เรื่องนี้เป็นประสบการณ์จากการฟังเรื่องเล่าของคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านในสมัยผมเป็นเด็กครับ โดยเรื่องเกิดขึ้นประมาณ 50 ปีก่อน ซึ่งยุคนั้นได้มีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์มาปฏิบัติการในพื้นที่ โดยมีฐานปฏิบัติการในป่าในดง ชาวบ้านที่ออกไปหาของป่ามักจะเจอ ซึ่งก็ต้องใช้ความระมัดระวังตัวเพราะอาจถูกสงสัยว่าเป็นสายของทางการจะถูกปองร้ายเอาได้ เคยมีพรานข้ามป่าข้ามเขาหลายลูกเพื่อตามรอยสัตว์ ไปพบเข้าไม่ได้กลับเลยมาก็มี
ผู้ที่เล่าเรื่องนี้คือปู่จาย แกเป็นสัปเหร่อครับ ในตอนนั้นกำลังนั่งเหลาตอกสำหรับสานกระติบใส่ข้าว ปากคาบบุหรี่ขี้โยแล้วยังอมเมี่ยงคำโตในแก้มขวา เวลามีแมลงวันหัวเขียวบินมาตอมทีแกจะใช้ผ้าขาวม้าที่พาดบ่าตวัดไล่และร้องสั่งย่าให้เอาฝ่าชีครอบกับข้าวให้ดี หมู่บ้านยุคนั้นยังไม่มีส้วมซึมใช้เลยครับ ช่วงหน้าแล้งแมลงวันหัวเขียวตัวโตๆ จะชุกชุมมาก จนต่อมาทางการได้มาส่งเสริมให้ขุดหลุมทำส่วมซึมไว้ใช้ จำนวนแมลงวันพวกนี้จึงลดลง
ดวงตาสีฟางคล้ายจะเป็นต้อด้วยแต่ก็แม่นยำในงานฝีมือจักรสาน เด็กอย่างผมนั่งมองเพลินเลยครับเพราะแกเหลาได้ดีได้งาม หมายถึงเหลาได้อย่างใจเย็น วิธีที่ปู่จายชำนาญคือจะใช้เศษผ้ามาพันนิ้วมือข้างขวาข้างเดียวที่จับด้ามมีดเพื่อป้องกันผิวไผ่บาด นิ้วมือข้างซ้ายขยับช้าๆ นิ่มนวล ให้ส่วนคมมีดขูดเส้นตอกจนเป็นขุย แต่ละเส้นขนาดเสมอกัน ผมลองเอามาลูบดูผิวจะเรียบเนียนไม่ขรุขระไม่มีเสี้ยน ยามว่างเว้นจากงานสัปเหร่อซึ่งนานทีจะมี แกจะสานกระติบสานข้องใส่ปลาอยู่เช่นนี้เพื่อเอาไว้แลกข้าวสาร
ในเย็นวันหนึ่งปู่จายได้เล่าให้ผมฟัง ถึงความเป็นมาอย่างไรถึงได้มาเป็นสัปเหร่อด้วยความบังเอิญ จากการที่รับปากเพื่อนเอาไว้ เพื่อนคนนี้ชื่อน้อยไจเคยบวชเณรมาแล้วจึงมีคำนำหน้าว่าน้อย คำที่กล่าวไว้ในวงเหล้า หากเพื่อนตายขอให้เผาศพมันด้วย รับปากไปโดยไม่ได้คิดอะไร ไม่นึกว่าจะเป็นลางบอกเหตุร้ายว่าจะเสียเพื่อนไปจริงๆ ต้องได้เผาศพมันในอีกสามอาทิตย์ต่อมา
เช้าวันนั้นนังบัวคำร้องห่มร้องไห้มาที่ลานกลางบ้าน ร้องบอกนายบ้านให้ช่วยที น้อยไจผัวรักกับไอ้นันที่ชวนกันไปดักยิงกวางที่เขาเเก้ว ได้หายไปสามอาทิตย์แล้ว ก่อนไปบอกไปไม่นาน เสบียงติดย่ามไม่มาก จนตอนนี้เวลาได้ล่วงมาสามอาทิตย์แล้ว เกรงจะมีอันเป็นไป ขอได้โปรดช่วยติดตามหาคนด้วยเถอะ
นายบ้านได้ฟังตามนั้นรู้สึกหนักใจ แกเองก็อายุมากเเล้ว สังขารไม่เอื้ออำนวยให้ออกป่า เขาแก้วหรือเขาประสาทเมืองแก้วเคยมีพวก ผกคไปตั้งฐานที่มั่น ทางการยังไม่แน่ใจได้ย้ายฐานไปแล้ว ไปล่าสัตว์แถวนั้นมันเสี่ยงมาก ตนเคยบอกเคยเตือนลูกบ้านแล้วอย่าไปล่าสัตว์แถวนั้นแต่ก็ไม่ฟัง เกรงจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น เมื่อเรียกชาวบ้านมาปรึกษากันเเล้ว จึงขออาสาสมัครไปตาม เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนในหมู่บ้านได้หายตัวไป
หนานแสนเป็นญาตินายบ้าน มีนิสัยห้าวหาญไม่กลัวเกรงใคร และยังฝักใฝ่กับทางการ พอรู้เรื่องเข้าจึงอาสาจะไปตามคนให้เองเพราะสงสัยจะถูกพวก ผกคเอาตัวไป งานนี้อาจต้องมีการยิงกันเกิดขึ้น หนานจะไปขอยืมปืนจากทางการ หรือขอให้ทหารมาช่วย
อาสาตามคนหายมีด้วยกันสิบคน ได้หนานแสนเป็นหัวเรี่ยวหัวเเรง นัยว่าปีนี้จะลงสมัครกำนันจึงแข็งขันมาก มีเฒ่าคำเปิงสัปเหร่อประจำหมู่บ้านขอตามไปด้วย หากแม้นคนหายได้ตายไป ศพคงเน่าแล้วจะได้จัดการเผาเพื่อนำกระดูกกลับมา ไอ้มา ไอ้เกิด ปู่จายล้วนเพื่อนกันจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องติดตามไป สายตาได้เเต่มองเมียของเพื่อนด้วยความเศร้าใจ
เมื่อปีก่อนปู่จายกับน้อยไจเคยไปเกี้ยวบัวคำพร้อมกัน แต่น้อยไจรู้หนังสือจากตอนบวชเรียนจึงว่ากลอนเกี้ยวหญิงได้ คนไม่รู้หนังสือจึงเสียเปรียบทำให้น้อยใจมาทุกวันนี้
ก่อนเที่ยงรถทหารก็เข้ามาที่หมู่บ้าน โดยมีหนานแสนนั่งมาด้วย มีทหารมาเพียงนายเดียว ชื่อจ่าบุญแต่หน้าตาบอกบุญไม่รับในสายตาใครต่อใครหลายคนเพราะหน้ามีแผลเป็นจากสะเก็ดระเบิด จึงเหมือนจะบูดบึ้งตลอดเวลา
จ่าบุญกับหนานแสนเป็นเพื่อนสนิทกันสมัยหนามเป็นทหาร ก่อนจะปลดประจำการออกมา ด้วยนิสัยชอบเล่นเครื่องรางของขลังเหมือนกัน สนิทกันมากขนาดดื่มเหล้าแก้วเดียวกันได้ ปกติพวกเล่นของจะถือเรื่องเดน หนานแสนบอกคนในวงเหล้าว่า จ่าขยับใบหน้าไม่ค่อยได้เลยเหมือนดุ ไม่ต้องกลัว นิสัยจริงจะเป็นคนตลกโปกฮาและรักเพื่อน ซึ่งกาลเวลาได้พิสูจน์น้ำใจคน เวลาหนานมีปัญหาร้องขอให้จ่าช่วย จ่าไม่เคยอิดเอื้อนเลย
“แย่ว่ะ นายบอกข้าว่า พวก ผกค ได้ย้ายฐานไปแล้ว ให้ชาวบ้านไปหาคนหายกันเอง ข้าไม่อยากขัดใจเอ็งก็เลยอ้างมาสืบข่าวพื้นที่สีเหลือง ขอเบิกได้ปืนไม่กี่กระบอก เอ็งคงไม่ว่าอะไรนะ” ซึ่งแน่นอนจ่าจะไปกับคณะตามหาคนหายด้วย ทำให้พอจะใจชื้น โดยเฉพาะปู่จายเองมีแค่หน้าไม้ไว้ยิงนกยิงบ่างกับมีดดาบตกทอดมาจากรุ่นปู่ เกิดยิงกันขึ้นคงลำบากที่จะสู้
ก่อนเดินทาง หนานแสนได้ตั้งศาลเพียงตา เพื่อบอกกล่าวเจ้าป่าเจ้าเขาขอเปิดทางให้คณะตามหาคนหาย เครื่องเซ่นสังเวยมีพร้อมเจ้าป่าจะต้องพอใจปล่อยคนออกมา จ่าบุญยืนอยู่ข้างหลัง เอาลูกประคำมานับและหลับตาเพ่งกระแสจิต พอจะจุดธูปทุกคนต้องอึ้งเพราะไม่สามารถจุดธูปได้ คล้ายกับว่ามันชื้น พอจับแรงหน่อยผงธูปก็ร่วนซุย
“ข้าว่า ฤกษ์ไม่ดีแล้วว่ะ ไอ้สองคนนั่นที่หายไป ไปทำผิดป่าอะไรไว้หรือเปล่าวะ จ้าวถึงไม่รับของเซ่น”
“แล้วข้าจะรู้ไหมเนี่ย ไอ้เกลอ”
ทั้งสองต่างสังหรณ์ใจ เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับสิ่งลี้ลับในป่า ไอ้นันกับน้อยไจยิ่งเป็นพรานหนุ่มกำลังใหม่กับป่าอยู่ด้วย ไม่รู้ไปทำทำพลาดอะไรไว้บ้าง เขาแก้วยิ่งเจ้าที่แรงอยู่ด้วย คนเฒ่าคนแก่เคยเตือนเคยห้ามไมีให้ไปล่าสัตว์ พวกนี้มันไม่เชื่อจึงเกิดเรื่อง
เมื่อได้ธูปมากำใหม่ คราวนี้ทำท่าจะจุดติดก็ดันมีลมวูบใหญ่เสียก่อน จ่าเพ่งในนิมิตรดูแล้วมันมืดไปหมด จ้าวป่าไม่ยอมรับการติดต่อจากมนุษย์ คนที่เหลือต่างมองหน้ากันแล้วมองหนาน จะเอาอย่างไรดี จะเดินทางต่อหรือหยุดอยู่แค่นี้
“งานนี้ต้องวัดดวงกันดู หรือเอ็งว่าไงไอ้หนาน ใจจริงข้าอยากรู้เหมือนกัน เขาลูกนี้ได้ยินว่าของเก่าเยอะ”จ่าเก็บลูกปะคำเข้าคอเสื้อ สายตามีแววอาจหาญไม่กลัวเกรง ในเป้หลังนอกจากสัมภาระที่จำเป็นเเล้ว ยังมีลูกกระเบิดแบบลูกเกลี้ยงติดมาด้วย
“ไอ้บ้า ไม่ใช่ไปลักขุดของเก่านะ ไปช่วยคน งานนี้ถอยง่ายๆ ไม่ได้ แล้วใครจะนับถือ”หนานสะพายย่ามขึ้นไหล่ในมือถือปืนเอชเค33
จ่าส่ายหัวทำเสียงจิ๊กจั๊กในปาก เพื่อนเกลอจะลงสมัครกำนันเลยฮึดใหญ่ งานนี้ต้องลุยกันแล้วสินะ
หนุ่มหาของป่าผจญอาถรรพ์เขาแก้ว
ผู้ที่เล่าเรื่องนี้คือปู่จาย แกเป็นสัปเหร่อครับ ในตอนนั้นกำลังนั่งเหลาตอกสำหรับสานกระติบใส่ข้าว ปากคาบบุหรี่ขี้โยแล้วยังอมเมี่ยงคำโตในแก้มขวา เวลามีแมลงวันหัวเขียวบินมาตอมทีแกจะใช้ผ้าขาวม้าที่พาดบ่าตวัดไล่และร้องสั่งย่าให้เอาฝ่าชีครอบกับข้าวให้ดี หมู่บ้านยุคนั้นยังไม่มีส้วมซึมใช้เลยครับ ช่วงหน้าแล้งแมลงวันหัวเขียวตัวโตๆ จะชุกชุมมาก จนต่อมาทางการได้มาส่งเสริมให้ขุดหลุมทำส่วมซึมไว้ใช้ จำนวนแมลงวันพวกนี้จึงลดลง
ดวงตาสีฟางคล้ายจะเป็นต้อด้วยแต่ก็แม่นยำในงานฝีมือจักรสาน เด็กอย่างผมนั่งมองเพลินเลยครับเพราะแกเหลาได้ดีได้งาม หมายถึงเหลาได้อย่างใจเย็น วิธีที่ปู่จายชำนาญคือจะใช้เศษผ้ามาพันนิ้วมือข้างขวาข้างเดียวที่จับด้ามมีดเพื่อป้องกันผิวไผ่บาด นิ้วมือข้างซ้ายขยับช้าๆ นิ่มนวล ให้ส่วนคมมีดขูดเส้นตอกจนเป็นขุย แต่ละเส้นขนาดเสมอกัน ผมลองเอามาลูบดูผิวจะเรียบเนียนไม่ขรุขระไม่มีเสี้ยน ยามว่างเว้นจากงานสัปเหร่อซึ่งนานทีจะมี แกจะสานกระติบสานข้องใส่ปลาอยู่เช่นนี้เพื่อเอาไว้แลกข้าวสาร
ในเย็นวันหนึ่งปู่จายได้เล่าให้ผมฟัง ถึงความเป็นมาอย่างไรถึงได้มาเป็นสัปเหร่อด้วยความบังเอิญ จากการที่รับปากเพื่อนเอาไว้ เพื่อนคนนี้ชื่อน้อยไจเคยบวชเณรมาแล้วจึงมีคำนำหน้าว่าน้อย คำที่กล่าวไว้ในวงเหล้า หากเพื่อนตายขอให้เผาศพมันด้วย รับปากไปโดยไม่ได้คิดอะไร ไม่นึกว่าจะเป็นลางบอกเหตุร้ายว่าจะเสียเพื่อนไปจริงๆ ต้องได้เผาศพมันในอีกสามอาทิตย์ต่อมา
เช้าวันนั้นนังบัวคำร้องห่มร้องไห้มาที่ลานกลางบ้าน ร้องบอกนายบ้านให้ช่วยที น้อยไจผัวรักกับไอ้นันที่ชวนกันไปดักยิงกวางที่เขาเเก้ว ได้หายไปสามอาทิตย์แล้ว ก่อนไปบอกไปไม่นาน เสบียงติดย่ามไม่มาก จนตอนนี้เวลาได้ล่วงมาสามอาทิตย์แล้ว เกรงจะมีอันเป็นไป ขอได้โปรดช่วยติดตามหาคนด้วยเถอะ
นายบ้านได้ฟังตามนั้นรู้สึกหนักใจ แกเองก็อายุมากเเล้ว สังขารไม่เอื้ออำนวยให้ออกป่า เขาแก้วหรือเขาประสาทเมืองแก้วเคยมีพวก ผกคไปตั้งฐานที่มั่น ทางการยังไม่แน่ใจได้ย้ายฐานไปแล้ว ไปล่าสัตว์แถวนั้นมันเสี่ยงมาก ตนเคยบอกเคยเตือนลูกบ้านแล้วอย่าไปล่าสัตว์แถวนั้นแต่ก็ไม่ฟัง เกรงจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น เมื่อเรียกชาวบ้านมาปรึกษากันเเล้ว จึงขออาสาสมัครไปตาม เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนในหมู่บ้านได้หายตัวไป
หนานแสนเป็นญาตินายบ้าน มีนิสัยห้าวหาญไม่กลัวเกรงใคร และยังฝักใฝ่กับทางการ พอรู้เรื่องเข้าจึงอาสาจะไปตามคนให้เองเพราะสงสัยจะถูกพวก ผกคเอาตัวไป งานนี้อาจต้องมีการยิงกันเกิดขึ้น หนานจะไปขอยืมปืนจากทางการ หรือขอให้ทหารมาช่วย
อาสาตามคนหายมีด้วยกันสิบคน ได้หนานแสนเป็นหัวเรี่ยวหัวเเรง นัยว่าปีนี้จะลงสมัครกำนันจึงแข็งขันมาก มีเฒ่าคำเปิงสัปเหร่อประจำหมู่บ้านขอตามไปด้วย หากแม้นคนหายได้ตายไป ศพคงเน่าแล้วจะได้จัดการเผาเพื่อนำกระดูกกลับมา ไอ้มา ไอ้เกิด ปู่จายล้วนเพื่อนกันจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องติดตามไป สายตาได้เเต่มองเมียของเพื่อนด้วยความเศร้าใจ
เมื่อปีก่อนปู่จายกับน้อยไจเคยไปเกี้ยวบัวคำพร้อมกัน แต่น้อยไจรู้หนังสือจากตอนบวชเรียนจึงว่ากลอนเกี้ยวหญิงได้ คนไม่รู้หนังสือจึงเสียเปรียบทำให้น้อยใจมาทุกวันนี้
ก่อนเที่ยงรถทหารก็เข้ามาที่หมู่บ้าน โดยมีหนานแสนนั่งมาด้วย มีทหารมาเพียงนายเดียว ชื่อจ่าบุญแต่หน้าตาบอกบุญไม่รับในสายตาใครต่อใครหลายคนเพราะหน้ามีแผลเป็นจากสะเก็ดระเบิด จึงเหมือนจะบูดบึ้งตลอดเวลา
จ่าบุญกับหนานแสนเป็นเพื่อนสนิทกันสมัยหนามเป็นทหาร ก่อนจะปลดประจำการออกมา ด้วยนิสัยชอบเล่นเครื่องรางของขลังเหมือนกัน สนิทกันมากขนาดดื่มเหล้าแก้วเดียวกันได้ ปกติพวกเล่นของจะถือเรื่องเดน หนานแสนบอกคนในวงเหล้าว่า จ่าขยับใบหน้าไม่ค่อยได้เลยเหมือนดุ ไม่ต้องกลัว นิสัยจริงจะเป็นคนตลกโปกฮาและรักเพื่อน ซึ่งกาลเวลาได้พิสูจน์น้ำใจคน เวลาหนานมีปัญหาร้องขอให้จ่าช่วย จ่าไม่เคยอิดเอื้อนเลย
“แย่ว่ะ นายบอกข้าว่า พวก ผกค ได้ย้ายฐานไปแล้ว ให้ชาวบ้านไปหาคนหายกันเอง ข้าไม่อยากขัดใจเอ็งก็เลยอ้างมาสืบข่าวพื้นที่สีเหลือง ขอเบิกได้ปืนไม่กี่กระบอก เอ็งคงไม่ว่าอะไรนะ” ซึ่งแน่นอนจ่าจะไปกับคณะตามหาคนหายด้วย ทำให้พอจะใจชื้น โดยเฉพาะปู่จายเองมีแค่หน้าไม้ไว้ยิงนกยิงบ่างกับมีดดาบตกทอดมาจากรุ่นปู่ เกิดยิงกันขึ้นคงลำบากที่จะสู้
ก่อนเดินทาง หนานแสนได้ตั้งศาลเพียงตา เพื่อบอกกล่าวเจ้าป่าเจ้าเขาขอเปิดทางให้คณะตามหาคนหาย เครื่องเซ่นสังเวยมีพร้อมเจ้าป่าจะต้องพอใจปล่อยคนออกมา จ่าบุญยืนอยู่ข้างหลัง เอาลูกประคำมานับและหลับตาเพ่งกระแสจิต พอจะจุดธูปทุกคนต้องอึ้งเพราะไม่สามารถจุดธูปได้ คล้ายกับว่ามันชื้น พอจับแรงหน่อยผงธูปก็ร่วนซุย
“ข้าว่า ฤกษ์ไม่ดีแล้วว่ะ ไอ้สองคนนั่นที่หายไป ไปทำผิดป่าอะไรไว้หรือเปล่าวะ จ้าวถึงไม่รับของเซ่น”
“แล้วข้าจะรู้ไหมเนี่ย ไอ้เกลอ”
ทั้งสองต่างสังหรณ์ใจ เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับสิ่งลี้ลับในป่า ไอ้นันกับน้อยไจยิ่งเป็นพรานหนุ่มกำลังใหม่กับป่าอยู่ด้วย ไม่รู้ไปทำทำพลาดอะไรไว้บ้าง เขาแก้วยิ่งเจ้าที่แรงอยู่ด้วย คนเฒ่าคนแก่เคยเตือนเคยห้ามไมีให้ไปล่าสัตว์ พวกนี้มันไม่เชื่อจึงเกิดเรื่อง
เมื่อได้ธูปมากำใหม่ คราวนี้ทำท่าจะจุดติดก็ดันมีลมวูบใหญ่เสียก่อน จ่าเพ่งในนิมิตรดูแล้วมันมืดไปหมด จ้าวป่าไม่ยอมรับการติดต่อจากมนุษย์ คนที่เหลือต่างมองหน้ากันแล้วมองหนาน จะเอาอย่างไรดี จะเดินทางต่อหรือหยุดอยู่แค่นี้
“งานนี้ต้องวัดดวงกันดู หรือเอ็งว่าไงไอ้หนาน ใจจริงข้าอยากรู้เหมือนกัน เขาลูกนี้ได้ยินว่าของเก่าเยอะ”จ่าเก็บลูกปะคำเข้าคอเสื้อ สายตามีแววอาจหาญไม่กลัวเกรง ในเป้หลังนอกจากสัมภาระที่จำเป็นเเล้ว ยังมีลูกกระเบิดแบบลูกเกลี้ยงติดมาด้วย
“ไอ้บ้า ไม่ใช่ไปลักขุดของเก่านะ ไปช่วยคน งานนี้ถอยง่ายๆ ไม่ได้ แล้วใครจะนับถือ”หนานสะพายย่ามขึ้นไหล่ในมือถือปืนเอชเค33
จ่าส่ายหัวทำเสียงจิ๊กจั๊กในปาก เพื่อนเกลอจะลงสมัครกำนันเลยฮึดใหญ่ งานนี้ต้องลุยกันแล้วสินะ