วันนี้เราได้การรับเชิญจาก PR ของร้าน"อำแดงไต้ฝุ่น" ให้เข้ามารีวิวที่ร้านตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 32 วิธีการเดินทางมาก็ง่ายๆ ถ้ามาด้วยรถไฟฟ้า BTS ให้ลงที่สถานีทองหล่อแล้วต่อแท๊กซี่ฝั่งตรงข้ามกับซอยสุขุมวิท 55 มาประมาณ 500 เมตร ตรงเข้ามาจนสุดซอยสุขุมวิท 32 ร้านจะอยู่ตรงขวามือ หากนำรถส่วนตัวมาเองที่ร้านก็มีพื้นที่ให้จอดอย่างกว้างขวาง ถ้ามองจากภายนอกแล้วไม่บอกว่าที่นี่คือร้านอาหาร ก็นึกว่าเป็นบ้านเดี่ยวที่มีต้นไม้ล้อมรอบดูมีเงาไม้ร่มรื่น ส่วนชื่อร้านนั้นหลายๆคนน่าจะสงสัยว่ามีหมายความอย่างไร แต่ที่แน่ๆร้านนี้เขาต้องมีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องเมนูปูผัดพริกอย่างแน่นอน เพราะมีคำว่า Spicy Crab อยู่ที่หน้าร้านด้วย(คาดว่าน่าจะเป็นเมนูอาหารอันขึ้นชื่อของที่นี่) ส่วนเมนูอื่นๆของที่ร้านจะมีอะไรโดดเด่นให้เราได้ลองชิมบ้างนั้น เดี๋ยวเราเข้าไปชมด้านในพร้อมกันเลยครับ

ด้วยความที่ร้านนี้เป็นบ้านสวนที่มีต้นไม้ขนาดสูงใหญ่อายุยืนปกคลุมอย่างร่มรื่น โซนแรกที่เราได้เจอก่อนนั่นคือมุม Outdoor เหมือนกับเราได้นั่งรับประทานอาหารในสวน ใกล้ๆกันมีบาร์เครื่องดื่มพร้อมกับเปิดเสียงเพลงบรรเลงช่วยทำให้รู้สึกชิลล์มากขึ้นไปอีก ในร้านเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำล้อมรอบด้วยกระจก ได้แสงสว่างจากธรรมชาติและยังเปิดไฟสีส้มทำให้ร้านดูอบอุ่นมากขึ้น มีที่นั่งให้เลือกหลายมุมทั้งริมสวน/ห้องจัดเลี้ยงแบบส่วนตัว/มุมดินเนอร์ที่มีการตกแต่งด้วยผนังสีน้ำเงินเข้มวาดรูปสไตล์โบสถ์ของไทยและของตกแต่งแบบไทยโบราณ ดูแล้วมุมนี้เหมือนจะเป็นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเพราะถ่ายรูปแล้วสวยสุดๆ แต่ร้านก็ไม่ได้มีแค่นี้เดี๋ยวเราเดินขึ้นไปชมที่ชั้น 2 กันครับ

ชั้น 2 ของที่ร้านก็ยังคงมีกลิ่นอายของความเป็นไทยโบราณแต่มีความสว่างปลอดโปร่งโล่งสบายมากกว่า ใครที่ชอบแสงธรรมชาติสวยๆแนะนำว่าขึ้นมาชั้นนี้ดีกว่าครับ การตกแต่งของชั้นนี้มีการใช้รูปและของโบราณต่างๆทำให้ดูเก่าแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามากเกินไปจนดูแล้วอึดอัด วันนี้เราก็เลือกนั่งกันชั้นนี้เพราะจะได้ไม่เป็นการรบกวนลูกค้าคนอื่นๆทำการหาที่นั่งวางสัมภาระต่างๆให้เรียบร้อย แล้วขอเล่มเมนูอาหารของร้านมาดูกันครับว่ามีอะไรให้เราเลือกทานบ้าง

เปิดเล่มเมนูอาหารของที่ร้านหน้าแรกก็จะพบกับความหมายของที่ร้าน คำว่า"อำแดง"คือคำที่ใช้แทนว่านางหรือนางสาวในสมัยโบราณบ่งบอกถึงความเป็นอาหารไทยโบราณสูตรคุณย่า/คุณยาย ส่วนคำว่า"ไต้ฝุ่น"นั้นก็คือการนำปูทะเลมาผัดตามแบบฉบับของเกาะฮ่องกงที่มีมีการเลือกใช้วัตถุดิบพื้นบ้านตามแบบฉบับของที่นั่น และเมื่อนำทั้ง 2 คำมาผสมกันจึงกลายเป็นร้าน"อำแดงไต้ฝุ่น"ที่มีอาหารไทยและฮ่องกงสูตรโบราณรวบรวมไว้ที่ร้านเดียว เมนูขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือปูผัด Spicy Crab สูตรฮ่องกงที่ใช้ปูทะเลตัวใหญ่ๆ ราคาขีดละ 290 บาท และเลือกความเผ็ดได้ถึง 3 ระดับ ถ้าใครขี้เกียจแกะเขาก็มีเป็นเนื้อล้วนผัดแบบเดียวกันราคา 1,500 บาท นอกจากนี้ยังมีเมนูปูอื่นๆราคาขีดละ 250 บาท รวมถึงปูไข่ดองสูตรเกาหลีและไทยราคา 800-850 บาทให้เลือกทาน หมดหน้าเมนูปูทะเลแล้วก็ต่อด้วยกุ้งแม่น้ำมีให้เลือกหลายขนาดราคาเริ่มต้นที่ 950-1700 บาท เมนูยำราคาเริ่มต้นที่ 180-320 บาท เมนูอาหารว่างราคาเริ่มต้นที่ 150-220 บาท เมนูใหม่แนะนำราคาเริ่มต้นที่ 200-350 บาท เมนูปลาทอดเสิร์ฟแบบยกทั้งตัวราคา 450-480 บาท เมนูผัดต่างๆราคา 150-250 บาท เมนูผัดเผ็ดราคา 220-480 บาท อาหารจีน 220-480 บาท เมนูต้มยำราคา 280-450 บาท เมนูแกงราคา 200-250 บาท เมนูเครื่องจิ้มหรือน้ำพริกเสิร์ฟพร้อมผักสดทุกเมนูราคา 280 บาท เมนูแกงจืดราคา 220-320 บาท เมนูข้าวสวยและข้าวผัดราคา 30-250 บาท และยังมีเครื่องดื่มรวมถึงของหวานครบสำรับ ถือว่าราคาอาหารปกติตามแบบฉบับร้านอาหารใจกลางสุขุมวิท ส่วนเมนูที่มีราคาสูงนั้นเดี๋ยวเราต้องมาดูกันว่ารสชาติและคุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้จะดีแค่ไหน ถ้าใหญ่โตสมราคาก็ถือว่าไม่แพงเลยครับผม

เมนูแรกถูกยกมาเสิร์ฟคือกุ้งแม่น้ำเผาขนาดตัวละ 4 ขีดราคา 950 บาท เนื้อแน่นเด้งสู้ฟันเคี้ยวหนึบหนับมันที่หัวกุ้งเยิ้มๆ ทานกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดสูตรพิเศษที่เหมือนผสมสมุนไพรลงไปให้มีสีเขียวเข้มและหอมสดชื่นมากขึ้น เข้ากันได้ดีกับกุ้งแม่น้ำคุณภาพสูงได้เป็นอย่างดี ใครอยากทานกุ้งแม่น้ำดีๆไม่ต้องไปถึงอยุธยาแล้วครับที่นี่คุณภาพพอกันเลย (เผลอๆอาจจะดีกว่าบางร้านด้วยซ้ำ) มาต่อกันด้วยปูไข่ดองแดนกิมจิ ราคา 850 บาท เป็นปูดำทะเลตัวเมียมีไข่อัดแน่นสีส้มเข้มเต็มกระเอง ดองกับโชยุผสมน้ำมันงาสไตล์เกาหลีแต่ถ้าใครรู้สึกว่าเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง เขายังมีน้ำจิ้มซีฟู๊ดสูตรพิเศษที่ใช้พริกสีแดงเอาไว้ทานคู่กันให้รสเปรี้ยวกลมกล่อมมากขึ้น ของคุณภาพสูงสมราคามากครับ

เมนูถัดมาเมี่ยงปลาช่อนทอด แม่เยื้อนราคา 450 บาท ปลาช่อนถูกแล่เอาแต่เนื้อทอดจนกรอบ(วางทิ้งไว้นานก็ยังไม่หายกรอบ) เวลาทานให้ห่อกับใบชะพลูและเครื่องเมี่ยงต่างๆทั้งพริกสด/มะนาวซีก/ขิงหั่นเต๋า/หอมแดงสับ/ถั่วลิสงคั่ว (ให้เครื่องมาแต่ละอย่างไม่มีหวงของ) แล้วราดด้วยน้ำจิ้มเมี่ยงคำเข้มข้นที่มีรสหวานถึงเครื่องหอมเจียวที่ใส่ผสมลงไปอย่างเยอะอร่อยถึงใจมากครับเมนูนี้ มาต่อกันด้วยแกงรัญจวนเนื้อราคา 220 บาท เป็นเนื้อต้มกับน้ำพริกกะปิละลายน้ำรสชาติเปรี้ยว/เค็มเผ็ดกลมกล่อมหอมกลิ่นตะไคร้และใบโหระพา ทานกับข้าวสวยเท่าไหร่ก็ไม่พอครับ

ทานแต่ของเผ็ดๆไปแล้วก็ต้องสั่งผัดสายบัวกุ้งสดใส่มันกุ้งราคา 220 บาท ผัดมารสชาติหวานเค็มกลมกล่อมได้สัมผัสความกรุบกรอบชุ่มน้ำของสายบัว/ความเคี้ยวหนึบของเนื้อกุ้งและความหอมของมันกุ้งที่ผัดผสมลงไปจนลงตัว และแล้วก็มาถึงเมนู Highlight ของที่ร้านนี้คือปูผัด Spicy Crab ราคาขีดละ 290 บาท ตัวที่ทางร้านเสิร์ฟมาให้เราวันนี้เป็นไซส์ 7 ขีด ราคา 2,030 บาท ปูทะเลตัวใหญ่ก้ามโตเนื้อแน่นหวานเจี๊ยบผัดพริกเกลือสไตล์ฮ่องกงจัดหนักทั้งกระเทียม/พริกแห้ง/พริกไทยดำทอดจนกรุบกรอบไม่มีรสขม(เหมือนแยกทอดทีละอย่างแล้วนำมาปรุงรสอีกครั้ง) ปรุงรสมาเค็มกลมกล่อมและตัดความมันเลี่ยนด้วยต้นหอมหั่นท่อน จานนี้ทางร้านจัดให้เป็นความเผ็ดระดับกลางที่ทานตอนแรกๆก็เผ็ดกำลังดี แต่คำหลังๆรสชาติเผ็ดร้อนขึ้นเรื่อยๆใส่เครื่องสมุนไพรทอดกรอบมาเยอะมากๆทำให้จานนี้สามารถทานกับข้าวสวยได้เยอะสุดๆ ถือว่าอร่อยและใช้ของคุณภาพดีจริงสมเป็นเมนูขึ้นชื่อของร้านครับ

ต่อมาเป็นเมนูใหม่คือชุดขนมจีนน้ำยาปูราคา 390 บาท เสิร์ฟมาอย่างอลังการชั้นบนเป็นแกงปูรสชาติเผ็ดเข้มข้นถึงเครื่องแกงและกะทิ ใส่เนื้อปูส่วนกรรเชียงคุณภาพสูงเต็มถ้วย(เคี้ยวหนึบหนับเต็มปากเต็มคำ) ล้อมรอบด้วยขนมจีนเส้นสดม้วนเป็นคำทานง่าย ด้านล่างเป็นผักสดชุดใหญ่เอาไว้ทานคู่กัน สำหรับใครที่ไม่ทานเผ็ดสามารถบอกที่ร้านให้ลดความเผ็ดลงได้ แต่ผมสั่งมาขอแบบเผ็ดที่สุดสมใจอยากดีครับ ของคาวอย่างสุดท้ายคือข้าวผัดสับปะรดราคา 250 บาท ข้าวผัดมาเมล็ดร่วนหอมกลิ่นไหม้กระทะและผงกะหรี่กลมกล่อม ใส่เครื่องให้เพียบอัดแน่นเต็มจานทั้งอกไก่นุ่มทอดกรอบ/กุนเชียงหมู/ลูกเกดดำ/กุ้งทอด/หมูหยอง โดยเครื่องส่วนใหญ่ในชามนี้รสชาติค่อนข้างหวาน แต่ที่ร้านนี้เขาเลือกใช้สับปะรดเนื้อห่ามๆที่มีความเปรี้ยวและความฉ่ำน้ำน้อย ทำให้รสชาติลงตัวสุดๆแต่หากอยากได้แบบ 3 รสเขาก็เสิร์ฟมาพร้อมกับพริกน้ำปลาที่ช่วยเพิ่มความเค็ม + เผ็ดให้จานนี้อร่อยขึ้นไปอีก ดีงามมากๆเลยครับ