เสน่หาอำมหิตตอนที่ 24

กระทู้สนทนา




เสน่หาอำมหิตตอนที่ 24


โดย G. K. Line  


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

24.

              ร่างของสองพ่อลูกค่อยๆ สูญสลายกลายเป็นละอองธุลี แผ่วพลิ้วไปกับสายลมที่จู่ๆ ก็พัดเข้ามา เป็นลมที่ทั้งสงบและอ่อนโยนราวกับตั้งใจจะมารับทั้งคู่ไปสู่อีกภพภูมิที่ดีกว่านี้

             ชั่วครู่ก่อนที่ทั้งคู่จะดับสูญ บรรยากาศของสองพ่อลูกบุญธรรมที่เคยเป็นศัตรูคู่แค้นมาตลอดชีวิตเปลี่ยนแปลงไป จิตแห่งการฆ่าฟัน ความคลุ้มคลั่ง ความโกรธ เกลียดชัง อันแรงกล้าจากบุคคลทั้งสองจางหายไป สิ่งที่สัมผัสได้ในลมหายใจช่วงสุดท้ายมีเพียงความรัก ความเข้าใจ ของกันและกันเท่านั้น

             คงไม่มีอะไรให้ติดค้างในใจอีกแล้วสำหรับทั้งคู่ นี่อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเรื่องราวในครั้งนี้

             ความมืดสลัวกลับมาทาทับอีกครั้งเมื่อเปลวไฟดับมอดลง ทั้งโกดังร้างกลับกลายเป็นเงียบเชียบอีกครา ได้ยินเพียงเสียงหวีดหวิว เสียงใบไม้เสียดสี เสียงสัตว์เล็กสัตว์น้อยกำลังเคลื่อนไหวแหวกพงหญ้า เสียงแมลงกลางคืนร้องเพลง

             ศักดา วิภาดา และบรรพต ต่างยืนกันนิ่ง ไม่มีใครขยับแม้เพียงแค่ปลายนิ้ว คล้ายกับพวกเขาเกิดความไม่แน่ใจขึ้นมาในจิตใจ เรื่องทั้งหมดจบลงแล้วใช่ไหม หรือว่านี่เป็นเพียงฝันไป หรืออันที่จริงแล้วพวกเขาตายไปแล้วและนี่คือโลกหลังความตายกันแน่

             ไม่หรอก หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ ลมหายใจที่ยังรับรู้ได้บอกว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ และหากพวกเขายังมีชีวิตอยู่นั่นก็แปลว่าสิ่งที่เห็นเป็นเรื่องจริง การต่อสู้จบลงไปแล้ว แม้จะเป็นในแบบที่ไม่คาดคิด แต่พวกเขาต่างก็เป็นหนึ่งในผู้ที่รอดจากการแลกชีวิตในค่ำคืนนี้

             “มันจบแล้วใช่มั้ยคะ”   วิภาดาถามเลื่อนลอยเหมือนคนไร้สติ เพื่อหวังจะให้มั่นใจว่าตัวเธอเข้าใจไม่ผิดไป

             “ใช่ มันจบแล้ว”  ศักดาช่วยย้ำให้เธอมั่นใจว่าเข้าใจไม่ผิด ก่อนจะเดินเข้าไปยืนเคียงข้างกัน

             “พลอย พลอย...”   บรรพตที่เริ่มตั้งสติได้ร้องเรียกหาหญิงคนรักเป็นอันดับแรก
  
             “เดี๋ยวก่อนค่ะ วิว่าปล่อยให้เธอหลับอยู่อย่างนี้ดีกว่า ส่วนคุณหมอช่วยกรุณาอยู่กับที่ตรงนี้ก่อนนะคะ”
  
             วิภาดาห้ามปรามหมอหนุ่ม ในขณะที่เขาคิดจะไปยังสำนักงานชั้นสองเพื่อปลุกเพียงพลอย ท่ามกลางความแปลกใจของชายหนุ่มทั้งสองว่าหญิงสาวทำแบบนั้นด้วยสาเหตุใด
  
             “ทำไมล่ะวิ เราควรจะขึ้นไปนำตัวเพียงพลอยลงมา และออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดมากกว่านะ เพราะอาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้นมาอีกก็ได้ หรืออย่างน้อยหากเรายังอยู่ที่นี่จนกระทั่งรุ่งสาง ก็อาจจะมีใครมาพบพวกเราในสภาพแบบนี้ ซึ่งน่าจะไม่เป็นการดี”
  
             มันควรจะเป็นแบบนั้น สัญชาตญาณระแวดระวังของตำรวจและนักล่าอสุรกายทำให้ศักดาเป็นแบบนั้นเสมอมา ต้องทำอะไรที่ปลอดภัยและมั่นใจที่สุดไว้ก่อน และนั่นก็ทำให้เขายังรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้
  
             ในขณะที่นายตำรวจพูด ดูเหมือนวิภาดาจะไม่ได้สนใจฟังเท่าใดนัก เธอเดินไปหยิบปืนของสมานที่ตกอยู่กับพื้นขึ้นมา
  
             “พี่ศักเองก็เหมือนกัน ช่วยอยู่นิ่งๆ กับที่สักครู่หนึ่งจะได้ไหมคะ”   พูดพลางจ่อปากกระบอกปืนไปยังชายคนรัก การกระทำนี้ทำเอาศักดาถึงกับแสดงสีหน้าไม่เข้าใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง
  
             “วิ วิทำอะไร นี่มันหมายความว่ายังไง”
  
             น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสับสน ลังเล ไม่แน่ใจ รู้สึกกระอักกระอ่วนคล้ายมีเกลียวคลื่นตีม้วนอยู่ในช่องท้อง
  
              “อย่าถามอะไรมากไปกว่านี้เลยค่ะ ช่วยอยู่เฉยๆ อย่างที่วิบอก แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อยเอง”
  
             ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา เธอพูดพลางหลบตาลงต่ำ น้ำเสียงสั่นเครือและเต็มไปด้วยความไม่มั่นคง อาการทั้งหมดที่แสดงออกมาทำให้นายตำรวจสรุปเอาได้ง่ายๆ ว่าเธอคงไม่เต็มใจที่จะทำนัก นั่นหมายความว่าเธออาจจะทำเพราะความจำเป็น หรืออาจจะถูกใครบังคับให้ต้องทำแบบนี้
  
             “วิ วิไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ มีอะไรบอกพี่ได้นะ เราจะช่วยกันแก้ไข เราจะจัดการปัญหาทั้งหมดให้คลี่คลายไปด้วยกัน”
  
              “พอเถอะค่ะ อย่าพูดอะไรอีก วิไม่อยากให้คืนนี้มีคนต้องเสียสละเพิ่มอีกแล้ว ช่วยอย่าถามอะไรอีกเลย”
  
             ไม่ทันจะพูดจบ วิภาดาก็ตวาดเสียงดังออกมาจนชายหนุ่มคู่สนทนาถึงกับนิ่งอึ้งไป ในจังหวะที่หญิงสาวกำลังเสียสมาธิ เธอลืมไปว่าในโกดังนี้ยังมีบรรพตอยู่อีกคน หมอหนุ่มเห็นโอกาสนั้นจึงพุ่งตัวเข้าหาหมายจะกระแทกให้เธอเสียการทรงตัว
  
             ‘เปรี้ยง’

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่