เสน่หาอำมหิต...มฤตยูยอดรัก
เรื่องเดิมตอนที่ผ่านมา
http://ppantip.com/topic/34885694
http://ppantip.com/topic/34888411
http://ppantip.com/topic/34893697
http://ppantip.com/topic/34901028
http://ppantip.com/topic/34934723
http://ppantip.com/topic/34974918
ตอนที่ 6
โดย...ล. วิลิศมาหรา
โหน่งวิ่งล้มลุกคลุกคลานลงบันไดมาจากชั้นสามของตึกร้างอย่างคนสติแตก ชายเร่ร่อนทั้งตกใจทั้งหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ระทึกขวัญที่เกิดขึ้นกับตัวเองจนตั้งสติแทบไม่อยู่ แสงสว่างเพียงสลัวของบรรยากาศตอนค่ำทำให้ชายพเนจรมองไม่เห็นทางชัดเจน ร่างผอมจึงสะดุดขั้นบันได กลิ้งหลุน ๆ ลงมาคาขั้นบันไดของชั้นสอง โหน่งรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล รู้สึกปวดหนึบ ๆ ตรงแผลที่ถูกกัดเป็นรอยคมเขี้ยวบริเวณเส้นเลือดใหญ่ข้างลำคอขวา จนต้องเอามือกุมไว้ ชายเคราะห์ร้ายเริ่มมีอาการหายใจติดขัด เขาพยายามอ้าปากพะงาบ ๆ สูดเอาลมหายใจเข้าปอดให้เต็มที่ ขณะวิ่งโซซัดโซเซออกมาจนพ้นตัวตึก ในใจก็ร้องคร่ำครวญหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วย พลางเหลียวมองข้างหลังเป็นระยะ เพราะกลัวว่าผีดูดเลือดจะตามมากัด โชคดีที่ไร้วี่แววพวกมัน...คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกช้างด้วย
ตึกร้างอยู่ไม่ไกลจากปากซอยเปลี่ยวเท่าใด ดังนั้น พอวิ่งมาครู่หนึ่งเขาจึงเห็นแสงไฟจากหน้ารถที่แล่นผ่านไปมาบนถนนใหญ่ข้างหน้า โหน่งกัดฟันเร่งฝีเท้าเข้าหาจุดหมายทั้ง ๆ ที่แข้งขาอ่อนแรงลงทุกขณะ...อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้นเราก็จะรอดแล้ว ชายเร่ร่อนร่ำร้องอยู่ในใจ...
ในที่สุดโหน่งก็พาร่างอ่อนปวกเปียกมาถึงไหล่ทางของถนนใหญ่จนได้ แสงไฟหน้ารถคันหนึ่งส่องสว่างจ้า ชายพเนจรตัดสินใจโผร่างเข้าขวางทันที
...เอี้ยดดดดด
เสียงห้ามล้อรถดังสนั่นแสบแก้วหู โหน่งยกมือขึ้นบังหน้าตามสัญชาตญาณ เกร็งตัวรับแรงกระแทกจากการถูกรถชนเต็มที่...แต่ทันใดนั้น ชายเคราะห์ร้ายต้องตกใจแทบสิ้นสติอีกครั้ง เมื่อพบว่าร่างตัวเองถูกยกขึ้นไปลอยคว้างอยู่กลางอากาศ
...อ๊ากกกกกกส์
....เฮ้ยยยย...
ร้อยตำรวจเอกศักดาร้องออกมาอย่างตกใจ นายตำรวจหนุ่มกระทืบเบรคให้รถหยุดเต็มแรง ส่งผลให้ตัวรถเสียหลักหมุนคว้าง จนรถไถลออกไปด้านข้างก่อนจอดสงบนิ่งลง เมื่อบังคับรถให้หยุดได้แล้ว ชายหนุ่มต้องนั่งตั้งสติสักพักแล้วจึงเปิดประตูลงมาดูข้างนอกรถ
...เราขับรถชนคนหรือเปล่า...นายร้อยตำรวจนึกประหลาดใจ เพราะเมื่อกี้นี้ เขาเห็นร่างผู้ชายคนหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถอย่างกระชั้นชิด ชายหนุ่มคาดว่าเขาต้องขับรถชนร่างนั้นแน่ ๆ แต่น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกว่ารถชนถูกวัตถุใด ๆ
และในขณะนี้ เมื่อเขาลงจากรถมาเดินสำรวจไปรอบ ๆ ตัวรถ ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ ไม่มีร่องรอยการถูกชนบนตัวรถ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ...อันที่จริงก็คือ ไม่มีแม้แต่เงาของร่างคน ๆ นั้นเลยต่างหาก สิ่งที่อยู่ในคลองจักษุเมื่อครู่คล้ายไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หรือว่าจะเป็น..
.ผี
เพราะเหตุการณ์สุดแปลกทำให้เวลานี้นายตำรวจนักสืบนึกได้อยู่เรื่องเดียวเท่านั้น ชายหนุ่มรีบเปิดประตูรถก้าวกลับเข้าไปข้างใน ก่อนปิดประตูรถโครมแล้วพึมพำท่องนะโมผิด ๆ ถูก ๆ
แต่แล้วเสียงเรียกสายเข้าโทรศัพท์มือถือก็แผดดังขึ้น ทำให้ร้อยตำรวจหนุ่มสะดุ้งขึ้นสุดตัวด้วยความตกใจ พอนึกได้ว่าเป็นเสียงโทรศัพท์ของตัวเองที่วางอยู่ข้างเบาะคนขับจึงระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ชายหนุ่มเอื้อมมือสั่น ๆ ไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย
“ตกลงว่าแกจะมาไหม หือ ไอ้แจ็ค”
เสียงครูไพบูลย์ดังขึ้นทันควันหลังลูกชายกรอกเสียงรับสาย
“ใกล้จะถึงแล้วครับพ่อ พอดีรถผมเกือบชน...หมา ก็เลยหยุดรถดู จะไปเดี๋ยวนี้แล้วครับ”
“เออ รีบมาเร็วเข้า คุณสายหยุดกับลูกสาวเขามารออยู่นานแล้ว นี่ฉันนั่งคุยจนหมดไส้หมดพุงไม่มีอะไรจะคุยกับเขาแล้วโว้ย แกก็ไม่โผล่หัวมาสักทีไอ้ลูกบ้า แค่นี้นะ”
ศักดารับคำของบิดาที่เร่งให้เดินทาง พอวางสาย นายตำรวจหนุ่มก็รีบสตาร์ทรถ ขณะจะเร่งเครื่องขับออกไปจากที่ตรงนั้น พลันเสียงเรียกเข้าอีกสายหนึ่งก็ดังขึ้น ชายหนุ่มยกโทรศัพท์ขึ้นดูแล้วต้องส่ายศีรษะอย่างเอือมระอา เขาดับเครื่องยนต์ก่อนกดรับสาย พร้อมลอบถอนหายใจยาว
“พี่แจ็คขามารับแพทที่ห้องเสื้อหน่อยได้ไหมคะ รถแพทเสีย”
ผู้หญิงปลายสายปล่อยเสียงออดอ้อนดังมาตามสายอย่างใส่จริต
“เอ้อ ขอโทษด้วยจริง ๆ จ้ะน้องแพท พอดีตอนนี้พี่ไม่ว่าง พี่มีนัดทานข้าวกับคุณพ่อ แพทใช้บริการแท็กซี่ไปก่อนนะจ๊ะ”
เสียงปลายสายคือแพท หรือ ปรียาภรณ์ อุดมเดช นางแบบดาวรุ่ง ที่บังเอิญได้รู้จักกันเมื่อหลายเดือนก่อน เพราะเธอได้รับเชิญให้มาทำกิจกรรมการกุศลร่วมกับกรมตำรวจ และเผอิญได้ทำงานอยู่แผนกเดียวกับนายตำรวจหนุ่ม หลังจากนั้นปรียาภรณ์ก็ตามเขาแจ หล่อนพยายามแสดงตัวว่าเป็นคนพิเศษของผู้หมวดศักดาจนบางครั้งเชายหนุ่มรู้สึกอึดอัด ปรียาภรณ์เป็นคนสวยก็จริง แต่ศักดายังไม่พร้อมที่จะจีบเธอเป็นแฟน นายตำรวจหนุ่มพยายามปฏิเสธด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน คนปลายทางพอได้ยินก็กระเง้ากระงอดใส่ทันที
“พี่แจ็คมารับแพทไม่ได้อีกแล้ว แพทไม่ยอมนะ พรุ่งนี้ต้องมารับแพทไปทานข้าวชดเชยด้วย”
สุ้มเสียงราวเป็นความผิดร้ายแรงของเขาก็ไม่ปาน ศักดางง ๆ ชายหนุ่มอึกอัก พยายามหาทางเลี่ยง
“เอ้อ...พรุ่งนี้เหรอครับ พี่ว่า...”
“พี่แจ็คจะมารับแพทใช่ไหมคะ”
มัวแต่อ้ำอึ้งไม่กล้าปฏิเสธทั้งที่มีเป้าหมายอื่น คราวนี้ปลายสายเลยสรุปเอาเอง ปรียาภรณ์อุทานออกมาอย่างดีใจ เธอไม่เคยเผื่อใจว่าจะถูกเขาปฏิเสธไมตรี นางแบบสาวผู้กำลังโด่งดังรีบพูดต่อด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“มื้อค่ำพรุ่งนี้นะคะ แพทขอเลือกร้านของเพื่อนแพทเอง พรุ่งนี่แพทจะยกเลิกนัดถ่ายแบบทุกนัดรอพี่แจ็คคนเดียวเลยค่ะ”
“ถ้าแพทมีงานก็อย่าเสียงานเพราะพี่เลยครับ เลื่อนไปวันอื่นที่เราว่างพร้อมกันดีกว่า”
ศักดารีบบอก แต่ดูเหมือนจะไร้ความหมาย เพราะปลายสายยืนยันหนักแน่น
“ไม่เป็นไรค่ะ งานถ่ายแบบปกหนังสือคนกันเอง แพทอุตส่าห์ไปถ่ายปกให้ เขารอแพทได้อยู่แล้ว ตกลงเราไปทานข้าวด้วยกันพรุ่งนี้ โอเคค่ะ”
โดยไม่ทันให้นายตำรวจหนุ่มทันได้ตั้งตัว ปรียาภรณ์กดปิดสัญญาณมือถือทันที ศักดาถือโทรศัพท์ค้าง...ให้มันได้อย่างนี้สิน่า เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย นี่ที่ตั้งใจว่าจะชวนวิลาสินีไปทานข้าวด้วยกันพรุ่งนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ ชายหนุ่มถอนหายใจยาวอีกเฮือกใหญ่ ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อเคลื่อนรถออก บ่ายหน้าตรงไปยังบ้านพักของบิดา
ย่างเข้ายามวิกาล ณ ประตูหน้าบ้านของบรรพต นายแพทย์หนุ่มใหญ่กำลังเตรียมตัวจะออกไปงานสังสรรค์เล็ก ๆ ที่คุณสายหยุดมาชักชวนเอาไว้ตั้งแต่ตอนกลางวัน เธอเป็นเจ้ากี้เจ้าการเชิญเพื่อนบ้านใกล้เคียงไปร่วมอวยพรวันเกิดให้อาจารย์สอนศิลปะคนบ้านติดกัน ซึ่งลูกชายของอาจารย์ไพบูลย์กับลูกสาวดาราของเธอได้ร่วมกันจัดขึ้นที่บ้านพักของอาจารย์ในค่ำคืนนี้ โดยมีวิลาสินีเป็นแม่งานในการจัดเตรียมสถานที่ อาหารและเครื่องดื่มตลอดจนขนมนมเนยต่าง ๆ หญิงสาวชวนลัดดา แม่บ้านของตัวเองมาเก็บกวาด ตกแต่งประดับประดาสถานที่ จนบ้านรก ๆ ของบิดาผู้หมวดศักดาสะอาดเอี่ยมอ่อง สวยงามขึ้นผิดหูผิดตา ดาราสาวรับทำด้วยความเต็มใจ หญิงสาวลงมือจัดเตรียมงานมาตั้งแต่เช้า
บรรพตแต่งตัวเสร็จแล้วและกำลังถือของขวัญชิ้นเล็ก ๆ เพื่อนำไปมอบให้เจ้าของวันเกิด หนุ่มใหญ่เอื้อมมือไปเปิดประตู แต่พอประตูถูกเปิดออก หมอศัลยกรรมก็ต้องทั้งประหลาดใจและดีใจ เมื่อพบร่างของเพียงพลอยยืนอยู่หน้าประตู
“อ้อ พลอยมาพอดี แหม มาเงียบ ๆ อีกแล้ว พี่กำลังจะออกไปชวนพลอย บ้านโน้นเขาจัดงานวันเกิด ไปด้วยกันไหมครับ เขามาเชิญพี่ตั้งแต่ตอนกลางวัน”
เด็กสาวตรงหน้ายิ้มให้เขาบาง ๆ
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ อยู่บ้านคนเดียวเหงาจัง งั้นขอพลอยกลับบ้านไปแต่งตัวก่อนนะคะ”
“ที่จริงพลอยใส่ชุดนี้ก็สวยแล้วนะครับ”
หนุ่มใหญ่ยิ้มกรุ้มกริ่ม สายตาจับจ้องร่างสาวน้อยในชุดเสื้อยืดแขนยาวสีขาวรัดรูป กับกระโปรงยีนส์สั้นเลยเข่าเผยเรียวขาเพรียวอย่างหลงใหล พลอยพึ่งผละออกจากอ้อมอกเขาไปเมื่อตอนเช้ามืดวันนี้ หญิงสาวไม่ยอมอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเขา บอกเหตุผลว่าตอนกลางวันอยู่ในบ้านของเธอจะสะดวกและปลอดภัยจากแสงอาทิตย์มากกว่า ดังนั้นตอนกลางวันบรรพตจึงปล่อยให้คนรักวัยรุ่นกลับไปอยู่ที่บ้านของตัวเอง กะว่าพอตกเย็นถึงค่อยชวนเธอมาค้างด้วยกันที่นี่
ชีวิตของเขาในยามนี้ นายแพทย์หนุ่มใหญ่รู้สึกกระชุ่มกระขวยและมีความสุขมากมายอย่างบอกไม่ถูก เขาเพียงรอให้สมานพ่อของเพียงพลอยกลับมาจากต่างประเทศเสียก่อน แล้วจะรีบเอ่ยปากสู่ขอเธอทันที จัดการแต่งงานให้ถูกต้องตามประเพณีและรีบมีลูกอีกสักคนหรือสองคนก็ได้...ไม่อยากเชื่อเลยว่า ชีวิตจะสุขสมบูรณ์อีกครั้งในวัยชรา
“เหรอคะ ถ้างั้นพลอยไปทั้งชุดนี้นะคะ”
เด็กสาวยิ้มให้คู่รักวัยดึกกับคำชมนั้น ก่อนเข้าคล้องแขนเขา บรรพตเอียงหน้าเข้าไปใกล้แก้มใส ยื่นจมูกสูดดมกลิ่นหอมจากพวงแก้มฟอดใหญ่
“พลอยแต่งตัวแบบไหนก็สวยน่ารักทั้งนั้นแหละครับ เราไปร่วมงานเขาสักครู่ แล้วเดี๋ยวพี่จะรีบขอตัวกลับ ใจจริงพี่อยากอยู่กับพลอยมากกว่า”
เพียงพลอยดึงหน้าสวยออกห่าง ดวงตากลมโตมองเขาอย่างเขินอาย เด็กสาวชวนเขาเบา ๆ
“ไปกันเถอะค่ะ”
บรรพตรับคำยิ้ม ๆ หลังจากปิดประตูบ้าน เขาเดินจูงมือเพียงพลอยข้ามถนนคอนกรีตไปยังบ้านแถวตรงกันข้ามที่อยู่ถัดจากบ้านของสายหยุดไปอีกหลัง ซึ่งเจ้าของบ้านคือครูศิลปะวัยเกษียณ
ไพบูลย์นั่งสนทนากับสายหยุดอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านของตนเอง ซึ่งขณะนี้ประดับประดาด้วยแสงไฟสีสวยจากหลอดไฟหลากสี ห้อยระโยงระยางไปตามพุ่มไม้ในสวนหน้าบ้านจนระยิบระยับสวยงาม
กลางสนามหญ้าของสวนจัดโต๊ะนั่งรับประทานอาหารสามโต๊ะ มีเตาปิ้งย่างตั้งอยู่ใกล้ ๆ โต๊ะยาวที่มีถาดอาหารพร้อมผลไม้และเครื่องดื่มวางบริการอยู่บริเวณหนึ่งของสนามหน้าบ้าน
อาคารฟากฝั่งบ้านครูไพบูลย์สร้างอยู่เรียงกันสี่หลัง บ้านของเขากับบ้านคุณนายสายหยุดอยู่ติดกันตรงกลาง ขนาบข้างด้วยบ้านอีกข้างละหนึ่งหลัง ซึ่งหลังที่เหลือล้วนเป็นผู้สูงอายุที่ลุกเดินไปไหนลำบาก และต่างต้องพึ่งพาบริการพนักงานช่วยเหลือดูแลคนชราของโรงพยาบาลสาขา ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการฟ้าใหม่แห่งนี้ทั้งสิ้น ส่วนอีกฟากถนน นอกจากบ้านของหมอศัลยกรรมและบ้านของสองพ่อลูกสมาชิกใหม่ซึ่งอยู่ติดกันแล้ว อีกสองหลังยังคงว่าง เนื่องจากราคาบ้านที่นี่ค่อนข้างแพงโครงการจึงเต็มช้ามาก บ้านทั้งแปดหลังนี้อยู่ลึกที่สุด แต่ก็มีพื้นที่ใช้สอยของตัวบ้านกว้างมากที่สุดของโครงการเช่นกัน
(มีต่อ)
เสน่หาอำมหิต...มฤตยูยอดรัก ตอนที่ 6
เรื่องเดิมตอนที่ผ่านมา
http://ppantip.com/topic/34885694
http://ppantip.com/topic/34888411
http://ppantip.com/topic/34893697
http://ppantip.com/topic/34901028
http://ppantip.com/topic/34934723
http://ppantip.com/topic/34974918
โดย...ล. วิลิศมาหรา
โหน่งวิ่งล้มลุกคลุกคลานลงบันไดมาจากชั้นสามของตึกร้างอย่างคนสติแตก ชายเร่ร่อนทั้งตกใจทั้งหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ระทึกขวัญที่เกิดขึ้นกับตัวเองจนตั้งสติแทบไม่อยู่ แสงสว่างเพียงสลัวของบรรยากาศตอนค่ำทำให้ชายพเนจรมองไม่เห็นทางชัดเจน ร่างผอมจึงสะดุดขั้นบันได กลิ้งหลุน ๆ ลงมาคาขั้นบันไดของชั้นสอง โหน่งรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล รู้สึกปวดหนึบ ๆ ตรงแผลที่ถูกกัดเป็นรอยคมเขี้ยวบริเวณเส้นเลือดใหญ่ข้างลำคอขวา จนต้องเอามือกุมไว้ ชายเคราะห์ร้ายเริ่มมีอาการหายใจติดขัด เขาพยายามอ้าปากพะงาบ ๆ สูดเอาลมหายใจเข้าปอดให้เต็มที่ ขณะวิ่งโซซัดโซเซออกมาจนพ้นตัวตึก ในใจก็ร้องคร่ำครวญหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วย พลางเหลียวมองข้างหลังเป็นระยะ เพราะกลัวว่าผีดูดเลือดจะตามมากัด โชคดีที่ไร้วี่แววพวกมัน...คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกช้างด้วย
ตึกร้างอยู่ไม่ไกลจากปากซอยเปลี่ยวเท่าใด ดังนั้น พอวิ่งมาครู่หนึ่งเขาจึงเห็นแสงไฟจากหน้ารถที่แล่นผ่านไปมาบนถนนใหญ่ข้างหน้า โหน่งกัดฟันเร่งฝีเท้าเข้าหาจุดหมายทั้ง ๆ ที่แข้งขาอ่อนแรงลงทุกขณะ...อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้นเราก็จะรอดแล้ว ชายเร่ร่อนร่ำร้องอยู่ในใจ...
ในที่สุดโหน่งก็พาร่างอ่อนปวกเปียกมาถึงไหล่ทางของถนนใหญ่จนได้ แสงไฟหน้ารถคันหนึ่งส่องสว่างจ้า ชายพเนจรตัดสินใจโผร่างเข้าขวางทันที
...เอี้ยดดดดด
เสียงห้ามล้อรถดังสนั่นแสบแก้วหู โหน่งยกมือขึ้นบังหน้าตามสัญชาตญาณ เกร็งตัวรับแรงกระแทกจากการถูกรถชนเต็มที่...แต่ทันใดนั้น ชายเคราะห์ร้ายต้องตกใจแทบสิ้นสติอีกครั้ง เมื่อพบว่าร่างตัวเองถูกยกขึ้นไปลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ...อ๊ากกกกกกส์
....เฮ้ยยยย...
ร้อยตำรวจเอกศักดาร้องออกมาอย่างตกใจ นายตำรวจหนุ่มกระทืบเบรคให้รถหยุดเต็มแรง ส่งผลให้ตัวรถเสียหลักหมุนคว้าง จนรถไถลออกไปด้านข้างก่อนจอดสงบนิ่งลง เมื่อบังคับรถให้หยุดได้แล้ว ชายหนุ่มต้องนั่งตั้งสติสักพักแล้วจึงเปิดประตูลงมาดูข้างนอกรถ
...เราขับรถชนคนหรือเปล่า...นายร้อยตำรวจนึกประหลาดใจ เพราะเมื่อกี้นี้ เขาเห็นร่างผู้ชายคนหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถอย่างกระชั้นชิด ชายหนุ่มคาดว่าเขาต้องขับรถชนร่างนั้นแน่ ๆ แต่น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกว่ารถชนถูกวัตถุใด ๆ
และในขณะนี้ เมื่อเขาลงจากรถมาเดินสำรวจไปรอบ ๆ ตัวรถ ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ ไม่มีร่องรอยการถูกชนบนตัวรถ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ...อันที่จริงก็คือ ไม่มีแม้แต่เงาของร่างคน ๆ นั้นเลยต่างหาก สิ่งที่อยู่ในคลองจักษุเมื่อครู่คล้ายไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หรือว่าจะเป็น...ผี
เพราะเหตุการณ์สุดแปลกทำให้เวลานี้นายตำรวจนักสืบนึกได้อยู่เรื่องเดียวเท่านั้น ชายหนุ่มรีบเปิดประตูรถก้าวกลับเข้าไปข้างใน ก่อนปิดประตูรถโครมแล้วพึมพำท่องนะโมผิด ๆ ถูก ๆ
แต่แล้วเสียงเรียกสายเข้าโทรศัพท์มือถือก็แผดดังขึ้น ทำให้ร้อยตำรวจหนุ่มสะดุ้งขึ้นสุดตัวด้วยความตกใจ พอนึกได้ว่าเป็นเสียงโทรศัพท์ของตัวเองที่วางอยู่ข้างเบาะคนขับจึงระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ชายหนุ่มเอื้อมมือสั่น ๆ ไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย
“ตกลงว่าแกจะมาไหม หือ ไอ้แจ็ค”
เสียงครูไพบูลย์ดังขึ้นทันควันหลังลูกชายกรอกเสียงรับสาย
“ใกล้จะถึงแล้วครับพ่อ พอดีรถผมเกือบชน...หมา ก็เลยหยุดรถดู จะไปเดี๋ยวนี้แล้วครับ”
“เออ รีบมาเร็วเข้า คุณสายหยุดกับลูกสาวเขามารออยู่นานแล้ว นี่ฉันนั่งคุยจนหมดไส้หมดพุงไม่มีอะไรจะคุยกับเขาแล้วโว้ย แกก็ไม่โผล่หัวมาสักทีไอ้ลูกบ้า แค่นี้นะ”
ศักดารับคำของบิดาที่เร่งให้เดินทาง พอวางสาย นายตำรวจหนุ่มก็รีบสตาร์ทรถ ขณะจะเร่งเครื่องขับออกไปจากที่ตรงนั้น พลันเสียงเรียกเข้าอีกสายหนึ่งก็ดังขึ้น ชายหนุ่มยกโทรศัพท์ขึ้นดูแล้วต้องส่ายศีรษะอย่างเอือมระอา เขาดับเครื่องยนต์ก่อนกดรับสาย พร้อมลอบถอนหายใจยาว
“พี่แจ็คขามารับแพทที่ห้องเสื้อหน่อยได้ไหมคะ รถแพทเสีย”
ผู้หญิงปลายสายปล่อยเสียงออดอ้อนดังมาตามสายอย่างใส่จริต
“เอ้อ ขอโทษด้วยจริง ๆ จ้ะน้องแพท พอดีตอนนี้พี่ไม่ว่าง พี่มีนัดทานข้าวกับคุณพ่อ แพทใช้บริการแท็กซี่ไปก่อนนะจ๊ะ”
เสียงปลายสายคือแพท หรือ ปรียาภรณ์ อุดมเดช นางแบบดาวรุ่ง ที่บังเอิญได้รู้จักกันเมื่อหลายเดือนก่อน เพราะเธอได้รับเชิญให้มาทำกิจกรรมการกุศลร่วมกับกรมตำรวจ และเผอิญได้ทำงานอยู่แผนกเดียวกับนายตำรวจหนุ่ม หลังจากนั้นปรียาภรณ์ก็ตามเขาแจ หล่อนพยายามแสดงตัวว่าเป็นคนพิเศษของผู้หมวดศักดาจนบางครั้งเชายหนุ่มรู้สึกอึดอัด ปรียาภรณ์เป็นคนสวยก็จริง แต่ศักดายังไม่พร้อมที่จะจีบเธอเป็นแฟน นายตำรวจหนุ่มพยายามปฏิเสธด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน คนปลายทางพอได้ยินก็กระเง้ากระงอดใส่ทันที
“พี่แจ็คมารับแพทไม่ได้อีกแล้ว แพทไม่ยอมนะ พรุ่งนี้ต้องมารับแพทไปทานข้าวชดเชยด้วย”
สุ้มเสียงราวเป็นความผิดร้ายแรงของเขาก็ไม่ปาน ศักดางง ๆ ชายหนุ่มอึกอัก พยายามหาทางเลี่ยง
“เอ้อ...พรุ่งนี้เหรอครับ พี่ว่า...”
“พี่แจ็คจะมารับแพทใช่ไหมคะ”
มัวแต่อ้ำอึ้งไม่กล้าปฏิเสธทั้งที่มีเป้าหมายอื่น คราวนี้ปลายสายเลยสรุปเอาเอง ปรียาภรณ์อุทานออกมาอย่างดีใจ เธอไม่เคยเผื่อใจว่าจะถูกเขาปฏิเสธไมตรี นางแบบสาวผู้กำลังโด่งดังรีบพูดต่อด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“มื้อค่ำพรุ่งนี้นะคะ แพทขอเลือกร้านของเพื่อนแพทเอง พรุ่งนี่แพทจะยกเลิกนัดถ่ายแบบทุกนัดรอพี่แจ็คคนเดียวเลยค่ะ”
“ถ้าแพทมีงานก็อย่าเสียงานเพราะพี่เลยครับ เลื่อนไปวันอื่นที่เราว่างพร้อมกันดีกว่า”
ศักดารีบบอก แต่ดูเหมือนจะไร้ความหมาย เพราะปลายสายยืนยันหนักแน่น
“ไม่เป็นไรค่ะ งานถ่ายแบบปกหนังสือคนกันเอง แพทอุตส่าห์ไปถ่ายปกให้ เขารอแพทได้อยู่แล้ว ตกลงเราไปทานข้าวด้วยกันพรุ่งนี้ โอเคค่ะ”
โดยไม่ทันให้นายตำรวจหนุ่มทันได้ตั้งตัว ปรียาภรณ์กดปิดสัญญาณมือถือทันที ศักดาถือโทรศัพท์ค้าง...ให้มันได้อย่างนี้สิน่า เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย นี่ที่ตั้งใจว่าจะชวนวิลาสินีไปทานข้าวด้วยกันพรุ่งนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ ชายหนุ่มถอนหายใจยาวอีกเฮือกใหญ่ ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อเคลื่อนรถออก บ่ายหน้าตรงไปยังบ้านพักของบิดา
ย่างเข้ายามวิกาล ณ ประตูหน้าบ้านของบรรพต นายแพทย์หนุ่มใหญ่กำลังเตรียมตัวจะออกไปงานสังสรรค์เล็ก ๆ ที่คุณสายหยุดมาชักชวนเอาไว้ตั้งแต่ตอนกลางวัน เธอเป็นเจ้ากี้เจ้าการเชิญเพื่อนบ้านใกล้เคียงไปร่วมอวยพรวันเกิดให้อาจารย์สอนศิลปะคนบ้านติดกัน ซึ่งลูกชายของอาจารย์ไพบูลย์กับลูกสาวดาราของเธอได้ร่วมกันจัดขึ้นที่บ้านพักของอาจารย์ในค่ำคืนนี้ โดยมีวิลาสินีเป็นแม่งานในการจัดเตรียมสถานที่ อาหารและเครื่องดื่มตลอดจนขนมนมเนยต่าง ๆ หญิงสาวชวนลัดดา แม่บ้านของตัวเองมาเก็บกวาด ตกแต่งประดับประดาสถานที่ จนบ้านรก ๆ ของบิดาผู้หมวดศักดาสะอาดเอี่ยมอ่อง สวยงามขึ้นผิดหูผิดตา ดาราสาวรับทำด้วยความเต็มใจ หญิงสาวลงมือจัดเตรียมงานมาตั้งแต่เช้า
บรรพตแต่งตัวเสร็จแล้วและกำลังถือของขวัญชิ้นเล็ก ๆ เพื่อนำไปมอบให้เจ้าของวันเกิด หนุ่มใหญ่เอื้อมมือไปเปิดประตู แต่พอประตูถูกเปิดออก หมอศัลยกรรมก็ต้องทั้งประหลาดใจและดีใจ เมื่อพบร่างของเพียงพลอยยืนอยู่หน้าประตู
“อ้อ พลอยมาพอดี แหม มาเงียบ ๆ อีกแล้ว พี่กำลังจะออกไปชวนพลอย บ้านโน้นเขาจัดงานวันเกิด ไปด้วยกันไหมครับ เขามาเชิญพี่ตั้งแต่ตอนกลางวัน”
เด็กสาวตรงหน้ายิ้มให้เขาบาง ๆ
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ อยู่บ้านคนเดียวเหงาจัง งั้นขอพลอยกลับบ้านไปแต่งตัวก่อนนะคะ”
“ที่จริงพลอยใส่ชุดนี้ก็สวยแล้วนะครับ”
หนุ่มใหญ่ยิ้มกรุ้มกริ่ม สายตาจับจ้องร่างสาวน้อยในชุดเสื้อยืดแขนยาวสีขาวรัดรูป กับกระโปรงยีนส์สั้นเลยเข่าเผยเรียวขาเพรียวอย่างหลงใหล พลอยพึ่งผละออกจากอ้อมอกเขาไปเมื่อตอนเช้ามืดวันนี้ หญิงสาวไม่ยอมอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเขา บอกเหตุผลว่าตอนกลางวันอยู่ในบ้านของเธอจะสะดวกและปลอดภัยจากแสงอาทิตย์มากกว่า ดังนั้นตอนกลางวันบรรพตจึงปล่อยให้คนรักวัยรุ่นกลับไปอยู่ที่บ้านของตัวเอง กะว่าพอตกเย็นถึงค่อยชวนเธอมาค้างด้วยกันที่นี่
ชีวิตของเขาในยามนี้ นายแพทย์หนุ่มใหญ่รู้สึกกระชุ่มกระขวยและมีความสุขมากมายอย่างบอกไม่ถูก เขาเพียงรอให้สมานพ่อของเพียงพลอยกลับมาจากต่างประเทศเสียก่อน แล้วจะรีบเอ่ยปากสู่ขอเธอทันที จัดการแต่งงานให้ถูกต้องตามประเพณีและรีบมีลูกอีกสักคนหรือสองคนก็ได้...ไม่อยากเชื่อเลยว่า ชีวิตจะสุขสมบูรณ์อีกครั้งในวัยชรา
“เหรอคะ ถ้างั้นพลอยไปทั้งชุดนี้นะคะ”
เด็กสาวยิ้มให้คู่รักวัยดึกกับคำชมนั้น ก่อนเข้าคล้องแขนเขา บรรพตเอียงหน้าเข้าไปใกล้แก้มใส ยื่นจมูกสูดดมกลิ่นหอมจากพวงแก้มฟอดใหญ่
“พลอยแต่งตัวแบบไหนก็สวยน่ารักทั้งนั้นแหละครับ เราไปร่วมงานเขาสักครู่ แล้วเดี๋ยวพี่จะรีบขอตัวกลับ ใจจริงพี่อยากอยู่กับพลอยมากกว่า”
เพียงพลอยดึงหน้าสวยออกห่าง ดวงตากลมโตมองเขาอย่างเขินอาย เด็กสาวชวนเขาเบา ๆ
“ไปกันเถอะค่ะ”
บรรพตรับคำยิ้ม ๆ หลังจากปิดประตูบ้าน เขาเดินจูงมือเพียงพลอยข้ามถนนคอนกรีตไปยังบ้านแถวตรงกันข้ามที่อยู่ถัดจากบ้านของสายหยุดไปอีกหลัง ซึ่งเจ้าของบ้านคือครูศิลปะวัยเกษียณ
ไพบูลย์นั่งสนทนากับสายหยุดอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านของตนเอง ซึ่งขณะนี้ประดับประดาด้วยแสงไฟสีสวยจากหลอดไฟหลากสี ห้อยระโยงระยางไปตามพุ่มไม้ในสวนหน้าบ้านจนระยิบระยับสวยงาม
กลางสนามหญ้าของสวนจัดโต๊ะนั่งรับประทานอาหารสามโต๊ะ มีเตาปิ้งย่างตั้งอยู่ใกล้ ๆ โต๊ะยาวที่มีถาดอาหารพร้อมผลไม้และเครื่องดื่มวางบริการอยู่บริเวณหนึ่งของสนามหน้าบ้าน
อาคารฟากฝั่งบ้านครูไพบูลย์สร้างอยู่เรียงกันสี่หลัง บ้านของเขากับบ้านคุณนายสายหยุดอยู่ติดกันตรงกลาง ขนาบข้างด้วยบ้านอีกข้างละหนึ่งหลัง ซึ่งหลังที่เหลือล้วนเป็นผู้สูงอายุที่ลุกเดินไปไหนลำบาก และต่างต้องพึ่งพาบริการพนักงานช่วยเหลือดูแลคนชราของโรงพยาบาลสาขา ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการฟ้าใหม่แห่งนี้ทั้งสิ้น ส่วนอีกฟากถนน นอกจากบ้านของหมอศัลยกรรมและบ้านของสองพ่อลูกสมาชิกใหม่ซึ่งอยู่ติดกันแล้ว อีกสองหลังยังคงว่าง เนื่องจากราคาบ้านที่นี่ค่อนข้างแพงโครงการจึงเต็มช้ามาก บ้านทั้งแปดหลังนี้อยู่ลึกที่สุด แต่ก็มีพื้นที่ใช้สอยของตัวบ้านกว้างมากที่สุดของโครงการเช่นกัน
(มีต่อ)