สวัสดียามค่ำ ไม่ได้พบกันนาน วันนี้แวะแบ่งปันเรื่องเล่าเช่นเคยครับ เรื่องนี้อาจจะยาวสักหน่อย แต่จบในกระทู้เลย
ขอแจ้งตั้งแต่ต้นเลยว่าไม่มีเจตนาพาดพิงพระพุทธศาสนาหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใด
เพื่ออรรถรส สรรพนามแทนตัวในเรื่องอาจปนๆ กันระหว่างฆราวาสกับภิกษุต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
_______________
อิทธิ • อาถรรพ์ • วันฉันบวช
ตอนนั้นผม** อายุย่างเบญจเพสแล้วละ ทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่ง เมื่ออายุงานครบตามเกณฑ์จึงคิดที่จะบวชแทนคุณพ่อแม่
ตามประเพณีให้เรียบร้อย คนเป็นพ่อแม่ถึงจะบอกว่าเอาที่ลูกสะดวก แต่ลึกๆ ก็อยากเกาะชายผ้าเหลืองกันทั้งนั้น
บริษัทที่ทำงานอยู่ให้พนักงานสามารถลาบวชได้หนึ่งเดือนเต็ม ผมไม่ลังเลที่จะใช้สิทธิ์นั้น
เหลือเศษนิดหน่อยก็คิดซะว่าพักผ่อน
ตกลงใจได้จึงกลับบ้านต่างจังหวัดเพื่อไปปรึกษาครอบครัว แม่ของผมจะมีซินแสที่นับถือกันอยู่คอยให้คำแนะนำ
ทุกครั้งที่มีงานมงคล (หรือไม่มงคล) ก็ตาม แม่จะถามทั้งพระและซินแสควบคู่กันไป พอผมบอกแม่ปุ๊บ
วันรุ่งขึ้นซินแสก็มาที่บ้าน แกเปิดตำราแล้วขยุกขยิกเขียนอะไรในกระดาษนานสองนาน ดูหน้าดำคร่ำเครียด
ผมน่ะไม่ค่อยซีเรียสเรื่องฤกษ์เท่าไหร่ ผู้ชายก็แบบนี้ เอาฤกษ์สะดวกดีที่สุด
แต่แม่กับพ่อคิดต่างจากผม สักพักซินแสเรียกแม่ให้เดินตามออกไปหน้าบ้าน ระหว่างนั้นผมก็ไปคุยกับพ่อ… พ่อผมทำงานราชการ
เจ็บออดๆ แอดๆ รักษาไม่หายขาดหลายปี คนทั่วไปคิดว่าเป็นโรคประจำตัว แม่พาไปหาหมอมาหลายที่
ก็ดีขึ้นบ้าง ทรุดบ้าง แต่อย่างที่บอกคือไม่หายขาดเสียที
ผมคุยกับพ่อ ถามว่าจะจัดงานแบบไหน เอาเป็นโต๊ะจีน หรือเลี้ยงเพล แต่ที่แน่ๆ ผมไม่เอาแห่ล้งเล้งๆ ขบวนยาวๆ ไปตามถนนนะ
เปลืองเงินเปลืองเวลา เอาแค่รอบโบสถ์ก็พอ พ่อก็เออออตามผมบอกนั่นละ สักพักแม่ก็เดินกลับมาชวนให้ไปวัดแถวบ้านด้วยกัน
วัดแถวบ้านเป็นวัดใหญ่ ด้านหน้าติดถนน 8 เลน ด้านข้างติดตลาดสด มินิมาร์ท ร้านฯลฯ เอาเป็นว่าพลุกพล่านมาก
แม่พาเข้าไปหาหลวงพ่อที่นับถือกันอยู่ สอบถามฤกษ์ดีที่จะบวช หลวงพ่อกางตำราแล้วก็ดูฤกษ์ดี
ระหว่างรอหลวงพ่อเจ้าอาวาส แม่ดูกระสับกระส่าย ผมก็ถามว่าเป็นอะไร
แม่ไม่คุยกับผม แต่เอ่ยประโยคหนึ่งซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องลี้ลับในเวลาต่อมา แม่พูดกับหลวงพ่อว่า
“หลวงพ่อ... ผู้ใหญ่ที่นับถือกันบอกว่ามีคนตามครอบครัวดิฉันอยู่”
**ผมในที่นี้หมายถึงตัวละครในเรื่อง
เรียงร้อยเรื่องเล่า ตอน อิทธิ • อาถรรพ์ • วันฉันบวช
ขอแจ้งตั้งแต่ต้นเลยว่าไม่มีเจตนาพาดพิงพระพุทธศาสนาหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใด
เพื่ออรรถรส สรรพนามแทนตัวในเรื่องอาจปนๆ กันระหว่างฆราวาสกับภิกษุต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
_______________
อิทธิ • อาถรรพ์ • วันฉันบวช
ตอนนั้นผม** อายุย่างเบญจเพสแล้วละ ทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่ง เมื่ออายุงานครบตามเกณฑ์จึงคิดที่จะบวชแทนคุณพ่อแม่
ตามประเพณีให้เรียบร้อย คนเป็นพ่อแม่ถึงจะบอกว่าเอาที่ลูกสะดวก แต่ลึกๆ ก็อยากเกาะชายผ้าเหลืองกันทั้งนั้น
บริษัทที่ทำงานอยู่ให้พนักงานสามารถลาบวชได้หนึ่งเดือนเต็ม ผมไม่ลังเลที่จะใช้สิทธิ์นั้น
เหลือเศษนิดหน่อยก็คิดซะว่าพักผ่อน
ตกลงใจได้จึงกลับบ้านต่างจังหวัดเพื่อไปปรึกษาครอบครัว แม่ของผมจะมีซินแสที่นับถือกันอยู่คอยให้คำแนะนำ
ทุกครั้งที่มีงานมงคล (หรือไม่มงคล) ก็ตาม แม่จะถามทั้งพระและซินแสควบคู่กันไป พอผมบอกแม่ปุ๊บ
วันรุ่งขึ้นซินแสก็มาที่บ้าน แกเปิดตำราแล้วขยุกขยิกเขียนอะไรในกระดาษนานสองนาน ดูหน้าดำคร่ำเครียด
ผมน่ะไม่ค่อยซีเรียสเรื่องฤกษ์เท่าไหร่ ผู้ชายก็แบบนี้ เอาฤกษ์สะดวกดีที่สุด
แต่แม่กับพ่อคิดต่างจากผม สักพักซินแสเรียกแม่ให้เดินตามออกไปหน้าบ้าน ระหว่างนั้นผมก็ไปคุยกับพ่อ… พ่อผมทำงานราชการ
เจ็บออดๆ แอดๆ รักษาไม่หายขาดหลายปี คนทั่วไปคิดว่าเป็นโรคประจำตัว แม่พาไปหาหมอมาหลายที่
ก็ดีขึ้นบ้าง ทรุดบ้าง แต่อย่างที่บอกคือไม่หายขาดเสียที
ผมคุยกับพ่อ ถามว่าจะจัดงานแบบไหน เอาเป็นโต๊ะจีน หรือเลี้ยงเพล แต่ที่แน่ๆ ผมไม่เอาแห่ล้งเล้งๆ ขบวนยาวๆ ไปตามถนนนะ
เปลืองเงินเปลืองเวลา เอาแค่รอบโบสถ์ก็พอ พ่อก็เออออตามผมบอกนั่นละ สักพักแม่ก็เดินกลับมาชวนให้ไปวัดแถวบ้านด้วยกัน
วัดแถวบ้านเป็นวัดใหญ่ ด้านหน้าติดถนน 8 เลน ด้านข้างติดตลาดสด มินิมาร์ท ร้านฯลฯ เอาเป็นว่าพลุกพล่านมาก
แม่พาเข้าไปหาหลวงพ่อที่นับถือกันอยู่ สอบถามฤกษ์ดีที่จะบวช หลวงพ่อกางตำราแล้วก็ดูฤกษ์ดี
ระหว่างรอหลวงพ่อเจ้าอาวาส แม่ดูกระสับกระส่าย ผมก็ถามว่าเป็นอะไร
แม่ไม่คุยกับผม แต่เอ่ยประโยคหนึ่งซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องลี้ลับในเวลาต่อมา แม่พูดกับหลวงพ่อว่า
“หลวงพ่อ... ผู้ใหญ่ที่นับถือกันบอกว่ามีคนตามครอบครัวดิฉันอยู่”
**ผมในที่นี้หมายถึงตัวละครในเรื่อง