อีกด้านของการผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน (อยากทำต้องอ่าน)
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเขียนมู้นี้ไม่ได้จะขู่ แต่ผมคิดว่าเป็นข้อมูลที่ผู้คิดจะทำการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ หรือ gastric bypass ควรต้องทราบไว้ ก่อนตัดสินใจทำ
อย่างแรก คือ ตรวจเยอะมากกกกกกก อย่างนึงที่ต้องเข้าใจคือ คุณอ้วนมากกกก การผ่าตัดจะอันตรายมากกว่าคนปกติมากกกก หมอต้องตรวจให้ละเอียดมากๆก่อนจะผ่า อย่างผม ทีมแพทย์ศิริราขใข้เวลาเตรียมพร้อมผม 6เดือนได้ ตรวจทั่วไป ตรวจลิ่มเลือก (ตรวจที่ปลายเท้าอะ ไม่รู้ส่องแสงหรืออัลตราซาวน์ด ตรวจทางเดินหายใจ ส่องกล้องทางเดินอาหาร พบจิตแพทย์ บลาๆๆๆๆๆๆ
2 ไม่ใช่นึกจะผ่าตัดก็ผ่าได้เลย แต่ต้องปรับนิสัยการกินให้ได้ก่อน ถ้าทำเองไม่ได้ก็ต้องแอดมิทตัวให้แพทย์คุมอาหาร เพราะถ้าผ่าไป แต่ยังเลือกกินแต่ของอ้วนๆ เนื้ อติดมัน แกงกะทิ ของทอด สุดท้ายก็สามารถกลับมาอ้วนได้ อย่างเคสผม ต้องคุมอาหารอยู่ที่ศิริราช 2 เดือน กินแต่ผักต้มล้วนๆ 1เดือน ส่วนเดือนหลังจะมีปลาต้มหรืออกไก่ต้มให้ แรกๆนี่ทรมานใช้ได้เลย
3 ต้องเลิกกินน้ำวาน เพราะน้ำหวานจะไหลผ่านกระเพาะไปเลยทำให้ไม่รู้สึกอิ่ม กินเท่าไรก็ได้ (แต่ผมก็ยังแอบกินอยู่บ้าง บางครั้งมันก็อยากอะนะ แหะๆ)
4 ก่อนจะผ่า ต้องลด นน ลงมาระดับนึง เพื่อดูความน่าจะเป็นหลังผ่าว่าจะคุม นน ได้ไหม และถ้าคุณ นน 200++ ต้องลดเด็ดขาด เพราะ.....
เตียงผ่าตัดมันรับ นน ได้แค่200 กก. จ้ะ - - ตอนผมผ่านี่ต้องใส่ออพชั่นเสริมต่อเตียงให้กว้างขึ้น เพราะเตียงเขาออกแบบมาใช้กับคน ไม่ใช่ควาย
5 ข้อนี้สำคัญมาก อยากให้ทุกคนคิดให้ดีก่อนจะตัดสินใจผ่า นั่นคือ ถ้าคิดว่าที่ผ่านมายังไม่ได้พยายามเต็มที่ ลองลดเองก่อนเถอะครับ เพราะผ่าตัดนี่เจ็บเอาเรื่องเลย ตอนผ่าอะไม่เจ็บหรอก แต่หลังผ่านี่เจ็บพอสมควรเลย อย่างเช่นเคสผม
เคสผมผ่าประมาณ 7-8 ชม ซึ่งสิ่งที่ตามมาคือ ผ่านาน-สอดท่อหายใจนาน-คอแห้ง-เสมหะเยอะ-ไอ-หลังผ่าตัด1วันห้ามกินอะไรทั้งนั้น น้ำก็ไม่ได้-ไอหนักกว่าเดิมเพราะร่างกายพยายามขับเสมหะออกไป-ผ่าตัดช่องท้อง สิ่งที่เจ็บที่สุดคือการเกร็งหน้าท้อง และการไอทุกครั้ง ช่องท้องจะเกร็งโดยอัตโนมัติ
มันส์พะย่ะค่ะ
จะเจ็บมากๆอยู่คือสามถึงสี่วันแรก เจ็บชนิดนอนตะแคงไม่ได้ ลุกนั่งตัวตรงไม่ได้ แต่ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ก็ไม่ค่อยเจ็บแระ
การผ่าตัดกระเพาะ ในหลายๆเคสจะต้องกินสารอาหาร วิตะมินเสริมไปตลอดชีวิต เพราะร่างกายรับอาหารได้น้อยลง
สรุป คือ มันมีความลำบากของมันอยู่ แต่ถ้าจำเป็นต้องทำก็ทำเถอะ เพื่อสุขภาพเรา
ที่เขียนมู้นี้ไม่ได้จะขู่นะ แต่อยากบอกให้เป็นข้อมูลไว้สำหรับคนที่คิดจะทำ
อีกด้านของการผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน (อยากทำต้องอ่าน)
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเขียนมู้นี้ไม่ได้จะขู่ แต่ผมคิดว่าเป็นข้อมูลที่ผู้คิดจะทำการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ หรือ gastric bypass ควรต้องทราบไว้ ก่อนตัดสินใจทำ
อย่างแรก คือ ตรวจเยอะมากกกกกกก อย่างนึงที่ต้องเข้าใจคือ คุณอ้วนมากกกก การผ่าตัดจะอันตรายมากกว่าคนปกติมากกกก หมอต้องตรวจให้ละเอียดมากๆก่อนจะผ่า อย่างผม ทีมแพทย์ศิริราขใข้เวลาเตรียมพร้อมผม 6เดือนได้ ตรวจทั่วไป ตรวจลิ่มเลือก (ตรวจที่ปลายเท้าอะ ไม่รู้ส่องแสงหรืออัลตราซาวน์ด ตรวจทางเดินหายใจ ส่องกล้องทางเดินอาหาร พบจิตแพทย์ บลาๆๆๆๆๆๆ
2 ไม่ใช่นึกจะผ่าตัดก็ผ่าได้เลย แต่ต้องปรับนิสัยการกินให้ได้ก่อน ถ้าทำเองไม่ได้ก็ต้องแอดมิทตัวให้แพทย์คุมอาหาร เพราะถ้าผ่าไป แต่ยังเลือกกินแต่ของอ้วนๆ เนื้ อติดมัน แกงกะทิ ของทอด สุดท้ายก็สามารถกลับมาอ้วนได้ อย่างเคสผม ต้องคุมอาหารอยู่ที่ศิริราช 2 เดือน กินแต่ผักต้มล้วนๆ 1เดือน ส่วนเดือนหลังจะมีปลาต้มหรืออกไก่ต้มให้ แรกๆนี่ทรมานใช้ได้เลย
3 ต้องเลิกกินน้ำวาน เพราะน้ำหวานจะไหลผ่านกระเพาะไปเลยทำให้ไม่รู้สึกอิ่ม กินเท่าไรก็ได้ (แต่ผมก็ยังแอบกินอยู่บ้าง บางครั้งมันก็อยากอะนะ แหะๆ)
4 ก่อนจะผ่า ต้องลด นน ลงมาระดับนึง เพื่อดูความน่าจะเป็นหลังผ่าว่าจะคุม นน ได้ไหม และถ้าคุณ นน 200++ ต้องลดเด็ดขาด เพราะ.....
เตียงผ่าตัดมันรับ นน ได้แค่200 กก. จ้ะ - - ตอนผมผ่านี่ต้องใส่ออพชั่นเสริมต่อเตียงให้กว้างขึ้น เพราะเตียงเขาออกแบบมาใช้กับคน ไม่ใช่ควาย
5 ข้อนี้สำคัญมาก อยากให้ทุกคนคิดให้ดีก่อนจะตัดสินใจผ่า นั่นคือ ถ้าคิดว่าที่ผ่านมายังไม่ได้พยายามเต็มที่ ลองลดเองก่อนเถอะครับ เพราะผ่าตัดนี่เจ็บเอาเรื่องเลย ตอนผ่าอะไม่เจ็บหรอก แต่หลังผ่านี่เจ็บพอสมควรเลย อย่างเช่นเคสผม
เคสผมผ่าประมาณ 7-8 ชม ซึ่งสิ่งที่ตามมาคือ ผ่านาน-สอดท่อหายใจนาน-คอแห้ง-เสมหะเยอะ-ไอ-หลังผ่าตัด1วันห้ามกินอะไรทั้งนั้น น้ำก็ไม่ได้-ไอหนักกว่าเดิมเพราะร่างกายพยายามขับเสมหะออกไป-ผ่าตัดช่องท้อง สิ่งที่เจ็บที่สุดคือการเกร็งหน้าท้อง และการไอทุกครั้ง ช่องท้องจะเกร็งโดยอัตโนมัติ
มันส์พะย่ะค่ะ
จะเจ็บมากๆอยู่คือสามถึงสี่วันแรก เจ็บชนิดนอนตะแคงไม่ได้ ลุกนั่งตัวตรงไม่ได้ แต่ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ก็ไม่ค่อยเจ็บแระ
การผ่าตัดกระเพาะ ในหลายๆเคสจะต้องกินสารอาหาร วิตะมินเสริมไปตลอดชีวิต เพราะร่างกายรับอาหารได้น้อยลง
สรุป คือ มันมีความลำบากของมันอยู่ แต่ถ้าจำเป็นต้องทำก็ทำเถอะ เพื่อสุขภาพเรา
ที่เขียนมู้นี้ไม่ได้จะขู่นะ แต่อยากบอกให้เป็นข้อมูลไว้สำหรับคนที่คิดจะทำ