เริ่มเรื่องเลยนะคะ
ดิฉันแต่งงานกับสามีมาหลายปี ด้วยความที่สามีเริ่มอายุมากขึ้น บวกกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น
เลยอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สามีนอนกรนเสียงดังมาก ดังไปถึงนอกห้องนอนค่ะ
สามีไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และตั้งแต่มีโควิดก็ไม่ได้ไปออกกำลังกายที่ไหนเลย
การนอนกรนของสามีส่งผลกระทบกับการนอนของดิฉันเป็นอย่างมากค่ะ
แต่สิ่งสำคัญมากกว่านั้นคือดิฉันก็กลัว
กลัวว่าการนอนกรนของเขาจะเป็นอันตราย
ความกลัวนี้ทำให้ดิฉันไม่อยากแยกห้องนอนเพราะกลัวเกิดสามีเป็นอะไรแล้วเราจะไม่รู้
ไม่อยากใส่ที่ปิดหูเพราะกลัวจะไม่ได้ยินว่าสามีเป็นอะไรรึเปล่า
ดิฉันแนะนำให้สามีลดน้ำหนักก่อนเบื้องต้น ถ้าไม่ได้ผลก็ต้องไปหาหมอ สามีก็ไม่สนใจ
และหลายคืนที่ดิฉันนอนไม่หลับเพราะเสียงกรน บวกกับกลัวสามีเป็นอะไรเลยลุกมานั่งเฝ้า
หาข้อมูลทางเน็ตเพื่อจะประเมินสถานการณ์ว่าการกรนของเขาน่ากลัวแค่ไหน
คอยวัดชีพจรว่าสม่ำเสมอรึเปล่า นั่งจ้องเขาว่ามีหายใจขาดช่วงมั้ย ซึ่งชีพจรก็ปกติดี
พร้อมกับเอามือถือสามีมาถ่ายคลิปไว้ให้ดูเป็นหลักฐาน
เพราะอยากให้สามีเห็นว่าเราไม่ได้พูดจาโอเวอร์นะ เราไม่ได้แกล้ง ไม่ได้อำ
เธอนอนกรนมากจริงๆ และการนอนกรนก็ดูน่ากลัวจริงๆ
พอสามีเห็นก็ยอมรับว่า เออ ดูน่ากลัวจริงๆด้วย บอกจะออกกำลังกาย แต่ก็ไม่ไป ส่วนอาหารการกินก็ลดลงเล็กน้อย
แถมยังแกล้งถ่ายคลิปดิฉันตอนหลับเพื่อเป็นการเอาคืนว่าดิฉันก็กรน แต่ในคลิปได้ยินเพียงเสียงหายใจฟืดฟาดเท่านั้น
และยังมีหน้ามาหัวเราะหยอกล้อซะอย่างกับดิฉันนอนกรนดัง
พอนานวันเข้า ดิฉันเริ่มหงุดหงิด อาจจะเพราะนอนน้อยด้วย งานก็ต้องทำ แนะนำอะไรเขาไปก็ไม่ยอมทำตาม เลยโมโหสติหลุด ร้องไห้ออกมา
และคืนนั้นก็ดันไปบ่นกึ่งว่า ว่าเขาไม่เป็นห่วงเราเลยหรอ เรานอนไม่ได้เลย เขาก็บอกแล้วจะให้ทำยังไง
ดิฉันก็เลยว่าเขาฉอดๆ ว่าให้ไปออกกำลังกาย ลดน้ำหนักอะไรก็ไม่ทำ ให้ไปหาหมอก็ไม่ไป เขาก็เถียงบอกว่าก็ลดแล้ว และบอกงั้นแยกห้องนอน
ดิฉันก็เสียใจ น้อยใจ รู้สึกอะไรไม่รู้มากมาย พาลน้อยใจไปเรื่องโน้นเรื่องนี้ ย้อนอดีตมั่วไปหมด ทั้งเรื่องที่เขาเคยทำให้เราเสียใจ
เรื่องที่เขาไม่ค่อยเต็มใจทำให้เรา แต่ทีคนอื่นทำให้เต็มที่ พาลว่าเขาว่าไม่คิดทำอะไรเพื่อเราบ้างหรอ คือดิฉันพูดไปเรื่อย
ซึ่งก็รู้ว่าไม่ควรแต่ตอนนั้นมันพรั่งพรูออกมา
สรุปคือเขาก็ไปนอนข้างนอก แต่ดิฉันก็นอนไม่หลับเพราะนอยที่ตัวเองพูดออกไป
สายๆเขาบอกจะไปหาหมอ ดิฉันก็ดีใจ แม้จะรู้สึกเหมือนเขายอมไปหาหมอเพราะตัดรำคาญก็ตาม
และก็รู้สึกเคว้งๆยังไงไม่รู้ค่ะ รู้สึกเหมือนเรางี่เง่าเกินไป
เรื่องทั้งหมดมีเท่านี้ค่ะ
เพื่อนๆคิดว่าดิฉันเป็นผู้หญิงที่เยอะเกินไปไหมคะ
รู้สึกสับสนว่าเรางี่เง่ากับสามีมากเกินไปหรือเปล่าค่ะ
ดิฉันแต่งงานกับสามีมาหลายปี ด้วยความที่สามีเริ่มอายุมากขึ้น บวกกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น
เลยอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สามีนอนกรนเสียงดังมาก ดังไปถึงนอกห้องนอนค่ะ
สามีไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และตั้งแต่มีโควิดก็ไม่ได้ไปออกกำลังกายที่ไหนเลย
การนอนกรนของสามีส่งผลกระทบกับการนอนของดิฉันเป็นอย่างมากค่ะ
แต่สิ่งสำคัญมากกว่านั้นคือดิฉันก็กลัว
กลัวว่าการนอนกรนของเขาจะเป็นอันตราย
ความกลัวนี้ทำให้ดิฉันไม่อยากแยกห้องนอนเพราะกลัวเกิดสามีเป็นอะไรแล้วเราจะไม่รู้
ไม่อยากใส่ที่ปิดหูเพราะกลัวจะไม่ได้ยินว่าสามีเป็นอะไรรึเปล่า
ดิฉันแนะนำให้สามีลดน้ำหนักก่อนเบื้องต้น ถ้าไม่ได้ผลก็ต้องไปหาหมอ สามีก็ไม่สนใจ
และหลายคืนที่ดิฉันนอนไม่หลับเพราะเสียงกรน บวกกับกลัวสามีเป็นอะไรเลยลุกมานั่งเฝ้า
หาข้อมูลทางเน็ตเพื่อจะประเมินสถานการณ์ว่าการกรนของเขาน่ากลัวแค่ไหน
คอยวัดชีพจรว่าสม่ำเสมอรึเปล่า นั่งจ้องเขาว่ามีหายใจขาดช่วงมั้ย ซึ่งชีพจรก็ปกติดี
พร้อมกับเอามือถือสามีมาถ่ายคลิปไว้ให้ดูเป็นหลักฐาน
เพราะอยากให้สามีเห็นว่าเราไม่ได้พูดจาโอเวอร์นะ เราไม่ได้แกล้ง ไม่ได้อำ
เธอนอนกรนมากจริงๆ และการนอนกรนก็ดูน่ากลัวจริงๆ
พอสามีเห็นก็ยอมรับว่า เออ ดูน่ากลัวจริงๆด้วย บอกจะออกกำลังกาย แต่ก็ไม่ไป ส่วนอาหารการกินก็ลดลงเล็กน้อย
แถมยังแกล้งถ่ายคลิปดิฉันตอนหลับเพื่อเป็นการเอาคืนว่าดิฉันก็กรน แต่ในคลิปได้ยินเพียงเสียงหายใจฟืดฟาดเท่านั้น
และยังมีหน้ามาหัวเราะหยอกล้อซะอย่างกับดิฉันนอนกรนดัง
พอนานวันเข้า ดิฉันเริ่มหงุดหงิด อาจจะเพราะนอนน้อยด้วย งานก็ต้องทำ แนะนำอะไรเขาไปก็ไม่ยอมทำตาม เลยโมโหสติหลุด ร้องไห้ออกมา
และคืนนั้นก็ดันไปบ่นกึ่งว่า ว่าเขาไม่เป็นห่วงเราเลยหรอ เรานอนไม่ได้เลย เขาก็บอกแล้วจะให้ทำยังไง
ดิฉันก็เลยว่าเขาฉอดๆ ว่าให้ไปออกกำลังกาย ลดน้ำหนักอะไรก็ไม่ทำ ให้ไปหาหมอก็ไม่ไป เขาก็เถียงบอกว่าก็ลดแล้ว และบอกงั้นแยกห้องนอน
ดิฉันก็เสียใจ น้อยใจ รู้สึกอะไรไม่รู้มากมาย พาลน้อยใจไปเรื่องโน้นเรื่องนี้ ย้อนอดีตมั่วไปหมด ทั้งเรื่องที่เขาเคยทำให้เราเสียใจ
เรื่องที่เขาไม่ค่อยเต็มใจทำให้เรา แต่ทีคนอื่นทำให้เต็มที่ พาลว่าเขาว่าไม่คิดทำอะไรเพื่อเราบ้างหรอ คือดิฉันพูดไปเรื่อย
ซึ่งก็รู้ว่าไม่ควรแต่ตอนนั้นมันพรั่งพรูออกมา
สรุปคือเขาก็ไปนอนข้างนอก แต่ดิฉันก็นอนไม่หลับเพราะนอยที่ตัวเองพูดออกไป
สายๆเขาบอกจะไปหาหมอ ดิฉันก็ดีใจ แม้จะรู้สึกเหมือนเขายอมไปหาหมอเพราะตัดรำคาญก็ตาม
และก็รู้สึกเคว้งๆยังไงไม่รู้ค่ะ รู้สึกเหมือนเรางี่เง่าเกินไป
เรื่องทั้งหมดมีเท่านี้ค่ะ
เพื่อนๆคิดว่าดิฉันเป็นผู้หญิงที่เยอะเกินไปไหมคะ