เมื่อวันที่5 กค.(เป็นวันพระใหญ่และวันอาสาฬหบูชา) ที่ผ่านมาเรานัดกับครอบครัว และพี่น้องทางสามีไปเที่ยวแถวปราณบุรีกัน คืนวันที่5 หลังจากทานมื้อค่ำกันโดยสามีได้ทานไวน์ร่วมกับพี่สาวของเขา ไป1ขวด พร้อมทานอาหารเย็นเสร็จและนัดกันว่าพรุ่งนี้แปดโมงเช้าจะไปทานอาหารเช้ากัน แล้วเสร็จก็กลับเข้าที่พัก แต่ในช่วงเย็นของวันนั้นเขามีความเครียดเรื่องงานอยู่โดยงานของเขาดันมีปัญหาในช่วงวันหยุดยาวซึ่งไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เขาจึงได้แต่โทรหาลูกน้องแก้ไขเฉพาะหน้ากันไปก่อน จึงใช้สายโทรเยอะมากๆ หลังจากได้อาบน้ำทาแป้งและเดินมานอนที่เตียง และในคืนนั้นเราก็รู้สึกว่าง่วงมากและเพลียเพราะการเดินทาง ยังหันหลังนอนให้เขาด้วยซ้ำ ช่วงเวลาประมาน 20.30น.แกได้บ่นกับเราว่ารู้สึกจุกท้อง และตามีอาการเบลอๆ เรายังถามกลับไปว่าเอายาหยอดตาไหมเขาตอบกลับโดยการส่ายหน้าว่าไม่ และพูดว่ามันเบลอแบบที่ไม่เคยเป็น และเป็นประโยคสุดท้ายที่พูดกับเรา (ช่วงก่อนหน้าเคยมีอาการแบบนี้และได้น้ำตาเทียมจากหมอมาหยอดก็ดีขึ้น มีโรคประจำตัวคือความดันสูง เกาท์ รักษาตามหมอนัดไม่เคยขาด) และเขาได้เขยิบไปนั่งพิงที่หัวเตียง ซึ่งช่วงเวลานั้นเรานอนหันหลังให้เขาอยู่ รู้สึกเกิดอาการเป็นห่วงเลยหันหน้าเข้าไปหาเขาแล้วเกิดภาพช๊อคคือเขามีอาการ ตาสีขาวเหลือกขึ้นไปเยอะมากแล้วเหมือนมีอาการเกร็งๆ เราจับมือเรียกเขา เขาไม่โต้ตอบกลับมาเลย รู้สึกตกใจรีบออกจากห้องนอนไปเรียกลูกสาว และลูกชายของเขา(ลูกชายดันขับรถออกไปเซเว่นพอทราบเรื่องรีบขับกลับมา) พี่สาวและน้องสาวของเขาทุกคนตกใจกรีดร้องเรียกเขาอยู่ตลอด แต่หัวใจเหมือนเต้นอ่อนลงๆ มี ผจก.ทางที่พักมาช่วยทำ CPRให้ แต่ก็ไม่ดีขึ้นเลย ตามรถโรงพยาบาล แต่กว่าจะเข้ามาถึงด้วยระยะทาง แต่เป็นรถกู้ภัยมาถึงก่อนและมาเปลี่ยนย้ายเป็นรถโรงพยาบาลกลางทางอีกครั้ง สรุปใช้เวลาร่วม 2ชม. กว่าจะถึงมือหมอเรายังแอบถามกู้ภัยว่าจากประสบการณ์ของพี่ที่ผ่านมาพี่ว่าเขาจะมีทางรอดไหม กู้ภัยตอบกลับมาว่า 20%นะคับ แถวเมืองปราณก็จะเป็นโรงพยาบาลเสริมสุขไม่ใช่เอกชน หมอบอกให้เราเตรียมทำใจนะ จิตใจตอนนั้นของเราแตกสลายไม่มีชิ้นดีภาวนาไหว้พระ สุดท้ายหมอก็ออกมาแจ้งว่าเสียใจด้วยนะคะ พยายามปั๊มหัวใจให้แล้วแต่เขาไม่ตอบสนองอะไรแล้ว กรามเริ่มแข็งแล้วนั้นหมายถึงเขาเสียชีวิตแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นแล้วจิตใจเราแย่มากๆ วันรุ่งขึ้นเรากับลูกสาว ก็นำร่างที่ไร้วิญญาณของเขากลับขึ้นมาที่วัดแถวบ้านเราแถวอำเภอพระประแดง นั่งรถมากับเขาบีบจับมือเขาอยู่ตลอด ทางญาติพี่น้องทางสามีซึ่งดีต่อครอบครัวเรามากๆ คอยช่วยเหลือจัดเตรียมงานทำพิธีทางศาสนาพุทธ และคอยช่วยเหลือเกิ้อกูลเราทุกอย่าง ตลอดจนบริษัทที่ทำงานของสามีเรา และเพื่อนๆของเขา และเพื่อนๆพี่น้องของเรา และแม่ของเราเอง กราบขอบคุณทุกๆท่านจากหัวใจ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม เราคอยหมั่นทำบุญตักบาตรให้เขาทุกๆวัน ดีที่เรายังมีลูกซึ่งเป็นตัวแทนความรักของเรา 2คน คนโตเป็น ผช.เตรียมทำงาน คนเล็กเป็น ผญ.เรียนอยู่มอปลายแล้ว เขาทั้งสองคอยเป็นกำลังให้เรา แต่ลึกๆสุดใจเราเศร้ามาก เราหดหู่เหลือเกิน เขาเป็นคนดีสำหรับเรามากๆ เป็นผู้นำครอบครัวที่ดีมากๆเลย วันหยุดถ้ามีโอกาศจะพาครอบครัวไปเที่ยวกัน ตจว.อยู่เสมอ เรายังแอบรู้สึกผิดที่เคยงอแงใส่เขา เขาจากเราไป 26วัน แล้ว ว่างจากงานเมื่อไรก็จะคิดๆฟุ่งซ่านมากๆ กินอะไรไม่ได้นอนไม่หลับมา7-8คืน พยายามหาฟังธรรมมะ แต่การตักบาตรอุทิศผลบุญไปให้เขาทำให้จิตใจเราดีขึ้นมาเยอะเหมือนกัน เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา เป็นประโยคที่ได้ยินมา แต่พอเกิดขึ้นกับเรามันช่างไม่ธรรมดาเลยนะคะ เราจะไม่มีโอกาศได้เจอกับเขาอีกตลอดไป เศร้า หดหู่เหลือเกินค่ะ แต่พยายามนึกถึงความดีของเขา ความสุขต่างๆที่เขาทำไว้ให้เรา คำพูดคำสอนต่างๆ เขาอายุห่างจากเรา 1รอบ(12ปี) เราจะเก็บเขาไว้ในใจของเราตลอดไปค่ะ
เพิ่งสูญเสียสามีที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมา25ปี มันช่างทรมานเหลือเกินเขาจากเราไปอย่างกะทันหันขอคำแนะนำการทำใจให้ดีขึ้น