ” เธอกับเมธีก็มาจากที่เดียวกันนั่นแหละ เลยคุยกันรู้เรื่อง
นาฬิกาปลุกดังขึ้นบอกเวลาแปดโมงเช้า เธอตั้งปลุกเตือนตัวเองตื่นไปทำงานทว่าวันนี้เป็นวันหยุด จึงล้มตัวลงนอนต่อบนที่นอนที่นุ่มสบาย นาฬิกาปลุกเจ้ากรรมทำลายความฝันที่แสนหวานของเธอ ฝันดี ฝันถึงพี่เมธีอีกแล้วทุกทีที่เจอกัน
นึกถึงฝันเมื่อคืนทำเอายิ้มไม่หุบ พี่โค้กนอนอยู่ข้าง ๆ ไม่สนใจอะไรเลย เมื่อคืนกลับมาก็ดึก ยิ่งเป็นวันสุดสัปดาห์ยิ่งกลับดึกกว่าทุกวัน พรนภาหันไปมองแฟนตัวเองที่หลับสนิทอยู่ ยิ้มให้แบบทำใจยอมรับ ก่อนจะเปิดไทม์ไลน์ดูข่าวสาร ไม่หรอกเธอดูความเคลื่อนไหวพี่เมธีต่างหาก
แม้จะไม่สนใจว่าพี่เมธีของเธอจะมีผู้หญิงกี่คน เพราะไม่ได้จริงจังด้วยอยู่แล้ว ทว่าเมื่อเห็นเขาคุยกับคนอื่นเธอก็รู้สึกแปลก ๆ เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มันเศร้า มันดาวน์ มันเป็นแบบไหนก็ไม่รู้เธอก็อธิบายความรู้สึกตัวเองไม่ถูก ที่เห็นเขาไปสนิทกับคนอื่นเหมือนสนิทกับเธอ มีผู้หญิงที่สวยน่ารักโปรไฟล์ดี มารู้จักกับเขา เข้ามาคอมเม้นรูปที่เขาลงในไทม์ไลน์ ดูก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
ทำไมเขาจะคุยกับคนอื่นไม่ได้ เธอมีสิทธิ์อะไรไปห้ามเขา แต่เธอมีสิทธิ์ห้ามตัวเองไม่ให้ไปสนิทกับเขาอีกได้อย่างเดียว เธอต้องเป็นฝ่ายถอยเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นก็ดูเลิศหรู สวย โปรไฟล์ดี หน้าที่การงานก็สูง ดีไม่มีที่ติ ที่สำคัญโสดด้วย แตกต่างกับเธอมาก ของสดใหม่ใครจะไม่ถูกใจล่ะ ไม่เหมือนกับเธอที่อะไรก็ไม่รู้
“นภาต่อไปนี้อย่าสำคัญตัวให้มากนะแก เค้าคุยกับแกเค้าก็คุยกับคนอื่นได้ เค้าอบอุ่นกับแกเค้าก็อบอุ่นน่ารักกับคนอื่นได้เช่นกัน” เป็นคำมั่นสัญญากับตัวเอง ไม่รู้ว่าเธอจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า
ต่อไปนี้ไม่จำเป็นไม่ต้องคุยกับเขา ไม่ต้องเจอเขา ไม่ต้องอยากขับรถผ่านหน้าคอนโดเขา เขามีคนอื่นให้คุยแบบตื่นตาตื่นใจอยู่แล้ว ไม่เหมือนเธอ เหนือกว่าเธอทุกประการ “เลิกสำคัญตัวได้แล้วพรนภา แม้พี่โค๊กจะทิ้งเธอให้โดดเดี่ยวสักเพียงใดก็ตาม” เป็นคำพูดหนักแน่นจากใจของพรนภา
“1” เมธีส่งเลขหนึ่งมาให้เธอ เพื่อเป็นการถามว่าคุยได้ไหม ถ้าได้เธอก็แค่ส่งเลขหนึ่งกลับไป ถ้าภายในสามนาทีไม่มีการอ่านตอบจากเธอ แปลว่าตอนนี้ไม่สะดวก ทว่ามันสะดวก! เธอมองดูเลขหนึ่งบนหน้าจอ ตัดสินใจอยู่ว่าจะกดตอบกลับไปหรือไม่ ส่วนพี่โค๊กบ่ายโมงไม่รู้จะตื่นหรือเปล่า
ชีวิตจริงมันแย่ก็แค่พาตัวเองหลับและฝันถึงความสุขที่พึงอยากได้แค่นั้นเอง ให้ความสุขมันเกิดขึ้นแค่ในฝัน 😊
จบ...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ฝันหวาน (Sweet dreams) 3
.
ณ ย่านอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง มีผู้คนมากมายมาทำงานที่นี่ ทุกภาคของประเทศไทยนอกเหนือจากเมืองหลวงแล้ว ที่นี่ยังเป็นตัวเลือกให้อีกหลาย ๆ คนมาขุดทอง ทุกคนกลับบ้านเกิดปีละสองครั้งเป็นหลัก พรนภาก็เป็นหนึ่งในจำนวนคนเหล่านั้น ที่มาทำงานที่นี่ ทว่าแตกต่างกับคนส่วนใหญ่นิดหน่อยที่เธอไม่ใช่สาวโรงงาน
ด้วยอะไรก็ตามที่นำพาเธอมาเจอกับเขา เธอรู้สึกขอบคุณมาก ๆ มันหอบความสุขใจมาให้เธอ แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้น ๆ ในการพบกัน มันกลับกอบโกยความสุขกลับไปได้นานแสนนาน แม้กระทั่งในความฝัน! พี่เมธียังตามเธอไปด้วยในคืนนั้น หลังจากที่พบเจอกันและจากกันกลับที่ของใครของมัน
“พี่เมธีหนูหิวข้าวอ่ะ” พรนภาย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันกับเมธีเรียบร้อย สองคนตกลงคบกัน เธอรักเขา และเขาก็รักเธอ พวกเธอสองคนรักกัน ไม่สนคนรอบข้างจะคิดอย่างไร นั่นมันปัญหาของคนพวกนั้น ไม่ใช่ปัญหาของพวกเธอสักนิด
“หนูหิวเหรอคะ ทานอะไรดี” เมธีผู้ชายที่แสนดี อบอุ่นและมีความเป็นพ่อบ้านสูง ถามเธอเพื่อจะทำกับข้าวให้เธอทาน ทุกวันเขาก็เป็นคนทำเสมอมา น้อยมากที่เธอจะเป็นคนทำ ถามเธอเพื่อจะทำให้ทานเมื่อกลับไปถึงคอนโดของเขา
“หนูอยากเปลี่ยนบรรยากาศอ่ะ อยากทานข้างนอกบ้าง ” ทุ่มนิด ๆ หลังเลิกงานเมธีขับรถมารับเธอ ระหว่างทางรู้สึกหิวขึ้นมานิดหน่อย
“เบื่อฝีมือพี่แล้วเหรอ” เขาหันมามองเธอแป๊บเดียว ก่อนจะหันกลับไปตั้งใจขับรถเหมือนเดิม
“เปล่า หนูอยากกินก๋วยเตี๋ยว” เธอพูดพร้อมสะบัดหน้าไปมองเขา และยิ้มอ้อนขอให้พาไป เขาหันมามองและก็ยิ้มตอบ มีหรือเขาจะขัดใจเธอแค่เรื่องนิดหน่อยแค่นี้
“ได้สิ ร้านไหนดี” ตั้งแต่มีพรนภาเข้ามาในชีวิต เธอเปลี่ยนเขาทุกอย่าง เช่นพามานั่งทานร้านก๋วยเตี๋ยวในตอนนี้ ไม่ใช่ทานไม่เป็นแต่มันนานหลายปีจนลืมไปแล้ว เพราะหน้าที่การงานที่สูงขึ้น พบปะกับผู้คนและสังคมที่สูงขึ้นตาม ทำให้เขาไม่ค่อยได้ทานอะไรพวกนี้สักเท่าไหร่ นอกจากกลับบ้านต่างจังหวัด
“ข้างทางแถวนี้แหละ นั่นตรงนั้นร้านนั้น! จอด ๆ” พรนภาชี้นิ้วไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็นริมทาง “พี่เมธีกินเส้นอะไร หนูกินวุ้นเส้นหมู”
“เส้นเล็กเนื้อพิเศษครับ”
“โอเค จอดเลยหิวแล้ว เดี๋ยวหนูสั่งให้เอง” เมื่อรถจอดสนิทพรนภาไม่รีรอ ลงจากรถเดินไปสั่งพ่อค้า ส่วนเมธีจองโต๊ะที่นั่งรอ สั่งเสร็จเธอก็กลับมานั่งรอกับเขา เมธีเป็นคนเดินไปนำน้ำมาเสิร์ฟให้ตัวเองและเธออย่างไม่เคอะเขิน ไม่สนใจสายตาของคนในร้านที่แอบมองพวกตน มีบ้างที่มองแล้วแอบคุยกันเบา ๆ
ไม่นานพ่อค้าก็นำก๋วยเตี๋ยวสองชามมาเสิร์ฟ กลิ่นของน้ำซุปหอมกรุ่นเตะจมูก เรียกน้ำย่อยมากทีเดียวยิ่งหิวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พรนภาไม่รีรอรีบปรุงรสชาติที่ชอบทานทันที โดยไม่รู้ตัวว่าเมธีมองอยู่
“หยุดเลยน้องนภา!” พรนภาตกใจทำไมพี่เมธีต้องห้ามเธอด้วย ทันทีที่เธอเทน้ำส้มสายชูลงไปห่าใหญ่มาก หลายช้อน โดยไม่ยอมใส่น้ำตาลลงไปแม้แต่เม็ดเดียว เมธีตกใจและนำช้อนของตนตักน้ำซุปที่เธอปรุงขึ้นไปชิมนิดหน่อย ทันทีที่ชิมเขาก็ทำหน้าเหยเกกับรสชาติก๋วยเตี๋ยวของเธอ “เปลี่ยนใหม่เลยครับ หนูจะกินแบบนี้ไม่ได้มันเปรี้ยวมาก! มากถึงมากที่สุด ไม่ดีต่อสุขภาพ “
มาห่วงสุขภาพอะไรตอนนี้! พรนภานึกโมโหในใจ “ก็พี่เมธีกินไม่เปรี้ยวอ่ะ หนูกินเปรี้ยวมันก็เลยเปรี้ยวมาก แต่สำหรับหนูมันพอดี ฮ้วย” พรนภาหน้าบึ้งให้กับเขา เธองอนจริง ๆ งอนมาก น้ำตาคลอจะร้องไห้ ก็เธอทานรสชาตินี้มาแต่ไหนแต่ไร มาตั้งแต่เด็ก ๆ มาตั้งแต่ทานก๋วยเตี๋ยวเป็นนู่น มาห้ามตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วมั้ง
“น้องครับ ขอก๋วยเตี๋ยวอีกชามหน่อย วุ้นเส้นหมูนะครับ” เมธีจัดการสั่งให้เธอใหม่ด้วยความเป็นห่วง เรียกพ่อค้าว่าน้องเพราะดูทรงอายุน่าจะอ่อนกว่าเขาอยู่ไม่น้อย
“ไม่กิน! จะกินชามนี้” น้ำตาคลออย่างเห็นได้ชัด บางจังหวะไหลออกมาแล้วด้วย แต่เขาก็ยังยิ้มให้เธออยู่ได้ นี่เธอโกรธอยู่นะ ยังจะมายิ้มอีก
“น้องนภามันเปรี้ยวเว่อวังอลังการมากเลยนะ เดี๋ยวก็เป็นโรคไต” เขาหาเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามาอ้างกับเธอให้หายงอน
“ก็ไม่ได้กินทุกวันมั้ย ฮ้วย!” น้ำตาเม็ดใส ๆ ไหลออกจากตา ไม่ได้ร้องไห้เพราะไม่ได้กินชามนั้น แต่ร้องไห้เพราะโดนขัดใจมากกว่า ก็แค่กินเปรี้ยวมันจะอะไรนักหนา เมธีหยิบกระดาษทิชชูจะซับน้ำตาให้เธอ “ไม่ต้อง” แล้วตนเองก็หยิบเช็ดเอง ภายในใจตอนนี้โกรธมาก เดี๋ยวคืนนี้ต้องนอนคนละที่แน่นอนกลับไปถึงห้องนี่แหละคอยดู พลางมองหน้าเขาและนึกในใจ
“มาแล้วค้าบ ชามนี้มันเป็นอะไรครับ” พ่อค้าดูกังวลนิดหน่อยที่เมธีสั่งชามใหม่
“อ่อไม่มีอะไรหรอกครับ ลูกสาวทำน้ำส้มสายชูหกใส่ลงไปเยอะมาก กินไม่ได้” พอเมธีพูดแบบนี้เธอก็ขำออกมา ลืมตัวไปว่างอนเขาอยู่
“ลูกสาวเหรอครับ นึกว่า!”
“ครับ” เมธียิ้มให้พ่อค้าทว่าสายตามีเลศนัย พ่อค้ายิ้มให้เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง และเธอที่หัวเราะออกมา พอพ่อค้าเดินจากไปเธอก็หุบยิ้มเหมือนเดิม “หายงอนพี่แล้วเหรอ”
“ใคร! ใครงอน งอนเรื่องอะไร” ปฏิเสธไปแต่หน้ายังบึ้งตึงอยู่ เมธีอมยิ้มชอบใจที่เอาชนะเธอได้
“เดี๋ยวปรุงให้เอง” แล้วเมธีก็จัดการปรุงให้เธอ ใส่ทุกอย่างยกเว้นน้ำตาลทราย เขารู้ว่าเธอไม่ชอบก็ไม่ใส่มันลงไปในนั้น ทุกอย่างเหมือนเดิม แค่ลดประมาณน้ำส้มสายชูเทานั้นเอง
“ใส่ลงไปอีก! อีกนิดนึง อีกนิดนึงพี่เมธี! เนี่ยมันยังไม่ได้รสชาติเปรี้ยวเลย”
“พอแล้วน้องนภา นะครับ”
“ก็ได้ค่ะ! งั้นคืนนี้พี่เมธีก็นอนหน้าห้องแล้วกัน จะได้รู้ว่าถูกขัดใจมันเป็นยังไง”
“อ้าว! ถ้างั้นเพิ่มให้อีกครึ่งช้อน” พรนภาหัวเราะให้กับท่าทางของเขา อืม! เธอจะหัวเราะไม่ได้พรนภาเธองอนอยู่ พูดกับตัวเองในใจ แล้วก็ทำหน้าตึงเหมือนเดิม
“ทำไมพี่เมธีบอกพ่อค้าแบบนั้นล่ะ” สีหน้ายังตึงอยู่ แต่อยากถามเขาเฉย ๆ ทำไมถึงพูดแบบนั้นทั้งที่เธอก็ไม่ได้อะไร เปิดเผยเสมอมา
“เฉย ๆ นี่พี่เพิ่มน้ำส้มให้แล้ว นอนในห้องด้วยได้ยัง”
“ขอคิดดูก่อน! พี่เมธีตักน้ำซุปชามนั้นให้หนูชิมหน่อยสักคำ”
“ไม่! หยุดเลย”
“เอ๋าพี่เมธีแหมะ” พรนภาทำสายตาอ้อนวอนสุดฤทธิ์
“จะมาพี่เมธีแหมะอิหยังล่ะ/จะมาพี่เมธีอะไรล่ะ” เธอกับเมธีก็มาจากที่เดียวกันนั่นแหละ เลยคุยกันรู้เรื่อง
นาฬิกาปลุกดังขึ้นบอกเวลาแปดโมงเช้า เธอตั้งปลุกเตือนตัวเองตื่นไปทำงานทว่าวันนี้เป็นวันหยุด จึงล้มตัวลงนอนต่อบนที่นอนที่นุ่มสบาย นาฬิกาปลุกเจ้ากรรมทำลายความฝันที่แสนหวานของเธอ ฝันดี ฝันถึงพี่เมธีอีกแล้วทุกทีที่เจอกัน
นึกถึงฝันเมื่อคืนทำเอายิ้มไม่หุบ พี่โค้กนอนอยู่ข้าง ๆ ไม่สนใจอะไรเลย เมื่อคืนกลับมาก็ดึก ยิ่งเป็นวันสุดสัปดาห์ยิ่งกลับดึกกว่าทุกวัน พรนภาหันไปมองแฟนตัวเองที่หลับสนิทอยู่ ยิ้มให้แบบทำใจยอมรับ ก่อนจะเปิดไทม์ไลน์ดูข่าวสาร ไม่หรอกเธอดูความเคลื่อนไหวพี่เมธีต่างหาก
แม้จะไม่สนใจว่าพี่เมธีของเธอจะมีผู้หญิงกี่คน เพราะไม่ได้จริงจังด้วยอยู่แล้ว ทว่าเมื่อเห็นเขาคุยกับคนอื่นเธอก็รู้สึกแปลก ๆ เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มันเศร้า มันดาวน์ มันเป็นแบบไหนก็ไม่รู้เธอก็อธิบายความรู้สึกตัวเองไม่ถูก ที่เห็นเขาไปสนิทกับคนอื่นเหมือนสนิทกับเธอ มีผู้หญิงที่สวยน่ารักโปรไฟล์ดี มารู้จักกับเขา เข้ามาคอมเม้นรูปที่เขาลงในไทม์ไลน์ ดูก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
ทำไมเขาจะคุยกับคนอื่นไม่ได้ เธอมีสิทธิ์อะไรไปห้ามเขา แต่เธอมีสิทธิ์ห้ามตัวเองไม่ให้ไปสนิทกับเขาอีกได้อย่างเดียว เธอต้องเป็นฝ่ายถอยเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นก็ดูเลิศหรู สวย โปรไฟล์ดี หน้าที่การงานก็สูง ดีไม่มีที่ติ ที่สำคัญโสดด้วย แตกต่างกับเธอมาก ของสดใหม่ใครจะไม่ถูกใจล่ะ ไม่เหมือนกับเธอที่อะไรก็ไม่รู้
“นภาต่อไปนี้อย่าสำคัญตัวให้มากนะแก เค้าคุยกับแกเค้าก็คุยกับคนอื่นได้ เค้าอบอุ่นกับแกเค้าก็อบอุ่นน่ารักกับคนอื่นได้เช่นกัน” เป็นคำมั่นสัญญากับตัวเอง ไม่รู้ว่าเธอจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า
ต่อไปนี้ไม่จำเป็นไม่ต้องคุยกับเขา ไม่ต้องเจอเขา ไม่ต้องอยากขับรถผ่านหน้าคอนโดเขา เขามีคนอื่นให้คุยแบบตื่นตาตื่นใจอยู่แล้ว ไม่เหมือนเธอ เหนือกว่าเธอทุกประการ “เลิกสำคัญตัวได้แล้วพรนภา แม้พี่โค๊กจะทิ้งเธอให้โดดเดี่ยวสักเพียงใดก็ตาม” เป็นคำพูดหนักแน่นจากใจของพรนภา
“1” เมธีส่งเลขหนึ่งมาให้เธอ เพื่อเป็นการถามว่าคุยได้ไหม ถ้าได้เธอก็แค่ส่งเลขหนึ่งกลับไป ถ้าภายในสามนาทีไม่มีการอ่านตอบจากเธอ แปลว่าตอนนี้ไม่สะดวก ทว่ามันสะดวก! เธอมองดูเลขหนึ่งบนหน้าจอ ตัดสินใจอยู่ว่าจะกดตอบกลับไปหรือไม่ ส่วนพี่โค๊กบ่ายโมงไม่รู้จะตื่นหรือเปล่า
ชีวิตจริงมันแย่ก็แค่พาตัวเองหลับและฝันถึงความสุขที่พึงอยากได้แค่นั้นเอง ให้ความสุขมันเกิดขึ้นแค่ในฝัน 😊
จบ...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้