WEF เปิดแนวทางเสริมศักยภาพแรงงาน เพื่อเตรียมรับมือกับยุค Generative AI

WEF เปิดแนวทางเสริมศักยภาพแรงงาน เพื่อเตรียมรับมือกับยุค Generative AI โดยข้อมูลจากสถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้แห่งมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ชี้แจงถึงนิยามของ Generative AI ว่าเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้กลไกการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) เพื่อสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่ในลักษณะอัตโนมัติ โดยไม่ต้องพึ่งพากระบวนการจากมนุษย์
Generative AI นี้มีศักยภาพในการรังสรรค์คอนเทนต์ได้หลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ หรือรูปแบบอื่น ๆ โดยอ้างอิงข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าสู่ระบบ ทำให้สามารถสร้างผลงานที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจในมิติที่แตกต่างและหลากหลาย
ศักยภาพดังกล่าวไม่เพียงช่วยให้กระบวนการผลิตคอนเทนต์มีความรวดเร็วและแม่นยำ แต่ยังเสริมพลังให้กับองค์กรในการแข่งขัน โดยสามารถนำไปปรับใช้ในด้านการตลาด การวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาสินค้า รวมถึงการให้บริการลูกค้าได้อย่างครอบคลุม
Generative AI ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือ แต่ยังถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยเพิ่มศักยภาพของแรงงานและองค์กรในโลกยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว


ด้วยเหตุนี้ WEF จึงได้จัดทำแนวทางเพื่อเสริมสร้างทักษะแรงงานให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การคิดเชิงวิพากษ์ และการแก้ปัญหาในระดับซับซ้อน ซึ่งเป็นทักษะที่ช่วยให้มนุษย์ทำงานควบคู่ไปกับ Generative AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังมีการเน้นการปลูกฝัง Soft Skills ที่จำเป็นในยุคดิจิทัล เช่น การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง และการทำงานเป็นทีม ซึ่งจะช่วยให้แรงงานสามารถพัฒนาและเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ AI เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงาน
ในมุมมองขององค์กร Generative AI ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยสามารถลดต้นทุนในบางกระบวนการ และเพิ่มโอกาสในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างไรก็ตาม องค์กรต่าง ๆ จะต้องวางกลยุทธ์เพื่อผสมผสาน AI เข้ากับกระบวนการทำงานโดยไม่ทำให้แรงงานมนุษย์รู้สึกว่าตนเองถูกทดแทน แต่ให้รู้สึกว่า AI เป็น "คู่คิด" ที่ช่วยยกระดับผลงานของพวกเขาให้ดียิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกัน การลงทุนในเทคโนโลยีนี้ต้องมาพร้อมกับการสร้างความเข้าใจในเรื่องความรับผิดชอบทางจริยธรรม เช่น การใช้งานข้อมูลอย่างถูกต้อง การรักษาความเป็นส่วนตัว และการป้องกันไม่ให้ AI ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด
โดยสรุป การเตรียมความพร้อมของแรงงานในยุค Generative AI ไม่ได้หมายถึงเพียงการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ แต่ยังรวมถึงการสร้างวิสัยทัศน์ที่เปิดกว้าง การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI และการสร้างสมดุลระหว่างเทคโนโลยีกับความเป็นมนุษย์ เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกภาคส่วน

แนวโน้มการใช้งาน Generative AI ในเมืองไทยยังน้อยมาก เมื่อเทียบกับต่างประเทศ

แนวโน้มการใช้งาน Generative AI ในประเทศไทยยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นเมื่อเทียบกับการนำไปใช้ในต่างประเทศ แม้เทคโนโลยีนี้จะเริ่มได้รับความสนใจในบางกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น การตลาดดิจิทัล การสร้างสรรค์คอนเทนต์ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ แต่ในภาพรวมยังถือว่ามีการประยุกต์ใช้งานน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การใช้งานในไทยยังไม่ก้าวหน้าอาจมาจากการขาดความเข้าใจในเทคโนโลยี AI อย่างลึกซึ้ง รวมถึงความกังวลเรื่องการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งมักจะต้องใช้ต้นทุนสูง ทั้งในแง่ของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการอบรมบุคลากร นอกจากนี้ องค์กรบางแห่งอาจยังไม่เห็นถึงความจำเป็นของ Generative AI หรือยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อแรงงานในองค์กร
ในทางกลับกัน ประเทศในกลุ่มตะวันตกและเอเชียตะวันออก เช่น สหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น ได้มีการนำ Generative AI มาใช้ในวงกว้าง ทั้งในด้านการวิจัย การพัฒนาเทคโนโลยี และการประยุกต์ใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างเต็มรูปแบบ ทำให้พวกเขาก้าวนำไปไกลกว่าไทยในแง่ของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค AI
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีศักยภาพในการพัฒนา Generative AI โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีความโดดเด่น เช่น การท่องเที่ยว อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และการเกษตร หากมีการสนับสนุนอย่างจริงจังจากภาครัฐและเอกชน เช่น การลงทุนในเทคโนโลยี การส่งเสริมการศึกษาเกี่ยวกับ AI และการพัฒนาทักษะแรงงานดิจิทัล แนวโน้มการใช้งาน Generative AI ในประเทศไทยก็อาจเติบโตได้อย่างรวดเร็วและทัดเทียมกับประเทศอื่น ๆ ในอนาคต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่