G.K.Line
5.
แสงแดดของรุ่งอรุณแยงตาทำให้บรรพตต้องจำใจตื่น เขาลุกขึ้นนั่งบิดตัวยืดเส้นยืดสายพลางกวาดสายตาสำรวจไปทั่วห้อง ที่นี่เป็นบ้านหลังเดิมที่เขาและยุพาเคยใช้ชีวิตร่วมกัน ต้องครุ่นคิดอย่างแปลกใจว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เพราะเขาขายบ้านหลังนี้ไปแล้ว
ชายหนุ่มลุกจากเตียงเดินลงชั้นล่าง ระหว่างนั้นก็ส่ายสายตามองไปทั่วเพื่อยืนยันให้แน่ใจว่าไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไป
“ไม่นอนต่ออีกหน่อยเหรอคะ รีบลุกขึ้นมาทำไม เมื่อวานเห็นบ่นว่าเหนื่อยหนัก พตน่าจะพักให้มากๆ นะคะ”
เสียงที่ดังมาจากในครัวทำให้ถึงกับอึ้ง เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เสียงนั้นเป็นเสียงคุ้นเคยที่เขาโหยหาอยากได้ยินอีกครั้งมาตลอด หัวใจเต้นรัวแรงขึ้นด้วยความปีติ สองเท้ารีบก้าวเข้าไปหาต้นเสียงทันที
“ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะค่ะ พาเตรียมอาหารเสร็จพอดี เดี๋ยวจะได้มากินกัน”
เป็นอย่างที่คิดไว้ รอยยิ้มหวานละไมตรงหน้าในขณะนี้คือยุพา ภรรยาสุดที่รักของเขาจริงๆ บรรพตยิ้มกว้างเมื่อได้เห็นเธออยู่ตรงหน้าอีกครั้งหนึ่ง เขาสาวเท้ายาวเข้าไปรวบร่างภรรยามากอดแนบแน่น น้ำตาที่กำลังรื้นขอบตาอยู่ร่วงลงมาอย่างไม่อาจสะกดกลั้น
“อุ๊ย จู่ๆ ทำอะไรแปลกๆ คะเนี่ย พาเจ็บนะคะ นี่พตเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย”
ยุพาพูดพลางคลายอ้อมกอดของเขาให้หลวมลง ดวงตากลมโตอ่อนโยนประสานเข้ากับแววตาปวดร้าวของสามี
“เป็นอะไรไปคะ ร้องไห้ทำไม”
เธอถามอย่างงุนงงแต่ชายหนุ่มไม่ตอบ เขาหลับตาลงก่อนประคองใบหน้าภรรยา ก้มลงจุมพิตแผ่วเบาตรงหน้าผาก ส่งผ่านความหอมหวานแผ่ซ่านจากริมฝีปากไปสู่หัวใจที่อ้างว้างเย็นชา สร้างความอบอุ่นในใจที่เคยขาดหาย นึกอยากหยุดเวลาไว้เพียงแค่นี้ตลอดไป
เปรี้ยงงง...ครืนนน
ฉับพลัน เขารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ความเย็นแผ่พุ่งเข้าปะทะผิวกาย อากาศโอบอุ้มความชื้นเอาไว้จนรู้สึกไม่สบายตัว
บรรพตลืมตาขึ้นมองและพบว่า ขณะนี้ตนเองกำลังนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถยนต์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น...อุทานออกมาอย่างประหลาดใจ เพราะเมื่อสักครู่เขากำลังอยู่ในบ้านและกำลังจะกินมื้อเช้ากันกับยุพา
หรือว่าเขาหลับในและฝันไป อาจเพราะวันนี้เดินทางท่องเที่ยวกันทั้งวันจนเหนื่อยอ่อนก็เป็นได้ เขาถอนหายใจ นึกโล่งอกที่ไม่เกิดเหตุร้ายขึ้นตอนที่เขาเผลองีบไป
ฝนกำลังตกหนัก ลมพายุกรรโชกแรงจนน่ากลัว ฟ้าแลบแปลบปลาบคล้ายกรงเล็บยักษ์ที่เอื้อมลงมาจับเหยื่อ เขาทำได้เพียงประคองพวงมาลัยและปล่อยให้รถยนต์เคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ
ยุพาหลับสนิทอยู่ใต้ผ้าห่มบนเบาะด้านข้าง เขาหันไปมองดวงหน้าพริ้มเพราอ่อนหวาน อดยิ้มออกมาไม่ได้ มือซ้ายผละออกจากพวงมาลัย เอื้อมไปลูบศีรษะเธออย่างรักใคร่
อะไรบางอย่างพุ่งฝ่าสายฝนตัดหน้ารถในระยะกระชั้นชิด มือหมุนพวงมาลัย เท้าเหยียบเบรคจนสุดแรงโดยอัตโนมัติ การหยุดและเปลี่ยนทิศทางอย่างฉับพลันทำให้ยานพาหนะเสียการทรงตัว ล้อทั้งสี่ไม่อาจยึดเกาะติดถนนที่อาบเคลือบไปด้วยน้ำฝน
รถลื่นไถลพลิกคว่ำไปหลายตลบ แรงเหวี่ยงรุนแรงทำให้ทั้งคู่หลุดออกมานอกตัวถังรถกระแทกลงกับพื้นถนน กระเด็นไปไกลหลายเมตร
ถนนร้างผู้คนและรถรา บรรพตพยายามยันกายลุกขึ้นยืนอย่างสุดกำลัง เลือดที่ไหลออกจากแผลฉกรรจ์หลายแห่งย้อมตัวจนแดงฉาน ชาไปทั้งร่างจนไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดใดๆ เหลียวซ้ายแลขวาแต่เห็นอะไรได้ไม่ชัดเจนนักจากความมืดของรัตติกาลและกำแพงฝน มันขัดขวางประสาทสัมผัสของเขาออกจากโลกรอบกาย
ชายหนุ่มที่พยุงตัวเองลุกขึ้นมาได้แล้ว เดินกระโผลกกระเผลกเข้าไปหาเงาตะคุ่มที่เดาว่าเป็นร่างภรรยา เขาค่อยๆ ทรุดกายลงก้มดู...เป็นร่างของยุพาจริงๆ
แสงเดือนครึ่งดวงส่องสลัวทำให้พอมองเห็นร่างน้อยนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นถนนดำมะเมื่อม ชายหนุ่มสะอื้นไห้ โผเข้าโอบร่างไร้วิญญาณนั้นขึ้นมาแนบอกด้วยดวงใจแตกสลาย น้ำตาไหลทะลักรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก
“พี่พต เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
บรรพตยืนเกาะอยู่บริเวณราวบันไดบ้าน เสียงเรียกทำให้รู้สึกตัวอีกครั้ง เขากำลังอยู่ในบ้านหลังใหม่ภายในโครงการหมู่บ้านฟ้าใหม่ เสียงเมื่อสักครู่ดังมาจากในห้องครัว สาวเท้าเข้าไปหาต้นเสียงด้วยอาการสับสน โดยหวังว่ายุพาจะช่วยทำให้คลายความมึนงงลงได้บ้าง
ทว่าผู้ที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดสำรับอาหารในห้องครัวตรงหน้ากลับยิ่งทำให้ความสับสนเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ
“พลอย”
บรรพตครางเรียกชื่อเด็กสาวออกมาอย่างลืมตัว ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่กำลังเห็นอยู่ในขณะนี้ ผู้หญิงที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกันคือเพียงพลอย เธอสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้น โดยมีผ้ากันเปื้อนสวมทับอีกชั้น
“ก็พลอยน่ะสิคะ พี่พตเป็นอะไรรึเปล่า ดูหน้าซีดๆ เอ๊ะ ทำไมเหงื่อออกใหญ่เลย หรือว่าไม่สบาย”
เด็กสาววางมือจากงานในครัว เดินเข้ามาจนชิดก่อนจะใช้หลังมือแตะไปที่หน้าผากของชายหนุ่ม
ทำไมเพียงพลอยถึงมาอยู่ที่นี่...ทำไมเป็นเธอที่กำลังทำอาหารเช้า และทำไมเธอถึงทำท่าสนิทสนมกับเขาขนาดนี้ คนที่อยู่ที่นี่ควรจะเป็นยุพาต่างหาก...คำถามมากมายผุดขึ้นมาในสมอง เริ่มไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์ใดกันแน่ที่เป็นเรื่องจริง
“พลอย...ทำไมพลอยถึงมาอยู่ที่นี่”
“อ้าว ก็นี่เป็นบ้านของพลอยกับพี่พตนี่คะ ถ้าไม่ให้พลอยอยู่ที่นี่จะให้พลอยไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ”
น้ำเสียงเล็กๆ ตัดพ้อให้รับรู้ว่าเธอกำลังน้อยใจ บรรพตรู้สึกใจเสียเมื่อเห็นท่าทางกระเง้ากระงอดของเธอ แต่ยุพาคือภรรยาของเขานี่นา เธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์หรือว่ายังมีชีวิตอยู่กันแน่ หรือว่าทั้งหมดจะเป็นเพียงความฝัน ความจริงแล้วเพียงพลอยต่างหากที่เป็นภรรยาของเขา
เรื่องใดกันแน่ที่เป็นเรื่องจริง สมองครุ่นคิดอย่างหนักกับเหตุการณ์ตรงหน้าในขณะนี้
“เอ่อ พี่ขอโทษนะพลอย พี่รู้สึกปวดหัวตั้งแต่เช้าก็เลยสับสนไปหน่อยน่ะ”เขาตัดสินใจยอมรับผิดเพื่อตัดบท ในใจเลือกที่จะเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเพื่อแก้ปัญหาเปลาะแรกไปก่อน
“มาเถอะค่ะ ไปนอนพักที่โซฟาต่ออีกหน่อยก็ได้ เดี๋ยวถ้าเตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้วพลอยจะเรียกพี่พตมาทานด้วยกัน”
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม เดินจูงมือชายหนุ่มไปนั่งที่โซฟา เขาจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างตื่นใจ อดเลื่อนสายตาไปตามเรือนร่างภายใต้เสื้อยืดสีขาวบางเบา แล้วไล่ลงไปยังเรียวขาคู่งามไม่ได้ หัวใจเกิดเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมากะทันหัน เลือดสูบฉีดแรงจนหน้าร้อนผ่าว ก่อนร่างเล็กจะผละจากไป มือแกร่งจึงรวบเอวเธอดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
บรรพตนั่งอยู่บนโซฟาโดยมีเด็กสาวนั่งเอนกายอยู่บนตัก แขนสองข้างโอบรัดร่างงามนั้นไว้ ตาจ้องประสานตา ทั้งสองมองลึกลงไปในความรู้สึกของกันและกัน ลมหายใจหนักหน่วงร้อนแรงขึ้นตามลำดับ ใจสอดประสานหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
เพียงพลอยหลับตาพริ้มลงรอคอยรสจูบจากชายคนรัก ชายหนุ่มจึงเลื่อนริมฝีปากเข้าไปแนบชิดจนรับรู้ได้ถึงไออุ่น
ซ่า...
ฝนเทกระหน่ำไม่ขาดสาย บรรพตกำลังนั่งอยู่กลางถนนแห่งโศกนาฎกรรมเส้นเดิม ในอ้อมกอดไม่ใช่ร่างอุ่นของเพียงพลอย แต่กลับเป็นร่างเย็นชืดไร้วิญญาณที่เต็มไปด้วยเลือดของยุพา
หัวใจเต้นแรงหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิมด้วยความรู้สึกตรงกันข้ามกับเมื่อสักครู่ แล้วพลอยล่ะ พลอยหายไปไหน ชายหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวาสอดส่ายสายตามองหาอย่างลนลาน ลืมร่างไร้ชีวิตในอ้อมกอดไปจนหมด
“ไหนคุณบอกว่าจะรักพาตลอดไป จะไม่พรากจากกันแม้ยามเป็นหรือยามตาย”
บรรพตก้มลงมองอย่างตกตะลึง ร่างไร้ชีวิตที่กำลังกอดอยู่จ้องเขม็งมายังเขา เลือดจำนวนมากไหลทะลักออกจากปากและทั่วร่างกายจนย้อมถนนทั้งเส้นให้กลายเป็นสีแดง
“คุณโกหก คุณเอาพาไปไว้ไหน คนหลายใจ”
เสียงตวาดดุดันราวผีร้าย แววตาดุร้ายอาฆาตภายใต้ใบหน้าเกรี้ยวกราดนั้นแทบจำไม่ได้ว่านี่คือใบหน้าของยุพาคนเดิม ชายหนุ่มตาเบิกโพลง ร่างกายร้อนวูบวาบ รอบกายหมุนคว้างจนจับอะไรไม่ได้
“คุณจะทิ้งพาใช่มั้ย คนหลอกลวง”
บรรพตสะดุ้งตื่น ดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอน หายใจเหนื่อยหอบ เหงื่อไหลโทรมใบหน้าและลำตัว เนื้อตัวสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม ใจเต้นรัวแรงราวกับวิ่งมาสักสิบกิโลเมตร ลูบมือสำรวจตามร่างกาย และกวาดตามองสำรวจทุกซอกทุกมุมของห้องอย่างหวาดระแวง
ทั้งหมดนั้นคือความฝัน และตอนนี้เขาตื่นแล้วใช่ไหม
รหัสลับรัตติกาล ตอนที่ 5
5.
แสงแดดของรุ่งอรุณแยงตาทำให้บรรพตต้องจำใจตื่น เขาลุกขึ้นนั่งบิดตัวยืดเส้นยืดสายพลางกวาดสายตาสำรวจไปทั่วห้อง ที่นี่เป็นบ้านหลังเดิมที่เขาและยุพาเคยใช้ชีวิตร่วมกัน ต้องครุ่นคิดอย่างแปลกใจว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เพราะเขาขายบ้านหลังนี้ไปแล้ว
ชายหนุ่มลุกจากเตียงเดินลงชั้นล่าง ระหว่างนั้นก็ส่ายสายตามองไปทั่วเพื่อยืนยันให้แน่ใจว่าไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไป
“ไม่นอนต่ออีกหน่อยเหรอคะ รีบลุกขึ้นมาทำไม เมื่อวานเห็นบ่นว่าเหนื่อยหนัก พตน่าจะพักให้มากๆ นะคะ”
เสียงที่ดังมาจากในครัวทำให้ถึงกับอึ้ง เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เสียงนั้นเป็นเสียงคุ้นเคยที่เขาโหยหาอยากได้ยินอีกครั้งมาตลอด หัวใจเต้นรัวแรงขึ้นด้วยความปีติ สองเท้ารีบก้าวเข้าไปหาต้นเสียงทันที
“ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะค่ะ พาเตรียมอาหารเสร็จพอดี เดี๋ยวจะได้มากินกัน”
เป็นอย่างที่คิดไว้ รอยยิ้มหวานละไมตรงหน้าในขณะนี้คือยุพา ภรรยาสุดที่รักของเขาจริงๆ บรรพตยิ้มกว้างเมื่อได้เห็นเธออยู่ตรงหน้าอีกครั้งหนึ่ง เขาสาวเท้ายาวเข้าไปรวบร่างภรรยามากอดแนบแน่น น้ำตาที่กำลังรื้นขอบตาอยู่ร่วงลงมาอย่างไม่อาจสะกดกลั้น
“อุ๊ย จู่ๆ ทำอะไรแปลกๆ คะเนี่ย พาเจ็บนะคะ นี่พตเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย”
ยุพาพูดพลางคลายอ้อมกอดของเขาให้หลวมลง ดวงตากลมโตอ่อนโยนประสานเข้ากับแววตาปวดร้าวของสามี
“เป็นอะไรไปคะ ร้องไห้ทำไม”
เธอถามอย่างงุนงงแต่ชายหนุ่มไม่ตอบ เขาหลับตาลงก่อนประคองใบหน้าภรรยา ก้มลงจุมพิตแผ่วเบาตรงหน้าผาก ส่งผ่านความหอมหวานแผ่ซ่านจากริมฝีปากไปสู่หัวใจที่อ้างว้างเย็นชา สร้างความอบอุ่นในใจที่เคยขาดหาย นึกอยากหยุดเวลาไว้เพียงแค่นี้ตลอดไป
เปรี้ยงงง...ครืนนน
ฉับพลัน เขารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ความเย็นแผ่พุ่งเข้าปะทะผิวกาย อากาศโอบอุ้มความชื้นเอาไว้จนรู้สึกไม่สบายตัว
บรรพตลืมตาขึ้นมองและพบว่า ขณะนี้ตนเองกำลังนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถยนต์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น...อุทานออกมาอย่างประหลาดใจ เพราะเมื่อสักครู่เขากำลังอยู่ในบ้านและกำลังจะกินมื้อเช้ากันกับยุพา
หรือว่าเขาหลับในและฝันไป อาจเพราะวันนี้เดินทางท่องเที่ยวกันทั้งวันจนเหนื่อยอ่อนก็เป็นได้ เขาถอนหายใจ นึกโล่งอกที่ไม่เกิดเหตุร้ายขึ้นตอนที่เขาเผลองีบไป
ฝนกำลังตกหนัก ลมพายุกรรโชกแรงจนน่ากลัว ฟ้าแลบแปลบปลาบคล้ายกรงเล็บยักษ์ที่เอื้อมลงมาจับเหยื่อ เขาทำได้เพียงประคองพวงมาลัยและปล่อยให้รถยนต์เคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ
ยุพาหลับสนิทอยู่ใต้ผ้าห่มบนเบาะด้านข้าง เขาหันไปมองดวงหน้าพริ้มเพราอ่อนหวาน อดยิ้มออกมาไม่ได้ มือซ้ายผละออกจากพวงมาลัย เอื้อมไปลูบศีรษะเธออย่างรักใคร่
อะไรบางอย่างพุ่งฝ่าสายฝนตัดหน้ารถในระยะกระชั้นชิด มือหมุนพวงมาลัย เท้าเหยียบเบรคจนสุดแรงโดยอัตโนมัติ การหยุดและเปลี่ยนทิศทางอย่างฉับพลันทำให้ยานพาหนะเสียการทรงตัว ล้อทั้งสี่ไม่อาจยึดเกาะติดถนนที่อาบเคลือบไปด้วยน้ำฝน
รถลื่นไถลพลิกคว่ำไปหลายตลบ แรงเหวี่ยงรุนแรงทำให้ทั้งคู่หลุดออกมานอกตัวถังรถกระแทกลงกับพื้นถนน กระเด็นไปไกลหลายเมตร
ถนนร้างผู้คนและรถรา บรรพตพยายามยันกายลุกขึ้นยืนอย่างสุดกำลัง เลือดที่ไหลออกจากแผลฉกรรจ์หลายแห่งย้อมตัวจนแดงฉาน ชาไปทั้งร่างจนไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดใดๆ เหลียวซ้ายแลขวาแต่เห็นอะไรได้ไม่ชัดเจนนักจากความมืดของรัตติกาลและกำแพงฝน มันขัดขวางประสาทสัมผัสของเขาออกจากโลกรอบกาย
ชายหนุ่มที่พยุงตัวเองลุกขึ้นมาได้แล้ว เดินกระโผลกกระเผลกเข้าไปหาเงาตะคุ่มที่เดาว่าเป็นร่างภรรยา เขาค่อยๆ ทรุดกายลงก้มดู...เป็นร่างของยุพาจริงๆ
แสงเดือนครึ่งดวงส่องสลัวทำให้พอมองเห็นร่างน้อยนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นถนนดำมะเมื่อม ชายหนุ่มสะอื้นไห้ โผเข้าโอบร่างไร้วิญญาณนั้นขึ้นมาแนบอกด้วยดวงใจแตกสลาย น้ำตาไหลทะลักรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก
“พี่พต เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
บรรพตยืนเกาะอยู่บริเวณราวบันไดบ้าน เสียงเรียกทำให้รู้สึกตัวอีกครั้ง เขากำลังอยู่ในบ้านหลังใหม่ภายในโครงการหมู่บ้านฟ้าใหม่ เสียงเมื่อสักครู่ดังมาจากในห้องครัว สาวเท้าเข้าไปหาต้นเสียงด้วยอาการสับสน โดยหวังว่ายุพาจะช่วยทำให้คลายความมึนงงลงได้บ้าง
ทว่าผู้ที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดสำรับอาหารในห้องครัวตรงหน้ากลับยิ่งทำให้ความสับสนเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ
“พลอย”
บรรพตครางเรียกชื่อเด็กสาวออกมาอย่างลืมตัว ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่กำลังเห็นอยู่ในขณะนี้ ผู้หญิงที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกันคือเพียงพลอย เธอสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้น โดยมีผ้ากันเปื้อนสวมทับอีกชั้น
“ก็พลอยน่ะสิคะ พี่พตเป็นอะไรรึเปล่า ดูหน้าซีดๆ เอ๊ะ ทำไมเหงื่อออกใหญ่เลย หรือว่าไม่สบาย”
เด็กสาววางมือจากงานในครัว เดินเข้ามาจนชิดก่อนจะใช้หลังมือแตะไปที่หน้าผากของชายหนุ่ม
ทำไมเพียงพลอยถึงมาอยู่ที่นี่...ทำไมเป็นเธอที่กำลังทำอาหารเช้า และทำไมเธอถึงทำท่าสนิทสนมกับเขาขนาดนี้ คนที่อยู่ที่นี่ควรจะเป็นยุพาต่างหาก...คำถามมากมายผุดขึ้นมาในสมอง เริ่มไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์ใดกันแน่ที่เป็นเรื่องจริง
“พลอย...ทำไมพลอยถึงมาอยู่ที่นี่”
“อ้าว ก็นี่เป็นบ้านของพลอยกับพี่พตนี่คะ ถ้าไม่ให้พลอยอยู่ที่นี่จะให้พลอยไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ”
น้ำเสียงเล็กๆ ตัดพ้อให้รับรู้ว่าเธอกำลังน้อยใจ บรรพตรู้สึกใจเสียเมื่อเห็นท่าทางกระเง้ากระงอดของเธอ แต่ยุพาคือภรรยาของเขานี่นา เธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์หรือว่ายังมีชีวิตอยู่กันแน่ หรือว่าทั้งหมดจะเป็นเพียงความฝัน ความจริงแล้วเพียงพลอยต่างหากที่เป็นภรรยาของเขา
เรื่องใดกันแน่ที่เป็นเรื่องจริง สมองครุ่นคิดอย่างหนักกับเหตุการณ์ตรงหน้าในขณะนี้
“เอ่อ พี่ขอโทษนะพลอย พี่รู้สึกปวดหัวตั้งแต่เช้าก็เลยสับสนไปหน่อยน่ะ”เขาตัดสินใจยอมรับผิดเพื่อตัดบท ในใจเลือกที่จะเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเพื่อแก้ปัญหาเปลาะแรกไปก่อน
“มาเถอะค่ะ ไปนอนพักที่โซฟาต่ออีกหน่อยก็ได้ เดี๋ยวถ้าเตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้วพลอยจะเรียกพี่พตมาทานด้วยกัน”
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม เดินจูงมือชายหนุ่มไปนั่งที่โซฟา เขาจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างตื่นใจ อดเลื่อนสายตาไปตามเรือนร่างภายใต้เสื้อยืดสีขาวบางเบา แล้วไล่ลงไปยังเรียวขาคู่งามไม่ได้ หัวใจเกิดเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมากะทันหัน เลือดสูบฉีดแรงจนหน้าร้อนผ่าว ก่อนร่างเล็กจะผละจากไป มือแกร่งจึงรวบเอวเธอดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
บรรพตนั่งอยู่บนโซฟาโดยมีเด็กสาวนั่งเอนกายอยู่บนตัก แขนสองข้างโอบรัดร่างงามนั้นไว้ ตาจ้องประสานตา ทั้งสองมองลึกลงไปในความรู้สึกของกันและกัน ลมหายใจหนักหน่วงร้อนแรงขึ้นตามลำดับ ใจสอดประสานหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
เพียงพลอยหลับตาพริ้มลงรอคอยรสจูบจากชายคนรัก ชายหนุ่มจึงเลื่อนริมฝีปากเข้าไปแนบชิดจนรับรู้ได้ถึงไออุ่น
ซ่า...
ฝนเทกระหน่ำไม่ขาดสาย บรรพตกำลังนั่งอยู่กลางถนนแห่งโศกนาฎกรรมเส้นเดิม ในอ้อมกอดไม่ใช่ร่างอุ่นของเพียงพลอย แต่กลับเป็นร่างเย็นชืดไร้วิญญาณที่เต็มไปด้วยเลือดของยุพา
หัวใจเต้นแรงหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิมด้วยความรู้สึกตรงกันข้ามกับเมื่อสักครู่ แล้วพลอยล่ะ พลอยหายไปไหน ชายหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวาสอดส่ายสายตามองหาอย่างลนลาน ลืมร่างไร้ชีวิตในอ้อมกอดไปจนหมด
“ไหนคุณบอกว่าจะรักพาตลอดไป จะไม่พรากจากกันแม้ยามเป็นหรือยามตาย”
บรรพตก้มลงมองอย่างตกตะลึง ร่างไร้ชีวิตที่กำลังกอดอยู่จ้องเขม็งมายังเขา เลือดจำนวนมากไหลทะลักออกจากปากและทั่วร่างกายจนย้อมถนนทั้งเส้นให้กลายเป็นสีแดง
“คุณโกหก คุณเอาพาไปไว้ไหน คนหลายใจ”
เสียงตวาดดุดันราวผีร้าย แววตาดุร้ายอาฆาตภายใต้ใบหน้าเกรี้ยวกราดนั้นแทบจำไม่ได้ว่านี่คือใบหน้าของยุพาคนเดิม ชายหนุ่มตาเบิกโพลง ร่างกายร้อนวูบวาบ รอบกายหมุนคว้างจนจับอะไรไม่ได้
“คุณจะทิ้งพาใช่มั้ย คนหลอกลวง”
บรรพตสะดุ้งตื่น ดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอน หายใจเหนื่อยหอบ เหงื่อไหลโทรมใบหน้าและลำตัว เนื้อตัวสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม ใจเต้นรัวแรงราวกับวิ่งมาสักสิบกิโลเมตร ลูบมือสำรวจตามร่างกาย และกวาดตามองสำรวจทุกซอกทุกมุมของห้องอย่างหวาดระแวง
ทั้งหมดนั้นคือความฝัน และตอนนี้เขาตื่นแล้วใช่ไหม