สิ่งเล็กๆที่ปัญหาไม่เล็กเลย แม้จะไม่อันตราย แต่ก็ส่งผลต่อบุคลิกภาพมากๆ
หากใครสงสัยว่า อะไรคือ 'นิ่วทอนซิล' หรือ 'Tonsil Stones' กันแน่
สามารถไปอ่านได้จากในหลายๆเว็บเลยค่ะ เช่น >>
เว็บนี้ก็ได้ค่ะ <<
กระทู้นี้ เราจะขอมาเล่าประสบการณ์ ในฐานะของคนที่มีนิ่วมาตั้งแต่เด็กๆค่ะ แต่ก็ไม่เคยรู้เลยว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เราในตอนนั้นคือคิดว่าทุกคนมีเหมือนกันค่ะ เลยไม่เคยบอกใคร
fyi ตอนนี้เราเป็นวัยรุ่นสาวคนนึงค่ะ อายุ 18 และเท่าที่หาอ่านมา เหมือนนิ่วทอนซิลมักจะเป็นในวัยรุ่นนี่แหละค่ะ ก็เลยได้แต่คาดหวังว่าตนเองในอนาคตที่โตขึ้น จะไม่เป็นอีก... หวังว่านะคะ...
เกริ่นนำก่อนเลยว่า สาเหตุที่เราตัดสินใจสมัครพันทิปมาเพื่อเล่าประสบการณ์โดยเฉพาะเลย ก็เพระาว่าเราคิดว่าไม่ค่อยมีคนเป็นแบบเราค่ะ เพราะจากที่เราได้เสิร์ชอาการในกุเกิ้ลดูแล้ว ปรากฎว่าไม่เจอคนที่มีลักษณะคล้ายๆของเราเลยค่ะ (แต่ถ้าเสิร์ชเป็นภาษาอังกฤษจะเจอนะคะ)
แล้วเราอาการเป็นยังไง? ต่างจากนิ่วทอนซิลปกติที่คนอื่นชอบเป็นบ่อยๆยังไง?
(update8/2/2025)
ของเรามันเยอะมากๆเลยค่ะ ตอนแรกเราจะบอกว่าเป็นเพราะมันเข้าไปติดอยู่ในท่อปรับความดัน แต่เราไปหาหมอมาอีกครั้งเรียบร้อย(หมออีกรพ.) ปรากฎว่าก็ยังคงเป็นตัวทอนซิลนี่แหละ แค่มันใหญ่มากจนเกิดรูด้านบนด้วย อ่านเพิ่มได้ในอีกกระทู้นะคะ กำลังเขียนอยู่
ย้อนอดีตกันหน่อย เมื่อตอนม.ต้น หรือก็ประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว เราเคยติดหูฟัง(แบบจุก)หนักมากๆค่ะ หนักถึงขนาดที่ว่าใส่ได้ในทุกโอกาส (เรียนออนไลน์ค่ะ)
สุดท้ายพอเวลาผ่านไป ขี้หูเราก็อุดตันค่ะ หนักถึงขนาดที่ว่า ให้หมอแคะให้มันก็ไม่ออก คือมันแข็งมากจริงๆ เจ็บน้ำตาไหลเลยค่ะ แต่นั่นไม่เกี่ยวอะไรมากเลยจะขอไม่ลงรายละเอียดนะคะ
ที่เล่าก็คือ มันทำให้หูของเราไม่เหมือนเดิมแล้วค่ะ แต่ก็ไม่ได้ต่างอะไรมากขนาดนั้น
ช่วงที่ผ่านมานั้นเอง เราก็ไม่รู้ตัวเลยค่ะว่า นิ่วทอนซิลที่ตัวเองได้เป็น มันหายไปแล้ว และไม่โผล่มาอีกเลยเป็นเวลาหลายปีค่ะ (หรือโผล่มารึเปล่าก็ไม่แน่ใจ)
แล้วจุดเปลี่ยนคือตอนไหน? คำตอบคือเมื่อตอนต้นปีค่ะ ประมาณ เดือนธันวา 66 หรือไม่ก็ช่วง มกราปี 67 เราเริ่มมีอาการเจ็บคอค่ะ ผลวินิจฉัยว่าเป็นคออักเสบ ก็ได้ยาเม็ดมหึมามากิน เรากินไม่ได้ค่ะ6555 ลำพังน้ำยังไม่ลง ข้าวก็กลืนไม่ลง ยาเม็ดใหญ่ขนาดนั้น (AMK ค่ะ) ใครจะกินได้ TT
-- แต่ก็สรุปเลยนะคะ ไข้และการอักเสบครั้งนั้นมันทำให้หูเราเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงค่ะ
หูอื้ออยู่บ่อยๆ กลืนน้ำลายก็ไม่หายอื้อ บ้างก็หูดับชั่วคราวก็มีค่ะ แต่สักพักก็กลับมาได้ยินปกติ แต่พอมันเป็นมันก็ค่อนข้างน่ารำคาญค่ะ ยิ่งหูอื้อคือจะชอบเป็นอยู่บ่อยๆ ร้องเพลงก็เป็น หาวก็เป็น บางทีนั่งๆอยู่ก็เป็นค่ะ
เราก็ทนกับมันมาเป็นเวลาครึ่งปีกว่าๆ จนสุดท้ายวันนึงมันก็เริ่มมีนิ่วออกมาหนักขึ้น และมัน ไม่หลุดมาเองค่ะ
นั่นทำให้เรารู้สึกรำคาญคอมากๆ
-- หากใครนึกไม่ออกนะคะว่าการมีนิ่วมันรู้สึกยังไง คุณลองนึกสภาพนะคะว่า คุณมีอะไรบางอย่างติดอยู่ในคอของคุณตลอดเวลา และในบางครั้งมันก็เหม็นคอมากๆ บางครั้งก็ทำให้คุณเจ็บหู บางครั้งก็ทำให้ทอนซิลคุณอักเสบ (ของเราค่อนข้างโชคดีที่ว่า นิ่วทอนซิลของเรามันไม่ค่อยติดในซอกของต่อมทอนซิลค่ะ เราเลยไม่เคยทอนซิลอักเสบเลย)
-- และเรื่องที่แย่ที่สุดสำหรับเรานะคะ คือการที่ "ทุกครั้งที่เรากลืนน้ำลายตัวเอง มันจะเหม็นคอมากๆเลยค่ะ เหม็นมากๆ" แถมตอนกินข้าว ทุกครั้งที่เรากลืนข้าวหรือกลืนอะไรเข้าไปก็ตาม มันจะมีกลิ่นลอยมาตลอดเลยค่ะ เสียรสชาติอาหารมาก และสิ่งที่แย่ที่สุดเลย ก็คือการที่มันทำให้เราสูญเสียความมั่นใจในการคุยกับคนอื่นไปเลยค่ะ กลัวคนอื่นจะเหม็นปาก ใครที่เป็นจะเข้าใจเลยค่ะ ขนาดเราเหม็น แล้วคนอื่นจะเหม็นขนาดไหน
เราเริ่มหาวิธีเขี่ยมันออกมาเองค่ะ เพราะมันเป็นบ่อยถึงขนาดที่ ถ้าจะต้องไปหาหมอทุกครั้งที่มี ก็คงต้องไปเกือบทุกวันเลยค่ะ
เราใช้นี่ค่ะ

ใครที่คุ้นๆก็ใช่เลยค่ะ คุณคิดถูกแล้ว มันคือห่วงบีบสิวค่ะ
*ใช้ด้านที่เป็นห่วงนะคะ ห้ามใช้ด้านแหลมเด็ดขาดค่ะ ย้ำนะคะ ไม่ว่าจะอะไรก็ตามที่แหลมๆ หรือมีสิทธิ์เข้าไปทิ่มในคอคุณ ห้ามเด็ดขาดค่ะ ทุกครั้งที่แคะมันออก ให้ตระหนักเสมือนนะคะว่าข้างๆคอของคุณมีเส้นเลือดใหญ่อยู่ ตอนเราไปหาหมอ หมอย้ำกับเราเลยค่ะว่าอย่าใช้อะไรแหลมหรือแคะมันแรงเกินไป
จริงๆแพทย์เค้าไม่แนะนำให้เราเขี่ยออกเองหรอกค่ะ เพราะถ้าเครื่องมือที่เราใช้ไม่สะอาด หรือเราเขี่ยไม่ดีแล้วเกิดแผลขึ้นมา ทอนซิลอักเสบอาจจะถามหาก็ได้นะคะ แต่เราค่อนข้างโปรค่ะ5555 เรื่องนิ่วทอนซิลขอให้บอก เราเขี่ยมาเยอะแล้วค่ะ หมายถึงเขี่ยให้ตัวเองนะคะ555
วิธีที่เราทำก็คือ เซ็ทอุปกรณ์ก่อนค่ะ สิ่งที่คุณต้องมีก็คือ
- กระจก
- ไฟฉาย
- เครื่องมือแคะที่ไม่แหลม (ปลายทู่)
สิ่งสำคัญคือ อย่าลืมทำความสะอาดมือและอุปกรณ์แคะของคุณนะคะ สำคัญมาก เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อค่ะ
ข้างซ้ายใช้นิ้วกดลิ้น ส่วนข้างขวาถืออุปกรณ์แคะค่ะ นิ่วทอนซิลนี้เราเป็นหนักแค่ข้างซ้ายค่ะ ข้างขวาเราไม่ค่อยเป็นค่ะ มีแค่นิ่วปกติในซอกทอนซิล
(Update8/2/2025) ข้างขวาเองก้เป็นค่ะ... มันเพิ่งมาโผล่ให้เห็นช่วงนี้
กลับมาที่เรื่องเดิมค่ะ
หลังจากที่เราเขี่ยเป็นเวลาหลายวัน หลายสัปดาห์ แล้วก็น่าจะเกินเดือนค่ะ และแล้วสิ่งที่เรากลัวมันก็เกิดค่ะ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเพราะไปสะกิดมันแรงไปรึเปล่า แต่เยื่อตรงแถวๆทอนซิลมันเริ่มอักเสบ.. แดงๆ บวมๆ แล้วก็เจ็บคอค่ะ กลืนน้ำลายก็เจ็บ กินข้าวก็ทรมาณ แถมเจ็บร้าวไปถึงหูทุกครั้งที่กลืนอีก
คือเราก็ทำใจมาแล้วนะคะว่าวันนึงวันจะเกิดขึ้น แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ค่ะ555
เราเจ็บคอมาก จนสุดท้ายผ่านไปไม่นานเราก็ไปหาหมอค่ะ + เราอยากรู้มานานแล้วว่าจะทำยังไงกับมันได้บ้าง เลยใช้โอกาสนี้ไปหาหมอซะเลย
เราไปหาหมอเมื่อวันที่ 19 ตุลาที่ผ่านมาค่ะ (ปี67) ก็...ให้หมอเขี่ยเอานิ่วออกไปให้ ตอนเขี่ยออก สภาพก็สำลักไอส่หน้าหมอไป 3 ทีค่ะ อั้นไว้แล้ว แต่มันไม่ไหวจริงๆ อยากจะโอดครวญมากเลยค่ะ หมอ คอนุจะฉีกแล้ว เบาๆหน่อยค่ะ ฮืออ TT
สุดท้ายก็เขี่ยออกมาได้ส่วนนึงค่ะ น่าเสียดายที่มันหลุดลงคอไป (ไม่เป็นอันตรายค่ะ ><) แต่เรายังรู้สึกอยู่ลึกๆค่ะว่ามันยังออกไม่หมด แต่ในเมื่อหมอบอกว่าหมดแล้ว เราก็เชื่อก็ได้ค่ะ... เพราะตอนส่องกระจก มันก็ไม่มีแล้วจริงๆ
เราก็ถามหมอไปค่ะว่าจะทำยังไงกับมันดี เพราะนี่มันก็เจ็บมากๆด้วย แต่เราก็หาข้อมูลมาเยอะแล้วค่ะ เรียกได้ว่าแทบจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ55555
'โรคนี้มันไม่มีทางรักษาค่ะ' ใช่ค่ะ หรือถ้าคุณอยากหายจริงๆ มีวิธีเดียวเลยคือการผ่าตัดค่ะ เอาต่อมทินซิลเจ้าปัญหาออกไปเลย จะได้ไม่มีที่ให้ไปแอบอีก (แต่ของเรามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นไงคะ TT) (ตัดทอนซิลออกไปจะไม่เป็นอะไรหรอ? ไม่ต้องห่วงค่ะ หมอพูดเองเลยว่า ต่อมทอนซิลมีหน้าที่ป้องกันเชื้อโรคในช่วงที่เรายังเด็กๆค่ะ พอเราโตขึ้นมันก็ไม่มีหน้าที่อะไรแล้ว หรือก็คือไส้ติ่งเบอร์สองนั่นเองค่ะ สามารถตัดออกได้เลย)
แต่เรายังไม่ผ่าค่ะ ขอกลับไปคิดก่อน อีกทั้งเราใกล้จะสอบเข้ามหาลัยแล้วค่ะ เลยขอผ่านก่อน แถมเราก็รู้ว่า ตอนพักฟื้นหลังผ่าตัด มันนรกมากๆเลยค่ะ เห็นหลายๆคนเล่า แต่เราว่ามันคุ้มค่ะ สำหรับคนที่ต่อมทอนซิลมันสร้างปัญหามากจริงๆ (หมอพูดเลยค่ะว่าเราหาข้อมูลมาเยอะจริงๆ5555)
สุดท้ายวันนั้นเรากลับบ้านมือเปล่าค่ะ เพราะว่าเราบอกหมอว่า ถ้ามันไม่ได้อักเสบติดเชื้อแล้วมันหายเองได้ ก็ไม่ขอรับยาแล้วรอมันหายเองค่ะ
ในวันเดียวกันนั้นเอง เราไปกินข้าวค่ะ กลิ่นมันยังอยู่ และกลิ่นมันแรงมาก แรงมากจริงๆนะคะ กลืนข้าวไปก็คือได้กลิ่นมันในทุกๆครั้งที่กลืน แถมคอยังเจ็บกว่าเดิมอีกค่ะ แต่เราก็ทนแล้วก็ไปแวะซื้อยาพ่นลดอักเสบมาใช้ แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลยค่ะ (เราเคยใช้ตอนคออักเสบเมื่อต้นปี เลยค่อนข้างเชื่อในฤทธิ์ยาค่ะ)
เราเจ็บคอหนักกว่าเดินมาก ไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น มันเจ็บมาก ร้าวไปถึงหู กลืนแต่ละทีเหมือนคอจะขาดหูจะฉีก แต่เราก็เลี่ยงไม่ไปเขี่ยนิ่ว เพราะกลัวมันจะอักเสบหนักกว่าเดิม
จนผ่านไปได้ 6 วัน... วันศุกร์ 25 ตุลาคม 2567 เราสอดส่องนิ่วเป็นกิจวัตรประจำวันของเราทุกครั้งที่แปรงฟันเสร็จค่ะ เราก็เห็นติ่งขาวๆที่ยื่นลงมาค่ะ!
ตอนนั้นเราก็คือ
"เอาล่ะวะ เรามีเรื่องต้องเคลียกัน ไอ่นิ่วเอ๋ย"
เราหยิบเครื่องมือมาพร้อมเลยค่ะ เตรียมสู้กับมันเต็มที่มาก เราค่อยๆเขี่ยมันค่ะ แต่ต้องเข้าใจว่าตอนนั้นคือเราไม่เห็นอะไรในคอเลยค่ะ เลยเขี่ยแบบที่กล้าๆกลัวๆว่าจะไปเขี่ยโดนเนื้อจนมันอักเสบหนักกว่าเดิมรึเปล่า
-- พอถึงจุดนึง เราเขี่ยไปเจอจุดนึงที่พอพยายามจะแงะๆออกมา มันมีเสียง แจ๊ะๆ ค่ะ นั่นทำให้เรามั่นใจละว่า มันต้องมีก้อนใหญ่กว่าอยู่ในนั้นแน่นอนที่อุดอยู่ ณ ตอนนั้นคือเราไม่กลัวอะไรแล้วค่ะ จะอักเสบหนักก็เอาเลย จะต้องเอามันออกไปให้ได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
เราไปขอเครื่องมือรบเพิ่มเติมจากพ่อค่ะ แล้วก้ได้กระจกแบบที่หมอฟันเค้าใช้กัน ที่จะสะท้อนเห็นด้านในของโพรงได้ค่ะ
-- เท่านั้นแหละ ความจริงกระจ่าง เต็มๆตา มีก้อนมหึมาอยู่ในรูเหนือต่อมทอนซิลค่ะ เราค่อยๆเขี่ยมันออก เพราะแน่ใจแล้วว่า สิ่งที่เขี่ยโดนอยู่นี้ไม่ใช่เนื้อแต่เป็นนิ่วแน่ๆค่ะ ตอนเขี่ยแรกๆก็ได้ออกมาก้อนเล็กๆ ไม่ได้ใหญ่มาก แต่กลิ่นคือทรงอานุภาพมากค่ะ เหม็นหึ่งสุดๆ
-- เราเขี่ยจนเกือบจะท้อเลยค่ะ เพราะมันออกมายากจริงๆ จนเราเกือบจะยอมแพ้แล้วค่ะ แล้วนี่เป็นที่มาของ ท้อได้แต่อย่าถอยค่ะ555 เราแวะไปกินน้ำเย็น และใช่ค่ะ มันกำลังจะหลุดออกมาค่ะ!! เรานี่รีบวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างไวเลยค่ะ
- มันยื่นออกมาเยอะมากๆเลยค่ะ!! เรามีความหวังมาก เขี่ยต่อจนมันหลุดออกมาค่ะ เราสำลักและพยายามไอมันออก ยังไงก้อนนี้เราจะปล่อยมันลงคอไม่ได้เด็ดขาดค่ะ อยากเห็นมากว่าก้อนอะไรมันติดอยู่ในคอเรา เท่านั้นแหละค่ะ ก้อนมหึมาเท่าลูกบลูเบอรรี่ คือเราก็ไม่รู้จะเอามันไปเทียบกับอะไรดี แต่เรามีรูปอยู่ค่ะ เดี๋ยวจะแปะไว้
หลังจากก้อนใหญ่สุดๆนั่นออกมา (แน่นอนค่ะว่ากลิ่นมันเหม็นหึ่งมากๆ เหม็นสุดๆ) มันก็มีออกมาเรื่อยๆเลยค่ะ เหมือนหินที่อุดตันก้อนแรกมันออกไป ก้อนด้านในเหลืออยู่มันก็ค่อยๆไหลออกมาเรื่อยๆเลยค่ะ บางอันเราก็เผลอกลืนไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ เส้าเลยค่ะ กะจะถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกให้หมอดูสักหน่อยว่ามันเยอะขนาดไหน คือถ้าเอาก้อนที่ออกมา + ก้อนที่หลุดลงคอไป อย่างน้อยๆก็เท่า 2 ข้อนิ้วก้อยค่ะ มันเยอะมากจริงๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ 
-- นิ่วของเราต่างจากของในเน็ตตรงที่สีมันคล้ำกว่า เราเดาว่ามันหมักอยู่ในคอมานานมาก อย่างต่ำก็น่าจะเกินปี(เว่อไปมั้ยนะ)
-- หลังจากที่เราใช้เวลาไปสักพัก มันน่าจะหมดแล้ว เราสดชื่นมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่รู้สึกอะไรรำคาญคอแล้ว แถมกลืนน้ำลายก็เจ็บน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด อาการหูอื้อที่เป็นบ่อยๆ ลดน้อยลงมาก นั่นทำให้เราคาดเดาว่านิ่วทอนซิลของเรามันเข้าไปอุด(update8/2/2025) แล้วมันไปโดนเส้นประสาทค่ะ มันอยู่ใกล้ๆเส้นประสาทหู มันเลยเป็นสาเหตุว่าทำไมเราถึงหูอื้อและปวดหู
เช้าวันต่อมา เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสดชื่นมาก ไม่เหม็นคอ ไม่เจ็บคอ กินข้าวได้สบายปรื๋อ ไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย
ก็คือ... ที่มันอักเสบไม่หาย ก็เพราะว่านิ่วมันไปทำให้มันระคายเคืองนี่แหละค่ะ
ก็จบไปแล้วค่ะกับเรื่องเล่าประสบการณ์ของเรา
คือเราไม่เจอเลยจริงๆค่ะที่เป็นเคสของคนไทย(ในเน็ต) แถมในต่างชาติก็มีแค่ไม่กี่โพสต์ด้วยที่พุดถึง เราเลยรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นอะไรที่น่าเอามาเล่ามากค่ะ แถมยาวมากๆเลยด้วย5555
เราใช้เวลาพิมพ์ไป 2 ชม.ค่ะ พิมพ์มันส์มาก
ไม่รู้ว่าเคสแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยรึเปล่า แต่ถ้ามีใครเกิดมาอ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกว่ามันน่าสนใจหรือสงสัยอะไรก็ทักมาถามได้นะคะ
Twitter : @SoraGami_E_
หรือหากมีหมอท่านใดอยากรู้รายละเอียดก็ทักมาได้นะคะ <3
เรายินดีร่วมมือค่ะ เพราะเราก็ไม่อยากให้ใครเป็นเหมือนกัน
ท้ายนี้ ทุกคนดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ!! ขอบคุณที่อ่านมายาวขนาดนี้ค่ะ
(Update8/2/2025) เดี๋ยวจะมีอัปเดตอาการเพิ่มค่ะ
"นิ่วทอนซิล" กับเรื่องเล่าของคนเหม็นปากตัวเอง
หากใครสงสัยว่า อะไรคือ 'นิ่วทอนซิล' หรือ 'Tonsil Stones' กันแน่
สามารถไปอ่านได้จากในหลายๆเว็บเลยค่ะ เช่น >> เว็บนี้ก็ได้ค่ะ <<
กระทู้นี้ เราจะขอมาเล่าประสบการณ์ ในฐานะของคนที่มีนิ่วมาตั้งแต่เด็กๆค่ะ แต่ก็ไม่เคยรู้เลยว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เราในตอนนั้นคือคิดว่าทุกคนมีเหมือนกันค่ะ เลยไม่เคยบอกใคร
fyi ตอนนี้เราเป็นวัยรุ่นสาวคนนึงค่ะ อายุ 18 และเท่าที่หาอ่านมา เหมือนนิ่วทอนซิลมักจะเป็นในวัยรุ่นนี่แหละค่ะ ก็เลยได้แต่คาดหวังว่าตนเองในอนาคตที่โตขึ้น จะไม่เป็นอีก... หวังว่านะคะ...
เกริ่นนำก่อนเลยว่า สาเหตุที่เราตัดสินใจสมัครพันทิปมาเพื่อเล่าประสบการณ์โดยเฉพาะเลย ก็เพระาว่าเราคิดว่าไม่ค่อยมีคนเป็นแบบเราค่ะ เพราะจากที่เราได้เสิร์ชอาการในกุเกิ้ลดูแล้ว ปรากฎว่าไม่เจอคนที่มีลักษณะคล้ายๆของเราเลยค่ะ (แต่ถ้าเสิร์ชเป็นภาษาอังกฤษจะเจอนะคะ)
แล้วเราอาการเป็นยังไง? ต่างจากนิ่วทอนซิลปกติที่คนอื่นชอบเป็นบ่อยๆยังไง?
(update8/2/2025)
ของเรามันเยอะมากๆเลยค่ะ ตอนแรกเราจะบอกว่าเป็นเพราะมันเข้าไปติดอยู่ในท่อปรับความดัน แต่เราไปหาหมอมาอีกครั้งเรียบร้อย(หมออีกรพ.) ปรากฎว่าก็ยังคงเป็นตัวทอนซิลนี่แหละ แค่มันใหญ่มากจนเกิดรูด้านบนด้วย อ่านเพิ่มได้ในอีกกระทู้นะคะ กำลังเขียนอยู่
ย้อนอดีตกันหน่อย เมื่อตอนม.ต้น หรือก็ประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว เราเคยติดหูฟัง(แบบจุก)หนักมากๆค่ะ หนักถึงขนาดที่ว่าใส่ได้ในทุกโอกาส (เรียนออนไลน์ค่ะ)
สุดท้ายพอเวลาผ่านไป ขี้หูเราก็อุดตันค่ะ หนักถึงขนาดที่ว่า ให้หมอแคะให้มันก็ไม่ออก คือมันแข็งมากจริงๆ เจ็บน้ำตาไหลเลยค่ะ แต่นั่นไม่เกี่ยวอะไรมากเลยจะขอไม่ลงรายละเอียดนะคะ
ที่เล่าก็คือ มันทำให้หูของเราไม่เหมือนเดิมแล้วค่ะ แต่ก็ไม่ได้ต่างอะไรมากขนาดนั้น
ช่วงที่ผ่านมานั้นเอง เราก็ไม่รู้ตัวเลยค่ะว่า นิ่วทอนซิลที่ตัวเองได้เป็น มันหายไปแล้ว และไม่โผล่มาอีกเลยเป็นเวลาหลายปีค่ะ (หรือโผล่มารึเปล่าก็ไม่แน่ใจ)
แล้วจุดเปลี่ยนคือตอนไหน? คำตอบคือเมื่อตอนต้นปีค่ะ ประมาณ เดือนธันวา 66 หรือไม่ก็ช่วง มกราปี 67 เราเริ่มมีอาการเจ็บคอค่ะ ผลวินิจฉัยว่าเป็นคออักเสบ ก็ได้ยาเม็ดมหึมามากิน เรากินไม่ได้ค่ะ6555 ลำพังน้ำยังไม่ลง ข้าวก็กลืนไม่ลง ยาเม็ดใหญ่ขนาดนั้น (AMK ค่ะ) ใครจะกินได้ TT
-- แต่ก็สรุปเลยนะคะ ไข้และการอักเสบครั้งนั้นมันทำให้หูเราเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงค่ะ
หูอื้ออยู่บ่อยๆ กลืนน้ำลายก็ไม่หายอื้อ บ้างก็หูดับชั่วคราวก็มีค่ะ แต่สักพักก็กลับมาได้ยินปกติ แต่พอมันเป็นมันก็ค่อนข้างน่ารำคาญค่ะ ยิ่งหูอื้อคือจะชอบเป็นอยู่บ่อยๆ ร้องเพลงก็เป็น หาวก็เป็น บางทีนั่งๆอยู่ก็เป็นค่ะ
เราก็ทนกับมันมาเป็นเวลาครึ่งปีกว่าๆ จนสุดท้ายวันนึงมันก็เริ่มมีนิ่วออกมาหนักขึ้น และมัน ไม่หลุดมาเองค่ะ
นั่นทำให้เรารู้สึกรำคาญคอมากๆ
-- หากใครนึกไม่ออกนะคะว่าการมีนิ่วมันรู้สึกยังไง คุณลองนึกสภาพนะคะว่า คุณมีอะไรบางอย่างติดอยู่ในคอของคุณตลอดเวลา และในบางครั้งมันก็เหม็นคอมากๆ บางครั้งก็ทำให้คุณเจ็บหู บางครั้งก็ทำให้ทอนซิลคุณอักเสบ (ของเราค่อนข้างโชคดีที่ว่า นิ่วทอนซิลของเรามันไม่ค่อยติดในซอกของต่อมทอนซิลค่ะ เราเลยไม่เคยทอนซิลอักเสบเลย)
-- และเรื่องที่แย่ที่สุดสำหรับเรานะคะ คือการที่ "ทุกครั้งที่เรากลืนน้ำลายตัวเอง มันจะเหม็นคอมากๆเลยค่ะ เหม็นมากๆ" แถมตอนกินข้าว ทุกครั้งที่เรากลืนข้าวหรือกลืนอะไรเข้าไปก็ตาม มันจะมีกลิ่นลอยมาตลอดเลยค่ะ เสียรสชาติอาหารมาก และสิ่งที่แย่ที่สุดเลย ก็คือการที่มันทำให้เราสูญเสียความมั่นใจในการคุยกับคนอื่นไปเลยค่ะ กลัวคนอื่นจะเหม็นปาก ใครที่เป็นจะเข้าใจเลยค่ะ ขนาดเราเหม็น แล้วคนอื่นจะเหม็นขนาดไหน
เราเริ่มหาวิธีเขี่ยมันออกมาเองค่ะ เพราะมันเป็นบ่อยถึงขนาดที่ ถ้าจะต้องไปหาหมอทุกครั้งที่มี ก็คงต้องไปเกือบทุกวันเลยค่ะ
เราใช้นี่ค่ะ
ใครที่คุ้นๆก็ใช่เลยค่ะ คุณคิดถูกแล้ว มันคือห่วงบีบสิวค่ะ
*ใช้ด้านที่เป็นห่วงนะคะ ห้ามใช้ด้านแหลมเด็ดขาดค่ะ ย้ำนะคะ ไม่ว่าจะอะไรก็ตามที่แหลมๆ หรือมีสิทธิ์เข้าไปทิ่มในคอคุณ ห้ามเด็ดขาดค่ะ ทุกครั้งที่แคะมันออก ให้ตระหนักเสมือนนะคะว่าข้างๆคอของคุณมีเส้นเลือดใหญ่อยู่ ตอนเราไปหาหมอ หมอย้ำกับเราเลยค่ะว่าอย่าใช้อะไรแหลมหรือแคะมันแรงเกินไป
จริงๆแพทย์เค้าไม่แนะนำให้เราเขี่ยออกเองหรอกค่ะ เพราะถ้าเครื่องมือที่เราใช้ไม่สะอาด หรือเราเขี่ยไม่ดีแล้วเกิดแผลขึ้นมา ทอนซิลอักเสบอาจจะถามหาก็ได้นะคะ แต่เราค่อนข้างโปรค่ะ5555 เรื่องนิ่วทอนซิลขอให้บอก เราเขี่ยมาเยอะแล้วค่ะ หมายถึงเขี่ยให้ตัวเองนะคะ555
วิธีที่เราทำก็คือ เซ็ทอุปกรณ์ก่อนค่ะ สิ่งที่คุณต้องมีก็คือ
- กระจก
- ไฟฉาย
- เครื่องมือแคะที่ไม่แหลม (ปลายทู่)
สิ่งสำคัญคือ อย่าลืมทำความสะอาดมือและอุปกรณ์แคะของคุณนะคะ สำคัญมาก เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อค่ะ
ข้างซ้ายใช้นิ้วกดลิ้น ส่วนข้างขวาถืออุปกรณ์แคะค่ะ นิ่วทอนซิลนี้เราเป็นหนักแค่ข้างซ้ายค่ะ ข้างขวาเราไม่ค่อยเป็นค่ะ มีแค่นิ่วปกติในซอกทอนซิล
(Update8/2/2025) ข้างขวาเองก้เป็นค่ะ... มันเพิ่งมาโผล่ให้เห็นช่วงนี้
กลับมาที่เรื่องเดิมค่ะ
หลังจากที่เราเขี่ยเป็นเวลาหลายวัน หลายสัปดาห์ แล้วก็น่าจะเกินเดือนค่ะ และแล้วสิ่งที่เรากลัวมันก็เกิดค่ะ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเพราะไปสะกิดมันแรงไปรึเปล่า แต่เยื่อตรงแถวๆทอนซิลมันเริ่มอักเสบ.. แดงๆ บวมๆ แล้วก็เจ็บคอค่ะ กลืนน้ำลายก็เจ็บ กินข้าวก็ทรมาณ แถมเจ็บร้าวไปถึงหูทุกครั้งที่กลืนอีก
คือเราก็ทำใจมาแล้วนะคะว่าวันนึงวันจะเกิดขึ้น แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ค่ะ555
เราเจ็บคอมาก จนสุดท้ายผ่านไปไม่นานเราก็ไปหาหมอค่ะ + เราอยากรู้มานานแล้วว่าจะทำยังไงกับมันได้บ้าง เลยใช้โอกาสนี้ไปหาหมอซะเลย
เราไปหาหมอเมื่อวันที่ 19 ตุลาที่ผ่านมาค่ะ (ปี67) ก็...ให้หมอเขี่ยเอานิ่วออกไปให้ ตอนเขี่ยออก สภาพก็สำลักไอส่หน้าหมอไป 3 ทีค่ะ อั้นไว้แล้ว แต่มันไม่ไหวจริงๆ อยากจะโอดครวญมากเลยค่ะ หมอ คอนุจะฉีกแล้ว เบาๆหน่อยค่ะ ฮืออ TT
สุดท้ายก็เขี่ยออกมาได้ส่วนนึงค่ะ น่าเสียดายที่มันหลุดลงคอไป (ไม่เป็นอันตรายค่ะ ><) แต่เรายังรู้สึกอยู่ลึกๆค่ะว่ามันยังออกไม่หมด แต่ในเมื่อหมอบอกว่าหมดแล้ว เราก็เชื่อก็ได้ค่ะ... เพราะตอนส่องกระจก มันก็ไม่มีแล้วจริงๆ
เราก็ถามหมอไปค่ะว่าจะทำยังไงกับมันดี เพราะนี่มันก็เจ็บมากๆด้วย แต่เราก็หาข้อมูลมาเยอะแล้วค่ะ เรียกได้ว่าแทบจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ55555
'โรคนี้มันไม่มีทางรักษาค่ะ' ใช่ค่ะ หรือถ้าคุณอยากหายจริงๆ มีวิธีเดียวเลยคือการผ่าตัดค่ะ เอาต่อมทินซิลเจ้าปัญหาออกไปเลย จะได้ไม่มีที่ให้ไปแอบอีก (แต่ของเรามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นไงคะ TT) (ตัดทอนซิลออกไปจะไม่เป็นอะไรหรอ? ไม่ต้องห่วงค่ะ หมอพูดเองเลยว่า ต่อมทอนซิลมีหน้าที่ป้องกันเชื้อโรคในช่วงที่เรายังเด็กๆค่ะ พอเราโตขึ้นมันก็ไม่มีหน้าที่อะไรแล้ว หรือก็คือไส้ติ่งเบอร์สองนั่นเองค่ะ สามารถตัดออกได้เลย)
แต่เรายังไม่ผ่าค่ะ ขอกลับไปคิดก่อน อีกทั้งเราใกล้จะสอบเข้ามหาลัยแล้วค่ะ เลยขอผ่านก่อน แถมเราก็รู้ว่า ตอนพักฟื้นหลังผ่าตัด มันนรกมากๆเลยค่ะ เห็นหลายๆคนเล่า แต่เราว่ามันคุ้มค่ะ สำหรับคนที่ต่อมทอนซิลมันสร้างปัญหามากจริงๆ (หมอพูดเลยค่ะว่าเราหาข้อมูลมาเยอะจริงๆ5555)
สุดท้ายวันนั้นเรากลับบ้านมือเปล่าค่ะ เพราะว่าเราบอกหมอว่า ถ้ามันไม่ได้อักเสบติดเชื้อแล้วมันหายเองได้ ก็ไม่ขอรับยาแล้วรอมันหายเองค่ะ
ในวันเดียวกันนั้นเอง เราไปกินข้าวค่ะ กลิ่นมันยังอยู่ และกลิ่นมันแรงมาก แรงมากจริงๆนะคะ กลืนข้าวไปก็คือได้กลิ่นมันในทุกๆครั้งที่กลืน แถมคอยังเจ็บกว่าเดิมอีกค่ะ แต่เราก็ทนแล้วก็ไปแวะซื้อยาพ่นลดอักเสบมาใช้ แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลยค่ะ (เราเคยใช้ตอนคออักเสบเมื่อต้นปี เลยค่อนข้างเชื่อในฤทธิ์ยาค่ะ)
เราเจ็บคอหนักกว่าเดินมาก ไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น มันเจ็บมาก ร้าวไปถึงหู กลืนแต่ละทีเหมือนคอจะขาดหูจะฉีก แต่เราก็เลี่ยงไม่ไปเขี่ยนิ่ว เพราะกลัวมันจะอักเสบหนักกว่าเดิม
จนผ่านไปได้ 6 วัน... วันศุกร์ 25 ตุลาคม 2567 เราสอดส่องนิ่วเป็นกิจวัตรประจำวันของเราทุกครั้งที่แปรงฟันเสร็จค่ะ เราก็เห็นติ่งขาวๆที่ยื่นลงมาค่ะ!
ตอนนั้นเราก็คือ
"เอาล่ะวะ เรามีเรื่องต้องเคลียกัน ไอ่นิ่วเอ๋ย"
เราหยิบเครื่องมือมาพร้อมเลยค่ะ เตรียมสู้กับมันเต็มที่มาก เราค่อยๆเขี่ยมันค่ะ แต่ต้องเข้าใจว่าตอนนั้นคือเราไม่เห็นอะไรในคอเลยค่ะ เลยเขี่ยแบบที่กล้าๆกลัวๆว่าจะไปเขี่ยโดนเนื้อจนมันอักเสบหนักกว่าเดิมรึเปล่า
-- พอถึงจุดนึง เราเขี่ยไปเจอจุดนึงที่พอพยายามจะแงะๆออกมา มันมีเสียง แจ๊ะๆ ค่ะ นั่นทำให้เรามั่นใจละว่า มันต้องมีก้อนใหญ่กว่าอยู่ในนั้นแน่นอนที่อุดอยู่ ณ ตอนนั้นคือเราไม่กลัวอะไรแล้วค่ะ จะอักเสบหนักก็เอาเลย จะต้องเอามันออกไปให้ได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
เราไปขอเครื่องมือรบเพิ่มเติมจากพ่อค่ะ แล้วก้ได้กระจกแบบที่หมอฟันเค้าใช้กัน ที่จะสะท้อนเห็นด้านในของโพรงได้ค่ะ
-- เท่านั้นแหละ ความจริงกระจ่าง เต็มๆตา มีก้อนมหึมาอยู่ในรูเหนือต่อมทอนซิลค่ะ เราค่อยๆเขี่ยมันออก เพราะแน่ใจแล้วว่า สิ่งที่เขี่ยโดนอยู่นี้ไม่ใช่เนื้อแต่เป็นนิ่วแน่ๆค่ะ ตอนเขี่ยแรกๆก็ได้ออกมาก้อนเล็กๆ ไม่ได้ใหญ่มาก แต่กลิ่นคือทรงอานุภาพมากค่ะ เหม็นหึ่งสุดๆ
-- เราเขี่ยจนเกือบจะท้อเลยค่ะ เพราะมันออกมายากจริงๆ จนเราเกือบจะยอมแพ้แล้วค่ะ แล้วนี่เป็นที่มาของ ท้อได้แต่อย่าถอยค่ะ555 เราแวะไปกินน้ำเย็น และใช่ค่ะ มันกำลังจะหลุดออกมาค่ะ!! เรานี่รีบวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างไวเลยค่ะ
- มันยื่นออกมาเยอะมากๆเลยค่ะ!! เรามีความหวังมาก เขี่ยต่อจนมันหลุดออกมาค่ะ เราสำลักและพยายามไอมันออก ยังไงก้อนนี้เราจะปล่อยมันลงคอไม่ได้เด็ดขาดค่ะ อยากเห็นมากว่าก้อนอะไรมันติดอยู่ในคอเรา เท่านั้นแหละค่ะ ก้อนมหึมาเท่าลูกบลูเบอรรี่ คือเราก็ไม่รู้จะเอามันไปเทียบกับอะไรดี แต่เรามีรูปอยู่ค่ะ เดี๋ยวจะแปะไว้
หลังจากก้อนใหญ่สุดๆนั่นออกมา (แน่นอนค่ะว่ากลิ่นมันเหม็นหึ่งมากๆ เหม็นสุดๆ) มันก็มีออกมาเรื่อยๆเลยค่ะ เหมือนหินที่อุดตันก้อนแรกมันออกไป ก้อนด้านในเหลืออยู่มันก็ค่อยๆไหลออกมาเรื่อยๆเลยค่ะ บางอันเราก็เผลอกลืนไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ เส้าเลยค่ะ กะจะถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกให้หมอดูสักหน่อยว่ามันเยอะขนาดไหน คือถ้าเอาก้อนที่ออกมา + ก้อนที่หลุดลงคอไป อย่างน้อยๆก็เท่า 2 ข้อนิ้วก้อยค่ะ มันเยอะมากจริงๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
-- นิ่วของเราต่างจากของในเน็ตตรงที่สีมันคล้ำกว่า เราเดาว่ามันหมักอยู่ในคอมานานมาก อย่างต่ำก็น่าจะเกินปี(เว่อไปมั้ยนะ)
-- หลังจากที่เราใช้เวลาไปสักพัก มันน่าจะหมดแล้ว เราสดชื่นมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่รู้สึกอะไรรำคาญคอแล้ว แถมกลืนน้ำลายก็เจ็บน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด อาการหูอื้อที่เป็นบ่อยๆ ลดน้อยลงมาก นั่นทำให้เราคาดเดาว่านิ่วทอนซิลของเรามันเข้าไปอุด(update8/2/2025) แล้วมันไปโดนเส้นประสาทค่ะ มันอยู่ใกล้ๆเส้นประสาทหู มันเลยเป็นสาเหตุว่าทำไมเราถึงหูอื้อและปวดหู
เช้าวันต่อมา เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสดชื่นมาก ไม่เหม็นคอ ไม่เจ็บคอ กินข้าวได้สบายปรื๋อ ไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย
ก็คือ... ที่มันอักเสบไม่หาย ก็เพราะว่านิ่วมันไปทำให้มันระคายเคืองนี่แหละค่ะ
ก็จบไปแล้วค่ะกับเรื่องเล่าประสบการณ์ของเรา
คือเราไม่เจอเลยจริงๆค่ะที่เป็นเคสของคนไทย(ในเน็ต) แถมในต่างชาติก็มีแค่ไม่กี่โพสต์ด้วยที่พุดถึง เราเลยรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นอะไรที่น่าเอามาเล่ามากค่ะ แถมยาวมากๆเลยด้วย5555
เราใช้เวลาพิมพ์ไป 2 ชม.ค่ะ พิมพ์มันส์มาก
ไม่รู้ว่าเคสแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยรึเปล่า แต่ถ้ามีใครเกิดมาอ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกว่ามันน่าสนใจหรือสงสัยอะไรก็ทักมาถามได้นะคะ
Twitter : @SoraGami_E_
หรือหากมีหมอท่านใดอยากรู้รายละเอียดก็ทักมาได้นะคะ <3
เรายินดีร่วมมือค่ะ เพราะเราก็ไม่อยากให้ใครเป็นเหมือนกัน
ท้ายนี้ ทุกคนดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ!! ขอบคุณที่อ่านมายาวขนาดนี้ค่ะ
(Update8/2/2025) เดี๋ยวจะมีอัปเดตอาการเพิ่มค่ะ