ปัญหาโลกแตกที่ยังไงก็ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด เราว่าปัญหาแม่ผัวกับลูกสะใภ้ก็คงเข้าข่ายนะ
ใครได้แม่ผัวดีก็คงยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งอีก แต่ถ้าได้แม่ผัวนิสัยกับความคิดร้ายกาจก็คงยิ่งกว่าตกนรก
เราไม่ใช่สะใภ้หรอกนะ เราเป็นหลานของแม่ผัว เป็นลูกของสะใภ้ (เผื่อใครคิดว่าเราเป็นสะใภ้มาเขียนระบาย 555)
ตอนเราเด็กๆเราก็อยู่กับที่บ้านมี พ่อ แม่ ปู่ ย่า ป้า เรา และก็น้องชายอีก 1 คน จนวันนึงป้ากับย่าก็ย้ายไปอยู่กับญาติอีกจังหวัดนึงซึ่งก็อยู่ติดกัน ไปมาหากันได้ บ้านเราก็เลยเหลือกัน 5 คน พ่อแม่ ปู่ เราและก็น้องชาย จนเราอยู่มหาลัยปี 3 ปู่ก็เสีย ถัดมาอีก 2-3 ปี ป้าก็เสีย และนี่แหละจุดเริ่มของเรื่อง
เมื่อป้าเสียแล้ว ย่าเราก็ยังอยู่ที่บ้านของญาติต่อ และปัญหาก็เริ่มมีขึ้น เมื่อย่าเราเริ่มมีปากเสียงกับพี่น้องของย่าเอง (ย่าเรามีพี่น้องตั้ง 6 คนแน่ะ) พ่อเราก็เลยไปรับมานอนที่บ้าน เป็นครั้งคราวแบบวันสองวันก็กลับ จนกระทั่งพ่อเราบอกกับย่าว่าก็กลับมาอยู่บ้านเราสิ และจากวันนั้นถึงวันนี้ก็ 4 ปีเกือบๆ 5 ปีแล้ว
เดิมตอนปู่ยังอยู่ ปู่เราจะนอนห้องเดียวกับน้องชาย พอปู่เสีย ย่าเราก็เลยนอนห้องเดียวกับน้องชาย ซึ่งตอนนั้นน้องเรากำลังเรียนมหาลัย น้องเราต้องใส่หูฟังเวลานอนตลอด หรือเวลาที่ต้องอยู่ในห้องกับย่า ย่าบ่นๆๆๆๆๆและก็บ่น ทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องขี้ผงบนพื้นไปจนยักใยบนเพดานเลยทีเดียว
จนน้องเราไม่นอนที่บ้าน แต่บอกที่บ้านว่าต้องไปทำงานส่งจารย์บ้านเพื่อน แต่จริงๆไปนอนบ้านแฟน จนเรียนจบทำงานก็นอนบ้านแฟนถาวรเลยจ๊ะ กลับมานอนบ้านแค่เสาร์อาทิตย์แทน 555 ตอนนี้น้องเราก็แต่งงานกับแฟน และย้ายไปอยู่บ้านแฟนเป็นเรื่องเป็นราวแล้วนะ (พ่อตาแม่ยายเค้าเป็นใจเห็นดีงานให้ค้างนะ ไม่ได้แอบไปอยู่ด้วยกันเองก่อนแต่ง) น้องเราเคยเป็นหน่วยกล้าตายคุยปัญหาเรื่องย่ากับพ่อ รู้ไหมแค่เอยปากเรื่องย่า พ่อถึงขั้นตวาดใส่น้องชายถามว่าทำไมไม่เปิดใจ ยอมๆย่าไปบ้าง ย่าแก่แล้วนะ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเปิดอกพูดเรื่องนี้กันอีกเลย
ระหว่างที่ย่ามาอยู่ในช่วงแรกๆ ย่าเราจะมีอาการป่วยตลอด ตกดึกย่าเราจะแน่นหน้าอกบ้าง หายใจไม่ออกบ้าง ปวดท้องมากบ้าง ที่บ้านก็รีบพาไปโรงบาลทันทีเลย แต่เชื่อไหมว่า หมอบอกว่าย่าไม่เป็นไรเลย หาหมอเสร็จกลับบ้านนอน ตื่นมาสดใสร่าเริง ไม่มีอาการของคนป่วยใดๆ ตอนเช้าวันนึงย่าพูดกับเราว่า เมื่อคืนทั้งบ้านเค้าไปโรงพยาบาลกันรู้รึเปล่า แต่ก็เท่านั้นเพราะเค้าก็ไม่ได้เป็นอะไร เวลากินข้าวก็จะมีอาการขึ้นมาอีก เพราะปกติบ้านเรา (แม่เรา) จะกินอาหารง่ายๆ พวกไข่เจียว ผัดผัก ทำไว้ตอนเช้าก็จะกินถึงมื้อเที่ยง เย็นจึงจะทำกับข้าวอีกทีนึง แต่ย่าเราไม่ใช่ ย่าเราไม่กินข้าวเย็น (ข้าวที่หุงไว้เมื่อวานและเหลือหนะ) ไม่กินกับข้าวซ้ำ กับข้าวที่เหลือจากเมื่อเช้า พอเที่ยงคือต้องเป็นกับข้าวใหม่แล้ว มันก็จะขัดๆกัน ย่าก็เลยบ่นในเรื่องว่าทำไมทำกับข้าวเยอะ ทำน้อยสิจะได้ไม่เหลือให้ต้องมากินซ้ำ แต่มันคือไม่ใช่ไหมคือทำเผื่อไว้กินสองมื้อต่างหาก คนอื่นในบ้านเฉยๆ ย่าก็เลยเกิดอาการป่วย เบื่ออาหารขึ้นมาเพื่อให้พ่อเราซื้อกับข้าวใหม่ เช่น เมื่อเช้ากินน้ำพริกผักต้มไข่เจียว พอเที่ยงจะกินเหมือนเดิม ย่าเราก็จะบอกว่าเบื่อจะกินก๋วยเตี๋ยว =.= แต่เวลาถามอยากกินอะไรก็จะชอบบอกว่ากินอะไรก็ได้ พอเตรียมเสร็จพร้อมกินก็จะโอยไม่อยากกินเลยอยากกินอันนั้นมากกว่า แค่เรื่องกินกับเรื่องนอนนะ แม่เราก็พยายามนะ เห็นย่าเค้าชอบกินอาหารพวกแกงไก่ ไก่ย่าง ทั้งพ่อทั้งแม่เราก็ซื้อมาวาง หรือทำตั้งไว้พร้อม แต่จะกินแต่ไก่ ไม่ก็หมูสามชั้นปลาทอดก็ไม่ไหวไหมทุกมื้อ กินจนพ่อเราเป็นเกาต์แล้ว มียาโรคเกาต์ติดบ้านเลยเป็นชุดๆ แบบที่ข้างบ้านสามารถมาขอซื้อต่อไปกินได้อ่ะ ล่าสุดเลย ที่บ้านเครื่องแกงหมดยังไม่มีใครว่างไปตลาดซื้อมา ย่าก็โทรบอกญาติให้ช่วยซื้อมาให้ พอเค้าเอามาให้ก็ขนเอาวัตถุดิบทุกอย่างออกมาหมดเลยนะ แล้วบอกแม่เราว่าเอาไปทำเลย แล้วอย่าเอาไปเก็บนะต้องทำเลย อือนะ แกงอะไรหละที่อยากกินขนาดนี้ ค่ะ แกง_ีนไก่ ค่ะ เราจะชอบแซวพ่อว่า กินข้าวแล้วกินยาเกาต์ดักไวเลยนะ 555
พอน้องเราแต่งและย้ายไปอยู่กับแฟนเค้า ย่าเราก็นอนคนเดียว พ่อแม่เราก็นอนอีกห้อง เราก็นอนอีกห้อง และเราก็อยากจะถามทุกคนว่า แบบนี้คือถูกหรอ พอทุกคนเข้านอนห้องใครห้องมันแล้ว ย่าเราออกจากห้องมาเรียกพ่อเราหน้าห้องนอน พ่อเราก็ตกใจสะดุงตื่นมากลางดึกนึกว่าย่าเราเป็นอะไร แต่เปล่าทุกคนนนนน เค้ามาเรียกให้พ่อไปนอนห้องเค้า แม่เราถามเราว่า ทำไมต้องเรียกพ่อไปนอนห้องเค้า มีสามีใครที่ต้องแยกห้องนอนกับเมียเพื่อไปนอนห้องแม่บ้าง เรียกไปนอนห้องเค้าทุกคืนจนตอนนี้พ่อเราย้ายไปนอนห้องนั้นถาวรแล้ว แม่เราเลยนอนคนเดียว แต่รู้ไหมว่าสิ่งที่น้องชายเราเจอเวลาที่นอนกับย่า พ่อเราก็เจอแบบนั้น พ่อเราต้องใส่หูฟังนอนทุกคน เพราะย่าไม่นอนบ่นๆๆๆๆๆๆ แล้วก็บ่นทั้งคืน พ่อเรานอนหลับไปแล้ว ย่าเค้าสะกิดให้ตื่นมาฟังเค้าคุยกับเค้าอีก จนทุกวันนี้พ่อเราหลับกลางวันตลอดเพราะกลางคืนไม่ได้นอนเลย นอกจากต้องมาหลับตอนกลางวันคืออารมณ์เสียอีก ใครก็เข้าหน้าไม่ติด พาลไปหมดเลย
สงสัยใช่ไหมแล้วแม่เราหละ ฮึ ได้ลูกชาย (พ่อเรา) ไปแล้วย่าเค้าจะแค่นี้หรอ ไม่ มันยังไม่สาแกใจคุณเค้าจ๊ะ เค้าใส่ไฟเรื่องแม่เรา ตัวเรา ลามไปถึงบ้านยายเรา จนเค้าออกปากสั่งพ่อเราห้ามยุ่ง ห้ามติดต่อ และไม่ให้บ้านยายเรามาที่บ้านอีก เธอคิดว่าแม่เราต้องมีอดทนเท่าไรนะ แม่เราถามเราว่าทนไปทำไม ต้องทนไปทำไม แม่บอกว่าเค้าหมดห่วงเรื่องเราเมื่อไรเค้าจะกลับไปอยู่บ้านยาย ตัวเราเองก็ไม่คิดว่าพอย่ามาอยู่ตัวเราจะกลายเป็นคนที่จัดอยู่ในประเภทเด็กบ้านแตก เพราะย่าแท้ๆของตัวเอง
สงสัยอีกใช่ไหมแล้วพ่อเราหละ ทำอะไรบ้างหรือยังไง เราเคยคุยกับพ่อถึงปัญหา สิ่งที่ได้คือ การยอม นั่นคือแม่ของพ่อ คือย่าแท้ๆของเรา พ่อเชื่อฟังแม่ (ย่า) มากถึงมากที่สุด เรียกว่าชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ บอกอะไรต้องทำ และต้องเดี๋ยวนั้นทันที ครั้งนึงพ่อเรากำลังนอนกลางวันอยู่ และเราเพิ่งกลับมาจากไปซื้อของเข้าบ้าน ฝนก็กำลังตก เราเลยไม่ได้ขนของเข้าบ้าน (ที่จอดรถกับบ้านคนละที่กัน) เดาได้ไหมว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ค่ะ ย่าเราเรียกพ่อ ที่กำลังนอนอยู่ทันทีเพื่อให้ไปขนของ เราเลยบอกว่าฝนยังตกอยู่รอฝนหยุดก่อนก็ได้ พ่อเราก็เลยรอ แต่ไม่สำหรับย่า เค้าเรียกพ่อเราจนฝนเริ่มหยุดแต่ยังตกเบาๆอยู่ เค้าก็บอกพ่อว่าฝนซ่าแล้วไปเอาของได้แล้ว พ่อเราก็ต้องไปแล้วไม่งั้นจากแค่เรียกชื่อจะเป็นการบ่น และเพิ่ม level เป็นการด่า ใช่ค่ะ เมื่อก่อนแค่บ่น เดี๋ยวนี้คือ กูแล้วค่ะ เอาจริงๆนะ เมื่อก่อนบ้านเราไม่เคยพูดคำหยาบ แบบด่า _อ้เ_ี้ย _อ้_ัด ตัวเราพูดกับเพื่อนก็ไม่เคยขึ้นกู มีแต่แกๆ แกอย่างนั้นแกอย่างงี้ หยาบหน่อยก็ "วะ" ลงท้ายประโยค
แค่ทำให้พ่อแม่แยกกันยังไม่สาแกใจอีกค่ะ คนมีชีวิตคู่ บางคู่ที่ทำงานทั้งสองคนเค้าอาจจะแยกเงินกันคนละกระเป๋า หรือทำงานทั้งสองคนแต่ผช.ก็คือให้ผญ.เป็นคนเก็บเพราะต้องซื้อกับข้าว ของใช้ในบ้าน จิปาถะโน้นนี่นั้น พ่อแม่ก็เป็นแบบนี้ รายได้พ่อเรา รายได้แม่เราเค้าคนละกระเป๋า แต่เค้าก็ช่วยกันออก แชร์บ้าง พ่อออกค่าน้ำค่าไป แม่ออกค่ากับข้าว หรืออย่างถ้าไปกินข้าวนอกบ้านพ่อก็ออก หรือไปเที่ยวซื้อของฝากของกินแม่ก็ออก ไม่ได้เดือดร้อนนะ แต่!! เมื่อย่ามาอยู่และได้พ่อเราไป นั้นหละ ย่ายึดรายได้พ่อทุกทางเรียกได้ว่าบางทีไม่มีให้ติดกระเป๋าเลย แล้วเมื่อพ่อไปเอาเงินจากย่า เค้าใช้คำว่า ยืม มาติดกระเป๋าหน่อย แล้วเมื่อไม่ใช้ที่เหลือคือต้องเอามาคืน หากเอาไปใช้นั้นคือการยืมต้องใช้คืน ตรรกะเแบบนี้ได้ด้วยหรอ และเมื่อเป็นแบบนี้ เวลาที่ย่าให้พ่อไปซื้อกับข้าวให้เค้ากินเค้าจะให้พอดีนะ เช่น เค้าอยากกินก๋วยเตี๋ยวห่อละ 35 บาท เค้าจะให้ 40 บาทสำหรับซื้อห่อเดียว ค่ะ (ที่บ้านอยู่กัน 4 คนไหม??) เค้าซื้อห่อเดียวเพื่อแบ่งกับพ่อเรา พ่อเราก็บอกเราว่า ถ้าซื้อคนละห่อ ย่ากินไม่หมด มีอยู่ครั้งนึงเราไปธุระข้างนอก พอเสร็จก็เห็นว่าใกล้จะเที่ยง (ประมาณ 10 โมงกว่าๆ) เราก็เลยโทรมาที่บ้าน เพราะนึกได้ว่าแม่ไม่อยู่บ้าน ก็เดียวที่บ้านต้องไม่มีอะไรกินเที่ยงแน่ๆ ก็เลยโทรถามว่าจะกินอะไรไหมอยู่ตลาดกำลังจะกลับ คือกว่าจะถึงบ้านก็น่าจะเที่ยงพอดี (ก็รอรถเมย์ประเทศไทยอ่ะเนอะ เข้าใจตรงกัน) พ่อก็ถามย่าว่าจะกินอะไร ก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวอะไรไหม คำตอบคือ ไม่เอายังไม่หิว อ่ะเราซื้อก๋วยเตี๋ยวมาถุงแล้วก็กลับบ้าน เดินเข้าบ้านมาปุป ย่าก็เดินตามเรามาเลยนะ เราก็งงเดินตามมาทำไม มองหน้าพ่อว่าย่าเดินตามมาเนี่ยคืออะไร พ่อเราก็เลยถามย่าว่าจะกินข้าวหรอ รู้ไหมว่าย่าเราตอบว่าอะไร ย่าพูดว่า กินข้าวเที่ยงไง หิวแล้ว เห็นไหมเที่ยงแล้ว แล้วคือจะมากินที่เราซื้อมาถุงเดียวเนี่ยนะ แล้วตอนถามคือทำไมไม่คิดวะ ว่าจะกินอะไรตอนเที่ยง
บางคนอาจติดใจและคิดว่าทำไมย่าต้องเอาเงินไปเก็บเอง อย่าคิดว่าย่าเราไม่มีรายจ่าย เค้าเป็นคนแก่ที่ไม่มีภาระ!! แต่มีรายจ่ายทุกเดือน และเค้ามีเงินเดือนนะทุกคน ซึ่งเป็นรายได้ที่ป้าเราทำไว้ให้ เพื่อให้เค้ามีใช้ไม่เดือดร้อน แต่ไม่พอ ใช่ค่ะคุณ มันไม่พอ เรื่องในบ้านเรา เช่น ที่วางเครื่องปรุง ย่าสามารถบอกที่บ้านได้ว่าเนี่ยอยากจะได้ชั้นวางเครื่องปรุงไปหาซื้อกัน แต่เปล่า เค้าโทรไปสั่งให้ญาติเราที่อยู่อีกอำเภอไปหาซื้อให้เดี๋ยวให้ตังค์ ค่ะนี่เป็นแค่เรื่องกินเรื่องนอน ขอไม่พูดถึงเรื่องอื่นๆใดๆอีก 108shop รึจะสู้ 1008ปัญหาที่ย่าเราสรรหามาให้เป็นเรื่อง
ย่าเรามีอาการทางจิตรึเปล่า หรือเป็นแค่คนแก่ที่เรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้าง เค้าอยากให้มีลูกหลานอยู่ด้วยในช่วงบั้นปลายของชีวิตไหม ไม่ๆเค้าไม่อยาก ย่าเคยพูดกับเราเองเลยว่าถ้าเรากับแม่จะออกไปอยู่อื่นก็ได้นะ จะชวนพ่อไปด้วยก็ได้ สิ่งที่เค้าพูดเค้าทำเนี่ยคือ สิ่งที่คนเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในบ้านที่ควรจะเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร เค้าทำกันหรอ แล้วนี่คือสิ่งที่เค้ากล้าบอกว่าเค้ารัก เค้ามีแค่ลูกแค่หลานแค่นี้ทำทุกอย่างก็เพื่อลูกหลาน หรอ?
อาจจะยาวไปหน่อยนะ คือเราทั้งอยากจะระบาย และก็ถามทุกคนที่เข้ามาอ่าน ว่า เราควรจะทำยังไงดีก่อนที่บ้านเราจะพังลงมาจากรอยร้าวขนาดนี่
ปัญหาแม่ผัวกับลูกสะใภ้
ใครได้แม่ผัวดีก็คงยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งอีก แต่ถ้าได้แม่ผัวนิสัยกับความคิดร้ายกาจก็คงยิ่งกว่าตกนรก
เราไม่ใช่สะใภ้หรอกนะ เราเป็นหลานของแม่ผัว เป็นลูกของสะใภ้ (เผื่อใครคิดว่าเราเป็นสะใภ้มาเขียนระบาย 555)
ตอนเราเด็กๆเราก็อยู่กับที่บ้านมี พ่อ แม่ ปู่ ย่า ป้า เรา และก็น้องชายอีก 1 คน จนวันนึงป้ากับย่าก็ย้ายไปอยู่กับญาติอีกจังหวัดนึงซึ่งก็อยู่ติดกัน ไปมาหากันได้ บ้านเราก็เลยเหลือกัน 5 คน พ่อแม่ ปู่ เราและก็น้องชาย จนเราอยู่มหาลัยปี 3 ปู่ก็เสีย ถัดมาอีก 2-3 ปี ป้าก็เสีย และนี่แหละจุดเริ่มของเรื่อง
เมื่อป้าเสียแล้ว ย่าเราก็ยังอยู่ที่บ้านของญาติต่อ และปัญหาก็เริ่มมีขึ้น เมื่อย่าเราเริ่มมีปากเสียงกับพี่น้องของย่าเอง (ย่าเรามีพี่น้องตั้ง 6 คนแน่ะ) พ่อเราก็เลยไปรับมานอนที่บ้าน เป็นครั้งคราวแบบวันสองวันก็กลับ จนกระทั่งพ่อเราบอกกับย่าว่าก็กลับมาอยู่บ้านเราสิ และจากวันนั้นถึงวันนี้ก็ 4 ปีเกือบๆ 5 ปีแล้ว
เดิมตอนปู่ยังอยู่ ปู่เราจะนอนห้องเดียวกับน้องชาย พอปู่เสีย ย่าเราก็เลยนอนห้องเดียวกับน้องชาย ซึ่งตอนนั้นน้องเรากำลังเรียนมหาลัย น้องเราต้องใส่หูฟังเวลานอนตลอด หรือเวลาที่ต้องอยู่ในห้องกับย่า ย่าบ่นๆๆๆๆๆและก็บ่น ทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องขี้ผงบนพื้นไปจนยักใยบนเพดานเลยทีเดียว
จนน้องเราไม่นอนที่บ้าน แต่บอกที่บ้านว่าต้องไปทำงานส่งจารย์บ้านเพื่อน แต่จริงๆไปนอนบ้านแฟน จนเรียนจบทำงานก็นอนบ้านแฟนถาวรเลยจ๊ะ กลับมานอนบ้านแค่เสาร์อาทิตย์แทน 555 ตอนนี้น้องเราก็แต่งงานกับแฟน และย้ายไปอยู่บ้านแฟนเป็นเรื่องเป็นราวแล้วนะ (พ่อตาแม่ยายเค้าเป็นใจเห็นดีงานให้ค้างนะ ไม่ได้แอบไปอยู่ด้วยกันเองก่อนแต่ง) น้องเราเคยเป็นหน่วยกล้าตายคุยปัญหาเรื่องย่ากับพ่อ รู้ไหมแค่เอยปากเรื่องย่า พ่อถึงขั้นตวาดใส่น้องชายถามว่าทำไมไม่เปิดใจ ยอมๆย่าไปบ้าง ย่าแก่แล้วนะ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเปิดอกพูดเรื่องนี้กันอีกเลย
ระหว่างที่ย่ามาอยู่ในช่วงแรกๆ ย่าเราจะมีอาการป่วยตลอด ตกดึกย่าเราจะแน่นหน้าอกบ้าง หายใจไม่ออกบ้าง ปวดท้องมากบ้าง ที่บ้านก็รีบพาไปโรงบาลทันทีเลย แต่เชื่อไหมว่า หมอบอกว่าย่าไม่เป็นไรเลย หาหมอเสร็จกลับบ้านนอน ตื่นมาสดใสร่าเริง ไม่มีอาการของคนป่วยใดๆ ตอนเช้าวันนึงย่าพูดกับเราว่า เมื่อคืนทั้งบ้านเค้าไปโรงพยาบาลกันรู้รึเปล่า แต่ก็เท่านั้นเพราะเค้าก็ไม่ได้เป็นอะไร เวลากินข้าวก็จะมีอาการขึ้นมาอีก เพราะปกติบ้านเรา (แม่เรา) จะกินอาหารง่ายๆ พวกไข่เจียว ผัดผัก ทำไว้ตอนเช้าก็จะกินถึงมื้อเที่ยง เย็นจึงจะทำกับข้าวอีกทีนึง แต่ย่าเราไม่ใช่ ย่าเราไม่กินข้าวเย็น (ข้าวที่หุงไว้เมื่อวานและเหลือหนะ) ไม่กินกับข้าวซ้ำ กับข้าวที่เหลือจากเมื่อเช้า พอเที่ยงคือต้องเป็นกับข้าวใหม่แล้ว มันก็จะขัดๆกัน ย่าก็เลยบ่นในเรื่องว่าทำไมทำกับข้าวเยอะ ทำน้อยสิจะได้ไม่เหลือให้ต้องมากินซ้ำ แต่มันคือไม่ใช่ไหมคือทำเผื่อไว้กินสองมื้อต่างหาก คนอื่นในบ้านเฉยๆ ย่าก็เลยเกิดอาการป่วย เบื่ออาหารขึ้นมาเพื่อให้พ่อเราซื้อกับข้าวใหม่ เช่น เมื่อเช้ากินน้ำพริกผักต้มไข่เจียว พอเที่ยงจะกินเหมือนเดิม ย่าเราก็จะบอกว่าเบื่อจะกินก๋วยเตี๋ยว =.= แต่เวลาถามอยากกินอะไรก็จะชอบบอกว่ากินอะไรก็ได้ พอเตรียมเสร็จพร้อมกินก็จะโอยไม่อยากกินเลยอยากกินอันนั้นมากกว่า แค่เรื่องกินกับเรื่องนอนนะ แม่เราก็พยายามนะ เห็นย่าเค้าชอบกินอาหารพวกแกงไก่ ไก่ย่าง ทั้งพ่อทั้งแม่เราก็ซื้อมาวาง หรือทำตั้งไว้พร้อม แต่จะกินแต่ไก่ ไม่ก็หมูสามชั้นปลาทอดก็ไม่ไหวไหมทุกมื้อ กินจนพ่อเราเป็นเกาต์แล้ว มียาโรคเกาต์ติดบ้านเลยเป็นชุดๆ แบบที่ข้างบ้านสามารถมาขอซื้อต่อไปกินได้อ่ะ ล่าสุดเลย ที่บ้านเครื่องแกงหมดยังไม่มีใครว่างไปตลาดซื้อมา ย่าก็โทรบอกญาติให้ช่วยซื้อมาให้ พอเค้าเอามาให้ก็ขนเอาวัตถุดิบทุกอย่างออกมาหมดเลยนะ แล้วบอกแม่เราว่าเอาไปทำเลย แล้วอย่าเอาไปเก็บนะต้องทำเลย อือนะ แกงอะไรหละที่อยากกินขนาดนี้ ค่ะ แกง_ีนไก่ ค่ะ เราจะชอบแซวพ่อว่า กินข้าวแล้วกินยาเกาต์ดักไวเลยนะ 555
พอน้องเราแต่งและย้ายไปอยู่กับแฟนเค้า ย่าเราก็นอนคนเดียว พ่อแม่เราก็นอนอีกห้อง เราก็นอนอีกห้อง และเราก็อยากจะถามทุกคนว่า แบบนี้คือถูกหรอ พอทุกคนเข้านอนห้องใครห้องมันแล้ว ย่าเราออกจากห้องมาเรียกพ่อเราหน้าห้องนอน พ่อเราก็ตกใจสะดุงตื่นมากลางดึกนึกว่าย่าเราเป็นอะไร แต่เปล่าทุกคนนนนน เค้ามาเรียกให้พ่อไปนอนห้องเค้า แม่เราถามเราว่า ทำไมต้องเรียกพ่อไปนอนห้องเค้า มีสามีใครที่ต้องแยกห้องนอนกับเมียเพื่อไปนอนห้องแม่บ้าง เรียกไปนอนห้องเค้าทุกคืนจนตอนนี้พ่อเราย้ายไปนอนห้องนั้นถาวรแล้ว แม่เราเลยนอนคนเดียว แต่รู้ไหมว่าสิ่งที่น้องชายเราเจอเวลาที่นอนกับย่า พ่อเราก็เจอแบบนั้น พ่อเราต้องใส่หูฟังนอนทุกคน เพราะย่าไม่นอนบ่นๆๆๆๆๆๆ แล้วก็บ่นทั้งคืน พ่อเรานอนหลับไปแล้ว ย่าเค้าสะกิดให้ตื่นมาฟังเค้าคุยกับเค้าอีก จนทุกวันนี้พ่อเราหลับกลางวันตลอดเพราะกลางคืนไม่ได้นอนเลย นอกจากต้องมาหลับตอนกลางวันคืออารมณ์เสียอีก ใครก็เข้าหน้าไม่ติด พาลไปหมดเลย
สงสัยใช่ไหมแล้วแม่เราหละ ฮึ ได้ลูกชาย (พ่อเรา) ไปแล้วย่าเค้าจะแค่นี้หรอ ไม่ มันยังไม่สาแกใจคุณเค้าจ๊ะ เค้าใส่ไฟเรื่องแม่เรา ตัวเรา ลามไปถึงบ้านยายเรา จนเค้าออกปากสั่งพ่อเราห้ามยุ่ง ห้ามติดต่อ และไม่ให้บ้านยายเรามาที่บ้านอีก เธอคิดว่าแม่เราต้องมีอดทนเท่าไรนะ แม่เราถามเราว่าทนไปทำไม ต้องทนไปทำไม แม่บอกว่าเค้าหมดห่วงเรื่องเราเมื่อไรเค้าจะกลับไปอยู่บ้านยาย ตัวเราเองก็ไม่คิดว่าพอย่ามาอยู่ตัวเราจะกลายเป็นคนที่จัดอยู่ในประเภทเด็กบ้านแตก เพราะย่าแท้ๆของตัวเอง
สงสัยอีกใช่ไหมแล้วพ่อเราหละ ทำอะไรบ้างหรือยังไง เราเคยคุยกับพ่อถึงปัญหา สิ่งที่ได้คือ การยอม นั่นคือแม่ของพ่อ คือย่าแท้ๆของเรา พ่อเชื่อฟังแม่ (ย่า) มากถึงมากที่สุด เรียกว่าชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ บอกอะไรต้องทำ และต้องเดี๋ยวนั้นทันที ครั้งนึงพ่อเรากำลังนอนกลางวันอยู่ และเราเพิ่งกลับมาจากไปซื้อของเข้าบ้าน ฝนก็กำลังตก เราเลยไม่ได้ขนของเข้าบ้าน (ที่จอดรถกับบ้านคนละที่กัน) เดาได้ไหมว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ค่ะ ย่าเราเรียกพ่อ ที่กำลังนอนอยู่ทันทีเพื่อให้ไปขนของ เราเลยบอกว่าฝนยังตกอยู่รอฝนหยุดก่อนก็ได้ พ่อเราก็เลยรอ แต่ไม่สำหรับย่า เค้าเรียกพ่อเราจนฝนเริ่มหยุดแต่ยังตกเบาๆอยู่ เค้าก็บอกพ่อว่าฝนซ่าแล้วไปเอาของได้แล้ว พ่อเราก็ต้องไปแล้วไม่งั้นจากแค่เรียกชื่อจะเป็นการบ่น และเพิ่ม level เป็นการด่า ใช่ค่ะ เมื่อก่อนแค่บ่น เดี๋ยวนี้คือ กูแล้วค่ะ เอาจริงๆนะ เมื่อก่อนบ้านเราไม่เคยพูดคำหยาบ แบบด่า _อ้เ_ี้ย _อ้_ัด ตัวเราพูดกับเพื่อนก็ไม่เคยขึ้นกู มีแต่แกๆ แกอย่างนั้นแกอย่างงี้ หยาบหน่อยก็ "วะ" ลงท้ายประโยค
แค่ทำให้พ่อแม่แยกกันยังไม่สาแกใจอีกค่ะ คนมีชีวิตคู่ บางคู่ที่ทำงานทั้งสองคนเค้าอาจจะแยกเงินกันคนละกระเป๋า หรือทำงานทั้งสองคนแต่ผช.ก็คือให้ผญ.เป็นคนเก็บเพราะต้องซื้อกับข้าว ของใช้ในบ้าน จิปาถะโน้นนี่นั้น พ่อแม่ก็เป็นแบบนี้ รายได้พ่อเรา รายได้แม่เราเค้าคนละกระเป๋า แต่เค้าก็ช่วยกันออก แชร์บ้าง พ่อออกค่าน้ำค่าไป แม่ออกค่ากับข้าว หรืออย่างถ้าไปกินข้าวนอกบ้านพ่อก็ออก หรือไปเที่ยวซื้อของฝากของกินแม่ก็ออก ไม่ได้เดือดร้อนนะ แต่!! เมื่อย่ามาอยู่และได้พ่อเราไป นั้นหละ ย่ายึดรายได้พ่อทุกทางเรียกได้ว่าบางทีไม่มีให้ติดกระเป๋าเลย แล้วเมื่อพ่อไปเอาเงินจากย่า เค้าใช้คำว่า ยืม มาติดกระเป๋าหน่อย แล้วเมื่อไม่ใช้ที่เหลือคือต้องเอามาคืน หากเอาไปใช้นั้นคือการยืมต้องใช้คืน ตรรกะเแบบนี้ได้ด้วยหรอ และเมื่อเป็นแบบนี้ เวลาที่ย่าให้พ่อไปซื้อกับข้าวให้เค้ากินเค้าจะให้พอดีนะ เช่น เค้าอยากกินก๋วยเตี๋ยวห่อละ 35 บาท เค้าจะให้ 40 บาทสำหรับซื้อห่อเดียว ค่ะ (ที่บ้านอยู่กัน 4 คนไหม??) เค้าซื้อห่อเดียวเพื่อแบ่งกับพ่อเรา พ่อเราก็บอกเราว่า ถ้าซื้อคนละห่อ ย่ากินไม่หมด มีอยู่ครั้งนึงเราไปธุระข้างนอก พอเสร็จก็เห็นว่าใกล้จะเที่ยง (ประมาณ 10 โมงกว่าๆ) เราก็เลยโทรมาที่บ้าน เพราะนึกได้ว่าแม่ไม่อยู่บ้าน ก็เดียวที่บ้านต้องไม่มีอะไรกินเที่ยงแน่ๆ ก็เลยโทรถามว่าจะกินอะไรไหมอยู่ตลาดกำลังจะกลับ คือกว่าจะถึงบ้านก็น่าจะเที่ยงพอดี (ก็รอรถเมย์ประเทศไทยอ่ะเนอะ เข้าใจตรงกัน) พ่อก็ถามย่าว่าจะกินอะไร ก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวอะไรไหม คำตอบคือ ไม่เอายังไม่หิว อ่ะเราซื้อก๋วยเตี๋ยวมาถุงแล้วก็กลับบ้าน เดินเข้าบ้านมาปุป ย่าก็เดินตามเรามาเลยนะ เราก็งงเดินตามมาทำไม มองหน้าพ่อว่าย่าเดินตามมาเนี่ยคืออะไร พ่อเราก็เลยถามย่าว่าจะกินข้าวหรอ รู้ไหมว่าย่าเราตอบว่าอะไร ย่าพูดว่า กินข้าวเที่ยงไง หิวแล้ว เห็นไหมเที่ยงแล้ว แล้วคือจะมากินที่เราซื้อมาถุงเดียวเนี่ยนะ แล้วตอนถามคือทำไมไม่คิดวะ ว่าจะกินอะไรตอนเที่ยง
บางคนอาจติดใจและคิดว่าทำไมย่าต้องเอาเงินไปเก็บเอง อย่าคิดว่าย่าเราไม่มีรายจ่าย เค้าเป็นคนแก่ที่ไม่มีภาระ!! แต่มีรายจ่ายทุกเดือน และเค้ามีเงินเดือนนะทุกคน ซึ่งเป็นรายได้ที่ป้าเราทำไว้ให้ เพื่อให้เค้ามีใช้ไม่เดือดร้อน แต่ไม่พอ ใช่ค่ะคุณ มันไม่พอ เรื่องในบ้านเรา เช่น ที่วางเครื่องปรุง ย่าสามารถบอกที่บ้านได้ว่าเนี่ยอยากจะได้ชั้นวางเครื่องปรุงไปหาซื้อกัน แต่เปล่า เค้าโทรไปสั่งให้ญาติเราที่อยู่อีกอำเภอไปหาซื้อให้เดี๋ยวให้ตังค์ ค่ะนี่เป็นแค่เรื่องกินเรื่องนอน ขอไม่พูดถึงเรื่องอื่นๆใดๆอีก 108shop รึจะสู้ 1008ปัญหาที่ย่าเราสรรหามาให้เป็นเรื่อง
ย่าเรามีอาการทางจิตรึเปล่า หรือเป็นแค่คนแก่ที่เรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้าง เค้าอยากให้มีลูกหลานอยู่ด้วยในช่วงบั้นปลายของชีวิตไหม ไม่ๆเค้าไม่อยาก ย่าเคยพูดกับเราเองเลยว่าถ้าเรากับแม่จะออกไปอยู่อื่นก็ได้นะ จะชวนพ่อไปด้วยก็ได้ สิ่งที่เค้าพูดเค้าทำเนี่ยคือ สิ่งที่คนเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในบ้านที่ควรจะเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร เค้าทำกันหรอ แล้วนี่คือสิ่งที่เค้ากล้าบอกว่าเค้ารัก เค้ามีแค่ลูกแค่หลานแค่นี้ทำทุกอย่างก็เพื่อลูกหลาน หรอ?
อาจจะยาวไปหน่อยนะ คือเราทั้งอยากจะระบาย และก็ถามทุกคนที่เข้ามาอ่าน ว่า เราควรจะทำยังไงดีก่อนที่บ้านเราจะพังลงมาจากรอยร้าวขนาดนี่