รหัสลับรัตติกาล ตอนที่ 18

กระทู้สนทนา
G.K.Line

          18.

          ผ้าม่านทุกผืนถูกดึงลงปิดช่องหน้าต่างและประตูจนหมด ราวกับผู้ที่อยู่ข้างในต้องการปิดกั้นเรื่องราวทุกอย่างจากโลกภายนอก แสงไฟถูกเปิดไว้เพียงสลัว ก่อให้เกิดมุมมืดตามจุดอับ แลดูลึกลับน่ากลัวคล้ายจิตใจของเขาตอนนี้

          ร่างกายผ่ายผอม ใบหน้าซูบตอบซีดขาวราวกับไร้เลือดหล่อเลี้ยง สีหน้าแววตาหม่นหมองไร้ชีวิตชีวา เพียงไม่กี่วันหลังเหตุการณ์เหนือสามัญสำนึกคืนนั้น กลับทำให้บรรพตมีสภาพเปลี่ยนไปจนแทบจะไม่เหลือเค้าเดิมอยู่เลย

          หลายวันแล้วที่บ้านนี้ปิดเงียบไร้เงาคนเข้าออก อดีตนายแพทย์หนุ่มหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ออกไปให้ใครเห็นหน้า ไม่เว้นแม้แต่คนไข้ขาประจำจนหลายคนพากันแปลกใจ บ้างก็ว่าเขาอาจจะออกไปทำธุระส่วนตัว หรือไม่ก็อาจอยู่ในระหว่างการท่องเที่ยวกับใครอยู่หลายวัน

          ทว่าแม้แต่คนสันนิษฐานเองก็คงแอบนึกแปลกใจไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาพวกเขาเองก็ไม่เคยเห็นหมอบรรพตออกไปเที่ยวที่ไหน หรือจากบ้านไปค้างคืนที่อื่นเลยแม้แต่ครั้งเดียว

          ซึ่งแน่นอนว่าเหตุผลแท้จริงทั้งหมดนั้น เพื่อนบ้านอย่างสมานรู้ดีที่สุด เช้านี้เขาตัดสินใจมาหานายแพทย์ถึงในบ้าน ทีแรกชายชราเองก็ไม่คิดว่าบรรพตจะออกมาต้อนรับ แต่ผิดคาดที่หมอหนุ่มกลับเปิดประตูให้เขาเข้ามาอย่างง่ายดาย

          ทั้งคู่นั่งอยู่บนโซฟารับแขกคนละฝั่งฟากของโต๊ะ เป็นครั้งแรกในหลายวันที่บรรพตได้พบปะเผชิญหน้ากับคนอื่น เขาเอาแต่ก้มหน้าก้มตาคล้ายกลัวคู่สนทนาจับอาการใดๆ จากแววตาได้ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทั้งบ้านมีเพียงเสียงความถี่สูงจากหลอดไฟ และเสียงครางเบาๆ จากเครื่องใช้ไฟฟ้า

                กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ อบอวลอยู่ในบรรยากาศ จานชามใช้แล้วถูกวางทิ้งระเกะระกะ บ้านช่องดูอับทึบและรกผิดปกติวิสัยของเจ้าของบ้าน ทั้งตัวเจ้าของบ้านเองก็ดูทรุดโทรมเพราะขาดการดูแลตัวเองไม่ต่างกัน

                สมานลอบสังเกตก่อนจะส่ายหน้าและถอนหายใจออกมา เสี้ยววินาทีที่ทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัว กลับพลิกผันจนไม่อาจรับได้ เหตุการณ์ในคืนนั้นคงจะหนักหนาสาหัสเกินไปสำหรับชายผู้นี้ ไม่สิ...ไม่ว่าใครก็คงรับไม่ไหวเหมือนกัน

                “ผมขอถามอะไรคุณสักข้อนะครับ คุณหมอ” ชายชราเปิดฉากสนทนาโดยที่ผู้ร่วมสนทนาไม่แสดงอาการยินดียินร้ายแต่อย่างใด

                “ทำไมคุณถึงรักลูกสาวผม อะไรทำให้คุณยินดีจะใช้ชีวิตร่วมกับพลอย ทั้งๆ ที่คุณรู้ว่าเธอไม่ปกติ”

                นั่นสิ ทำไมกันนะ...ทำไมเขาถึงรักเพียงพลอยทั้งๆ ที่ไม่รู้จักเธอเลยแม้สักนิด เขาพบเธอครั้งแรกในค่ำคืนที่จิตใจเหี่ยวเฉาเกินกว่าที่ปุ๋ยทางใจใดๆ จะบำรุงรักษามันให้กลับมางอกงามใหม่ได้

                ทว่าเพียงครั้งแรกที่ได้พบกัน เธอก็กลับเปล่งประกายโดดเด่นออกจากฉากหลังดำมืด เพียงเสี้ยววินาทีที่ตาประสานตา ดวงหน้านั้นก็ลอยเข้ามาประทับอยู่ในใจ

                อาจเป็นเพียงความประทับใจเมื่อแรกเห็นที่ทำให้เขาตกหลุมรักเธอ นั่นอาจเป็นรักแรกพบ แต่เมื่อได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกัน เขากลับพบว่าเธอเป็นหญิงสาวที่เฉลียวฉลาด รู้จักพูด นอบน้อมถ่อมตน และอ่อนโยน

                ทั้งหมดทำให้เขายิ่งรักเธอมากขึ้น แม้ในภายหลังจะรู้ว่าเธอไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างคนปกติได้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรักที่เขามีลดน้อยลงไปเลย ตรงกันข้ามยิ่งทำให้เขาอยากดูแลเธอไปตลอดชีวิต

                สำหรับเขาแล้ว เธออาจเป็นเหมือนแสงสว่างดวงน้อยในค่ำคืนมืดมิด หรือไม่ก็เป็นเปลวไฟท่ามกลางพายุหิมะ เด็กสาวได้ปลุกเร้าหัวใจด้านชาให้พลิกพื้นกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

                “ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้คุณรักพลอย แต่ผมอยากจะบอกคุณว่าสิ่งต่างๆ ที่คุณทำ ก็ทำให้พลอยตกหลุมรักคุณเช่นกัน”

                คู่สนทนาเอาแต่จมอยู่ในความคิดของตัวเอง ภาพในสมองฉายตัดไปตรงนั้นทีตรงนี้ที ในช่วงที่ได้อยู่กับเพียงพลอย ชายชราจึงเริ่มพูดต่อ

          “พลอยไม่เคยมีความรัก อันที่จริงต้องบอกว่า พลอยไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้รู้จักกับคำว่ารักเลยมากกว่า ผมอดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นพลอยเปลี่ยนไปเมื่อได้รู้จักคุณ แววตาขมขื่นราวกับคนแบกโลกไว้ทั้งใบเปลี่ยนไปทีละน้อย เธอดูสดใสร่าเริงขึ้น มีชีวิตชีวาขึ้นกว่าแต่ก่อน มันนานมากแล้ว นานจนผมลืมไปแล้วว่าเคยเห็นเธอยิ้มกว้างแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”

                สมานหลับตาและเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยคล้ายพยายามจินตนาการภาพรอยยิ้มแสนสวยของลูกสาวในความรู้สึกนึกคิด ดูเหมือนจะมีปฏิกิริยาบางอย่างกับหมอหนุ่ม เขาทำท่าเหมือนจะขยับตัวหรือต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็กลับนิ่งเฉยไปอีก

          “สิ่งที่ผมอยากขอต่อจากนี้อาจจะมากเกินไป แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ แค่มีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนก็ยังดี คืนพระจันทร์เต็มดวงใกล้เข้ามาแล้ว ยังพอมีเวลาให้คุณหมอตัดสินใจ และไม่ว่าการตัดสินใจนั้นจะออกมาแบบไหนผมก็จะยอมรับ เพราะนั่นคือทางที่ดีที่สุดที่คุณหมอเลือกให้กับตัวเอง”

                ฟังเผินๆ ก็เหมือนประโยคคำพูดทั่วๆ ไป แต่ชายชราพูดโดยตั้งใจเน้นย้ำที่คำพูดสุดท้ายซึ่งต้องการจะสะกิดใจให้ชายหนุ่มได้คิดว่า เขาจะเลือกทางที่ดีที่สุดให้กับ ‘ตนเอง’ หรือ ‘เพียงพลอย’

                ตามปกติแล้ว สมองจะจดจำเรื่องสุดท้ายของวันที่เกิดขึ้นได้ดีที่สุด นั่นเพราะเราไม่ต้องใช้สมองสำหรับรับรู้ และจดจำเรื่องอื่นอีกแล้ว

                ไม่รู้ว่าคู่สนทนาผู้เอาแต่นิ่งทื่อเป็นท่อนไม้จะจับความตั้งใจนั้นได้หรือไม่ แต่ด้วยหลักการนี้ ชายชราไม่ปล่อยเวลาไว้เนิ่นนานและเลือกที่จะไม่พูดเรื่องอื่นอีก เพราะต้องการให้หมอหนุ่มเก็บเอาประโยคสุดท้ายไปคิดให้ดีๆ

                สมานลุกขึ้นยืนก่อนทำท่าทางยืดเส้นยืดสายเพื่อให้คู่สนทนารับรู้ว่าการปรึกษาหารือยุติลงแล้ว

          “ถ้าอย่างนั้นผมขอรบกวนเวลาคุณหมอเท่านี้ครับ แล้วผมจะรอฟังคำตอบในคืนก่อนพระจันทร์เต็มดวง วันชี้ชะตาชีวิตลูกสาวของผม”

                ก่อนที่ชายชราจะเดินพ้นประตูบ้านไป เขาก็หยุดฝีก้าวก่อนจะหันกลับมา

          “เมื่อครั้งยังหนุ่ม ชีวิตของผมมีแต่เรื่องต่อสู้และงานวิจัย ในสมองของผมมีอยู่เพียงเรื่องเดียวคือมีอสุรกายตนไหนที่จะทำให้งานวิจัยอันน่าเหลือเชื่อนั้นเป็นจริงได้ ทั้งชีวิตไม่เคยมีใครให้ห่วงให้คิดถึง จวบจนกระทั่งได้พบเหม่ยชิง”

                เป็นความรู้สึกลึกๆ ในใจของสมานที่ไม่อยากให้ใครได้รับรู้ แต่ในครั้งนี้เขาเลือกที่จะเล่าให้หมอหนุ่มฟัง

          “เธอทำให้ผมมีเป้าหมายในชีวิต ทำให้ผมได้รู้คุณค่าของชีวิต ได้รู้ว่าผมควรจะอยู่เพื่อใคร แต่สุดท้ายผมก็ยังเลือกทางผิด ผมปล่อยให้เธอถูกพาตัวไปวิจัยจนกระทั่งเกิดเป็นเอ็กซ์ศูนย์หนึ่งและเอ็กซ์ศูนย์สอง ทำให้เรื่องทั้งหมดบานปลายจนเธอต้องจบชีวิตลง”

          “เรื่องผิดพลาดร้ายแรงที่สุดในชีวิตของผมก็คือการพาเธอออกมาจากหมู่บ้านสายหมอก เพราะถ้าในวันนั้นผมอยู่กับเธอที่นั่น เรื่องทั้งหมดก็จะไม่เกิดขึ้น พลอยจะไม่ต้องเกิดมาเจอชะตากรรมแบบนี้ จะไม่มีใครต้องตายอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”

          “พลอยจะมีความสุขมากขนาดไหนถ้าได้เห็นหน้าคุณอีกครั้ง จะสุขขนาดไหนที่รู้ว่าชายคนรักของเธอซึ่งไม่มีวิชาต่อสู้อะไรเลยพยายามช่วยเธออย่างสุดความสามารถ เหม่ยชิงทำให้ผมรู้จักความรัก แต่กว่าผมจะได้รู้จักความรักจริงๆ ก็เป็นวันที่ผมไม่มีเธออยู่ข้างกายแล้ว และผมก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับคุณหรือคนอื่นอีก”

                ชายชราเดินจากไป บานประตูค่อยๆ ปิดงับลง แสงสว่างจากภายนอกที่ลอดผ่านเข้ามาทางช่องที่เปิดอ้าออกเมื่อสักครู่ค่อยๆ แคบหรี่ลง จนทั้งห้องตกอยู่ภายใต้แสงสว่างจากหลอดไฟฟ้าเพียงลำพังอีกครั้ง
 

                บรรพตนั่งอยู่บนเตียง เขากวาดสายตาสำรวจไปทั่วและพบว่ากำลังอยู่ในห้องนอนที่บ้านหลังเก่าด้วยความรู้สึกงุนงงสับสน

          “พตคะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น มีเรื่องไม่สบายใจรึเปล่า”

                กว่าจะรู้ตัวก็พบว่ายุพามานั่งอยู่ข้างกายตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ เขาเอนกายลงซบไหล่ เธอเลื่อนมือขึ้นโอบ ลูบศีรษะชายคนรักอย่างทะนุถนอม
          “พา ผมไม่รู้ต้องทำยังไงดี”

                ยุพายิ้ม เลื่อนอีกมือที่เหลือกุมมือของชายคนรักไว้พร้อมกับบีบเบาๆ เพื่อให้รู้ว่าเธออยู่ข้างเขาและเป็นกำลังใจให้เสมอ

          “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พาเชื่อว่าพตตัดสินใจทำอะไรอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ปล่อยมันไปเถอะนะ”

                พูดจบยุพาก็ลุกขึ้นก่อนจะค่อยๆ เดินห่างออกไป

          “พา คุณจะไปไหน”

                ห้องนอนเมื่อสักครู่ยืดยาวออกไปเรื่อยๆ ตัวยุพาเองก็ค่อยๆ เคลื่อนที่ห่างออกไป ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ บิดเบี้ยวคล้ายห้องทั้งห้องถูกจับยืดและบิดเป็นเกลียว

          “ไม่มีใครโทษพตหรอก พตทำดีที่สุดแล้ว ทำใจให้สบายแล้วใช้ชีวิตให้มีความสุขเถอะนะคะ”

          “ไม่ ไม่นะพา อย่าจากผมไป”

                บรรพตอยากลุกจากเตียงแล้ววิ่งไปฉุดรั้งไว้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่สามารถทำได้อย่างใจคิด สิ่งที่ทำได้จึงเป็นเพียงตะโกนเรียกอยู่อย่างนั้น เสียงของเธอไกลออกไป แผ่วเบาลงไปเรื่อยๆ ฉับพลันที่ภาพห้องรอบตัวบิดเบี้ยวจนถึงขีดสุดมันก็คลายตัวออกอย่างรวดเร็ว

                เขายังนั่งอยู่บนเตียงหลังเดิม แต่ขณะนี้ห้องที่นั่งอยู่กลับกลายเป็นห้องนอนที่หมู่บ้านฟ้าใหม่ และผู้ที่นั่งอยู่ข้างกายกลับกลายเป็นเพียงพลอย

          “พี่พต พลอยดีใจที่ได้รู้จักและได้รับความรักจากพี่พตนะคะ”

                ใบหน้าของเด็กสาวยิ้มแย้ม เสียงใสบ่งบอกความในใจ มันชัดเจนจนขนาดส่งผ่านความรู้สึกนั้นมาถึงเขาได้

          “พลอย”

                หมอหนุ่มโอบประคองใบหน้าเล็กของเธอไว้ราวกับกลัวว่ามันจะตกแตก เธอจับมือนั้นและซบแก้มอิงแอบลงกับฝ่ามืออุ่น แค่นั้นก็ทำให้น้ำตาเรื้อออกมาอย่างสุดกลั้น

          “อย่าเศร้าไปเลยค่ะ ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรทั้งนั้น พี่พตทำดีที่สุดแล้ว อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดเถอะค่ะ”

                เธอยื่นมือเช็ดน้ำตาให้เขาก่อนที่มันจะร่วงผล็อยลงมา รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นราวกับเด็กน้อยที่ได้รับความรักจากมารดา เด็กสาวจับมือของเขาลงก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง หันมาส่งยิ้มให้และเดินจากไป

          “พลอย พลอยจะไปไหน”

          “ใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้มีความสุขเถอะค่ะ เราคงมีวาสนาต่อกันเพียงเท่านี้ สักวันข้างหน้าพี่พตจะได้เจอคนที่ดีและเหมาะสมกับพี่พตยิ่งกว่าพลอยค่ะ”

                ห้องนอนยืดยาวออกก่อนจะบิดเกลียวอีกครั้ง เด็กสาวค่อยๆ ไกลออกไปโดยที่เขาไม่อาจลุกขึ้นจากเตียงได้เหมือนเคย รู้ตัวอีกทีเขาก็พบว่ากำลังนั่งอยู่ในความมืดมิดเวิ้งว้าง ไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้บนรู้ล่าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่