G.K.Line
1.
ใจกลางเมืองหลวงซึ่งพื้นดินถูกแทนที่ด้วยยางมะตอยและคอนกรีต บรรดาอาคารสูงแย่งกันเสียดแทงขึ้นไปบนท้องฟ้าแทนต้นไม้ มองไปทางไหนก็ยากจะเห็นความร่มรื่นจากสีเขียวของธรรมชาติ
พื้นที่ใต้สะพานลอยข้ามแยกซึ่งเคยรกร้าง เป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่ถูกดัดแปลงเป็นสวนสาธารณะและลานกีฬาเล็กๆ สำหรับให้ชาวชุมชนหรือใครก็ตามที่มาเยือนได้พักผ่อนหย่อนใจ
ยามเช้ามันเป็นสถานที่นั่งเล่น พบปะพูดคุย ออกกำลังกายของเหล่าผู้สูงอายุ พอตกเย็นก็กลายเป็นที่วิ่งเล่นของเด็กเล็กและลานเล่นกีฬาของวัยรุ่น ค่ำลงอีกหน่อย รถเข็น แผงค้าขายเล็กๆ จากพ่อค้าแม่ค้าหรือผู้ต้องการหารายได้เล็กๆ น้อยๆ ก็จะเริ่มมาจับจองพื้นที่
ครั้นตกดึก เมื่อแสงสว่างจากบรรดาแผงค้าและความจอแจของผู้ใช้บริการซาลง เป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่จะกลับเข้าบ้านและดำดิ่งสู่ห้วงนิทรา แต่สวนสาธารณะแห่งนี้ก็ไม่ได้หลับใหลตามไปด้วย ตรงข้ามกลับกลายเป็นแหล่งทำมาหากินของคนอีกกลุ่มหนึ่งแทน
ในเวลาเช่นนั้น บรรดาหนุ่มใหญ่หนุ่มน้อยทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นขาประจำหรือขาจรต่างก็รู้ดีว่า พวกเขาสามารถตักตวงความสุขทางกายชั่วคราวจากหญิงสาวทั้งหลายได้จากที่นี่ ซึ่งพวกเธอเต็มใจพร้อมบริการอย่างเต็มที่ตามกำลังเงินของผู้มาหาความสุข
แสงสว่างจากหลอดแสงจันทร์บนเสาไฟฟ้าสว่างไสวโดดเด่นท่ามกลางความมืด แมลงกลางคืนหลายตัวบินวนล้อเล่นกับแสงไฟดวงน้อย
หญิงสาวคนหนึ่งยืนพิงเสาไฟฟ้าต้นนั้น แสงไฟทำให้เธอดูโดดเด่นออกจากสภาพแวดล้อมโดยรอบ ควันจากปลายบุหรี่ที่คีบอยู่ระหว่างนิ้วลอยอ้อยอิ่งอบอวลอยู่ในอากาศ ปากแดงและชุดสีดำช่วยขับให้ผิวเนื้อขาวดูโดดเด่นสะดุดตา
ดวงตาที่ถูกแต่งแต้มจนคมกริบปรายมองรถยนต์ที่เพิ่งเข้าจอดเทียบฟุตปาธ ผู้ที่ลงมาจากรถเป็นชายหนุ่มสูงโปร่ง กำยำสมชายชาตรี เขาใส่กางเกงยีนส์และสวมรองเท้าผ้าใบ เสื้อแจ๊คเก๊ตหนังกับรถยนต์ออกจะดูเป็นการแต่งตัวที่แปลกพิลึกไปหน่อยในความคิดเธอ
ชายหนุ่มเหยียดตัวขึ้นยืดเส้นยืดสาย ชำเลืองมองซ้ายขวาราวกำลังมองหาใครอยู่ แต่จะมีใครที่ไหนกันเล่าที่มายืนคอยในเวลาเช่นนี้ นอกเสียจากเขาคนนั้นต้องการมาหาความสุขชั่วคืนจากผู้หญิงอย่างเธอ
ไฟแดงวาบจากปลายมวนบุหรี่ หญิงสาวอัดควันเข้าเต็มปอดก่อนพ่นมันออกมาเป็นทางยาว หลังดื่มด่ำรสชาติของควันพิษอึกสุดท้ายแล้วเธอก็ดีดอีกครึ่งมวนที่เหลือลงพื้นอย่างไม่ไยดี
สาวขายบริการจัดผมเผ้า ก้มสำรวจเสื้อผ้า ดึงชายกระโปรงคับติ้วที่เลิกขึ้นมาจนสั้นเต่อให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนเยื้องย่างเข้าไปหาชายหนุ่มที่หมายตาด้วยท่าทางราวนางแบบผู้กำลังกรีดกรายอยู่บนแคตว็อค
“มาหาใครเหรอคะ พี่ชาย”
น้ำเสียงฟังดูออดอ้อนออเซาะ จีบปากจีบคอเกินปกติ เธอพูดพลางส่งสายตาเยิ้มหวานให้อย่างมีความนัย มือไม้ไล้ไปตามไหล่ของคู่สนทนาแปลกหน้า
“มาหาน้องนี่ละ” ชายหนุ่มตอบพลางระบายยิ้มเท่ ส่งประกายตาวิบวับกลับไปอย่างมวยถูกคู่
“แหม ใจตรงกันอย่างนี้ค่อยคุยกันง่ายหน่อย มาเถอะค่ะ เราไปหาที่ลับตาคนหาความสุขกัน”
“ราคาล่ะ”
“เรื่องราคาไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถอะค่ะ ถ้าถูกใจจะไม่เอาเลยก็ยังได้นะ”
เมื่อเจรจากันลงตัว รถยนต์คันโก้จึงเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง เพื่อพาคนทั้งคู่ออกจากสวนหย่อมวิ่งเอื่อยเฉื่อยไปตามถนนสายหลัก รถบนถนนเหลือน้อยจนนับคันได้ เห็นมากหน่อยเป็นพวกรถจักรยานยนต์ ซึ่งมีคนขับเป็นนักเรียนหัวเกรียนและซ้อนท้ายด้วยเด็กหญิงผมสั้นเต่อที่พากันมาขี่รถเที่ยวเป็นกลุ่ม
สะพานข้างหน้ายังสร้างไม่เสร็จ มันค้างเติ่งแค่ครึ่งสะพานมาเนิ่นนานแล้วโดยไม่ทราบสาเหตุ ตีนสะพานมีราวไม้กั้นไว้จนเต็มทุกช่องทาง พร้อมป้ายเตือนว่าข้างหน้าเป็นทางขาด แต่ทว่าชายหนุ่มไม่สนใจ เขาขับรถฝ่าเข้าไปจนราวกั้นกระเด็นออกนอกทาง
รถยนต์ชะลอตัวก่อนหยุดลงบริเวณสุดทางขาด คู่ชายหญิงก้าวออกมาจากรถ บนนี้ค่อนข้างมืดเพราะแสงไฟจากถนนส่องขึ้นมาไม่ถึง ลมพัดแรงเพราะเป็นที่โล่ง จากตรงนี้สามารถมองเห็นแสงสียามราตรีของเมืองได้ในมุมกว้าง จะว่าไปแล้วก็ดูเหมาะสำหรับใช้เป็นสถานที่พรอดรัก
“พี่ชายนี่เข้าใจหาสถานที่นะ ชอบแปลกๆ ก็ไม่บอก”
ชายหนุ่มไม่ตอบ หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ ไม่สนใจว่าคนตรงหน้าจะตอบคำถามหรือไม่ เธอไล้นิ้วไปตามแผงอก ก่อนที่มือทั้งสองจะวกมาโอบกอดรอบคอของเขาเอาไว้
“ในห้องอุดอู้ ผนังก็บางทำอะไรได้ยินกันหมด ที่นี่เงียบดีแล้วอยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องกลัวด้วยว่าจะมีใครได้ยินเวลาที่พวกเราทำอะไรกัน”
เธอยื่นหน้าเข้าไปใกล้ กระซิบข้างหูด้วยเสียงกระเส่าที่ปิดบังความหฤหรรษ์เอาไว้ไม่มิด
“อืม ใจเราตรงกันดี”
สิ้นเสียงทุ้มต่ำอยู่ในลำคอของฝ่ายชาย ทันใด สัญชาตญาณของหญิงสาวสัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม เธอถีบตัวเองถอยหลังอย่างรวดเร็ว แรงกระโดดนั้นมากจนเหลือเชื่อ เพียงครั้งเดียวร่างของเธอก็ลอยห่างออกมาจากจุดเดิมไปเกือบสิบเมตร
แต่ช้าเกินไป มีดสั้นเล่มหนึ่งปักคาอยู่ที่หน้าท้อง มือแข็งแรงดึงมันออกก่อนเหวี่ยงทิ้งไป เลือดข้นไหลทะลักออกจากรอยแทง ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนที่ดังออกจากปากแดงอิ่มนั้น มันเป็นเสียงร้องของสัตว์ ซึ่งไม่เคยได้ยินจากสัตว์ชนิดใดที่เคยรู้จักมาก่อน
ฉับพลัน ร่างซ่อนเร้นภายใต้เรือนร่างของหญิงสาวก็ขยายใหญ่ขึ้นจนร่างบอบบางที่ห่อหุ้มอยู่ค่อยๆ ปริและฉีกขาดออกจากกัน กระทั่งร่างสูงใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยขนหนาสีน้ำตาลหลุดพ้นเปลือกเนื้อหนังมนุษย์ออกมาจนหมด
หากเป็นคนทั่วไปเมื่อเห็นเรื่องเหลือเชื่อแบบนี้คงไม่อาจครองสติไว้ได้ แต่ชายหนุ่มที่ยืนจ้องเหตุการณ์ประหลาดอยู่ตอนนี้กลับมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงอาการสะทกสะท้านใดๆ ออกมา
เขาล้วงมือเข้าไปในเสื้อแจ็คเก็ตหนังดึงอาวุธคู่กายออกมา ปรับท่าทางให้อยู่ในท่าเตรียมพร้อม จ้องปากกระบอกปืนไปยังเป้าหมาย ลำกล้องสีดำกลมกลืนไปกับความมืดรอบกาย ด้ามจับไม้กระชับอยู่ในมือ นิ้วชี้อยู่ในตำแหน่งพร้อมลั่นกระสุนได้ทุกเมื่อ
“โฮก”
เสียงร้องเจ็บปวดเมื่อสักครู่เปลี่ยนเป็นเสียงคำราม ดวงตาแดงก่ำของสัตว์ร้ายจ้องเขม็งเกรี้ยวกราดมายังเป้าหมาย
“ไอ้มนุษย์สวะ แกเป็นแค่เหยื่อ กล้ามาลองดีกับข้าเชียวรึ”พอขาดคำ ร่างน่ากลัวก็พุ่งเข้าหาคนที่มันเรียกว่าเหยื่ออย่างบ้าคลั่ง
ชายหนุ่มกลั้นหายใจก่อนเหนี่ยวไกปืนด้วยจังหวะที่ไหลลื่น ลูกกระสุนจุดสามห้าเจ็ดแม็กนั่มพุ่งผ่านลำกล้องขนาดหกนิ้ว แหวกอากาศเป็นเส้นตรงและวางตัวอย่างแม่นยำตรงกลางหน้าผากของอสูรกายพอดิบพอดี
รหัสลับรัตติกาล ตอนที่ 1
1.
ใจกลางเมืองหลวงซึ่งพื้นดินถูกแทนที่ด้วยยางมะตอยและคอนกรีต บรรดาอาคารสูงแย่งกันเสียดแทงขึ้นไปบนท้องฟ้าแทนต้นไม้ มองไปทางไหนก็ยากจะเห็นความร่มรื่นจากสีเขียวของธรรมชาติ
พื้นที่ใต้สะพานลอยข้ามแยกซึ่งเคยรกร้าง เป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่ถูกดัดแปลงเป็นสวนสาธารณะและลานกีฬาเล็กๆ สำหรับให้ชาวชุมชนหรือใครก็ตามที่มาเยือนได้พักผ่อนหย่อนใจ
ยามเช้ามันเป็นสถานที่นั่งเล่น พบปะพูดคุย ออกกำลังกายของเหล่าผู้สูงอายุ พอตกเย็นก็กลายเป็นที่วิ่งเล่นของเด็กเล็กและลานเล่นกีฬาของวัยรุ่น ค่ำลงอีกหน่อย รถเข็น แผงค้าขายเล็กๆ จากพ่อค้าแม่ค้าหรือผู้ต้องการหารายได้เล็กๆ น้อยๆ ก็จะเริ่มมาจับจองพื้นที่
ครั้นตกดึก เมื่อแสงสว่างจากบรรดาแผงค้าและความจอแจของผู้ใช้บริการซาลง เป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่จะกลับเข้าบ้านและดำดิ่งสู่ห้วงนิทรา แต่สวนสาธารณะแห่งนี้ก็ไม่ได้หลับใหลตามไปด้วย ตรงข้ามกลับกลายเป็นแหล่งทำมาหากินของคนอีกกลุ่มหนึ่งแทน
ในเวลาเช่นนั้น บรรดาหนุ่มใหญ่หนุ่มน้อยทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นขาประจำหรือขาจรต่างก็รู้ดีว่า พวกเขาสามารถตักตวงความสุขทางกายชั่วคราวจากหญิงสาวทั้งหลายได้จากที่นี่ ซึ่งพวกเธอเต็มใจพร้อมบริการอย่างเต็มที่ตามกำลังเงินของผู้มาหาความสุข
แสงสว่างจากหลอดแสงจันทร์บนเสาไฟฟ้าสว่างไสวโดดเด่นท่ามกลางความมืด แมลงกลางคืนหลายตัวบินวนล้อเล่นกับแสงไฟดวงน้อย
หญิงสาวคนหนึ่งยืนพิงเสาไฟฟ้าต้นนั้น แสงไฟทำให้เธอดูโดดเด่นออกจากสภาพแวดล้อมโดยรอบ ควันจากปลายบุหรี่ที่คีบอยู่ระหว่างนิ้วลอยอ้อยอิ่งอบอวลอยู่ในอากาศ ปากแดงและชุดสีดำช่วยขับให้ผิวเนื้อขาวดูโดดเด่นสะดุดตา
ดวงตาที่ถูกแต่งแต้มจนคมกริบปรายมองรถยนต์ที่เพิ่งเข้าจอดเทียบฟุตปาธ ผู้ที่ลงมาจากรถเป็นชายหนุ่มสูงโปร่ง กำยำสมชายชาตรี เขาใส่กางเกงยีนส์และสวมรองเท้าผ้าใบ เสื้อแจ๊คเก๊ตหนังกับรถยนต์ออกจะดูเป็นการแต่งตัวที่แปลกพิลึกไปหน่อยในความคิดเธอ
ชายหนุ่มเหยียดตัวขึ้นยืดเส้นยืดสาย ชำเลืองมองซ้ายขวาราวกำลังมองหาใครอยู่ แต่จะมีใครที่ไหนกันเล่าที่มายืนคอยในเวลาเช่นนี้ นอกเสียจากเขาคนนั้นต้องการมาหาความสุขชั่วคืนจากผู้หญิงอย่างเธอ
ไฟแดงวาบจากปลายมวนบุหรี่ หญิงสาวอัดควันเข้าเต็มปอดก่อนพ่นมันออกมาเป็นทางยาว หลังดื่มด่ำรสชาติของควันพิษอึกสุดท้ายแล้วเธอก็ดีดอีกครึ่งมวนที่เหลือลงพื้นอย่างไม่ไยดี
สาวขายบริการจัดผมเผ้า ก้มสำรวจเสื้อผ้า ดึงชายกระโปรงคับติ้วที่เลิกขึ้นมาจนสั้นเต่อให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนเยื้องย่างเข้าไปหาชายหนุ่มที่หมายตาด้วยท่าทางราวนางแบบผู้กำลังกรีดกรายอยู่บนแคตว็อค
“มาหาใครเหรอคะ พี่ชาย”
น้ำเสียงฟังดูออดอ้อนออเซาะ จีบปากจีบคอเกินปกติ เธอพูดพลางส่งสายตาเยิ้มหวานให้อย่างมีความนัย มือไม้ไล้ไปตามไหล่ของคู่สนทนาแปลกหน้า
“มาหาน้องนี่ละ” ชายหนุ่มตอบพลางระบายยิ้มเท่ ส่งประกายตาวิบวับกลับไปอย่างมวยถูกคู่
“แหม ใจตรงกันอย่างนี้ค่อยคุยกันง่ายหน่อย มาเถอะค่ะ เราไปหาที่ลับตาคนหาความสุขกัน”
“ราคาล่ะ”
“เรื่องราคาไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถอะค่ะ ถ้าถูกใจจะไม่เอาเลยก็ยังได้นะ”
เมื่อเจรจากันลงตัว รถยนต์คันโก้จึงเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง เพื่อพาคนทั้งคู่ออกจากสวนหย่อมวิ่งเอื่อยเฉื่อยไปตามถนนสายหลัก รถบนถนนเหลือน้อยจนนับคันได้ เห็นมากหน่อยเป็นพวกรถจักรยานยนต์ ซึ่งมีคนขับเป็นนักเรียนหัวเกรียนและซ้อนท้ายด้วยเด็กหญิงผมสั้นเต่อที่พากันมาขี่รถเที่ยวเป็นกลุ่ม
สะพานข้างหน้ายังสร้างไม่เสร็จ มันค้างเติ่งแค่ครึ่งสะพานมาเนิ่นนานแล้วโดยไม่ทราบสาเหตุ ตีนสะพานมีราวไม้กั้นไว้จนเต็มทุกช่องทาง พร้อมป้ายเตือนว่าข้างหน้าเป็นทางขาด แต่ทว่าชายหนุ่มไม่สนใจ เขาขับรถฝ่าเข้าไปจนราวกั้นกระเด็นออกนอกทาง
รถยนต์ชะลอตัวก่อนหยุดลงบริเวณสุดทางขาด คู่ชายหญิงก้าวออกมาจากรถ บนนี้ค่อนข้างมืดเพราะแสงไฟจากถนนส่องขึ้นมาไม่ถึง ลมพัดแรงเพราะเป็นที่โล่ง จากตรงนี้สามารถมองเห็นแสงสียามราตรีของเมืองได้ในมุมกว้าง จะว่าไปแล้วก็ดูเหมาะสำหรับใช้เป็นสถานที่พรอดรัก
“พี่ชายนี่เข้าใจหาสถานที่นะ ชอบแปลกๆ ก็ไม่บอก”
ชายหนุ่มไม่ตอบ หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ ไม่สนใจว่าคนตรงหน้าจะตอบคำถามหรือไม่ เธอไล้นิ้วไปตามแผงอก ก่อนที่มือทั้งสองจะวกมาโอบกอดรอบคอของเขาเอาไว้
“ในห้องอุดอู้ ผนังก็บางทำอะไรได้ยินกันหมด ที่นี่เงียบดีแล้วอยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องกลัวด้วยว่าจะมีใครได้ยินเวลาที่พวกเราทำอะไรกัน”
เธอยื่นหน้าเข้าไปใกล้ กระซิบข้างหูด้วยเสียงกระเส่าที่ปิดบังความหฤหรรษ์เอาไว้ไม่มิด
“อืม ใจเราตรงกันดี”
สิ้นเสียงทุ้มต่ำอยู่ในลำคอของฝ่ายชาย ทันใด สัญชาตญาณของหญิงสาวสัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม เธอถีบตัวเองถอยหลังอย่างรวดเร็ว แรงกระโดดนั้นมากจนเหลือเชื่อ เพียงครั้งเดียวร่างของเธอก็ลอยห่างออกมาจากจุดเดิมไปเกือบสิบเมตร
แต่ช้าเกินไป มีดสั้นเล่มหนึ่งปักคาอยู่ที่หน้าท้อง มือแข็งแรงดึงมันออกก่อนเหวี่ยงทิ้งไป เลือดข้นไหลทะลักออกจากรอยแทง ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนที่ดังออกจากปากแดงอิ่มนั้น มันเป็นเสียงร้องของสัตว์ ซึ่งไม่เคยได้ยินจากสัตว์ชนิดใดที่เคยรู้จักมาก่อน
ฉับพลัน ร่างซ่อนเร้นภายใต้เรือนร่างของหญิงสาวก็ขยายใหญ่ขึ้นจนร่างบอบบางที่ห่อหุ้มอยู่ค่อยๆ ปริและฉีกขาดออกจากกัน กระทั่งร่างสูงใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยขนหนาสีน้ำตาลหลุดพ้นเปลือกเนื้อหนังมนุษย์ออกมาจนหมด
หากเป็นคนทั่วไปเมื่อเห็นเรื่องเหลือเชื่อแบบนี้คงไม่อาจครองสติไว้ได้ แต่ชายหนุ่มที่ยืนจ้องเหตุการณ์ประหลาดอยู่ตอนนี้กลับมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงอาการสะทกสะท้านใดๆ ออกมา
เขาล้วงมือเข้าไปในเสื้อแจ็คเก็ตหนังดึงอาวุธคู่กายออกมา ปรับท่าทางให้อยู่ในท่าเตรียมพร้อม จ้องปากกระบอกปืนไปยังเป้าหมาย ลำกล้องสีดำกลมกลืนไปกับความมืดรอบกาย ด้ามจับไม้กระชับอยู่ในมือ นิ้วชี้อยู่ในตำแหน่งพร้อมลั่นกระสุนได้ทุกเมื่อ
“โฮก”
เสียงร้องเจ็บปวดเมื่อสักครู่เปลี่ยนเป็นเสียงคำราม ดวงตาแดงก่ำของสัตว์ร้ายจ้องเขม็งเกรี้ยวกราดมายังเป้าหมาย
“ไอ้มนุษย์สวะ แกเป็นแค่เหยื่อ กล้ามาลองดีกับข้าเชียวรึ”พอขาดคำ ร่างน่ากลัวก็พุ่งเข้าหาคนที่มันเรียกว่าเหยื่ออย่างบ้าคลั่ง
ชายหนุ่มกลั้นหายใจก่อนเหนี่ยวไกปืนด้วยจังหวะที่ไหลลื่น ลูกกระสุนจุดสามห้าเจ็ดแม็กนั่มพุ่งผ่านลำกล้องขนาดหกนิ้ว แหวกอากาศเป็นเส้นตรงและวางตัวอย่างแม่นยำตรงกลางหน้าผากของอสูรกายพอดิบพอดี