Photo by: timetowalkforsomthingfirstman
.
.
.
มื้อเที่ยงของวันทำงานในวันสุดท้ายของสัปดาห์ทำการของผมคือ กะหล่ำผัดน้ำมันพืชกับไข่เจียวจานใหญ่หนึ่งจาน
เมนูไข่เจียวเป็นเมนูปกติที่ผมทานเป็นประจำอยู่แล้ว เช้า เที่ยง เย็น แต่ที่พิเศษวันนี้ก็คือ "กะหล่ำผัดน้ำมันพืช"
(อันนี้เรียกว่าพิเศษแล้วเหรอ)
ตอนที่ไป supermarket คราวก่อนผมซื้อมาใส่ตู้เย็นเยอะอยู่เหมือนกัน กะเอาไว้กินเป็นผักประกอบมื้ออาหารบ้าง เพื่อสุขภาพที่ดี
เห็นข้างบรรจุภัณฑ์ระบุว่า ผักปลอดสารพิษ ซึ่งผมก็เชื่อตามนั้น
ขณะที่กำลังกินผัดกะหล่ำอย่างอร่อย ภาพของทุ่งกะหล่ำบนภูเขาก็ปรากฎเข้ามาในความคิดทันที
กะหล่ำกรอบๆ เก็บจากไร่ใหม่ๆ ผัดน้ำมันพืชเปล่าๆ บนภูเขาที่อากาศเย็นสบาย
ท่าทางคงอร่อยไม่น้อย
เช่นนั้นแล้วผมจึงตั้งค่าจุดหมายการเดินทางสำหรับวันหยุดนี้ทันที
(โดยได้แรงบันดาลใจมาจากผัดกะหล่ำจานที่ผมทานตอนมื้อเที่ยงนั่นเอง)
นั่นก็คือการพาตัวเองไปกินกะหล่ำร้างไร่บนภูเขาสักลูกที่ไกลออกไปจากบ้านหลายร้อยกิโลเมตร
หลังมื้อค่ำ ผมจัดการเตรียมอุปกรณ์สำหรับการค้างแรมขึ้นบนหลังรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อคู่ใจให้เรียบร้อย
เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่
.
.
.
ผมเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง ขึ้นถึงยอดภูในช่วงบ่ายๆ จัดการขับรถไปจอดยังบ้านพักที่จองไว้ นักท่องเที่ยวในวันนี้ดูค่อนข้างบางตา อาจจะเพราะไม่ใช่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว
เก็บสัมภาระในบ้านพักเสร็จ ผมจัดการต้มกาแฟสดจิบไปพลาง มองดูวิวรอบตัวไปพลาง กะว่าบ่ายแก่ๆ จะเดินลงไปยังไร่กะหล่ำด้านล่างตรงหน้าบ้านพัก
ไร่กะหล่ำที่ซึ่งถูกทิ้งร้าง หลังจากชาวบ้านเจ้าของผลผลิตได้เก็บเกี่ยวส่งขายตลาดตามรอบของฤดูกาลเรียบร้อย ส่วน "กะหล่ำร้างไร่" ที่โตไม่ทันเพื่อนจนพลาดโอกาสในการเข้าสู่ตลาด คือเป้าหมายของวัตถุดิบสำหรับมื้อค่ำของผมวันนี้
ผมได้กะหล่ำสดๆ ที่มีร่องรอยการกัดกินของแมลงอยู่ทั่วไป ซึ่งพอให้อุ่นใจได้บ้างว่า สารเคมีกำจัดแมลงคงเจือจางลงไปบ้างแล้ว น่าจะปลอดภัยสำหรับการบริโภค ผมเก็บมาสองหัวแค่พอสำหรับประกอบอาหารและเป็นกับแกล้มสำหรับค่ำคืนนี้ ก่อนที่จะเก็บผมก็ได้กล่าวคำขออนุญาตเจ้าของไร่เบาๆ ว่า
"ผมขอเก็บกะหล่ำไปผ้ดสักสองหัวนะครับ"
ไม่รู้ว่าเจ้าของไร่อยู่ไหน และจะได้ยินที่ผมพูดรึเปล่า เอาเป็นว่าผมขอแล้วนะ ไม่ได้ขโมยแต่อย่างใด
ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปพักใหญ่แล้ว ผู้มาเยือนในบ้านพักหลังอื่นๆ กำลังนั่งคุยกันระหว่างมื้อค่ำ มองจากบ้านพักบนยอดเขาลงไปเบื้องล่าง วิถีบนพื้นราบก็น่าจะกำลังดำเนินไปในแบบเดียวกัน หรือบางคนอาจจะกำลังเดินทางกลับบ้านไปทานมื้อค่ำกับครอบครัว
ผัดกะหล่ำน้ำมันพืชจานใหญ่ของผมเรียบร้อยแล้ว ข้าวสวยที่หุงจากอุปกรณ์สนาม ข้าวหุงสุกสวยงามตามแบบฉบับฝีมือหนุ่มใหญ่ที่ออกใช้ชีวิตค้างแรมในป่าเกือบจะพอๆ กับอยู่ที่บ้าน มื้อค่ำของผมวันนี้ก็มีแค่ ผัดกะหล่ำน้ำมันพืชจานใหญ่ ไข่เจียวจานใหญ่ ข้าวหุงหม้อใหญ่ เรียบง่ายแต่อร่อยมากอยู่
ผมนั่งจิบชาตราช้างท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบาย หมู่ดาวในคืนเดือนมืด นั่งฟังเพลงโปรดเบาๆ เที่ยงคืนแล้วแต่ยังไม่ง่วงเลย ทั้งๆ ที่ขับรถมาไกลตั้งหลายร้อยกิโลเมตร บ้านพักหลังอื่นๆ ก็ยังไม่หลับนอนกัน น่าจะดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบตัวไม่ต่างกับที่ผมกำลังทำอยู่
มื้อเที่ยงของเมื่อวานอีกฟากหนึ่งของภูมิภาค ผมยังนั่งทานผัดกะหล่ำที่ได้วัตถุดิบมาจาก supermarket อยู่เลย แต่ค่ำคืนนี้ผมกำลังนั่งกินเมนูเดียวกัน แต่ต่างกันที่วัตถุดิบที่ใช้ทำ ผมเก็บสดๆ จากไร่กับมือเลย นี่มันชีวิตในแบบฉบับ อยากกินต้องได้กินขนานแท้เลยทีเดียว
.
.
.
สำหรับค่ำคืนนี้ ราตรีสวัสดิ์ครับ
เรื่องเล่า...ภาพถ่าย...กับชายหนึ่งคน(2)