ดิฉันเป็นคนนึงที่เป็นเด็กอ้วนมาตั้งแต่เกิด ช่วง ม.ต้นกำลังเป็นสาว พยายามลดความอ้วนตลอดเวลา ออกกำลังกาย งดอาหาร
บางทีก็แอบไปซื้อยาลดความอ้วนมาทาน ผลปรากฏว่าน้ำหนักลดจริง แต่สมองเกิดอาการเบลอ หิวน้ำบ่อย นอนไม่หลับ ขี้หลงขี้ลืม
ใจสั่น เกิดจาดเอฟเฟ็คที่ทานยาลดความอ้วนทานมาตลอดพอหยุดทานน้ำหนักก็ขึ้น เกิดการโยโย่เอ็ฟเฟ็คนั่นเอง
จนตัวเองเข้ามหาลัย ก็ยังเป็นผู้หญิงอวบๆ น้ำหนัก 64 ช่วงปี1 เรียนคณะสถาปัตย์ ทำงานหนัก นอนดึก กินดึก และ อยู่กับเพื่อนๆ สนุกกับการกิน
หลังจากนั้นก็ไม่คอิดอยากลดน้ำหนักอีกเลย เพราะเหนื่อย ที่จะต้องมาเครียดและควบคุมอาหารตลอดเวลา และเราก็สนุกกับการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย
น้ำหนักก็เริ่มทยอยขึ้นเรื่อยๆ จนเรียนจบในระยะเวลา5ปีของคณะสถาปัตย์ น้ำหนักพุ่งพรวดมาถึง 95 กิโลกรัม แต่ตัวเองเป็นโรคกลัวตาชั่ง
ไม่เคยชั่งน้ำหนักเลยหลังจากน้ำหนักขึ้นที่5กิโลแรก จะมารู้อีกทีในภาวะจำเป็นเวลาไม่สบสบายตอนเข้าโรงพยาบาล หรือสมัครฟิตเนส
เป็นภาวะจำยอมที่จะต้องชั่งเช็คร่างกาย😅
พอเข้าสู่วัยทำงานก็ตระเวนกิน ร้านอร่อยอยู่ที่ไหน เราต้องเคยไปเช็คอินที่นั่น จนน้ำน้กทะลุ106 กิโลกรัม ทุบสถิติอายุน้อยร้อยโลได้เก่งมาก55555 แต่ก่อนหน้านั้นความอ้วนไม่เคยเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตเลย เป็นคนลุยๆมั่นใจในตัวเองสูง แต่จะมีอยู่1อย่าง ที่คนอื่นเค้าเป็นผู้หญิงแต่เราไม่เป็นเหมือนเค้าคือประจำเดือนแต่เราไม่มี มาไม่ปรกติ แรกๆ3 เดือนครั้ง 6 เดือนครั้ง หลังๆ1ปีครั้ง ไอ้ตัวเราก็ชอบ เพราะเวลามีประจำเดือนก็จะลำบากยุ่งยากหน่อย เหมือนผู้ชายดี55555
ตอนนั้นก็ไม่คิดว่าตัวเองจะใหญ่เบอร์นั้น คิดว่าตัวเล็กมาตลอด จนเริ่มนอนกรนดังจนตัวเองรู้สึกตัว เพื่อนก็ทักมันบอกนึกว่าขับเรือหางยาว😅 เข้าห้องน้ำนั่งยองไม่ได้เหน็บกิน เหนื่อยง่าย ความดันสูง และสาเหตุที่ประจำเดือนไม่มาเพราะไขมันมันไปอุดตันรังไข่ ถึงรู้ตัวว่าตัวเองอ้วนเกินไปแล้ว
ไปปรึกษาคุณหมอแกก็บอกว่าต้องลดน้ำหนักอย่างเดียวแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น
พอแต่งงานตอนนั้นคิดว่าตัวเองคงเป็นหมันมีลูกไม่ได้ เลยตัดสินใจหาข้อมูลทางอินเตอร์เนตทำวิธีไหนถึงผอมลง เราก็เลือกตัดไฟตั้งแต่ต้นลม คือ ผ่าตัดกระเพาะเถอะ ถ้าอดข้าวอดน้ำแบบเมื่อก่อน ใจเรามันไม่สู้ เพราะน้ำหนักพุ่ง เกินร้อย กว่าจะมีลูกได้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พอหลังผ่าตัดผอมลงประจำเดือนมาได้ปกติ เริ่มมีกำลังใจในการออกกำลังกาย กินอาหารทีมีประโยชน์ครบ5หมู่ ใน1เดือนแรก อาจจะต้องเลือกทานอาหารอ่อนก่อน เพราะกระเพาะแผลของเรายังไม่สมานกันดี และเราจะยังทานอะไรไม่ค่อยได้โดยอัตโนมัติ ส่วนตัวหลังผ่าตัดคือชิลมาก ไม่ได้มีผลอะไรมากกับการดำรงชีวิต เพียงแค่ทานน้อยลงมาก แต่ จะจุกถ้าอาหารเต็มกระเพาะแล้ว เพราะคุณหมอตัด กระเพาะเราออกไป90% เหลือ เพียง 10%เท่านั้น ถ้าเหลือมากกว่านี้ น้ำหนัก จะไม่ค่อยลด หรือไม่เห็นผล เพราะกระเพาะสามารถขยายตัวใหม่ได้
ชีวิตหลังผ่าตัด จึงต้องควบคุมอาหาร และออกกำลังกายควบคู่กันไม่งั้นผิวก็จะเหี่ยวไม่มีกล้ามเนื้อ กินอาหารที่เน้นโปรตีน
และผักใบเขียวเยอะๆถ้าอยากลดเร็วควรงดทานน้ำตาลเลย ผอมแล้วค่อยกลับมาทานนะ
จากภาพ106kg-80kg
จากภาพ106kg-80kg
ออกกำลังกายอย่างน้อย2ครั้งต่ออาทิตย์ก็ยังดี แต่อาหารสำคัญมากกว่า
เรากับแฟนช่วงปี2ตอนนั้นหนัก75
ก่อนผ่าตัดเรากับแฟนพากันกินอ้วนกันทั้งคู่
น้ำหนักเริ่มลดลง ใส่เสื้อผ้ามั่นใจมากขึ้น
อยากใส่ชุดอะไรก็พอจะมีไซค์เหมือนชาวบ้านได้แล้ว
ปัจจุบันอายุ32ปี น้ำหนัก 67 กิโลกรัม มีลูกได้แล้ว และ ตอนนี้ครบ1ไตรมาสพอดีแล้ว🤘🙏 ผิวดีขึ้นไม่มีสิวแล้วเพราะฮอโมนเพศหญิงมาปกติ แต่ก่อนจะเป็นสิวหนักมากไม่ใช่สิวที่เกิดจากสิ่งสกปรกแต่เป็นสิวจากฮอร์โมนเพศชายมากกว่าปกติ อาการกรนดังหายไปไม่มีเสียงกรนเลย ความดันปรกติ
น้ำหนักยังไม่ถึงเป้าหมายคิดไว้ว่าอยากให้เหลือซัก55 ก็พอ แต่มีลูกได้เอ้าไว้ค่อยลดต่อเนอะ😆
สรุปยาลดน้ำหนักหรืออาหารเสริมลดน้ำหนักลองมาหมดไม่ได้ผล อย่าไปเสียเงินฟรีเชื่อคำโฆษณา หลังจากนั้นคุมอาหาร
และออกกำลังกายควบคู่กัน แค่อาทิตย์ละ3ครั้งก็พอ
ตอนนั้น 106 kg. ปัจจุบัน 67 kg. กว่าจะลงได้ถึงขนาดนี้ใช้ระยะเวลา10เดือน รู้สึกกระฉับกระเฉงมากขึ้นเยอะ มั่นใจตัวเองมากขึ้น ที่สำคัญได้มีเจ้าตัวน้อยมาสมดั่งใจ คิดไม่ผิดที่ตัดสินใจทำเลย
ต้องขอบคุณ คุณหมอมากๆที่ทำให้เราเหมือนมีชีวิตใหม่อีกครั้ง🙏
อ้อ!! เรากับแฟน อ้วนขึ้นพร้อมๆกัน แต่พอเค้าเห็นเราลด เค้าก็อยากลดตาม ไปฟิตเนสออกกำลังกายคงบคุมอาหาร และผอมลงด้วยตัวเองค่ะ อันนี้คือเก่งจริง
สุดท้ายแล้วการออกกำลังกายก้คือวิธีที่ดีที่สุดเพื่อสุขภาพของตัวเองนะคะ
หากอยากติดตามหรือสอบถามปัญหาเกี่ยวกับผ่าตัดกระเพาะ ติดตามได้ที่นี่นะคะ
https://www.facebook.com/nattanit.coommit
instagram : na_kamala
[CR] รีวิว ลดความอ้วน ศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะ เปลี่ยนชีวิต!! อดีต106 kg. ปัจจุบัน 67kg. ภายใน8เดือน
บางทีก็แอบไปซื้อยาลดความอ้วนมาทาน ผลปรากฏว่าน้ำหนักลดจริง แต่สมองเกิดอาการเบลอ หิวน้ำบ่อย นอนไม่หลับ ขี้หลงขี้ลืม
ใจสั่น เกิดจาดเอฟเฟ็คที่ทานยาลดความอ้วนทานมาตลอดพอหยุดทานน้ำหนักก็ขึ้น เกิดการโยโย่เอ็ฟเฟ็คนั่นเอง
จนตัวเองเข้ามหาลัย ก็ยังเป็นผู้หญิงอวบๆ น้ำหนัก 64 ช่วงปี1 เรียนคณะสถาปัตย์ ทำงานหนัก นอนดึก กินดึก และ อยู่กับเพื่อนๆ สนุกกับการกิน
หลังจากนั้นก็ไม่คอิดอยากลดน้ำหนักอีกเลย เพราะเหนื่อย ที่จะต้องมาเครียดและควบคุมอาหารตลอดเวลา และเราก็สนุกกับการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย
น้ำหนักก็เริ่มทยอยขึ้นเรื่อยๆ จนเรียนจบในระยะเวลา5ปีของคณะสถาปัตย์ น้ำหนักพุ่งพรวดมาถึง 95 กิโลกรัม แต่ตัวเองเป็นโรคกลัวตาชั่ง
ไม่เคยชั่งน้ำหนักเลยหลังจากน้ำหนักขึ้นที่5กิโลแรก จะมารู้อีกทีในภาวะจำเป็นเวลาไม่สบสบายตอนเข้าโรงพยาบาล หรือสมัครฟิตเนส
เป็นภาวะจำยอมที่จะต้องชั่งเช็คร่างกาย😅
พอเข้าสู่วัยทำงานก็ตระเวนกิน ร้านอร่อยอยู่ที่ไหน เราต้องเคยไปเช็คอินที่นั่น จนน้ำน้กทะลุ106 กิโลกรัม ทุบสถิติอายุน้อยร้อยโลได้เก่งมาก55555 แต่ก่อนหน้านั้นความอ้วนไม่เคยเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตเลย เป็นคนลุยๆมั่นใจในตัวเองสูง แต่จะมีอยู่1อย่าง ที่คนอื่นเค้าเป็นผู้หญิงแต่เราไม่เป็นเหมือนเค้าคือประจำเดือนแต่เราไม่มี มาไม่ปรกติ แรกๆ3 เดือนครั้ง 6 เดือนครั้ง หลังๆ1ปีครั้ง ไอ้ตัวเราก็ชอบ เพราะเวลามีประจำเดือนก็จะลำบากยุ่งยากหน่อย เหมือนผู้ชายดี55555
ตอนนั้นก็ไม่คิดว่าตัวเองจะใหญ่เบอร์นั้น คิดว่าตัวเล็กมาตลอด จนเริ่มนอนกรนดังจนตัวเองรู้สึกตัว เพื่อนก็ทักมันบอกนึกว่าขับเรือหางยาว😅 เข้าห้องน้ำนั่งยองไม่ได้เหน็บกิน เหนื่อยง่าย ความดันสูง และสาเหตุที่ประจำเดือนไม่มาเพราะไขมันมันไปอุดตันรังไข่ ถึงรู้ตัวว่าตัวเองอ้วนเกินไปแล้ว
ไปปรึกษาคุณหมอแกก็บอกว่าต้องลดน้ำหนักอย่างเดียวแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น
พอแต่งงานตอนนั้นคิดว่าตัวเองคงเป็นหมันมีลูกไม่ได้ เลยตัดสินใจหาข้อมูลทางอินเตอร์เนตทำวิธีไหนถึงผอมลง เราก็เลือกตัดไฟตั้งแต่ต้นลม คือ ผ่าตัดกระเพาะเถอะ ถ้าอดข้าวอดน้ำแบบเมื่อก่อน ใจเรามันไม่สู้ เพราะน้ำหนักพุ่ง เกินร้อย กว่าจะมีลูกได้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พอหลังผ่าตัดผอมลงประจำเดือนมาได้ปกติ เริ่มมีกำลังใจในการออกกำลังกาย กินอาหารทีมีประโยชน์ครบ5หมู่ ใน1เดือนแรก อาจจะต้องเลือกทานอาหารอ่อนก่อน เพราะกระเพาะแผลของเรายังไม่สมานกันดี และเราจะยังทานอะไรไม่ค่อยได้โดยอัตโนมัติ ส่วนตัวหลังผ่าตัดคือชิลมาก ไม่ได้มีผลอะไรมากกับการดำรงชีวิต เพียงแค่ทานน้อยลงมาก แต่ จะจุกถ้าอาหารเต็มกระเพาะแล้ว เพราะคุณหมอตัด กระเพาะเราออกไป90% เหลือ เพียง 10%เท่านั้น ถ้าเหลือมากกว่านี้ น้ำหนัก จะไม่ค่อยลด หรือไม่เห็นผล เพราะกระเพาะสามารถขยายตัวใหม่ได้
ชีวิตหลังผ่าตัด จึงต้องควบคุมอาหาร และออกกำลังกายควบคู่กันไม่งั้นผิวก็จะเหี่ยวไม่มีกล้ามเนื้อ กินอาหารที่เน้นโปรตีน
และผักใบเขียวเยอะๆถ้าอยากลดเร็วควรงดทานน้ำตาลเลย ผอมแล้วค่อยกลับมาทานนะ
จากภาพ106kg-80kg
จากภาพ106kg-80kg
ออกกำลังกายอย่างน้อย2ครั้งต่ออาทิตย์ก็ยังดี แต่อาหารสำคัญมากกว่า
เรากับแฟนช่วงปี2ตอนนั้นหนัก75
ก่อนผ่าตัดเรากับแฟนพากันกินอ้วนกันทั้งคู่
น้ำหนักเริ่มลดลง ใส่เสื้อผ้ามั่นใจมากขึ้น
อยากใส่ชุดอะไรก็พอจะมีไซค์เหมือนชาวบ้านได้แล้ว
ปัจจุบันอายุ32ปี น้ำหนัก 67 กิโลกรัม มีลูกได้แล้ว และ ตอนนี้ครบ1ไตรมาสพอดีแล้ว🤘🙏 ผิวดีขึ้นไม่มีสิวแล้วเพราะฮอโมนเพศหญิงมาปกติ แต่ก่อนจะเป็นสิวหนักมากไม่ใช่สิวที่เกิดจากสิ่งสกปรกแต่เป็นสิวจากฮอร์โมนเพศชายมากกว่าปกติ อาการกรนดังหายไปไม่มีเสียงกรนเลย ความดันปรกติ
น้ำหนักยังไม่ถึงเป้าหมายคิดไว้ว่าอยากให้เหลือซัก55 ก็พอ แต่มีลูกได้เอ้าไว้ค่อยลดต่อเนอะ😆
สรุปยาลดน้ำหนักหรืออาหารเสริมลดน้ำหนักลองมาหมดไม่ได้ผล อย่าไปเสียเงินฟรีเชื่อคำโฆษณา หลังจากนั้นคุมอาหาร
และออกกำลังกายควบคู่กัน แค่อาทิตย์ละ3ครั้งก็พอ
ตอนนั้น 106 kg. ปัจจุบัน 67 kg. กว่าจะลงได้ถึงขนาดนี้ใช้ระยะเวลา10เดือน รู้สึกกระฉับกระเฉงมากขึ้นเยอะ มั่นใจตัวเองมากขึ้น ที่สำคัญได้มีเจ้าตัวน้อยมาสมดั่งใจ คิดไม่ผิดที่ตัดสินใจทำเลย
ต้องขอบคุณ คุณหมอมากๆที่ทำให้เราเหมือนมีชีวิตใหม่อีกครั้ง🙏
อ้อ!! เรากับแฟน อ้วนขึ้นพร้อมๆกัน แต่พอเค้าเห็นเราลด เค้าก็อยากลดตาม ไปฟิตเนสออกกำลังกายคงบคุมอาหาร และผอมลงด้วยตัวเองค่ะ อันนี้คือเก่งจริง
สุดท้ายแล้วการออกกำลังกายก้คือวิธีที่ดีที่สุดเพื่อสุขภาพของตัวเองนะคะ
หากอยากติดตามหรือสอบถามปัญหาเกี่ยวกับผ่าตัดกระเพาะ ติดตามได้ที่นี่นะคะ
https://www.facebook.com/nattanit.coommit
instagram : na_kamala
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้