ต่อมทอนซิลไม่ได้ชิลอย่างที่คิด



 
หากจะกล่าวถึงหนึ่งในอวัยวะที่ทำหน้าที่ในการป้องกันเชื้อโรคที่ผ่านเข้ามาในลำคอ หรือผ่านเข้ามาทางการหายใจให้กับร่างกายของเรา คงจะหนีไม่พ้น “ต่อมทอนซิล” ถึงแม้ว่าอวัยวะส่วนนี้จะมีหน้าที่ในการคัดกรองเชื้อโรคให้กับเรา นั่นไม่ได้หมายความว่าอวัยวะส่วนนี้จะติดเชื้อโรคไม่ได้ และหากเกิดการติดเชื้ออาจนำพาไปสู่โรคที่มีชื่อว่า “ทอนซิลอักเสบ” 
 
 
สาเหตุที่ทอนซิลอักเสบ
 
 
จากที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ว่าต่อมทอนซิล ทำหน้าที่คัดกรองเชื้อโรคต่าง ๆ ในลำคอ ทำให้อวัยวะส่วนนี้ต้องต่อสู้กับแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสหลากหลายชนิด ด้วยเหตุนี้เอง จึงส่งผลให้อวัยวะส่วนนี้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้เช่นกัน นอกจากนี้ต่อมทอนซิลยังสามารถติดเชื้อจากการรับเชื้อมาจากผู้อื่น เช่น การเข้าใกล้ผู้ป่วยที่มีเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส เป็นต้น ซึ่งโดยปกติแล้วการติดเชื้อมักมาจากไวรัสหลายชนิด ส่วนเชื้อแบคทีเรียที่มักเป็นสาเหตุของโรคนี้ มีชื่อว่า “สเตร็ปโตคอคคัสกลุ่มเอ (Group A Streptococcus)” อย่างไรก็ตามโรคนี้มักพบได้น้อยในผู้ใหญ่ สามารถพบได้ในเด็กเล็กมากกว่า เนื่องจากวัยเด็กที่อยู่ในช่วงเติบโตต้องเผชิญกับเชื้อโรครอบตัวจากการใช้ชีวิต เช่น การเล่นกับเพื่อนที่อาจเจอสิ่งแวดล้อมที่มีเชื้อโรค เป็นต้น
 
 
อาการของทอนซิลอักเสบ
 
 
อาการของโรคนี้สามารถสังเกตให้เห็นได้ชัดเจนผ่านความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับลำคอ ได้แก่
 
- มีอาการเจ็บข้ออย่างรุนแรงเป็นเวลานาน
 
- กลืนลำบาก หากกลืนจะมีอาการเจ็บในลำคอ
 
- เสียงเปลี่ยนไป เช่น เสียงแหบ เป็นต้น
 
- ปากมีกลิ่นเหม็น
 
- ต่อมทอนซิลมีอาการบวมแดง และมีจุดหรือชั้นบาง ๆ เกิดขึ้นบนต่อมทอนซิล
 
นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตอาการอื่นร่วมได้ด้วย ได้แก่
 
- มีไข้, ปวดศีรษะ
 
- ปวดหู
 
- ในเด็กเล็กอาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย
 
 
ภาวะแทรกซ้อนจากทอนซิลอักเสบ
 
 
เนื่องจากอวัยวะดังกล่าวอยู่บริเวณลำคอ จึงสามารถเกิดภาวะแทรกซ้อนต่อร่างกายได้หลายกรณี ได้แก่
 
- ภาวะทางการหายใจ เช่น หายใจลำบาก หรือหยุดหายใจขณะหลับ เป็นต้น
 
- ภาวะแทรกซ้อนกับเด็ก หากไม่ได้รับการรักษา หรือดูแลจนหายขาด สามารถทำให้เกิดโรคได้ เช่น ไข้รูมาติก หรือกรวยไตอักเสบ เป็นต้น ทั้งนี้การเกิดโรคในเด็กดังกล่าวเกิดจาก ”แบคทีเรียสเตร็ปโตคอคคัส (Streptococcus)” นั่นเอง
 
 
การรักษาต่อมทอนซิลอักเสบเบื้องต้น
 
 
หากเป็นการอักเสบจากไวรัสสามารถรักษาให้หายได้ภายใน 7-10 วัน แต่ถ้าหากมีสาเหตุจากแบคทีเรีย จะรักษาด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ หรือรับประทานยาแก้ไข้ร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีการรักษาโดยการฉีดยาในบางรายที่มีอาการรุนแรง หรือต่อมทอนซิลเป็นหนอง
 
 
การผ่าตัดต่อมทอนซิล
 
 
อย่างที่เราทราบกันแล้วว่าต่อมทอนซิลทำหน้าที่ในการกำจัดเชื้อโรคต่าง ๆ ในร่างกาย หากต่อมทอนซิลเกิดการอักเสบเรื้อรังจนไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้เหมือนเดิมอีกต่อไป ต่อมทอนซิลก็จะกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคไปโดยปริยาย การผ่าตัดจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้รักษาอาการต่อมทอนซิลอักเสบให้หายขาด 
 
โดยแพทย์จะพิจารณาการผ่าตัดในกรณีต่อไปนี้
 
- ผู้ป่วยมีภาวะเป็นต่อมทอนซิลหลายครั้ง หรือเป็นเรื้อรังจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น นอนกรน มีอาการหยุดหายใจขณะหลับ เป็นต้น
 
- ผู้ป่วยมีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งต่อมทอนซิล หรือมะเร็งต่อมน้ำเหลือง 
 
- ผู้ป่วยเคยเป็นฝีที่ต่อมทอนซิลมาก่อน
 
 
ผลข้างเคียงจากการผ่าตัด
 
 
หลังการผ่าตัดอาจจะมีอาการเจ็บคอ กลืนอาหารลำบาก คอบวมขึ้นทำให้หายใจลำบาก และอาจส่งผลให้การพูดเปลี่ยนแปลงไป เช่น เสียงแหบ เป็นต้น อาจจะมีเลือดออกที่แผลผ่าตัด ดังนั้นหลังการผ่าตัดผู้ป่วยควรรับประทานอาหารเหลว และหลีกเลี่ยงอาหารร้อนเพราะจะทำให้แผลเลือดออกมากขึ้น
 
 
ไอศกรีมกับต่อมทอนซิลอักเสบ
 
 
หลายคนอาจจะเข้าใจว่าถ้าเจ็บคอ เป็นไข้ ควรรับประทานน้ำอุ่น และหลีกเลี่ยงของเย็นเพราะจะทำให้หายช้า แต่ความเชื่อนั้นใช้ไม่ได้กับการเป็นต่อมทอนซิลอักเสบ ลองคิดภาพตามง่าย ๆ ดูว่าหากเราเป็นแผลอักเสบแล้วนำของร้อนมาเทใส่แผลที่อักเสบ ย่อมส่งผลให้มันยิ่งอักเสบมากขึ้น ทางที่ดีที่สุดในการช่วยบรรเทาอาการปวดจากต่อมทอนซิลอักเสบก็คือ การกินไอศกรีมช็อกโกแลต หรือไอศกรีมดาร์กช็อกโกแลต เพราะในโกโก้จะมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ฟลาโวนอยด์” ซึ่งเป็นสารที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกายนั่นเอง
 
 
การป้องกันทอนซิลอักเสบ
 
 
โรคนี้สามารถเกิดได้กับทุกช่วงวัย แต่เราควรให้ความสำคัญกับเด็กเล็กที่มีโอกาสติดเชื้อมากกว่าผู้ใหญ่ด้วยการให้เด็กได้เรียนรู้การปฏิบัติตัวด้วยสุขอนามัยที่ดี เช่น
 
- ล้างมือให้สะอาดทั้งก่อนและหลังการทำกิจกรรมทุกอย่าง
 
- ไม่ใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ร่วมกับผู้อื่น เช่น ช้อน แปรงสีฟัน แก้วน้ำ เป็นต้น
 
- หากเคยป่วยเป็นทอนซิลแล้วให้เปลี่ยนแปรงสีฟันที่เคยใช้ทันที
 
 
แม้โรคต่อมทอนซิลอักเสบจะสามารถรักษาให้หายเองได้ โดยไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ แต่หากเกิดการอักเสบเรื้อรัง และไม่สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาอาจจะทำให้เกิดอาการแทรกซ้อน และส่งผลเสียต่อร่างกายตามมา หากท่านพบว่าตนเองมีอาการต่อมทอนซิลอักเสบควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องทันที ก่อนที่โรคธรรมดาจะกลายเป็นโรคร้ายจนเกินเยียวยาในที่สุด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่