สวัสดีครับเพื่อนๆที่น่ารักที่กดเข้ามาอ่าน กระทู้นี้เป็นบันทึกการเดินทางของเราเมื่อปลายกันยา 2561
ถ้าชอบฝากกดติดตามเพจเราด้วยนะครับ https://www.facebook.com/witweeraworld 
และกระทู้ก่อนหน้า https://ppantip.com/topic/40234666 บาร์เซโลน่า  https://ppantip.com/topic/40227289 กีธูร์น  และ https://ppantip.com/topic/40227228 ลิสบอน ครับ

---

 
หลบเมืองหลวงที่วุ่นวาย สะพายเป้ไปเมืองคอง

แว้นซ์ มอเตอร์ไซด์ เชียงใหม่-เมืองคอง   


 เมืองคอง? คืออะไร อยู่ที่ไหน และนี่คือการมาเมืองคองครั้งแรกของฉัน จริงๆต้องเรียกว่า เชียงใหม่ครั้งแรกเลยดีกว่า ก่อนหน้ามีคุยกับสหายว่าอยากไปที่ที่ธรรมชาติ อากาศเย็นๆ สบายๆ พักผ่อน ชิลๆ สหายเลยพามาที่นี่แหละ ฉันเลยตามพวกมันมา อิอิ

ตลอดการเดินทางทริปนี้ ฉันกับสหายอีกสามหน่อ ตกลงกันว่าเราเลือกวิธีการเช่ามอเตอร์ไซด์ขี่กัน ค่าเช่าก็วันละสามร้อย สี่หน่อ สองคัน ตกวันละ 600 ร้านเช่าอยู่แถวๆที่เขาเรียกว่าอาเขตนะจ๊ะ  

 
แว้นซ์กันมันส์มากจากตัวเมืองเชียงใหม่ ข้ามเขา ขึ้นภูดอยหลวงเชียงดาว วิวตลอดทางก็สวยงาม อากาศเย็นสบาย แต่ว่าเส้นทางคดเคี้ยวและชัน (ก็ขึ้นเขาอะเนอะ) ฉะนั้นขับขี่มอเตอร์ไซด์ต้องระวังนิดนึงนะฮะ  
ขับมอเตอร์ไซค์มาสองสามชั่วโมง ตามจีพีเอสมา ก็เหมือนจะถึงแล้วนะ เอ๊ะ เลยลองถามคุณป้าชาวบ้านแถวนั้นว่าเมืองคองไปทางไหน ป้าแกบอกว่า ”นี่แหละเมืองคอง” .... ฉันก็ “อ่อ เหรอ”



ความรู้สึกแรกที่มาถึงที่นี่คือ รู้สึกคิดถึงบ้านมาก สำนึกรักบ้านเกิดขึ้นมาทันที คือมันใช่มาก เป็นหมู่บ้านไม่ได้ใหญ่มาก เห็นวิถีชีวิตชาวบ้าน เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย ท้องนาอันกว้างเต็มไปด้วยต้นข้าวเขียวขจี มีลำคลองสายเล็กๆไหลเรียบหมู่บ้าน หร้อมฉากหลังคือภูเขาล้อมรอบ เป็นแอ่งที่อุดมสมบูรณ์ นี่คืดในใจคือถ้าไม่มีภูเขานะ คือร้อยเอ็ดบ้านฉันนี่เอง ฮ่าๆ



************

เราพักที่นี่เพียงแค่คืนเดียว ที่หลับที่นอนคืนนี้ สหายเราจองไว้ที่ “บ้านวังริมคลอง โฮมสเตย์” (ค่าที่พักต่อคืนคนละ 500 หรือ 600 ประมาณไม่เกินนี้ อาจมีการเปลี่ยนแปลง + รวมข้าวแลงด้วย) พวกเราทั้งสี่หน่อชอบที่พักตรงมากเพราะตั้งอยู่ตรงที่นาข้าว ให้ความสงบ บรรยากาศดี ให้ความรู้สึกเหมือนนอนเถียงนาน้อย แต่ภายในตัวเถียงก็กว้าง ที่นอน หมอน เสื่อ เตรียมให้เรียบร้อย นอนสี่คนได้สบาย ส่วนห้องน้ำแยก เดินออกไปอีกประมาณ 50 เมตร





  
 ใกล้ๆ โฮมสเตย์ที่เราพัก จะมีคาเฟ่ ขายเครื่องดื่ม ชา กาแฟสด ไว้ให้เรานั่งจิบ พร้อมผ่อนคลายไปกับวิวภูเขานาข้าวสีเขียว และ ลมเย็นๆที่โชยมาตีหน้าให้สดชื่นอยู่ตลอดเวลา คนขายก็น่ารัก อัธยาศัยดีมากครับ





********

มื้อเที่ยงนี้เราพากันไปกินที่ร้านบ้านภูตะวัน ตามที่พี่ที่ร้านกาแฟแนะนำ เดินจากที่พักไปประมาณ 500 เมตร ข้อดีของร้านนี้คือ รสชาติอาหารก็โอเค แต่นอกเหนือจากอาหารคือ มีจุดชมวิวและมุมถ่ายรูปที่ดีอีกที่นึงของเมืองคองเลยละครับ


หลังจากเสร็จมื้อเที่ยง ก็พากันรับบทเป็นนางสำรวจหมู่บ้าน คือไม่เดินกลับที่พักทางเดิมดีๆ แต่อ้อมไปอีกทางนึงซึ่งคิดว่า “มันไปได้น่า” ก็ถามพี่ที่ร้านอาหาร พี่แกก็บอกว่ามันมีทางไปได้อยู่ แต่...หารู้ไม่ว่ามันต้องข้ามคลองจ่ะ ต้องเดินข้ามด้วย ดีนะน้ำไม่ลึก และไหลไม่แรง แต่น้ำเลยเข่าขึ้นมานะฮะ แล้วรองเท้าละ ไม่เหลือจ้า เละ! หมดคลองก็มาเจอโคลนต่อเพราะฝนเพิ่งหยุดแต่ดีที่ยังไม่เยอะมาก กว่าจะถึงที่พักกันได้ก็สนุกสนานกันไปยกใหญ่ เพราะต้องลัดเลาะ เดินตามคันนาชาวบ้าน ก็สนุกไปอีกแบบ

*******

ตกเย็นประมาณห้าหกโมง พี่สาวเจ้าของโฮมสเตย์ก็เอากับข้าวใส่ปิ่นโตมาส่งพวกเรา มื้อนี้เป็นเมนู ไข่เจียว ผัดผัก และอื่นที่ เราไม่รู้จักชื่อเมนู เหมือนจะเป็นอาหารพื้นถิ่นหรือป่าวไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ใจคือเกลี้ยงจานจ่ะ อร่อยและหิว นอกจากกับข้าวแล้วพี่เขามีผลไม้อะไรสักอย่างมาให้ลองชิมด้วย แต่พวกเราไม่รู้ว่าเขาเรียกอะไร ลูกคล้ายๆเสาวรส แต่ใหญ่กว่า


เสร็จมื้อเย็นแล้วถ้าอยากหาที่นั่งพักผ่อนให้อาหารย่อย เดินมาอีก 100 เมตร ทางทิศเหนือของโฮมสเตย์ มีเถียงนาริมธาร พร้อมเปลสองอัน ไว้ให้นั่งนอนพักผ่อน หรืออาจจะซื้อเครื่องดื่มขนมมานั่งกินเล่นตรงนี้ก็ได้ แต่ถ้ามาตอนเย็นๆควนมียากันยุงมาเผื่อด้วยนะจ๊ะ