บทนี้มาสั้นหน่อยนะคะ มันตัดฉากพอดี ตอนหน้าจะมายาวๆ ค่ะ
ภาคสี่ บทที่ ๑
https://ppantip.com/topic/39982002
###
บทที่ ๒
ผมอยากข้ามมิติ
ผมอยากช่วยมุส อยากเห็นมิติของเพื่อนเขา แต่ผมต้องหาทางจัดการกับสายรัดข้อมือนี้ให้ได้เสียก่อน
ผมเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับเกล็ดแก้วที่บ้านของเธอในเช้าวันต่อมา ผมไม่กล้าติดต่อเธอด้วยสายรัดข้อมือและพูดคุยเรื่องนี้ผ่านเครือข่าย ข้อมูลทุกอย่างที่ผ่านเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นภาพหรือเสียงล้วนถูกบันทึกไว้ในฐานข้อมูลทั้งหมด หากเจ้าหน้าที่เครือข่ายรู้ว่าผมกำลังพยายามทำอะไรกับสายรัดข้อมือ ผมกับเกล็ดแก้วอาจถูกลงโทษด้วยการจับขังในห้องที่มีกระจกทุกทิศทางก็เป็นได้
ยายผงซิลิก้าฟังผมบ่นครู่หนึ่งยกแขนผมขึ้นมองดูสายรัดข้อมือ เธอพลิกขอบด้านในขึ้นมาดูตัวเลขรุ่นแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองผม
“เก่า”
ใช่สิ ผมไม่มีเครดิตมากพอไปซื้อรุ่นใหม่ล่าสุดเหมือนเธอนี่
“แต่ก็โชคดีที่นายใช้รุ่นนี้” เธอว่าพลางหันไปออกคำสั่งให้ตู้ใบหนึ่งเลื่อนออกมาจากผนัง ตู้ใบนั้นมีสายข้อมือหลายวงวางเรียงเป็นตับกินพื้นที่ไปสองชั้น เกล็ดแก้วก้าวไปหยิบสายรัดข้อมือวงหนึ่งมายื่นส่งให้ผม มันมีลักษณะแบบเดียวกับของผมเปี๊ยบ ต่างกันแค่เป็นสีเขียวเหมือนสีใบไม้ในสวนจำลอง “ฉันเคยแฮ็คเล่นแล้ว น่าจะจัดการได้ไม่ยาก” ว่าแล้วเธอก็วางสายรัดข้อมือไว้บนโต๊ะที่เรานั่งสุมหัวกันอยู่เมื่อครู่ จากนั้นก็ออกคำสั่งให้มันทำงาน แล้วเรียกให้มันฉายข้อมูลขึ้นมาเป็นภาพโฮโลแกรมสามมิติ ด้านหนึ่งของภาพเต็มไปด้วยปุ่มมากมาย อีกด้านเป็นแผงวงจรขนาดใหญ่
พอภาพฉายขึ้นมาแล้วเธอก็ใช้นิ้วจิ้มปุ่มนั้นปุ่มนี้ แล้วก็เลื่อนมือไปลากจุดเชื่อมต่อไปยังแผงวงจร ใช้มือพลิกแผงวงจรกลับด้าน สับเปลี่ยนจุดเชื่อมต่อต่างๆ ภายในแผงวงจร แล้วก็กลับมาจิ้มที่ปุ่มอีก เธอทำสลับไปมาแบบนี้แล้วก็หันไปดูสายรัดข้อมือที่ส่งแสงสัญญาณกะพริบสีแดง จากนั้นก็เหยียดยิ้มออกมาเล็กน้อย
“เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ” เธอว่า “ระบบรักษาความปลอดภัยของรุ่นนี้มีจุดบอด ฉันพอจะนึกออกแล้วว่าควรทำยังไงกับมัน”
“ทำยังไงหรือ” ผมอดถามไม่ได้ ทว่ายายผงซิลิก้ากลับยกนิ้วชี้ขึ้นแกว่งไปมาตรงหน้าผม
“ยังบอกไม่ได้ รอให้ฉันลองอะไรสนุกๆ ก่อน อีกสักสองวันนายค่อยมาหาฉันก็แล้วกัน”
แต่ผมไม่ต้องรอถึงสองวัน วันต่อมายายเกล็ดแก้วก็มาสะกิดผมระหว่างที่คนอื่นๆ กำลังขมักเขม้นกับการส่องกล้องดูเชื้อราบนขนมปัง
“เย็นนี้ไปที่บ้านฉัน” ยายนั่นกระซิบบอกราวกับออกคำสั่ง ผมก็พยักหน้าหงึกหงักไป ยามเลิกเรียนแล้วผมก็ติดยานร่อนยายนั่นไปที่บ้าน
บ้านยายนั่นยังคงเต็มไปด้วยหุ่นสัตว์ในตำนาน และยังมีอาราคัสจากมิติของมุส หุ่นสัตว์ทะเล (ที่ไม่ได้อยู่ในทะเล) อย่างเช่นฉลามซึ่งถูกผูกลอยอยู่เหนือศีรษะผม กับปลาหมึกยักษ์ที่ตรงมุมห้องด้านหนึ่ง เธอสั่งทำหุ่นสัตว์เหล่านั้นตามที่ผมเล่าให้ฟัง บางส่วนก็มาจากภาพที่ผมบันทึกไว้ จากนั้นก็เอาไปเป็นแบบในเกมโลกจำลอง ทำให้เกมนั้นยิ่งดูสมจริง กลายเป็นที่นิยมติดอันดับหนึ่งในเขตปกครองของผมไปแล้ว
ยายผงซิลิก้าเดินนำผมไปยังห้องของเธอ แล้วเรียกเอาโต๊ะทำงานออกมา ผนังกำแพงทางด้านซ้ายของประตูก็เปิดออก โต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้ซึ่งพับซ่อนไว้อยู่ในผนังก็เลื่อนออกมา คลี่กางพร้อมใช้งาน
“นั่งสิ” เธอสั่ง ผมจึงขยับไปนั่งอย่างว่าง่าย แล้วเธอก็ก้าวไปยังทางผนังห้องด้านใน จากนั้นก็ออกคำสั่งเรียกตู้เก็บสายรัดข้อมือ เธอหยิบสายรัดข้อมือสีเขียวเส้นเดิมมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าผม
เธอก้าวไปนั่งที่เก้าอี้ซึ่งมีอยู่เพียงตัวเดียว ปล่อยให้ผมยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ตรงหน้าประตูนั้น
“ข้อมูลสุขภาพของไอดิน” เธอออกคำสั่งกับสายรัดข้อมือ ทันใดนั้นมันก็ฉายภาพโฮโลแกรมสามมิติของผมขึ้นมาตรงที่ว่างข้างตัวผม
“แสดงคลื่นหัวใจ” เธอเอ่ย ภาพสัญญาณคลื่นหัวใจก็ปรากฏขึ้นที่ข้างภาพโฮโลแกรมของผม
“กระแสเลือด” พอเธอพูดขึ้น ภาพสัญญาณคลื่นหัวใจก็หายไป มีตารางแสดงตัวเลขบอกจำนวนเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด ค่าแร่ธาตุต่างๆ ในเลือด และข้อมูลอื่นๆ ขึ้นมาแทน
“ฉันดักเอาข้อมูลสุขภาพของนายมาจากเครือข่าย เขียนโปรแกรมให้มันวนส่งข้อมูลออกไปพร้อมกับตำแหน่งของนาย แต่ตอนนี้มันยังไม่ได้เชื่อมต่อกับเครือข่าย เพราะฉะนั้นก็ยังไม่มีข้อมูลซ้ำซ้อนในระบบ”
“สุดยอดเลย!” ผมร้องออกไปอย่างลืมตัว “แบบนี้เจ้าหน้าที่จับไม่ได้แน่”
ยายนั่นไม่ว่าอะไร แค่ชำเลืองหางตามองผมหน่อยหนึ่ง “ที่เหลือก็แค่สลับสัญญาณกับสายรัดข้อมือของนาย เปลี่ยนให้สายรัดข้อมือเส้นนี้ส่งสัญญาณเข้าเครือข่ายแทน”
“ก็รีบสลับเลยสิ ต้องทำยังไงบ้าง” ผมร้องถามออกไป แต่ยายผงซิลิก้ากลับค้อนมองผมด้วยสายตาตำหนิ
“จะรีบไปเลยรึไง มุสยังไม่มารับไม่ใช่เหรอ” เธอว่า แล้วพยักเพยิดไปทางภาพโฮโลแกรมที่ยังฉายอยู่ “ข้อมูลที่ฉันบันทึกให้วนส่งกลับเข้าเครือข่ายเป็นข้อมูลในช่วงหนึ่งสัปดาห์ ถ้านายรีบสลับสายรัดข้อมือในตอนนี้ ข้อมูลหนึ่งสัปดาห์ของนายที่ถูกส่งเข้าระบบก็จะซ้ำไปซ้ำมา หลายสัปดาห์เข้ามันก็จะดูผิดปกติ แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะสงสัยเอาได้”
ผมลองคิดตามเธอแล้วก็เห็นพ้อง จึงได้แต่ก้มมองสายรัดข้อมือที่แขนของตัวเอง
“ทางที่ดีก็สลับก่อนข้ามมิติดีกว่า” ยายนั่นบอก พร้อมกับเดินไปที่ตู้เก็บสายรัดข้อมือ “เวลาจะสลับก็ไม่ยาก ฉันเขียนโปรแกรมรองรับไว้หมดแล้ว แค่นายสั่งสลับการเชื่อมต่อ สายรัดข้อมือของฉันก็จะตัดสัญญาณจากสายรัดข้อมือนาย แล้วเชื่อมต่อเข้าเครือข่ายเองโดยอัตโนมัติ”
“โห...ดีเลย” ผมทึ่งจนนึกคำพูดอื่นไม่ออก
“อีกอย่างหนึ่ง” ยายนั่นเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมกับสายรัดข้อมือสีชมพูหวานแหววซึ่งตอนแรกวางอยู่ข้างสายรัดข้อมือสีเขียว แล้วยื่นมันส่งให้ผม “ก่อนจะข้ามมิติ นายต้องสวมสายรัดข้อมือเส้นนี้ข้ามไปด้วย”
“เอ่อ...สีชมพู...เนี่ยนะ” ผมถามกึ่งประท้วง แต่พอเห็นยายนั่นกอดอกเริ่มชักสีหน้า ผมก็ก้มหน้ารับแต่โดยดี
“สายรัดข้อมืออันนี้จะบันทึกสิ่งที่นายเห็นและได้ยินทั้งหมด” ยายนั่นอธิบาย “พอนายกลับมาก็เอามันมาให้ฉัน ถือเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยนายอย่างไรเล่า”
“อืม ได้” ผมตอบกลับไป แต่ก็ยังไม่เข้าใจ...ทำไมต้องเป็นสีชมพูวะ
###
พบกันสัปดาห์หน้านะคะ
พันมิติ ภาคสี่ (The Parallel Dimensions) บทที่ ๒
ภาคสี่ บทที่ ๑ https://ppantip.com/topic/39982002
###
บทที่ ๒
ผมอยากข้ามมิติ
ผมอยากช่วยมุส อยากเห็นมิติของเพื่อนเขา แต่ผมต้องหาทางจัดการกับสายรัดข้อมือนี้ให้ได้เสียก่อน
ผมเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับเกล็ดแก้วที่บ้านของเธอในเช้าวันต่อมา ผมไม่กล้าติดต่อเธอด้วยสายรัดข้อมือและพูดคุยเรื่องนี้ผ่านเครือข่าย ข้อมูลทุกอย่างที่ผ่านเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นภาพหรือเสียงล้วนถูกบันทึกไว้ในฐานข้อมูลทั้งหมด หากเจ้าหน้าที่เครือข่ายรู้ว่าผมกำลังพยายามทำอะไรกับสายรัดข้อมือ ผมกับเกล็ดแก้วอาจถูกลงโทษด้วยการจับขังในห้องที่มีกระจกทุกทิศทางก็เป็นได้
ยายผงซิลิก้าฟังผมบ่นครู่หนึ่งยกแขนผมขึ้นมองดูสายรัดข้อมือ เธอพลิกขอบด้านในขึ้นมาดูตัวเลขรุ่นแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองผม
“เก่า”
ใช่สิ ผมไม่มีเครดิตมากพอไปซื้อรุ่นใหม่ล่าสุดเหมือนเธอนี่
“แต่ก็โชคดีที่นายใช้รุ่นนี้” เธอว่าพลางหันไปออกคำสั่งให้ตู้ใบหนึ่งเลื่อนออกมาจากผนัง ตู้ใบนั้นมีสายข้อมือหลายวงวางเรียงเป็นตับกินพื้นที่ไปสองชั้น เกล็ดแก้วก้าวไปหยิบสายรัดข้อมือวงหนึ่งมายื่นส่งให้ผม มันมีลักษณะแบบเดียวกับของผมเปี๊ยบ ต่างกันแค่เป็นสีเขียวเหมือนสีใบไม้ในสวนจำลอง “ฉันเคยแฮ็คเล่นแล้ว น่าจะจัดการได้ไม่ยาก” ว่าแล้วเธอก็วางสายรัดข้อมือไว้บนโต๊ะที่เรานั่งสุมหัวกันอยู่เมื่อครู่ จากนั้นก็ออกคำสั่งให้มันทำงาน แล้วเรียกให้มันฉายข้อมูลขึ้นมาเป็นภาพโฮโลแกรมสามมิติ ด้านหนึ่งของภาพเต็มไปด้วยปุ่มมากมาย อีกด้านเป็นแผงวงจรขนาดใหญ่
พอภาพฉายขึ้นมาแล้วเธอก็ใช้นิ้วจิ้มปุ่มนั้นปุ่มนี้ แล้วก็เลื่อนมือไปลากจุดเชื่อมต่อไปยังแผงวงจร ใช้มือพลิกแผงวงจรกลับด้าน สับเปลี่ยนจุดเชื่อมต่อต่างๆ ภายในแผงวงจร แล้วก็กลับมาจิ้มที่ปุ่มอีก เธอทำสลับไปมาแบบนี้แล้วก็หันไปดูสายรัดข้อมือที่ส่งแสงสัญญาณกะพริบสีแดง จากนั้นก็เหยียดยิ้มออกมาเล็กน้อย
“เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ” เธอว่า “ระบบรักษาความปลอดภัยของรุ่นนี้มีจุดบอด ฉันพอจะนึกออกแล้วว่าควรทำยังไงกับมัน”
“ทำยังไงหรือ” ผมอดถามไม่ได้ ทว่ายายผงซิลิก้ากลับยกนิ้วชี้ขึ้นแกว่งไปมาตรงหน้าผม
“ยังบอกไม่ได้ รอให้ฉันลองอะไรสนุกๆ ก่อน อีกสักสองวันนายค่อยมาหาฉันก็แล้วกัน”
แต่ผมไม่ต้องรอถึงสองวัน วันต่อมายายเกล็ดแก้วก็มาสะกิดผมระหว่างที่คนอื่นๆ กำลังขมักเขม้นกับการส่องกล้องดูเชื้อราบนขนมปัง
“เย็นนี้ไปที่บ้านฉัน” ยายนั่นกระซิบบอกราวกับออกคำสั่ง ผมก็พยักหน้าหงึกหงักไป ยามเลิกเรียนแล้วผมก็ติดยานร่อนยายนั่นไปที่บ้าน
บ้านยายนั่นยังคงเต็มไปด้วยหุ่นสัตว์ในตำนาน และยังมีอาราคัสจากมิติของมุส หุ่นสัตว์ทะเล (ที่ไม่ได้อยู่ในทะเล) อย่างเช่นฉลามซึ่งถูกผูกลอยอยู่เหนือศีรษะผม กับปลาหมึกยักษ์ที่ตรงมุมห้องด้านหนึ่ง เธอสั่งทำหุ่นสัตว์เหล่านั้นตามที่ผมเล่าให้ฟัง บางส่วนก็มาจากภาพที่ผมบันทึกไว้ จากนั้นก็เอาไปเป็นแบบในเกมโลกจำลอง ทำให้เกมนั้นยิ่งดูสมจริง กลายเป็นที่นิยมติดอันดับหนึ่งในเขตปกครองของผมไปแล้ว
ยายผงซิลิก้าเดินนำผมไปยังห้องของเธอ แล้วเรียกเอาโต๊ะทำงานออกมา ผนังกำแพงทางด้านซ้ายของประตูก็เปิดออก โต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้ซึ่งพับซ่อนไว้อยู่ในผนังก็เลื่อนออกมา คลี่กางพร้อมใช้งาน
“นั่งสิ” เธอสั่ง ผมจึงขยับไปนั่งอย่างว่าง่าย แล้วเธอก็ก้าวไปยังทางผนังห้องด้านใน จากนั้นก็ออกคำสั่งเรียกตู้เก็บสายรัดข้อมือ เธอหยิบสายรัดข้อมือสีเขียวเส้นเดิมมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าผม
เธอก้าวไปนั่งที่เก้าอี้ซึ่งมีอยู่เพียงตัวเดียว ปล่อยให้ผมยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ตรงหน้าประตูนั้น
“ข้อมูลสุขภาพของไอดิน” เธอออกคำสั่งกับสายรัดข้อมือ ทันใดนั้นมันก็ฉายภาพโฮโลแกรมสามมิติของผมขึ้นมาตรงที่ว่างข้างตัวผม
“แสดงคลื่นหัวใจ” เธอเอ่ย ภาพสัญญาณคลื่นหัวใจก็ปรากฏขึ้นที่ข้างภาพโฮโลแกรมของผม
“กระแสเลือด” พอเธอพูดขึ้น ภาพสัญญาณคลื่นหัวใจก็หายไป มีตารางแสดงตัวเลขบอกจำนวนเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด ค่าแร่ธาตุต่างๆ ในเลือด และข้อมูลอื่นๆ ขึ้นมาแทน
“ฉันดักเอาข้อมูลสุขภาพของนายมาจากเครือข่าย เขียนโปรแกรมให้มันวนส่งข้อมูลออกไปพร้อมกับตำแหน่งของนาย แต่ตอนนี้มันยังไม่ได้เชื่อมต่อกับเครือข่าย เพราะฉะนั้นก็ยังไม่มีข้อมูลซ้ำซ้อนในระบบ”
“สุดยอดเลย!” ผมร้องออกไปอย่างลืมตัว “แบบนี้เจ้าหน้าที่จับไม่ได้แน่”
ยายนั่นไม่ว่าอะไร แค่ชำเลืองหางตามองผมหน่อยหนึ่ง “ที่เหลือก็แค่สลับสัญญาณกับสายรัดข้อมือของนาย เปลี่ยนให้สายรัดข้อมือเส้นนี้ส่งสัญญาณเข้าเครือข่ายแทน”
“ก็รีบสลับเลยสิ ต้องทำยังไงบ้าง” ผมร้องถามออกไป แต่ยายผงซิลิก้ากลับค้อนมองผมด้วยสายตาตำหนิ
“จะรีบไปเลยรึไง มุสยังไม่มารับไม่ใช่เหรอ” เธอว่า แล้วพยักเพยิดไปทางภาพโฮโลแกรมที่ยังฉายอยู่ “ข้อมูลที่ฉันบันทึกให้วนส่งกลับเข้าเครือข่ายเป็นข้อมูลในช่วงหนึ่งสัปดาห์ ถ้านายรีบสลับสายรัดข้อมือในตอนนี้ ข้อมูลหนึ่งสัปดาห์ของนายที่ถูกส่งเข้าระบบก็จะซ้ำไปซ้ำมา หลายสัปดาห์เข้ามันก็จะดูผิดปกติ แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะสงสัยเอาได้”
ผมลองคิดตามเธอแล้วก็เห็นพ้อง จึงได้แต่ก้มมองสายรัดข้อมือที่แขนของตัวเอง
“ทางที่ดีก็สลับก่อนข้ามมิติดีกว่า” ยายนั่นบอก พร้อมกับเดินไปที่ตู้เก็บสายรัดข้อมือ “เวลาจะสลับก็ไม่ยาก ฉันเขียนโปรแกรมรองรับไว้หมดแล้ว แค่นายสั่งสลับการเชื่อมต่อ สายรัดข้อมือของฉันก็จะตัดสัญญาณจากสายรัดข้อมือนาย แล้วเชื่อมต่อเข้าเครือข่ายเองโดยอัตโนมัติ”
“โห...ดีเลย” ผมทึ่งจนนึกคำพูดอื่นไม่ออก
“อีกอย่างหนึ่ง” ยายนั่นเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมกับสายรัดข้อมือสีชมพูหวานแหววซึ่งตอนแรกวางอยู่ข้างสายรัดข้อมือสีเขียว แล้วยื่นมันส่งให้ผม “ก่อนจะข้ามมิติ นายต้องสวมสายรัดข้อมือเส้นนี้ข้ามไปด้วย”
“เอ่อ...สีชมพู...เนี่ยนะ” ผมถามกึ่งประท้วง แต่พอเห็นยายนั่นกอดอกเริ่มชักสีหน้า ผมก็ก้มหน้ารับแต่โดยดี
“สายรัดข้อมืออันนี้จะบันทึกสิ่งที่นายเห็นและได้ยินทั้งหมด” ยายนั่นอธิบาย “พอนายกลับมาก็เอามันมาให้ฉัน ถือเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยนายอย่างไรเล่า”
“อืม ได้” ผมตอบกลับไป แต่ก็ยังไม่เข้าใจ...ทำไมต้องเป็นสีชมพูวะ
###
พบกันสัปดาห์หน้านะคะ