สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ป้ากับสามี มีลูกสาวคนเดียว ทีแรกลูกเรียนจบกลับมา มาทำงานใกล้บ้านได้สองปี พ่อแม่ดีใจมาก เพราะจากไปเรียนเสียนาน ต่อมาเขาได้งานดีกว่าเดิมมาก ต้องย้ายไป กทม. ตัวเขาลังเล แต่พ่อแม่สนับสนุนให้ออกไปอยู่เอง เพราะพ่อแม่ไม่อยู่ค้ำฟ้า ลูกต้องพึ่งตัวเองให้ได้ ทุกวันนี้อยู่กันสองคนก็มีความสุขดี แต่พ่อเขาดูคิดถึงลูกมาก ชอบสั่งให้แม่โทรวีดีโอ แต่แม่ไม่ค่อยโทรเพราะต้องการให้ลูกไม่ติดพ่อแม่ ไลน์หาเขา พอเขาตอบก็สบายใจแล้วค่ะ
ตอนแก่กว่านี้ถ้าไม่ขับรถแล้ว ก็อาจจะใช้แท้กซี่ และบริการส่งของ เช่นของโลตัส คนแถวบ้านก็น้อยคนที่จะมีลูกอยู่ด้วย
หลานสาวคนหนึ่งมีแฟนฝรั่ง แต่งงานแล้วเขาก็จะต้องย้ายไป ตปท. พ่อแม่ก็คิดถึงแต่พยายามทำใจ อยากให้ลูกมีความสุข เพราะตอนแรกลูกบอกเลิกกับแฟน ไม่อยากย้ายไปไกลพ่อแม่ หนึ่งปีเต็ม หน้าแกจ๋อยมาก เราเห็นเลยถาม เราบอกคนที่รักเรา และเรารักด้วยน่ะมันหายากมาก คิดดีๆ พอเขามาแต่ง พ่อแม่ก็ทำใจได้ เพราะรักลูกมากกว่ารักตัวเอง ขำที่งานนี้พ่อแม่ไม่ว่าอะไร มีแต่ญาติไปว่าเขาทิ้งพ่อแม่ เหมือนญาติคุณว่าคุณ
ตอนแก่กว่านี้ถ้าไม่ขับรถแล้ว ก็อาจจะใช้แท้กซี่ และบริการส่งของ เช่นของโลตัส คนแถวบ้านก็น้อยคนที่จะมีลูกอยู่ด้วย
หลานสาวคนหนึ่งมีแฟนฝรั่ง แต่งงานแล้วเขาก็จะต้องย้ายไป ตปท. พ่อแม่ก็คิดถึงแต่พยายามทำใจ อยากให้ลูกมีความสุข เพราะตอนแรกลูกบอกเลิกกับแฟน ไม่อยากย้ายไปไกลพ่อแม่ หนึ่งปีเต็ม หน้าแกจ๋อยมาก เราเห็นเลยถาม เราบอกคนที่รักเรา และเรารักด้วยน่ะมันหายากมาก คิดดีๆ พอเขามาแต่ง พ่อแม่ก็ทำใจได้ เพราะรักลูกมากกว่ารักตัวเอง ขำที่งานนี้พ่อแม่ไม่ว่าอะไร มีแต่ญาติไปว่าเขาทิ้งพ่อแม่ เหมือนญาติคุณว่าคุณ
ความคิดเห็นที่ 17
ตอบคำถามก่อนจะเล่าเรื่องแม่ให้อ่านค่ะ
เรื่องแต่งงาน แม่เราสอนตั้งแต่เด็กๆเลย ว่าถ้าแต่งงานเมื่อไหร่ ให้เอาครอบครัว (เรา แฟน ลูกเรา) เป็นที่หนึ่งเสมอ
ห้ามเด็ดขาด! ห้ามเอาคนอื่น (รวมถึงแม่) เป็นที่ตั้ง เพราะวันนึงจะทำให้ครอบครัวไปไม่รอด หรือหากรอดก็จะไม่ได้ดีอย่างที่มันควรจะเป็น
แม่พูดเรื่องนี้กับเรานับครั้งไม่ถ้วนจนเราจำขึ้นใจ และประโยคที่แม้เน้นมากคือ "มีครอบครัวแล้ว จำไว้ว่าพ่อแม่คือคนอื่น"
แม่บอกว่าไม่ใช่ว่าจะตัดขาดกัน แต่เราต้องโฟกัสที่ครอบครัวเราให้ดีที่สุด หันกลับมามองพ่อแม่แค่เมื่อโอกาสเอื้ออำนวย
แต่อย่าใช้ทั้งชีวิตเพื่อพะวงกับพ่อแม่จนเกินเหตุทั้งๆที่มีครอบครัวตัวเองให้ต้องประคับประคอง สุดท้ายมันจะพังทั้งคู่
แม่เราเป็น single mom เรากับแม่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ เรียกว่าโตมาด้วยกันทั้งแม่ทั้งลูกเลยอะค่ะ
เราแยกกับแม่ตั้งแต่ตอนเข้ามหาลัย จนถึงตอนนี้ ทำงานมาแล้ว 2 ปีครึ่ง ก็แยกกันอยู่กับแม่ตลอด
และเรากับแม่เป็นพวกรักกันมาก คิดถึงกันมาก แต่อยู่ด้วยกันเกิน 2 วันเมื่อไหร่ตีกันเละเมื่อนั้น
รู้ตัวกันทั้งคู่ค่ะ เลยคิดว่าอยู่ห่างๆกัน แต่ไลน์หากันดีกว่า คอลหากันครั้งละสั้นๆแต่บ่อยๆ ก็หายคิดถึงได้
บางทีเราบินไปพักผ่อนภูเก็ตมั่ง แม่บินมาช็อปปิ้งกรุงเทพมั่ง แต่อย่าบ่อยจะดีที่สุด 555
มีกลับไปหาบ้างตอนวันเกิดแม่ หรือช่วงจังหวะเราว่างแล้วอยากกลับบ้าน ก็กลับ แต่ปีละไม่เคยเกิน 2-3 ครั้งเลยค่ะ
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ตลอดเวลาที่เราไม่อยู่ด้วย แม่เที่ยวมันส์มากกกกกก เพื่อนว่างก็ไปกับเพื่อนบ้าง ไม่มีเพื่อนก็ขับรถเที่ยวต่างจังหวัดคนเดียว
บางทีไถ facebook อยู่ อ้าว! แม่โผล่ไปอยู่เขาใหญ่ (ขับรถจากภูเก็ต) มั่ง โผล่ไปอยู่กระบี่มั่ง สุราษฎร์มั่ง บันเทิงเขาล่ะค่ะ
ส่วนตัวเราชอบนะที่มีแม่แข็งแกร่งและแข็งแรงแบบนี้ เรารู้สึกเบา สบาย โล่ง ชีวิตไม่มีภาระ (ขอโทษที่พูดตรงๆ แต่เรากับแม่คิดเหมือนกันค่ะ)
แล้วมันทำให้เราใช้ชีวิตอย่างไม่ต้องกังวลใจอะไรเลย อย่างน้อยๆที่สุดไม่ต้องมานั่งกังวลว่าใครจะหาข้าวให้แม่กิน ใครจะดูแลแม่
ไม่ต้องกลัวแม่จะเหงา จะน้อยใจเรา จะนั่น จะนี่ โน่นนนน นางขับรถข้ามจังหวัดไปเที่ยวคนเดียวแล้วจ้า ลูกก็รอดูรูปสวยๆ
เอ้อ อีกเรื่อง แม่ไม่ยอมรับเงินจากเราด้วยค่ะ เคยไปหาตอนวันเกิดแล้วแอบยัดเงินสดไว้ในกระเป๋า
วันรุ่งขึ้นเราบินกลับ เปิดโทรศัพท์มาอีกที แม่โอนเงินเข้ามา 2 เท่าของที่เรายัดไว้ให้เลยค่ะ ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่ได้ให้เงินแม่อีกเลย 5555
แต่ก็ดีลกับแม่ว่าเราจะทำประกันสุขภาพให้แม่ละกัน จะได้เบาใจว่าถ้าแม่เจ็บไข้ได้ป่วย ไปโรงพยาบาลเอกชนแพงๆดีๆได้
ไม่ต้องไปทรมานรอคนเยอะ อากาศร้อน ไม่ต้องกังวลอะไร (เหมือนที่เราไม่ต้องกังวลเรื่องแม่)
มีพาไปทานอาหารอร่อยๆบ้าง ไปพักผ่อนในโรงแรมหรูๆบ้าง เท่านี้ก็แฮปปี้มากแล้วค่ะ
เรื่องแต่งงาน แม่เราสอนตั้งแต่เด็กๆเลย ว่าถ้าแต่งงานเมื่อไหร่ ให้เอาครอบครัว (เรา แฟน ลูกเรา) เป็นที่หนึ่งเสมอ
ห้ามเด็ดขาด! ห้ามเอาคนอื่น (รวมถึงแม่) เป็นที่ตั้ง เพราะวันนึงจะทำให้ครอบครัวไปไม่รอด หรือหากรอดก็จะไม่ได้ดีอย่างที่มันควรจะเป็น
แม่พูดเรื่องนี้กับเรานับครั้งไม่ถ้วนจนเราจำขึ้นใจ และประโยคที่แม้เน้นมากคือ "มีครอบครัวแล้ว จำไว้ว่าพ่อแม่คือคนอื่น"
แม่บอกว่าไม่ใช่ว่าจะตัดขาดกัน แต่เราต้องโฟกัสที่ครอบครัวเราให้ดีที่สุด หันกลับมามองพ่อแม่แค่เมื่อโอกาสเอื้ออำนวย
แต่อย่าใช้ทั้งชีวิตเพื่อพะวงกับพ่อแม่จนเกินเหตุทั้งๆที่มีครอบครัวตัวเองให้ต้องประคับประคอง สุดท้ายมันจะพังทั้งคู่
แม่เราเป็น single mom เรากับแม่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ เรียกว่าโตมาด้วยกันทั้งแม่ทั้งลูกเลยอะค่ะ
เราแยกกับแม่ตั้งแต่ตอนเข้ามหาลัย จนถึงตอนนี้ ทำงานมาแล้ว 2 ปีครึ่ง ก็แยกกันอยู่กับแม่ตลอด
และเรากับแม่เป็นพวกรักกันมาก คิดถึงกันมาก แต่อยู่ด้วยกันเกิน 2 วันเมื่อไหร่ตีกันเละเมื่อนั้น
รู้ตัวกันทั้งคู่ค่ะ เลยคิดว่าอยู่ห่างๆกัน แต่ไลน์หากันดีกว่า คอลหากันครั้งละสั้นๆแต่บ่อยๆ ก็หายคิดถึงได้
บางทีเราบินไปพักผ่อนภูเก็ตมั่ง แม่บินมาช็อปปิ้งกรุงเทพมั่ง แต่อย่าบ่อยจะดีที่สุด 555
มีกลับไปหาบ้างตอนวันเกิดแม่ หรือช่วงจังหวะเราว่างแล้วอยากกลับบ้าน ก็กลับ แต่ปีละไม่เคยเกิน 2-3 ครั้งเลยค่ะ
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ตลอดเวลาที่เราไม่อยู่ด้วย แม่เที่ยวมันส์มากกกกกก เพื่อนว่างก็ไปกับเพื่อนบ้าง ไม่มีเพื่อนก็ขับรถเที่ยวต่างจังหวัดคนเดียว
บางทีไถ facebook อยู่ อ้าว! แม่โผล่ไปอยู่เขาใหญ่ (ขับรถจากภูเก็ต) มั่ง โผล่ไปอยู่กระบี่มั่ง สุราษฎร์มั่ง บันเทิงเขาล่ะค่ะ
ส่วนตัวเราชอบนะที่มีแม่แข็งแกร่งและแข็งแรงแบบนี้ เรารู้สึกเบา สบาย โล่ง ชีวิตไม่มีภาระ (ขอโทษที่พูดตรงๆ แต่เรากับแม่คิดเหมือนกันค่ะ)
แล้วมันทำให้เราใช้ชีวิตอย่างไม่ต้องกังวลใจอะไรเลย อย่างน้อยๆที่สุดไม่ต้องมานั่งกังวลว่าใครจะหาข้าวให้แม่กิน ใครจะดูแลแม่
ไม่ต้องกลัวแม่จะเหงา จะน้อยใจเรา จะนั่น จะนี่ โน่นนนน นางขับรถข้ามจังหวัดไปเที่ยวคนเดียวแล้วจ้า ลูกก็รอดูรูปสวยๆ
เอ้อ อีกเรื่อง แม่ไม่ยอมรับเงินจากเราด้วยค่ะ เคยไปหาตอนวันเกิดแล้วแอบยัดเงินสดไว้ในกระเป๋า
วันรุ่งขึ้นเราบินกลับ เปิดโทรศัพท์มาอีกที แม่โอนเงินเข้ามา 2 เท่าของที่เรายัดไว้ให้เลยค่ะ ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่ได้ให้เงินแม่อีกเลย 5555
แต่ก็ดีลกับแม่ว่าเราจะทำประกันสุขภาพให้แม่ละกัน จะได้เบาใจว่าถ้าแม่เจ็บไข้ได้ป่วย ไปโรงพยาบาลเอกชนแพงๆดีๆได้
ไม่ต้องไปทรมานรอคนเยอะ อากาศร้อน ไม่ต้องกังวลอะไร (เหมือนที่เราไม่ต้องกังวลเรื่องแม่)
มีพาไปทานอาหารอร่อยๆบ้าง ไปพักผ่อนในโรงแรมหรูๆบ้าง เท่านี้ก็แฮปปี้มากแล้วค่ะ
ความคิดเห็นที่ 2
"ก็เพราะผมละทิ้งบุพพการี มาอยู่กันสองคนฯ" นี่แหละทำให้ชีวิตผมพังทั้งชีวิต ที่สุดก็คืนสู่สามัญ หย่า เพราะป่วย ต่างคนก็เห็นใส่เห็นพุ่งกันหมด. อย่าลืมคำโบราณว่า "เลือดข้นกว่าน้ำ" พ่อแม่เคยทิ้งเราไหม. พ่อแม่ที่รักเรายิ่งชีวิต สุข ๆ ด้วย ทุกข์ ๆ ยิ่งกว่า ไม่เคยหน่ายเราไม่เคยทิ้งเรา บูชา (หลง) ภรรยา กับ บูชา (กตัญญูกตเวที) ต่อท่านผู้ให้ชีวิตเรา. มองให้ขาดว่า หนทางไหนเป็นนรก หนทางไหนเป็นสวรรค์. ชีวิตนี้ คนเรามีพ่อแม่แค่คู่เดียว ฯลฯ พิจารณาให้รอบด้านนะครับ. ผมพูดจากชีวิตของผมในชาติหนึ่งนี้. ถ้าพูดแรงไปบ้าง ก็ขออภัยด้วยจริง ๆ ครับ ไม่อยากให้เพื่อน ๆ เดินทางผิด. ฯลฯ
ความคิดเห็นที่ 6
พ่อกับแม่อายุ 70 ครับ เขาดูแลตัวเองได้ ลูกอย่าไปยุ่มย่ามให้เขาอึดอัด ไปอยู่ใกล้มาก ๆ พ่อแม่จะอึดอัดนะ
พ่อแม่ผมอยู่คนเดียวมาเกือบสิบปี พึ่งย้ายไปอยู่ด้วยกันเมื่อกันสองปีก่อน ก่อนหน้านั้นพ่อกับแม่ต่างคนต่างอยู่ พ่ออยู่คนเดียวที่บ้านไร่ในป่า แม่อยู่คนเดียวในเมือง ส-อ แม่จะทำกับข้าวหม้อแกงใหญ่ ๆ เอาไปให้พ่อกิน แม่ทำกับข้าวอร่อยมาก พ่อเลยกินกับข้าวหมดตั้งแต่วันพุธ วันที่เหลือพ่อต้องหากินเอง ตอนพ่อกับแม่ย้ายไปอยู่ด้วยกันใหม่ ๆ รู้สึกอึดอัดเพราะอยู่คนเดียวมาหลายปี ตอนนี้พี่ชายต้องปลูกบ้านให้แยกกันอยู่คนละหลังแบบต่างคนต่างอยู่แต่ดูแลกันอยู่ห่าง ๆ
ที่บ้านเราจะไม่ใช้วิธีเอาใจใส่กัน แต่ถ้าใครอยากได้อะไรให้บอกให้พูดออกมา เช่น ปกติพ่อจะขับรถสองร้อยกว่าโลไปศิริราชเอง ต่อมาแก่ไปไม่ไหวก็นั่งรถประจำทาง ต่อมาแก่มากกว่าเดิมอีก พ่อก็โทรมาหาบอกว่า "ขับรถไปส่งหน่อยสิ" เราก็พาพ่อไปเพราะถ้าพ่อพูดว่าไม่ไหวแสดงว่าไม่ไหวจริง แล้วพ่อก็โทรหากำลังสำรองคือน้องสาวกันเราเบี้ยว
ส่วนแม่จะขับรถมาหาหมอเอง มีช่วงหลังที่ให้ผมไปรับยาแทนเพราะไปกลับรพ.ร้อยกว่าโล แม่ขี้เกียจมา ทุกครั้งที่หมอนัดแม่มาตรวจ แม่จะทำกับข้าวมาให้ด้วยเพราะลูกทำกับข้าวไม่เป็น (บ้านผมอยู่ในเมือง)
เวลามีเรื่องเดือนร้อนทุกวันนี้เกี่ยวกับรถเสีย รถสตาร์ทไม่ติดยังต้องโทรมาให้พ่อช่วยอยู่เลย พ่อเคยต้องขับรถกว่าหกสิบกิโลเพื่อมาช่วยเราลากรถ
พ่อแม่เราแก่แล้ว แต่เข้มแข็งดูแลตัวเองได้ เราแค่ซื้อเบียร์ไปฝากพ่อแล้วก็ตั้งใจทำงานหาเงินให้ได้เยอะ ๆ เอาไปให้แม่ก็พอ
พ่อแม่ผมอยู่คนเดียวมาเกือบสิบปี พึ่งย้ายไปอยู่ด้วยกันเมื่อกันสองปีก่อน ก่อนหน้านั้นพ่อกับแม่ต่างคนต่างอยู่ พ่ออยู่คนเดียวที่บ้านไร่ในป่า แม่อยู่คนเดียวในเมือง ส-อ แม่จะทำกับข้าวหม้อแกงใหญ่ ๆ เอาไปให้พ่อกิน แม่ทำกับข้าวอร่อยมาก พ่อเลยกินกับข้าวหมดตั้งแต่วันพุธ วันที่เหลือพ่อต้องหากินเอง ตอนพ่อกับแม่ย้ายไปอยู่ด้วยกันใหม่ ๆ รู้สึกอึดอัดเพราะอยู่คนเดียวมาหลายปี ตอนนี้พี่ชายต้องปลูกบ้านให้แยกกันอยู่คนละหลังแบบต่างคนต่างอยู่แต่ดูแลกันอยู่ห่าง ๆ
ที่บ้านเราจะไม่ใช้วิธีเอาใจใส่กัน แต่ถ้าใครอยากได้อะไรให้บอกให้พูดออกมา เช่น ปกติพ่อจะขับรถสองร้อยกว่าโลไปศิริราชเอง ต่อมาแก่ไปไม่ไหวก็นั่งรถประจำทาง ต่อมาแก่มากกว่าเดิมอีก พ่อก็โทรมาหาบอกว่า "ขับรถไปส่งหน่อยสิ" เราก็พาพ่อไปเพราะถ้าพ่อพูดว่าไม่ไหวแสดงว่าไม่ไหวจริง แล้วพ่อก็โทรหากำลังสำรองคือน้องสาวกันเราเบี้ยว
ส่วนแม่จะขับรถมาหาหมอเอง มีช่วงหลังที่ให้ผมไปรับยาแทนเพราะไปกลับรพ.ร้อยกว่าโล แม่ขี้เกียจมา ทุกครั้งที่หมอนัดแม่มาตรวจ แม่จะทำกับข้าวมาให้ด้วยเพราะลูกทำกับข้าวไม่เป็น (บ้านผมอยู่ในเมือง)
เวลามีเรื่องเดือนร้อนทุกวันนี้เกี่ยวกับรถเสีย รถสตาร์ทไม่ติดยังต้องโทรมาให้พ่อช่วยอยู่เลย พ่อเคยต้องขับรถกว่าหกสิบกิโลเพื่อมาช่วยเราลากรถ
พ่อแม่เราแก่แล้ว แต่เข้มแข็งดูแลตัวเองได้ เราแค่ซื้อเบียร์ไปฝากพ่อแล้วก็ตั้งใจทำงานหาเงินให้ได้เยอะ ๆ เอาไปให้แม่ก็พอ
แสดงความคิดเห็น
พ่อแม่ที่ลูกแต่งงานย้ายออกไปหมดแล้ว ใช้ชีวิตกันยังไงครับ
เมื่อเห็นท่าทีของพ่อแม่แล้ว ผมก็รู้สึกไม่สบายใจ เลยไปปรึกษาคนใกล้ตัว พอถามเพื่อน เพื่อนก็บอกว่า "มึJก็ถามแปลกเนอะ คนเราแต่งงานก็ต้องมีชีตของตัวเองสิวะ มึJควรจะแยกบ้านตั้งนานแล้ว เหลือมึJคนเดียวอะแหละที่ยังอาศัยบ้านพ่อแม่อยู่" ซึ่งก็สอดคล้องกับคำแนะนำของ บรรดาไลฟ์โค้ชบนโลกออนไลน์ ว่า "คุณต้องออกจากบ้าน ไปใช้ชีวิตของตัวเอง อย่าอยู่กับพ่อแม่ ไม่งั้นคุณจะไม่โต"
แต่พอไปปรึกษาญาติ เขาก็บอกว่า "อ้าว แล้วถ้าย้ายออกไป แล้วใครจะดูแลพ่อกับแม่ละ" ซึ่งก็ทำให้ผมรู้สึกผิด เพราะที่บ้านก็ดูแลผมอย่างดี (มากๆ) มาตลอด และถ้าย้ายออกไปแล้ว ถึงผมจะพยายาม มาหาท่านให้ได้บ่อยๆ สักสัปดาห์ละครั้ง ก็สู้อยู่ด้วยกันไม่ได้
ก็เลยอยากฟังจากคนที่มีประสบการณ์ตรงนี้ ว่าคิดยังไงกับเรื่องนี้ครับ