เหตุใด...พระพุทธเจ้าจึงไม่ทรงบัญญัติสิกขาบทไว้ล่วงหน้าทั้งหมดในพระวินัย ?

พนักงานบริษัทเอกชน รัฐวิสาหกิจ ข้าราชการ หน่วยงาน องค์กรต่างๆ ทุกแห่งจะมีกฏระเบียบ กติกา ต่างๆ
ของตนเอง ทั้งนี้เพื่อเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติของบุคลากรของตน ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเป็นเครื่องสมัครสมานสามัคคีต่อกัน

พุทธศาสนาก็เช่นเดียวกัน...พระศาสดาได้ทรงบัญญัติ อาทิพรหมจาริกาสิกขา ...และ อภิสมาจาริกาสิกขา
เพื่อเป็นทั้ง ข้อห้าม และข้ออนุญาตให้พระภิกษุ สามเณรได้ประพฤติปฏิบัติตาม

ที่ใดมีมนุษย์ตั้งแต่สองคนขึ้นไป...ที่นั้นย่อมมีความขัดแย้งเกิดขึ้น

สังคมของฆราวาส และพระภิกษุสงฆ์ก็ไม่ต่างกันนัก
เพราะพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งจัดเป็นสมมติสงฆ์นั้น ก็ยังเป็นพระเสขะบุคคล อันต้องศึกษาอยู่ต่อไปเข่นเดียวกับฆราวาส

บางคนที่ทำงานในองค์กรบางแห่ง อาจจะรู้สึกว่าองค์กรของตนเองมีกฏระเบียบมากมาย หยุมหยิมยิบย่อยไปหมด
อ่านดูแล้วเครียดตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มงานด้วยซ้ำ บางคนถึงกับเตรียมหางานใหม่เลยก็มี

ลองจินตนาการดูว่า...ในอดีตนานมาแล้ว...เมื่อเริ่มมีองค์กรเหล่านี้เกิดขึ้นใหม่ๆ ยังไม่มีกฏระเบียบใดๆแม้สักข้อหนึ่ง
ต่อมามีพนักงานคนหนึ่ง ทำสิ่งที่ไม่สมควรขึ้นมา...อันส่งผลด้านลบต่อองค์กร หรือการทำงานขององค์กรเกิดขึ้น
หลังจากนั้น...องค์กรแห่งนั้นจึงเริ่มออกกฏระเบียบข้อที่ ๑ ขึ้นมา

เมื่อเวลาผ่านไป...ก็มีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ...ทำให้มีกฏระเบียบเพิ่มจำนวนข้อมากขึ้นตามไปด้วย

พระวินัยก็เช่นเดียวกัน...
พระศาสดาทรงบัญญัติพระวินัยขึ้น...จากการที่มีพระสงฆ์สาวกประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ไม่สมควร
หรือสิ่งที่ชาวบ้านพากันติเตียน แล้วมาเข้าเฝ้าร้องเรียนต่อพระองค์

พระศาสดาไม่ได้ทรงบัญญัติสิกขาบทไว้ล่วงหน้าแต่อย่างใด
ต่อเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้ว จึงทรงบัญญัติสิกขาบทตามหลัง...เรียกว่า " มูลบัญญัติ "

หากปรากฏภายหลังว่า สิกขาบทใดควรเพิ่มเติมแก้ไข...ก็เป็น " อนุบัญญัติ " ไป

องค์กรต่างๆก็เฉกเช่นเดียวกัน...

เหตุที่องค์กรต่างๆต้องเพิ่มกฏระเบียบใหม่ๆเข้าไป ก็เนื่องจากว่า
ไม่มีใครที่สามารถจะรู้ล่วงหน้าได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต  
มักมีสิ่งที่นอกเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
เช่น สถานการณ์โควิด - ๑๙ นี้ ก็ต้องเพิ่มข้อบังคับต่างๆขึ้นมาใหม่มากมาย เป็นต้น

แต่เหตุใดพระศาสดาซึ่งทรงสัพพัญญู สามารถทราบเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ จึงไม่ทรงบัญญัติสิกขาบทไว้ล่วงหน้าเล่า ?

จะมีก็แต่ มหาปเทส ๔ ...ซึ่งให้เอาไว้ใช้เทียบเคียงเท่านั้น

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เมื่อไม่มีสิกขาบทที่ทรงบัญญัติไว้ล่วงหน้า
ทำให้บางเรื่องก็เป็นข้อถกเถียงกันไม่รู้จบรู้สิ้น
ทั้งในหมู่ฆราวาส และหมู่พระภิกษุสงฆ์ด้วยกันเอง
เช่น การใช้มือถือ  สื่อโซเชียลต่างๆ การขับรถของพระสงฆ์  เป็นต้น

ฝ่ายที่เคร่งครัดในพระวินัย...ก็ไม่เห็นด้วยที่จะไปเสพ ไปบริโภค

ฝ่ายที่อาจไม่เคร่งครัดนัก และอาจเสพ อาจบริโภคในสิ่งเหล่านั้นอยู่
ก็มีแนวโน้มที่จะตีความตามหลักมหาปเทส ๔ เอื้อประโยชน์แก่ตนได้

เหล่านี้...อาจมีสาเหตุมาจากการที่ทั้งฆราวาส และพระภิกษุสงฆ์เอง บางคน บางรูป
ไม่รอบรู้แตกฉานในพระวินัยมากพอก็ได้

การที่ไม่ทรงบัญญัติสิกขาบทไว้ล่วงหน้า ก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น...
ทำให้บางคนอาจครหาได้ว่า...พระองค์ไม่ใช่สัพพัญญู
ยกตัวอย่างเช่น ยาเสพติดชนิดต่างๆในปัจจุบัน  การใช้มือถือ หรือ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
ซึ่งในสมัยพุทธกาล ยังไม่มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น

หากทรงบัญญัติสิกขาบทไว้ล่วงหน้า ก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น...
ก็ไม่พ้นทำให้บางคนอาจครหาได้ว่า...พระองค์ไม่ใช่สัพพัญญู ได้เช่นเดียวกัน
เพราะยังไม่มีพระภิกษุกระทำความเสียหายให้เห็นเป็นตัวอย่าง
ยกตัวอย่างเช่น ในอนาคตต่อไปข้างหน้า อาจจะมีเหตุการณ์ใหม่ๆเกิดขึ้นมา
ถึงจะมีพระบัญญัติไว้ ก็อาจจะไม่เข้าใจกันอยู่ดี เพราะไม่รู้ว่าคืออะไร

หากทรงบัญญัติสิกขาบทมากมายป้องกันไว้ล่วงหน้า...
ก็คงมีสิกขาบทในพระวินัยมากมาย จนยากที่จะหาผู้มาบวชได้ เพราะถือพระวินัยกันไม่ไหว
ส่งผลให้อายุของพระพุทธศาสนาไม่ยืนยาว...

ท่านคิดว่ามีความนัยอย่างอื่นหรือไม่ อย่างไร ...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่