รหัสลับรัตติกาล ตอนที่ 16

กระทู้สนทนา
G.K.Line

          16.

          เมฆหนาจับกลุ่มก่อนจะแผ่ขยายกลืนกินแสงดาวและความมืดจนกลายเป็นสีแดงฉานไปทั่วท้องฟ้า แสงแปลบปลาบแล่นไปมาตรงนั้นทีตรงนี้ทีตามก้อนเมฆ จู่ๆ ฝนที่ทิ้งช่วงไปนานแล้วก็กลับก่อเค้าขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

                ไร้การเคลื่อนไหวใดๆ ปรากฏให้เห็น แม้แต่สายลมเองก็ยังสงบจนดูน่ากลัว ราวกับว่าพายุใหญ่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้านี้

                นาฬิกาข้อมือบอกเวลาใกล้ตีหนึ่ง หากไม่ใช่คืนนี้ไฟทุกดวงในบ้านของหมู่บ้านฟ้าใหม่คงจะถูกดับไม่มีเหลือ ทุกคนคงจะเข้าสู่ห้วงนิทราและกำลังฝันถึงเรื่องราวต่างๆ ตามแต่จินตนาการและมโนสำนึกของตนจะสร้างขึ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

                ทว่าคืนนี้บ้านหลังหนึ่งยังคงเปิดไฟสว่าง มีคนสี่คนกำลังจับกลุ่มกันอย่างหลวมๆ อยู่ภายในนั้น บรรยากาศเงียบเชียบ ไม่มีใครพูดหรือแสดงความคิดเห็นอะไรออกมา คล้ายกับว่าทุกคนกำลังเข้าตาจนกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้

                ศักดาดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่ครองสติไว้ได้มากที่สุดในขณะนี้ ดังนั้น จึงเป็นคนแรกที่ตั้งสติและคิดลงมือทำอะไรได้ก่อนใคร

                แม้การคาดการณ์ในเรื่องของเด็กสาวเพียงพลอยจะผิดไปถนัด แต่ค่อนข้างเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าฆาตกรโหดของคดีฆาตกรรมที่ผ่านมาซึ่งเขาพยายามตามสืบหาต้นตออยู่น่าจะเป็นอสุรกายกระหายเลือดตนที่เพิ่งได้ประมือไปเมื่อครู่ใหญ่ๆ

                ก็แน่ละ ด้วยพลังและความเร็วสุดหยั่งขนาดนั้น ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร ร้ายกาจปานใด ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย นั่นจึงทำให้มันฆ่าไม่เลือก และไม่จำเป็นต้องปกปิดซ่อนเร้นตัวเองเลย

                คิดไปพลางลอบสังเกตอาการของผู้ร่วมชะตากรรมไปพลางว่าขณะนี้แต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง

                สมานผู้ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวนั่งนิ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สีหน้าเคร่งเครียด คิ้วขมวดเข้าหากันตลอดเวลาจนรอยยับย่นบนใบหน้าเด่นชัดขึ้นไปอีก นักล่าอสุรกายผู้เคยมีฝีมือล้ำเลิศในอดีตจากคำบอกเล่าไม่หลงเหลือเค้าเดิมให้เห็นอยู่เลย

                หากไม่ได้เห็นการต่อสู้ของชายชรากับอสุรกายตนนั้นด้วยตาตัวเองแล้วละก็ เขาคงเห็นผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามในขณะนี้เป็นเพียงชายแก่ที่สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความกังวลและสิ้นหวังธรรมดาๆ นี่เอง

                บรรพตนั่งอยู่ทางซ้าย ทิ้งระยะห่างไปทางด้านหลังของกลุ่มสนทนา ตั้งแต่มาถึงบ้านหลังนี้หมอหนุ่มเอาแต่นั่งนิ่งไม่ไหวติง ก้มหน้าก้มตากุมขมับทั้งสองข้างอยู่อย่างนั้น เขาไม่สบตา ไม่พูดไม่จา เอาแต่นั่งเฉยๆ กลืนตนเองหายไปกับสิ่งแวดล้อม ราวกับว่ากำลังสร้างเกราะเพื่อปกป้องตนเองจากการรับรู้และจากโลกภายนอกทั้งหมด

                วิภาดานั่งอยู่ด้านขวาข้างๆ กับเขา นอกจากเขาแล้วก็เห็นมีเธอที่ดูจะสงบกว่าอีกสองคนที่เหลือ หญิงสาวหันมาสบตาพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ เพื่อนรุ่นน้องในวัยเด็กคนนี้มีอะไรมากกว่าที่ตาเห็นและอาจจะยังมีอะไรอีกมากที่เขายังไม่รู้เกี่ยวกับตัวเธอ อย่างน้อยเรื่องหนึ่งก็คือฝีมือการซัดมีดที่ไม่ธรรมดานั่น

                สำหรับสมาน แม้ว่าจะชรามากแล้วแต่ฝีมือการต่อสู้ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงทีเดียว มันทำให้ศักดาอดนึกถึงความร้ายกาจเมื่อสมัยที่ผู้เฒ่าคนนี้ยังเป็นหนุ่มไม่ได้ว่าจะมากสุดหยั่งขนาดไหน

                หากเป็นในยามปกติชายชราผู้นี้คงเป็นกำลังสำคัญให้ได้ แต่ตอนนี้ชายหนุ่มกลับไม่แน่ใจว่าสภาพจิตใจของผู้เฒ่าจะพร้อมสำหรับศึกใหญ่หรือไม่

                ส่วนบรรพต ท่าทางแบบนั้นคงจะหวังพึ่งพาอะไรไม่ได้ ก็ไม่แปลกที่คนธรรมดาอย่างคุณหมอ ผู้ซึ่งไม่เคยรับมือกับอะไรแบบนี้มาก่อนต้องมาประสบพบเข้าอย่างจัง นี่แค่เขาพาร่างของตนเองมาจนถึงบ้านนี้ได้ก็ต้องชมแล้ว ตอนนี้สมองคงกำลังกลวงโบ๋ สับสนว่านี่คือความฝันหรือความจริงกันแน่อยู่กระมัง

                แล้ววิภาดาล่ะ จากที่ได้เห็นฝีมือของเธอประกอบกับท่าทางสงบเยือกเย็น น่าจะประเมินได้คร่าวๆ ว่าคงเก่งระดับหนึ่ง และคงพบเจอเรื่องแบบนี้มาพอสมควรจนเห็นเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ก็นั่นละ เธอดูลึกลับจนไม่แน่ใจว่าควรจะฝากผีฝากไข้ดีหรือเปล่า

                หลังประเมินกำลังรบฝั่งตนเองเรียบร้อยแล้วศักดาแอบถอนหายใจพร้อมส่ายหน้าเบาๆ ความไม่แน่นอนมีมากเกินไป ความเสี่ยงสูงเกินไป เขาไม่แน่ใจว่าจะชนะศึกที่กำลังจะถึงนี้ได้

                “ก่อนที่จะตัดสินใจหรือปรึกษาหารือเรื่องช่วยลูกสาวคุณ ผมอยากรู้เรื่องของคุณมากกว่านี้ก่อน ว่าต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้น หลังจากองค์กรของคุณล่มสลายไปแล้ว คุณทำอะไร ไปที่ไหน แล้วสุดท้ายทำไมถึงย้ายมาอยู่ที่นี่”

                นายตำรวจตัดสินใจทำลายบรรยากาศชวนอึดอัดลง หากจะมีเวลานั่งกันอยู่เฉยๆ บางทีการได้รู้เรื่องราวอะไรมากกว่านี้สักนิดก็ยังอาจเป็นประโยชน์มากกว่า

                “หากมันจะทำให้คุณรับปากช่วยลูกสาวผม ผมยินดีบอกทุกอย่าง ยินดีเล่าทุกเรื่องให้คุณฟัง”

                ชายชราเงยหน้าขึ้นสบตาผู้ถาม ประสานมือเข้าหากันพร้อมกับบีบแรงๆ เพื่อเรียกขวัญตนเองให้เข้ามาอยู่กับตัว ศักดาและวิภาดายืดตัวตรง เอนตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย เพื่อให้ผู้ที่กำลังจะเล่ารับรู้ว่าพวกเขากำลังตั้งใจฟัง ยกเว้นบรรพตซึ่งดูราวจะหลุดไปอยู่ในโลกของตนเองที่ยังคงนั่งนิ่งในท่าเดิม 

                สมานเล่าว่าหลังการระเบิดครั้งใหญ่ เขาคิดว่าคงไม่มีใครในองค์กรรอดชีวิต แต่จากประสบการณ์ต่อสู้เฉียดเป็นเฉียดตายมานับครั้งไม่ถ้วน ทำให้เขารู้ว่าการระวังตัวและคะเนสถานการณ์ที่เป็นไปได้ในอนาคตนั้นสำคัญที่สุด

                องค์กรที่มีงบประมาณเหลือเฟือในการวิจัยเรื่องที่อันตรายและเป็นความลับขนาดนี้ย่อมไม่ธรรมดา แม้เขาจะมั่นใจว่าองค์กรมีเพียงสถาบันวิจัยแห่งนี้เท่านั้น แต่ก็ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่ามันเป็นอย่างที่คิด

                บางทีอาจมีสถาบันวิจัยแบบเดียวกันที่อื่นอีก อาจมีนักล่าหรือนักฆ่าที่มีฝีมือดีกว่าถูกส่งมาเพื่อจัดการเขา และชิงเอาผลงานวิจัยมีชีวิตชิ้นโบว์แดงนี้ไป หากเป็นแบบนั้นวิธีที่ดีที่สุดจึงเป็นการเปลี่ยนชื่อแซ่และย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ

                เขาทำแบบนั้นอยู่นับสิบปี จนกระทั่งมั่นใจว่าสิ่งที่คิดไว้นั้นผิดหมด ผลงานวิจัยชิ้นโบว์แดงยังคงถูกเก็บไว้เป็นความลับสุดยอดจนกระทั่งวันสุดท้ายแห่งความวิบัติ ไม่หลงเหลือคนที่รู้ถึงการมีอยู่ของเอ็กซ์ศูนย์หนึ่งและเอ็กซ์ศูนย์สอง ไม่มีใครติดตามตัวเขา องค์กรวิจัยอาวุธสงครามชีวภาพล่มสลายไปแล้วจริงๆ

                หลังจากนั้นชีวิตอันแสนสงบสุขก็กลับมาเยือนอีกครั้ง เขาเลือกลงหลักปักฐานในประเทศที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเจริญถึงขีดสุด สมัครเข้าทำงานในตำแหน่งนักวิจัยของสถาบันแห่งหนึ่งและเริ่มศึกษาเซลล์ของเพียงพลอย ซึ่งในเวลานั้นชื่อของเธอคือเหม่ยหลินอีกครั้ง

                เพียงพลอยเองหลังจากต้องเร่ร่อนติดตามเขาไปหลายๆ ที่อยู่นานปี ในที่สุดก็ดูเหมือนว่าเธอจะได้ชีวิตอันเป็นปกติสุขกลับคืนมาเสียที เธอเริ่มมีเพื่อน ได้เล่นสนุก เที่ยวเล่น พูดคุย แต่งตัวสวย อย่างที่เด็กสาวทั่วไปทำ

                ทุกอย่างกำลังเป็นไปในทางที่ถูกที่ควร ถ้าไม่เพียงแต่ว่าวันหนึ่งสมานพบว่าเซลล์ของเพียงพลอยมีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้น แม้จะไม่ชัดเจนนักแต่เขาก็จำได้ดีว่ามันเป็นสิ่งเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับเซลล์ของเอ็กซ์ศูนย์หนึ่ง เซลล์แวมไพร์และเซลล์มหัศจรรย์ในร่างของเด็กสาวเริ่มต่อต้านกันเอง

                เพราะมันผ่านมานานนับสิบปีจนกระทั่งเขาลืมเลือนเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ตอนนี้ฝันร้ายได้กลับตามมาหลอกหลอนอีกจนได้ เขายิ่งพยายามศึกษาหาทางแก้ไขรักษาอย่างบ้าคลั่งไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่ยิ่งก้าวล้ำเข้าสู่ดินแดนหวงห้ามมากขึ้นเท่าใด เขาก็ยิ่งได้รับรู้ว่าหนทางที่กำลังเดินไปนั้นไร้ทางออก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่