เปิดเทอมทีไร ทำไมลูกป่วยทุกที
ช่วงนี้เด็กๆ ก็ได้กลับไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนกันตามปกติแล้วนะครับ พี่หมอเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายคนก็น่าจะโล่งใจมากขึ้น เพราะจะได้มีเวลาหายใจหายคอกันบ้าง หลังจากที่ต้องตัวติดกันมาตลอดหลายเดือน เด็กๆ เองก็คงดีใจ เพราะจะได้กลับไปเจอเพื่อนๆ ได้ไปวิ่งเล่นในสนาม แม้การปฏิบัติตัวอาจจะต้องเปลี่ยนไปบ้าง แต่ยังไงก็น่าจะดีกว่าเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้านแน่นอน จริงมั้ยล่ะครับ
แต่หลังจากเปิดเทอมไปแค่ไม่กี่วัน ลูกๆ ก็ไม่สบาย ต้องหยุดเรียนอีกแล้ว ซึ่งคำพูดที่พี่หมอมักจะได้ยินบ่อยๆ เวลาที่คุณพ่อคุณแม่มาหาหมอก็คือ กลุ้มใจ ไม่รู้จะทำยังไง ใส่หน้ากากก็แล้ว ล้างมือก็แล้ว ทำไมยังป่วยได้อีกก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่โรงเรียนก็มีมาตรการในการรักษาความสะอาดตามวิถีนิว นอร์มัลแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการให้นักเรียนทุกคนใส่หน้ากาก การวัดไข้ก่อนเข้าโรงเรียน หรือแม้กระทั่งการมีฉากกั้นระหว่างโต๊ะเรียน แต่ลูกๆ ก็ยังป่วยอยู่ดี
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เด็กๆ ไม่สบายมีอยู่ด้วยกันหลายสาเหตุเลยนะครับ เดี๋ยววันนี้พี่หมอจะมาไล่เรียงให้ฟัง รวมถึงแนวทางการป้องกันที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ไว้ เพื่อช่วยลดโอกาสในการเจ็บป่วยของเด็กๆ
สาเหตุที่ทำให้เด็กๆ ป่วย
1.
หน้ากาก เด็กๆ อาจจะไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนที่วิ่งเล่นกับเพื่อนๆ เด็กก็อาจจะถอดเพื่อให้หายใจได้สะดวกขึ้น ยิ่งถ้าเป็นเด็กเล็กๆ โอกาสที่จะถอดหน้ากากออกเองก็ยิ่งมีสูงขึ้น เพราะความไม่คุ้นชิน ซึ่งนั่นก็อาจทำให้เด็กๆ สูดอากาศที่มีเชื้อหวัดปนอยู่เข้าไป
2.
Social distancing หรือการเว้นระยะห่างทางสังคม ในทางปฏิบัติแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยโดยเฉพาะในเด็กเล็กๆ เพราะเวลาเจอกัน เด็กๆ ก็มักจะต้องเข้าหากัน วิ่งเล่นด้วยกัน สัมผัสถูกตัวกัน ดังนั้น โอกาสที่เชื้อจะแพร่กระจายจากคนหนึ่งไปถึงอีกคนหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย
3.
สภาพอากาศ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่เป็นฤดูฝน บวกกับลม ส่งผลให้เชื้อแพร่กระจายได้ง่ายกว่าปกติ แถมเชื้อโรคก็ชอบอากาศแบบนี้ด้วย เพราะจะช่วยให้พวกมันเจริญเติบโตได้ดี
4.
โรคประจำตัวของเด็ก เช่น ภูมิแพ้ ยิ่งในสภาพอากาศในหน้าฝนที่เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวชื้น ก็อาจจะทำให้อาการของโรคที่มีอยู่แล้วกำเริบขึ้นได้
แนวทางป้องกัน
1. ถ้าลูกไม่สบาย แม้จะเล็กๆ น้อยๆ เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก หรือมีไข้ ก็ควรให้ลูกหยุดเรียน และรีบพาไปหาคุณหมอ และก่อนที่จะไปโรงเรียนให้ลูกอีกครั้ง ก็ต้องดูให้แน่ใจด้วยนะครับว่าลูกของเราหายดีแล้วจริงๆ เพราะถ้ารีบไปโรงเรียนในขณะที่ภูมิคุ้มกันยังอ่อนแออยู่ เด็กๆ ก็อาจจะกลับมาป่วยซ้ำอีก หรือถ้าเชื้อที่มีอยู่ยังไม่หมดไป ก็อาจจะไปแพร่เชื้อให้กับเด็กคนอื่นได้
2. ในกรณีที่ลูกมีโรคประจำตัว เช่น เป็นภูมิแพ้ ซึ่งอาจจะทำให้มีอาการคัดจมูกและน้ำมูกไหลเป็นประจำ คุณพ่อคุณแม่ก็ควรแจ้งคุณครูไว้ด้วยนะครับ หรือจะไปหาคุณหมอเพื่อให้ออกใบรับรองแพทย์ให้ก็ได้ คุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นจะได้ไม่ต้องกังวลใจ
3. วัคซีน คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปฉีดวัคซีนตามกำหนดอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในเด็กเล็กๆ ยกตัวอย่างเช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ถ้าได้รับนานเกิน 6 เดือนแล้ว ก็ควรจะพาไปฉีดซ้ำ เพื่อกระตู้นภูมิ
4. วิตามิน ควรให้เด็กรับประทานวิตามินรวมหรือวิตามินซีเสริมด้วย ก็จะช่วยให้ลูกมีภูมิต้านทานมากขึ้น (แต่ถ้าเด็กๆชอบรับประทานผักผลไม้อยู่แล้วก็อาจจะไม่จำเป็นนะครับ) ซึ่งตรงนี้ถ้าไม่แน่ใจว่าจะให้ลูกรับประทานวิตามินชนิดไหน และต้องรับประทานอย่างไร ก็สามารถพาลูกไปปรึกษาคุณหมอได้นะครับ
เอาเข้าจริงๆ อาการเจ็บป่วย หรือไม่สบาย (ไม่ว่าจะในเด็กหรือผู้ใหญ่) ก็เป็นเรื่องธรรมชาตินะครับ เพราะต่อให้เราดูแลตัวเองดีแค่ไหน บางครั้งก็ยังหนีไม่พ้นเรื่องพวกนี้อยู่ดี เพราะเราคงไม่สามารถห้ามเชื้อโรคไม่ให้เข้าใกล้เราได้ ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้แปลว่า ให้ปล่อยปละละเลยเรื่องสุขภาพนะครับ เพราะคนที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี โอกาสที่จะเจ็บป่วยก็ย่อมมีน้อยกว่าคนที่ไม่ดูแลตัวเองแน่นอน
แต่ที่พี่หมออยากจะบอกก็คือ คุณพ่อคุณแม่เองก็ต้องไม่เครียดมากจนเกินไป เพราะบางคนก็จะชอบโทษตัวเองเวลาที่ลูกป่วยว่าดูแลลูกไม่ดี ซึ่งบางครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็เป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ยิ่งเวลาที่ต้องไปโรงเรียน หรือออกไปทำกิจกรรมต่างๆข้างนอก แน่นอนว่าโอกาสที่เด็กๆ จะต้องเจอกับเชื้อโรคก็ต้องมีมากขึ้น แต่ถ้าจะให้เก็บตัวอยู่ในบ้านอย่างเดียว ก็คงเป็นไปไม่ได้
สิ่งสำคัญก็คือ คุณพ่อคุณแม่ต้องช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกๆ ให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบทั้ง 5 หมู่ การออกกำลังกายกลางแจ้ง เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินดีจากแสงแดด การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงการดูแลความสะอาดของร่างกาย ยิ่งในช่วงนี้ ก็อย่าลืมให้ลูกๆ ใส่หน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้าน ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ หรืออย่างน้อยก็ทุกครั้งก่อนที่จะรับประทานอาหาร ไม่ไปในที่ๆ มีคนเยอะๆ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ลูกๆ ของเรามีสุขภาพที่แข็งแรงได้แล้วล่ะครับ
อ้อ ดูแลลูกแล้วๆ ก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะครับ ด้วยความปรารถนาดีจากพี่หมอ 💝 💝 💝
เปิดเทอมทีไร ทำไมลูกป่วยทุกที
ช่วงนี้เด็กๆ ก็ได้กลับไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนกันตามปกติแล้วนะครับ พี่หมอเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายคนก็น่าจะโล่งใจมากขึ้น เพราะจะได้มีเวลาหายใจหายคอกันบ้าง หลังจากที่ต้องตัวติดกันมาตลอดหลายเดือน เด็กๆ เองก็คงดีใจ เพราะจะได้กลับไปเจอเพื่อนๆ ได้ไปวิ่งเล่นในสนาม แม้การปฏิบัติตัวอาจจะต้องเปลี่ยนไปบ้าง แต่ยังไงก็น่าจะดีกว่าเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้านแน่นอน จริงมั้ยล่ะครับ
แต่หลังจากเปิดเทอมไปแค่ไม่กี่วัน ลูกๆ ก็ไม่สบาย ต้องหยุดเรียนอีกแล้ว ซึ่งคำพูดที่พี่หมอมักจะได้ยินบ่อยๆ เวลาที่คุณพ่อคุณแม่มาหาหมอก็คือ กลุ้มใจ ไม่รู้จะทำยังไง ใส่หน้ากากก็แล้ว ล้างมือก็แล้ว ทำไมยังป่วยได้อีกก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่โรงเรียนก็มีมาตรการในการรักษาความสะอาดตามวิถีนิว นอร์มัลแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการให้นักเรียนทุกคนใส่หน้ากาก การวัดไข้ก่อนเข้าโรงเรียน หรือแม้กระทั่งการมีฉากกั้นระหว่างโต๊ะเรียน แต่ลูกๆ ก็ยังป่วยอยู่ดี
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เด็กๆ ไม่สบายมีอยู่ด้วยกันหลายสาเหตุเลยนะครับ เดี๋ยววันนี้พี่หมอจะมาไล่เรียงให้ฟัง รวมถึงแนวทางการป้องกันที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ไว้ เพื่อช่วยลดโอกาสในการเจ็บป่วยของเด็กๆ
สาเหตุที่ทำให้เด็กๆ ป่วย
1. หน้ากาก เด็กๆ อาจจะไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนที่วิ่งเล่นกับเพื่อนๆ เด็กก็อาจจะถอดเพื่อให้หายใจได้สะดวกขึ้น ยิ่งถ้าเป็นเด็กเล็กๆ โอกาสที่จะถอดหน้ากากออกเองก็ยิ่งมีสูงขึ้น เพราะความไม่คุ้นชิน ซึ่งนั่นก็อาจทำให้เด็กๆ สูดอากาศที่มีเชื้อหวัดปนอยู่เข้าไป
2. Social distancing หรือการเว้นระยะห่างทางสังคม ในทางปฏิบัติแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยโดยเฉพาะในเด็กเล็กๆ เพราะเวลาเจอกัน เด็กๆ ก็มักจะต้องเข้าหากัน วิ่งเล่นด้วยกัน สัมผัสถูกตัวกัน ดังนั้น โอกาสที่เชื้อจะแพร่กระจายจากคนหนึ่งไปถึงอีกคนหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย
3. สภาพอากาศ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่เป็นฤดูฝน บวกกับลม ส่งผลให้เชื้อแพร่กระจายได้ง่ายกว่าปกติ แถมเชื้อโรคก็ชอบอากาศแบบนี้ด้วย เพราะจะช่วยให้พวกมันเจริญเติบโตได้ดี
4. โรคประจำตัวของเด็ก เช่น ภูมิแพ้ ยิ่งในสภาพอากาศในหน้าฝนที่เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวชื้น ก็อาจจะทำให้อาการของโรคที่มีอยู่แล้วกำเริบขึ้นได้
แนวทางป้องกัน
1. ถ้าลูกไม่สบาย แม้จะเล็กๆ น้อยๆ เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก หรือมีไข้ ก็ควรให้ลูกหยุดเรียน และรีบพาไปหาคุณหมอ และก่อนที่จะไปโรงเรียนให้ลูกอีกครั้ง ก็ต้องดูให้แน่ใจด้วยนะครับว่าลูกของเราหายดีแล้วจริงๆ เพราะถ้ารีบไปโรงเรียนในขณะที่ภูมิคุ้มกันยังอ่อนแออยู่ เด็กๆ ก็อาจจะกลับมาป่วยซ้ำอีก หรือถ้าเชื้อที่มีอยู่ยังไม่หมดไป ก็อาจจะไปแพร่เชื้อให้กับเด็กคนอื่นได้
2. ในกรณีที่ลูกมีโรคประจำตัว เช่น เป็นภูมิแพ้ ซึ่งอาจจะทำให้มีอาการคัดจมูกและน้ำมูกไหลเป็นประจำ คุณพ่อคุณแม่ก็ควรแจ้งคุณครูไว้ด้วยนะครับ หรือจะไปหาคุณหมอเพื่อให้ออกใบรับรองแพทย์ให้ก็ได้ คุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นจะได้ไม่ต้องกังวลใจ
3. วัคซีน คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปฉีดวัคซีนตามกำหนดอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในเด็กเล็กๆ ยกตัวอย่างเช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ถ้าได้รับนานเกิน 6 เดือนแล้ว ก็ควรจะพาไปฉีดซ้ำ เพื่อกระตู้นภูมิ
4. วิตามิน ควรให้เด็กรับประทานวิตามินรวมหรือวิตามินซีเสริมด้วย ก็จะช่วยให้ลูกมีภูมิต้านทานมากขึ้น (แต่ถ้าเด็กๆชอบรับประทานผักผลไม้อยู่แล้วก็อาจจะไม่จำเป็นนะครับ) ซึ่งตรงนี้ถ้าไม่แน่ใจว่าจะให้ลูกรับประทานวิตามินชนิดไหน และต้องรับประทานอย่างไร ก็สามารถพาลูกไปปรึกษาคุณหมอได้นะครับ
เอาเข้าจริงๆ อาการเจ็บป่วย หรือไม่สบาย (ไม่ว่าจะในเด็กหรือผู้ใหญ่) ก็เป็นเรื่องธรรมชาตินะครับ เพราะต่อให้เราดูแลตัวเองดีแค่ไหน บางครั้งก็ยังหนีไม่พ้นเรื่องพวกนี้อยู่ดี เพราะเราคงไม่สามารถห้ามเชื้อโรคไม่ให้เข้าใกล้เราได้ ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้แปลว่า ให้ปล่อยปละละเลยเรื่องสุขภาพนะครับ เพราะคนที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี โอกาสที่จะเจ็บป่วยก็ย่อมมีน้อยกว่าคนที่ไม่ดูแลตัวเองแน่นอน
แต่ที่พี่หมออยากจะบอกก็คือ คุณพ่อคุณแม่เองก็ต้องไม่เครียดมากจนเกินไป เพราะบางคนก็จะชอบโทษตัวเองเวลาที่ลูกป่วยว่าดูแลลูกไม่ดี ซึ่งบางครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็เป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ยิ่งเวลาที่ต้องไปโรงเรียน หรือออกไปทำกิจกรรมต่างๆข้างนอก แน่นอนว่าโอกาสที่เด็กๆ จะต้องเจอกับเชื้อโรคก็ต้องมีมากขึ้น แต่ถ้าจะให้เก็บตัวอยู่ในบ้านอย่างเดียว ก็คงเป็นไปไม่ได้
สิ่งสำคัญก็คือ คุณพ่อคุณแม่ต้องช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกๆ ให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบทั้ง 5 หมู่ การออกกำลังกายกลางแจ้ง เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินดีจากแสงแดด การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงการดูแลความสะอาดของร่างกาย ยิ่งในช่วงนี้ ก็อย่าลืมให้ลูกๆ ใส่หน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้าน ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ หรืออย่างน้อยก็ทุกครั้งก่อนที่จะรับประทานอาหาร ไม่ไปในที่ๆ มีคนเยอะๆ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ลูกๆ ของเรามีสุขภาพที่แข็งแรงได้แล้วล่ะครับ
อ้อ ดูแลลูกแล้วๆ ก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะครับ ด้วยความปรารถนาดีจากพี่หมอ 💝 💝 💝