ฝนเท ม็อบไม่ถอย! 2 พันแน่นสกายวอล์ก ผลัดปราศรัย ลั่น ‘อย่าคิดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ’
https://www.matichon.co.th/politics/news_2299386
 
สืบเนื่องจากกรณีที่ นายอานนท์ นำภา ทนายความศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน และ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง แกนนำเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับในข้อหา ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา จากการปราศรัยและเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งส่งผลให้เกิดการชุมนุมรวมพลังหน้า สน.บางเขน เพื่อพาเพื่อนกลับบ้านนั้น
 
ล่าสุด วันที่ 8 สิงหาคม มีการประกาศรวมพล ที่ ศาลอาญารัชดา เนื่องจาก นายอานนท์ นำภา ได้เขียนข้อความแสดงความกังวลว่า อาจถูกศาลสั่งควบคุมตัวที่ เรือนจำนครชัยศรี​
 
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ที่สกายวอล์ก หน้าศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ มีการประกาศรวมพลัง จัดกิจกรรมแฟลชม็อบ #ถ้าไม่สู้ก็อยู่อย่างทาส ผ่านทางโซเชียล โดยระบุว่า “เมื่อกฎหมายเป็นเครื่องมือของ [เผล่ะจัง]  มันคงถึงเวลาของนักสู้เพื่อประชาธิปไตย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.30 น.มีประชาชนเดินทยอยเดินทางมาร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่สวมใส่เสื้อสีดำ และยืนหลบแดด ก่อนจะเริ่มกิจกรรมตามเวลานัดหมาย ประมาณ 16.00 น. ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่เทศกิจ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานความมั่นคงนอกเครื่องแบบ หลายนาย รอบบริเวณ
 
เวลา 15.52 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ขอความร่วมมือไม่ให้ผู้ชุมนุมยืนกีดขวางการสัญจร เนื่องจากยังไม่ได้แจ้งการชุมนุมไว้ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ และอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมโรค ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงขอความร่วมมือเปิดช่องให้ผู้สัญจรเดินได้สะดวก เพราะบ้านเมืองเรามีขื่อ มีแป ต้องปฏิบัติตามกฎหมายด้วย โดยประขาชนยังคงเดินทางมาร่วมอย่างต่อเนื่องจนเต็มพื้นที่สกายวอล์กในเวลา 16.00 น.
 
จากนั้น เวลา 16.10 น. น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ ประธานสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่ง ประเทศไทย และโฆษกคณะประชาชนปลดแอก พร้อมแกนนำ เดินทางมาถึงบริเวณสกายวอล์ก โดยได้นำภาพกระทิงแดงที่ทำจากกระดาษ ขนาดใหญ่มาด้วย
 
เวลา 16.14 ประชาชนตะโกน “ตำรวจ ออกไป” พร้อมกันหลายครั้ง โดยชู 3 นิ้ว และว่า ประชาชนเหลืออดแล้ว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวันจำนวนกว่า 10 นาย ฝ่ากลุ่มมวลชนเข้ามาเพื่อชี้แจ้งตามข้อกฎหมาย โดยประชาชนต่างตะโกนขับไล่ บางส่วนกล่าวว่า “ไม่ฟังประชาชนแล้วเราจะฟังคุณทำไม” “ [เผล่ะจัง] จงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” และตะโกน “หยุดคุกคามประชาชน”
 
เวลา 16.33 น. ประชาชนเริ่มนั่งลง โดยเรียงแถว ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศเรื่องข้อกฎหมายการควบคุมโรคเป็นระยะ ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมต่างตะโกน “ตำรวจออกไป” ทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่ประกาศ
 
เวลา 16.37 น. มีการเปิดเพลง Do you here the people sing ผู้ชุมนุมร่วมร้องเพลงท่ามกลางฝนที่โปรยลงมา บางส่วนกางร่ม บางส่วนยังคงปักหลักนั่งตากฝน
 
จากนั้น น.ส.ศุกรียา วรรณายุวัฒน์ นิสิตชั้นปีที่ 2 คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เรามาตรงนี้เพื่อบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ชาติคืออะไร “ชาติคือประชาชน” ขอความร่วมมือทุกคนไม่ใช้ความรุนแรง อย่าทำตัวเหมือนรัฐบาล เขาว่ากันว่า คนเรามีสองอย่าง ถ้าไม่ได้ชอบสิ่งเดียวกันก็ต้องเกลียดเหมือนกัน ขอโทษที่นัดมาวันที่ฝนก็ตก แต่รัฐบาลก็ไม่เห็นหัวเรา
 
“เรามีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ หยุดคุกคามประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ยุบสภา เราไม่ทนต่อไป ใครไม่สู้ก็อยู่อย่างทาสไป มีข่าวแว่วว่า ที่จับทนายอานนท์ไปเพราะอยากให้เราเดือดขึ้น ใช้ความรุนแรงเพื่อเป็นเงื่อนไขสลายชุมนุม และรัฐประหาร ซึ่งเริ่มมีพรรคฝ่ายค้านพรรคหนึ่งเริ่มดีล ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ แล้ว”
 
จากนั้นประชาชนตะโกน “ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ” “ไม่เอารัฐประหาร” “ร่างรัฐธรรมนูญใหม่”
 
“จงอย่าเกลียดแต่ประยุทธ์ แต่เกลียดโครงสร้างที่สร้างมายาวนาน แล้วทำให้เรากลัว ไม่กล้าออกมาชุมนุม แต่ตราบใดที่เรากลัว ความกลัวจะเป็นเหยื่ออันโอชะของ [เผล่ะจัง]  จงบอกให้เขารู้ว่า เราไม่กลัว และไม่ทนอีกต่อไปแล้ว”
 
ฝากถึงพี่น้องทางบ้าน นี่ไม่ใช่เรี่องการเมือง นี่คือเรื่องที่เราเห็นคนเท่ากัน ทุกคนมีสิทธิพูดตราบใดไม่ละเมิดสิทของผู้อื่น
 
ขอให้ประชาพึงรู้ไว้ว่า สิทธิ เสรีภาพเป็นของประชาชน รัฐมีหน้าที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของเรา ขอให้ออกมามากกว่านี้ สัญญาได้ไหมว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย
 
“ความรุนแรงทุกครั้งในประวัติศาสตร์ ไม่ได้เกิดจากประชาชน มาจากเจ้าหน้าที่รัฐที่พยายามใช้กำลัง เรามาตรงนี้ต้องการประชาธิปไตยไม่ได้ต้องการความรุนแรง
 
ล่าสุด ข่าวดี ศาลอาญาอนุญาตปล่อยตัวทนายอานนท์ และไมค์” โดยประชาชนต่างปรบมือและโห่ร้อง คุณเชื่อไหมว่า  [เผล่ะจัง] อำนาจนิยมกลัวเราจนตัวสั่น อย่าคิดว่าเราจะปล่อยไป นี่ืคือสเต็ปแรก การปล่อยตัวครั้งนี้คือชัยชนะของพวกเราทุกคน แต่พี่น้องทั้งหลาย นี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเกิด เราไม่ควรมานั่งตากฝนตรงนี้ด้วยซ้ำ ถ้าการเมืองดี” น.ส.ศุกรียากล่าว
 
น.ส.ศุกรียากล่าวอีกว่า ขอส่งสารไปยังเพื่อน จุฬาฯทุกคน ในนามนิสิตคนหนี่งนี่คือพื้นที่ของเรา อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยแค่นี้ ช่วยกันออกมาส่งเสียง เรารู้ว่าการเป็นนิสิต นักศึกษา คือการมีสิทธิ มีเสียง กว่าคนทั่วไป
 
“จากนี้ไม่ว่าปัญหาอะไรจะเกิดขึ้นประเทศ อยากให้ทุกคนมองว่า เป็นปัญหาโครงสร้าง เกิดจากระบบ โครงสร้างอำนาจนิยม ถ้าเราไม่ออกมาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการศึกษา และรัฐธรรมนูญ จะเป็นปัญหาตลอดไป
 
โครงสร้างนี้ทำร้ายเราเหลือเกิน เลิกมองว่าปัญหาอยู่ที่คนเดียว การจะแก้ได้ คือการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น
 
เรายืนยัน ข้อเรียกร้อง 3 ประการ หยุดคุกคามประชาชน 2.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ 3.ยุบสภา และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น 1.ไม่เอารัฐประหาร 2. ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ ฝากถึงพรรคการเมืองงูเห่า จงอยู่ข้างประชาชน อย่าคิดจะตั้งรัฐบาลแห่งชาติ” น.ส.ศุกรียากล่าว และว่า ตั้งแต่ชุมนุม 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดย เยาวชนปลดแอก มีรายชื่อ 31 คน ที่จะถูกออกหมายจับ ซึ่งตอนนี้เพื่อนของเรา ไมค์ และทนายอานนท์ ถูกจับไปแล้ว เราเองเป็นหนึ่งใน 31 รายชื่อ ซึ่งยังไม่มั่นใจว่าจะได้หมายเรียกหรือหมายจับ จึงต้องแสดงพลัง และยืนยันจะสู้ต่อไป การต่อสู้ของเราไม่หยุดเพียงเท่านี้ เราไม่กังวล แม้เขาจะคุกคามทุกอย่าง
 
“นักศึกษาที่มาชุมนุมโดนกฎหมายคุกคาม ขณะที่นายทุนไม่ต้อง รัฐสามารถทำผิดให้เป็นถูก ทำดำ ให้เป็นขาวได้ แค่มีเงิน เราไม่เคยได้รับการตอบสนองที่เรียกร้องไป เพื่อนเราถูกจับดำเนินคดี เราเองก็เป็น 1 ใน 31 รายชื่อด้วย หลายคนที่อยู่ใน 31 ชื่อก็มา เราต้องการให้ทุกคนเห็นว่า เราเรียกร้องแค่ 3 ข้อ ตอนนี้รัฐบาลไม่ตอบสักอย่าง” น.ส.ศุกรียากล่าว
 

---

 
'กลุ่มแคร์' ชูรธน.ในฝัน ต้องปลุกสังคม-กระบวนการยุติธรรม ไม่รับรองฉีกรัฐธรรมนูญ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2299566
 
‘กลุ่มแคร์’ ชูรธน.ในฝัน ต้องปลุกสังคม-กระบวนการยุติธรรม ไม่รับรองฉีกรัฐธรรมนูญ ‘สิริพรรณ’ แนะแก้รธน.ก่อนยุบสภาฯ ตัดส.ว.เลือกนายกฯ
 
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ที่ลิโด้ คอนเนคท์ สยามสแควร์ กลุ่มแคร์จัดงานเสวนาหัวข้อ “ชวน คิด เคลื่อน เขียน รัฐธรรมนูญฉบับในฝันของประชาชน” เพื่อร่วมกันสร้างรัฐธรรมนูญที่มีความเป็นประชาธิปไตยให้เป็นฉบับสุดท้ายของประเทศไทย และให้เกิดขึ้นที่รุ่นเราจริงๆ โดยมีสมาชิกผู้ก่อตั้งของกลุ่มแคร์ อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกฯ ร่วมกิจกรรม ทั้งนี้บริเวณด้านหน้าสถานที่ทำกิจกรรม กลุ่มโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชนหรือไอลอว์ ได้ตั้งโต๊ะล่าชื่อประชาชน “5 หมื่นชื่อ ร่วมรื้อ ร่วมสร้าง ร่วมร่างรัฐธรรมนูญ” มีประชาชนรวมทั้งคนรุ่นใหม่ สนใจลงชื่อร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างคึกคัก
 
ทั้งนี้ภายในงานมีวิทยากรจากหลากหลายวงการมาร่วมเสวนา อาทิ 
 
นายโกวิท วงศ์สุรวัฒน์ อดีตอาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ในฐานะคนแก่ เริ่มชินชากับวิกฤตทางการเมืองไทยไปแล้ว สอนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ตั้งแต่ปี 2515 สอนเรื่องรัฐธรรมนูญมาตลอด แต่ยังอ่านรัฐธรรมนูญไม่รู้เรื่อง แค่คำปรารภก็ไม่ไหวแล้ว และต้องเจอกับรัฐธรรมนูญที่ร่างกันยาวขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมแค่กระดาษเอสี่ พอเริ่มปี 2517 เขียนกันยาวขึ้นๆจนคนไม่อ่าน ที่สำคัญ อ่านไม่รู้เรื่องด้วย ช่วงเด็กๆมีโอกาสได้ไปเรียนที่สหรัฐฯ ได้พบว่ารัฐธรรมนูญที่ใช้สั้นมากแค่ 10 กว่าหน้า และใช้มานานจนถึงทุกวันนี้ ขณะที่รัฐธรรมนูญของไทยยาวเกินไป ไม่มีประโยชน์ และอ่านไม่รู้เรื่อง แม้แต่ครูบาอาจารย์ยังอ่านไม่รู้เรื่อง ที่สำคัญคือควรใช้ภาษาคนธรรมดา และที่แปลกใจคือทำไมต้องมีแนวนโยบายแห่งรัฐ และมียุทธศาสคร์ชาติซ้ำเข้าไปอีก ดังนั้นหากอยากออกจากวิกฤตต้องเริ่มเขียนรัฐธรรมนูญให้สั้นและอ่านรู้เรื่อง ทั้งนี้รัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 รับรองสิทธิเสรีภาพประชาชนมากที่สุด ดังนั้นอยากได้รัฐธรรมนูญที่สั้น คนอ่านรู้เรื่อง ที่เรามีปัญหาเพราะเราอ่านไม่รู้เรื่องจึงเถียงกันไปมาแบบนี้
 
นายธเนศ อาภรณ์สุวรรณ อดีตคณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่าการเรียกร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องปกติ โดยปัญหาหลัก  คือ การไม่มีประชาธิปไตย วิกฤตในการเมืองไทย โดยปัญหาของรัฐธรรมนูญไทย มีคติเรื่องอำนาจ 4 ด้าน คือ อำนาจเป็นสิ่งรูปธรรม อำนาจเป็นสิ่งที่กลมกลืนเดียวกัน อำนาจมีปริมาณในจักรวาลที่คงที่ และอำนาจไม่นำไปสู่คำถามเรื่องความชอบธรรม อีกทั้งรัฐธรรมนูญต้องบังคับผู้มีอำนาจได้ หากเกิดรัฐประหาร ต้องลงโทษได้ และอำนาจต้องมีความชอบธรรมโดยประชาชน ขณะเดียวกันอนาคตของรัฐธรรมนูญไทย ประชาชนสามารถมีอิสระเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ตระหนักในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ความเสมอภาค เท่าเทียมในทางเพศสภา การทำงาน การศึกษา ควบคุมการใช้อำนาจของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐ และอะไรที่รัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนกำหนดให้เป็นอำนาจของประชาชน