กลุ่ม ‘คนคอนจะไม่ทน’ ชุมนุมจี้รัฐบาล หยุดคุกคาม ปชช. - แก้ไข รธน.
https://prachatai.com/journal/2020/09/89487
กลุ่ม ‘คนคอนจะไม่ทน’ จ.นครศรีธรรมราช จัดกิจกรรมชุมนุมปราศรัยเรียกร้องรัฐบาลประยุทธ์หยุดคุกคามผู้เห็นต่าง เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชี้หากไม่รับฟังจะยกระดับการชุมนุม
12 ก.ย. 63 เวลา 15.00 น. ที่บริเวณวงเวียนน้ำพุ สนามหน้าเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มเยาวชนและชาวนครศรีธรรมราช หรือกลุ่ม
‘คนคอนจะไม่ทน’ รวมตัวกันจัดกิจกรรมชุมนุมทางการเมืองโดยมี
จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ
‘ไผ่ ดาวดิน’ และ
อรรถพล บัวพัฒน์ หรือ
‘ครูใหญ่’ เดินทางมาร่วมชุมนุมและปราศรัยร่วมกับเยาวชนชาวนครศรีธรรมราช
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนจัดกิจกรรมดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่เทศกิจเทศบาลมาห้ามไม่ให้ขึ้นเต้นท์โดยอ้างว่าไม่มีการขออนุญาตการจัดกิจกรรมที่ถูกต้อง ก่อนจะมีฝนตกลงมาอย่างหนักประมาณ 1 ชั่วโมง ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมต้องหลบในที่ร่มก่อนกลับมารวมตัวกันอีกครั้งบริเวณดังกล่าวหลังฝนหยุดตกพร้อมทั้งใช้เครื่องขยายเสียงปราศรัยเรียกร้องให้ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่งและขอให้รัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร็ว ก่อนจะรวมตัวกันชู 3 นิ้วถ่ายรูป พร้อมตะโกน “
[เผล่ะจัง] จงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” ภายในกิจกรรมดังกล่าวมีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวนหนึ่งเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณรอบๆ ตลอดทั้งกิจกกรรม
ทั้งนี้ในช่วงสุดท้ายของกิจกรรมดังกล่าวมีการอ่านแถลงการณ์โดยตัวแทนกลุ่ม 'คนคอนจะไม่ทน' มีใจความว่าหลังรัฐประหารปี 2557 ที่ผ่านมา เกิดการคุกคามประชาชนที่เห็นต่างจากรัฐบาล อีกทั้งมีการนำภาษีของประชาชนไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์โดยไม่สนใจการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ทางกลุ่ม
'คนคอนจะไม่ทน' จึงเรียกร้องต่อรัฐบาล 4 ข้อเช่นเดียวกับข้อเรียกร้องของกลุ่ม
'ประชาชนปลดแอก' คือ หยุดคุกคามประชาชน, แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน, ยุบสภาและหยุดทำการรัฐประหารอีก ทางกลุ่มดังกล่าวยังกล่าวต่ออีกว่า หากรัฐบาลไม่รับฟังข้อเรียกร้องดังกล่าว ทางกลุ่ม
'คนคอนจะไม่ทน' จะทำการยกระดับการเคลื่อนไหวต่อไป
แถลงการณ์กลุ่มคนคอนจะไม่ทน
ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่รัฐประหาร 2557 ได้เกิดกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการอันเป็นการคุกคามต่อประชาชนผู้แสดงความคิดเห็นหรือแสดงออกทางการเมืองเพื่อต่อต้านคณะรัฐประหารและรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจากคณะรัฐประหารจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้อำนาจของคณะรัฐประหารหรือตรากฎหมายลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน การควบคุมตัวโดยมิชอบ การติดตามไปยังที่อยู่อาศัยหรือสถาบันการศึกษา การข่มขู่คนในครอบครัว ซึ่งการคุกคามประชาชนลุกลามไปยังน้องมัธยม การใช้ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารสร้างความเกลียดชัง และโดยการแจ้งความดำเนินคดี
หลังผ่านการเลือกตั้งมาหนึ่งปี ก็ยังดูเหมือนว่าประเทศไทยเราจะยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการเมือง มีการแย่งเก้าอี้ มีความไม่ลงรอยกันของพรรครัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลแบบนี้ยิ่งกระทบกับเศรษฐกิจในภาครวมของประเทศ และกระทบกับความเชื่อมั่นในการลงทุนทั้งนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การบริหารบ้านเมือง ภายใต้นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ การนำภาษีไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องบิน VIP ซื้อเรือดำน้ำ รถถัง โดยรัฐบาลไม่ได้สนใจแก้ปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชนอย่างจริงจังและยั่งยืน"
เหล่านี้เป็นเหตุให้เรียกร้องให้รัฐบาล
1 หยุดคุกคามประชาชน นักเรียน นักศึกษา
2 ให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง
3 ประกาศยุบสภา
4 ห้ามมิให้มีการยึดอำนาจ หรือรัฐประหาร
กลุ่มคนคอนจะไม่ทนมีจุดยืนสนับสนุนสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกทางการเมืองโดยสงบของประชาชน
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มคนคอนจะไม่ทน ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการใช้อำนาจรัฐคุกคามต่อประชาชนผู้แสดงความคิดเห็นและชุมนุมทางการเมืองโดยสงบทันที แล้วหาทางออกทางการเมืองด้วยการเปิดทางให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อเปลี่ยนผ่านทางการเมืองโดยสันติ
หากรัฐบาล ไม่รับฟังและทำตามข้อเรียกร้อง พวกเรากลุ่มคนคอนจะไม่ทน ยกระดับการเคลื่อนไหวต่อไป
อำนาจอธิปไตย เป็นของประชาชน
กลุ่มคนคอนจะไม่ทน
ณ สนามหน้าเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช
16 สิงหาคม 2563
'ยุทธพงศ์'ชี้พิรุธ วุฒิป.เอก'สันติ'ไม่มีสอนที่ ม.ลาดกระบัง
https://www.dailynews.co.th/politics/795088
"โจ้" แฉตรวจสอบวุฒิปริญญาเอก "สันติ" ไม่มีสอนที่ ม.ลาดกระบัง ถามไปเรียนที่ไหนมา ชี้เรียนป.เอกวิศวะได้ ต้องจบตรี - โทวิศวะ แต่ม.รามที่จบไม่มีสอน
เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่พรรคเพื่อไทย นาย
ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงตั้งข้อสังเกตกรณีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอกของนาย
สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ที่ระบุว่า จบดอกเตอร์จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พร้อมนำคลิปที่นาย
สันติให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยนายสันติพูดชื่อสถาบันการศึกษาผิด เป็นสถาบันเทคโนโลยีลาดกระบังเจ้าคุณทหาร ขณะเดียวกันก็บอกด้วยว่าจบสาขารถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังฮิตที่สุด อินเทรนด์ที่สุด แต่เมื่อตนไปตรวจสอบที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พบว่าไม่มีสาขาวิชาดังกล่าว และหลักสูตรที่นายสันติเข้าเรียนคือปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาบริหารธุรกิจอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหลักสูตรใหม่ที่เพิ่งเปิดเมื่อปี 2559 และเป็นหลักสูตรนานาชาติ ในฐานะที่ตนจบวิศวะ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทุกคนทราบว่าหากจะเรียนปริญญาเอกจะต้องมีวิชาพื้นฐานเบื้องต้นเกี่ยวกับวิศวกรรม 3 วิชา ประกอบด้วย วิชาวิศวกรรมเครื่องกลเบื้องต้น วิชากำลังไฟฟ้า และวิชาคอมพิวเตอร์และการออกแบบ แต่นาย
สันติจบปริญญาตรี และปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งไม่มีคณะวิศวกรรม
นาย
ยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่าสำหรับเรื่องการขยายสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียวอีก 40 ปี ที่เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำให้เสียรมว.คลัง ไปแล้ว 2 คน คือนาย
อุตตม สาวนายน และนาย
ปรีดี ดาวฉาย ที่ไม่กล้าเซ็นอนุมัติโครงการดังกล่าว แต่นาย
สันติกลับกล้านำเสนอเข้าสู่ครม. แถมบอกว่าทำสิ่งที่ถูกต้องอีกด้วย อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้ท่านยังไม่เคยเปิดเผยมูลค่าทรัพย์สินจริงๆเกี่ยวกับสัญญารถไฟฟ้าดังกล่าวว่ามีจำนวนเท่าไหร่ ทั้งที่พ.ร.บ.ร่วมทุนจะต้องมีการประเมินมูลค่าทรัพย์สินทั้งหด และต้องนำเข้าคณะกรรมนโยบายร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (พีพีพี) ด้วย นาย
สันติและกระทรวงมหาดไทย ได้แต่อ้างว่ากทม.เป็นหนี้รับหนี้ไม่ไหว จึงต้องยกหนี้ให้บีทีเอสมารับแทน ถามว่าบริษัทบีทีเอส ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนเขาจะมารับหนี้กว่า 7 หมื่นล้านบาทหรือ มีแต่รัฐบาลที่แกล้งโง่ และไม่ยอมนำเรื่องดังกล่าวเข้าพ.ร.บ.ร่วมทุน แต่พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กลับออกมาตรา 44 มาบังคับใช้ทั้งที่มีกฎหมายแล้วเพื่อยกเว้นการใช้กฎหมายที่มีอยู่ ดังนั้น ขอฝากไปยังพล.อ.
ประยุทธ์ ที่บอกว่าให้ทุกคนเคารพกฎหมาย แล้วตัวท่านเคารพกฎหมายหรือไม่ จึงขอให้พล.อ.
ประยุทธ์ยับยั้งเรื่องนี้
นาย
ยุทธพงศ์ กล่าวด้วยว่ามีรายงานจากคณะกรรมาธิการวิสามัญที่พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว ว่าไม่เห็นด้วยกับการต่อขยายสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียวดังกล่าว ทั้งนี้ครม.เองก็มีมติและส่งเรื่องมายังรัฐสภา ให้กทม.ปฏิบัติตามกฎหมายและหลักธรรมาภิบาล เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน จึงถามกระทรวงการคลังว่าท่านได้ปฏิบัติตามกฎหมายหรือไม่ พร้อมขอเรียกร้องเป็นรอบที่สิบว่ากลัวอะไรหนักหนาถึงไม่เข้าพ.ร.บ.ร่วมทุน หากเจ้าสัวคนอื่นๆอยากได้สัมปทานบ้างท่านจะต้องออกกฎหมายยกเว้นให้เข้าหรือไม่.
JJNY : กลุ่ม ‘คนคอนจะไม่ทน’ชุมนุม/'ยุทธพงศ์'ชี้พิรุธ วุฒิป.เอก'สันติ'/อัญมณีโคม่า 500โรงงานปิดตัว/เอสเอ็มอีวอนตั้งกองทุน
https://prachatai.com/journal/2020/09/89487
กลุ่ม ‘คนคอนจะไม่ทน’ จ.นครศรีธรรมราช จัดกิจกรรมชุมนุมปราศรัยเรียกร้องรัฐบาลประยุทธ์หยุดคุกคามผู้เห็นต่าง เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชี้หากไม่รับฟังจะยกระดับการชุมนุม
12 ก.ย. 63 เวลา 15.00 น. ที่บริเวณวงเวียนน้ำพุ สนามหน้าเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มเยาวชนและชาวนครศรีธรรมราช หรือกลุ่ม ‘คนคอนจะไม่ทน’ รวมตัวกันจัดกิจกรรมชุมนุมทางการเมืองโดยมีจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ‘ไผ่ ดาวดิน’ และอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ‘ครูใหญ่’ เดินทางมาร่วมชุมนุมและปราศรัยร่วมกับเยาวชนชาวนครศรีธรรมราช
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนจัดกิจกรรมดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่เทศกิจเทศบาลมาห้ามไม่ให้ขึ้นเต้นท์โดยอ้างว่าไม่มีการขออนุญาตการจัดกิจกรรมที่ถูกต้อง ก่อนจะมีฝนตกลงมาอย่างหนักประมาณ 1 ชั่วโมง ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมต้องหลบในที่ร่มก่อนกลับมารวมตัวกันอีกครั้งบริเวณดังกล่าวหลังฝนหยุดตกพร้อมทั้งใช้เครื่องขยายเสียงปราศรัยเรียกร้องให้ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่งและขอให้รัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร็ว ก่อนจะรวมตัวกันชู 3 นิ้วถ่ายรูป พร้อมตะโกน “ [เผล่ะจัง] จงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” ภายในกิจกรรมดังกล่าวมีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวนหนึ่งเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณรอบๆ ตลอดทั้งกิจกกรรม
ทั้งนี้ในช่วงสุดท้ายของกิจกรรมดังกล่าวมีการอ่านแถลงการณ์โดยตัวแทนกลุ่ม 'คนคอนจะไม่ทน' มีใจความว่าหลังรัฐประหารปี 2557 ที่ผ่านมา เกิดการคุกคามประชาชนที่เห็นต่างจากรัฐบาล อีกทั้งมีการนำภาษีของประชาชนไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์โดยไม่สนใจการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ทางกลุ่ม 'คนคอนจะไม่ทน' จึงเรียกร้องต่อรัฐบาล 4 ข้อเช่นเดียวกับข้อเรียกร้องของกลุ่ม 'ประชาชนปลดแอก' คือ หยุดคุกคามประชาชน, แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน, ยุบสภาและหยุดทำการรัฐประหารอีก ทางกลุ่มดังกล่าวยังกล่าวต่ออีกว่า หากรัฐบาลไม่รับฟังข้อเรียกร้องดังกล่าว ทางกลุ่ม 'คนคอนจะไม่ทน' จะทำการยกระดับการเคลื่อนไหวต่อไป
แถลงการณ์กลุ่มคนคอนจะไม่ทน
ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่รัฐประหาร 2557 ได้เกิดกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการอันเป็นการคุกคามต่อประชาชนผู้แสดงความคิดเห็นหรือแสดงออกทางการเมืองเพื่อต่อต้านคณะรัฐประหารและรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจากคณะรัฐประหารจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้อำนาจของคณะรัฐประหารหรือตรากฎหมายลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน การควบคุมตัวโดยมิชอบ การติดตามไปยังที่อยู่อาศัยหรือสถาบันการศึกษา การข่มขู่คนในครอบครัว ซึ่งการคุกคามประชาชนลุกลามไปยังน้องมัธยม การใช้ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารสร้างความเกลียดชัง และโดยการแจ้งความดำเนินคดี
หลังผ่านการเลือกตั้งมาหนึ่งปี ก็ยังดูเหมือนว่าประเทศไทยเราจะยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการเมือง มีการแย่งเก้าอี้ มีความไม่ลงรอยกันของพรรครัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลแบบนี้ยิ่งกระทบกับเศรษฐกิจในภาครวมของประเทศ และกระทบกับความเชื่อมั่นในการลงทุนทั้งนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การบริหารบ้านเมือง ภายใต้นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ การนำภาษีไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องบิน VIP ซื้อเรือดำน้ำ รถถัง โดยรัฐบาลไม่ได้สนใจแก้ปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชนอย่างจริงจังและยั่งยืน"
เหล่านี้เป็นเหตุให้เรียกร้องให้รัฐบาล
1 หยุดคุกคามประชาชน นักเรียน นักศึกษา
2 ให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง
3 ประกาศยุบสภา
4 ห้ามมิให้มีการยึดอำนาจ หรือรัฐประหาร
กลุ่มคนคอนจะไม่ทนมีจุดยืนสนับสนุนสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกทางการเมืองโดยสงบของประชาชน
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มคนคอนจะไม่ทน ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการใช้อำนาจรัฐคุกคามต่อประชาชนผู้แสดงความคิดเห็นและชุมนุมทางการเมืองโดยสงบทันที แล้วหาทางออกทางการเมืองด้วยการเปิดทางให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อเปลี่ยนผ่านทางการเมืองโดยสันติ
หากรัฐบาล ไม่รับฟังและทำตามข้อเรียกร้อง พวกเรากลุ่มคนคอนจะไม่ทน ยกระดับการเคลื่อนไหวต่อไป
อำนาจอธิปไตย เป็นของประชาชน
กลุ่มคนคอนจะไม่ทน
ณ สนามหน้าเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช
16 สิงหาคม 2563
'ยุทธพงศ์'ชี้พิรุธ วุฒิป.เอก'สันติ'ไม่มีสอนที่ ม.ลาดกระบัง
https://www.dailynews.co.th/politics/795088
"โจ้" แฉตรวจสอบวุฒิปริญญาเอก "สันติ" ไม่มีสอนที่ ม.ลาดกระบัง ถามไปเรียนที่ไหนมา ชี้เรียนป.เอกวิศวะได้ ต้องจบตรี - โทวิศวะ แต่ม.รามที่จบไม่มีสอน
เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงตั้งข้อสังเกตกรณีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอกของนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ที่ระบุว่า จบดอกเตอร์จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พร้อมนำคลิปที่นายสันติให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยนายสันติพูดชื่อสถาบันการศึกษาผิด เป็นสถาบันเทคโนโลยีลาดกระบังเจ้าคุณทหาร ขณะเดียวกันก็บอกด้วยว่าจบสาขารถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังฮิตที่สุด อินเทรนด์ที่สุด แต่เมื่อตนไปตรวจสอบที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พบว่าไม่มีสาขาวิชาดังกล่าว และหลักสูตรที่นายสันติเข้าเรียนคือปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาบริหารธุรกิจอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหลักสูตรใหม่ที่เพิ่งเปิดเมื่อปี 2559 และเป็นหลักสูตรนานาชาติ ในฐานะที่ตนจบวิศวะ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทุกคนทราบว่าหากจะเรียนปริญญาเอกจะต้องมีวิชาพื้นฐานเบื้องต้นเกี่ยวกับวิศวกรรม 3 วิชา ประกอบด้วย วิชาวิศวกรรมเครื่องกลเบื้องต้น วิชากำลังไฟฟ้า และวิชาคอมพิวเตอร์และการออกแบบ แต่นายสันติจบปริญญาตรี และปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งไม่มีคณะวิศวกรรม
นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่าสำหรับเรื่องการขยายสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียวอีก 40 ปี ที่เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำให้เสียรมว.คลัง ไปแล้ว 2 คน คือนายอุตตม สาวนายน และนายปรีดี ดาวฉาย ที่ไม่กล้าเซ็นอนุมัติโครงการดังกล่าว แต่นายสันติกลับกล้านำเสนอเข้าสู่ครม. แถมบอกว่าทำสิ่งที่ถูกต้องอีกด้วย อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้ท่านยังไม่เคยเปิดเผยมูลค่าทรัพย์สินจริงๆเกี่ยวกับสัญญารถไฟฟ้าดังกล่าวว่ามีจำนวนเท่าไหร่ ทั้งที่พ.ร.บ.ร่วมทุนจะต้องมีการประเมินมูลค่าทรัพย์สินทั้งหด และต้องนำเข้าคณะกรรมนโยบายร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (พีพีพี) ด้วย นายสันติและกระทรวงมหาดไทย ได้แต่อ้างว่ากทม.เป็นหนี้รับหนี้ไม่ไหว จึงต้องยกหนี้ให้บีทีเอสมารับแทน ถามว่าบริษัทบีทีเอส ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนเขาจะมารับหนี้กว่า 7 หมื่นล้านบาทหรือ มีแต่รัฐบาลที่แกล้งโง่ และไม่ยอมนำเรื่องดังกล่าวเข้าพ.ร.บ.ร่วมทุน แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กลับออกมาตรา 44 มาบังคับใช้ทั้งที่มีกฎหมายแล้วเพื่อยกเว้นการใช้กฎหมายที่มีอยู่ ดังนั้น ขอฝากไปยังพล.อ.ประยุทธ์ ที่บอกว่าให้ทุกคนเคารพกฎหมาย แล้วตัวท่านเคารพกฎหมายหรือไม่ จึงขอให้พล.อ.ประยุทธ์ยับยั้งเรื่องนี้
นายยุทธพงศ์ กล่าวด้วยว่ามีรายงานจากคณะกรรมาธิการวิสามัญที่พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว ว่าไม่เห็นด้วยกับการต่อขยายสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียวดังกล่าว ทั้งนี้ครม.เองก็มีมติและส่งเรื่องมายังรัฐสภา ให้กทม.ปฏิบัติตามกฎหมายและหลักธรรมาภิบาล เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน จึงถามกระทรวงการคลังว่าท่านได้ปฏิบัติตามกฎหมายหรือไม่ พร้อมขอเรียกร้องเป็นรอบที่สิบว่ากลัวอะไรหนักหนาถึงไม่เข้าพ.ร.บ.ร่วมทุน หากเจ้าสัวคนอื่นๆอยากได้สัมปทานบ้างท่านจะต้องออกกฎหมายยกเว้นให้เข้าหรือไม่.