..............เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อน ตอนนั้นผมยังเป็นเด็กหนุ่มวัยกำลังห้าว
ด้วยความเป็นคนชนบทฐานะยากจน พอเรียนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน อาชีพที่รองรับก็คือทำไร่ทำนา
พอเสร็จสิ้นฤดูกาลทำนา ชาวบ้านบางส่วนรวมทั้งผมจะเข้าป่า หาของป่ามาขายเพื่อเลี้ยงชีพ
แต่ที่มักเป็นที่พูดถึงบ่อยคือพวกพรานในหมู่บ้าน
ส่วนใหญ่จะเป็นพรานเป็นแก๊ป ไอ้บรรพบุรุษปืนเช่นนี้ มีคนในหมู่บ้านที่เป็นช่างทำขายกัน
สนนราคาไม่แพงจนเกินไปนัก ดินปืนทำเองกับตะกั่วทำลูกกระสุนต้องไปหาซื้อในตลาดมืดที่ตัวอำเภอ
พรานที่ผมสนิทหน่อยคือหนานหล้า แกเป็นคนข้างบ้านผมเองครับ เคยบวชพระได้สองพรรษา
ข่วงหรือลานบ้านของเราเชื่อมต่อกัน เป็นที่วิ่งเล่นของผมกับเพื่อนสมัยเด็ก
ตอนนั้นจะเห็นหนานเดินลงบันไดมา สูบบุหรี่ใบตองแห้งควันฉุย บนบ่าสะพายปืนแก๊ปกระบอกยาวเป็นวาดูเท่มาก
ขึ้นควบรถฮอนด้า70 ขี่ออกป่าไป หลายวันจึงกลับมาก็ได้เก้ง ตัวนิ่ม หมูป่า
โดยเฉพาะตัวนิ่มจะขายได้ราคาดีมาก มีพ่อค้ามาติดต่อขอรับซื้อถึงบ้าน
คนบ้านใกล้จะมาดูกันใหญ่ ต่างชมว่าแกเก่ง
เด็กชายในตอนนั้นอย่างผมจึงใฝ่ฝันจะมีปืนเป็นของตัวเองสักกระบอก วันหนึ่งจะได้ออกป่าล่าสัตว์บ้าง
หลายปีต่อมา ผมกับเพื่อนชักชวนกันไปสมัครทำงานเป็นกรรมกรในต่างจังหวัด
ช่างรับเหมาจะจ้างคนงานเป็นงานๆ ไป พอไม่มีงาน คนงานก็แยกย้ายไปหาทำงานที่อื่น
ส่วนผมกลับมาบ้าน นัยว่าคิดถึงบ้าน อยากมาพักผ่อนก่อนจะกลับไปสู้งานต่อ
หลายปีที่ผมห่างบ้าน กลับมาทีเห็นหนานหล้านอนในข่วง นอนกับดินอยู่ใกล้ๆ หมาไอ้มอม
ไม่รู้ทำไมเมียแกปล่อยให้นอนแบบนั้นได้ ผมได้คุยกับเมียแกก็บอกน้ำเสียงหงุดหงิด
นอกจากเวลาเข้าป่า ตอนอยู่บ้านหนานแกติดเหล้ามาก ดื่มหนักจริงและชอบคุยคนเดียว
บางทีก็ไปคุยกับคนโน่นทีคนนี้ที ที่แย่คือครองสติไม่ได้เลย ไม่รู้ตัวว่าขับถ่ายอะไรออกมาเป็นที่น่ารังเกียจ
ดุด่าว่ากล่าวเท่าไหร่ก็ไม่เลิกพฤติกรรม จนเมียจะขอหย่าหลายครั้งแล้ว
มีครั้งหนึ่งนอนตัวแข็งทื่อราวกับศพ ทำได้แค่กลอกตาไปมาคล้ายคนเป็นอัมพาต
เมียแกต้องร้องขอเพื่อนบ้านให้ช่วยกันหามส่งโรงหมอ อีกวันก็กลับมาเหมือนไม่เป็นอะไร
ผมได้ยินว่าแกลงแดงจึงมีสภาพแบบนั้น พอเพลาเรื่องเหล้าก็กลับมาทำงานหนักได้ตามปกติ
ป้าแดงบ้านอยู่ถัดไป เป็นคนมีนิสัยทางฝักใฝ่วัดวา เคยมาเตือนให้หนานหล้าเข้าวัดทำบุญทำกุศลบ้าง
จะได้พ้นเคราะห์แต่ก็ไม่สนใจ การทำงานหนักและดื่มจัดเป็นเรื่องปกติในชีวิต ใครเขาก็เป็นกัน
ในวันหนึ่งผมก็ได้ขอติดตามพวกพรานเข้าป่าไปด้วย ไปกันหลายคน เพราะตกลงกันจะใช้หมาหลายตัวช่วยไล่แลน
หมายถึงตัวกระกวดชนิดหนึ่งที่คนทางบ้านผมกินกัน
หนานหล้าจะเดินนำหน้าทุกคนและเดินเร็วมาก ขึ้นเขาลูกแล้วลูกเล่าแทบไม่มีเหนื่อย
ขนาดคนหนุ่มๆ อย่างผมยังหอบ ยอมรับสู้ความอึดของแกไม่ได้เลย
ขณะพักกินข้าวกลางวัน ผมได้เปรยว่าอยากไปดักยิงสัตว์บ้าง พรานคนหนึ่งได้พูดถึง “ไอ้จ้าว” หมูป่าโทนที่หากินในป่าของพวกเย้า
หมายถึงถึงป่าสุสานของพวกเผ่าเย้า หมูป่าตัวนี้มันชอบออกหากินพืชผลของชาวไร่
โดยเฉพาะฤดูเก็บเกี่ยว ข้าวโพด ถัวลิสงจะเสียหายไปมาก เจ้าของไร่จะไม่ทำอันตรายมัน เพราะถือว่าเป็นบริวารของผีเจ้าป่า
แต่เมื่อใดมันมารบกวนพืชผลของชาวพื้นเมือง แม้เจ้าของไร่จะดักยิงแต่ไม่เป็นผล คล้ายมันมีของดีติดตัว หนังเหนียวยิงไม่เข้า
“ข้าว่า เอ็งใส่ดินปืนน้อยไปหรือใส่ลูกไว้ยิงไก่ หมูแก่ตัวนี้หนังมันเหนียว”
“ไม่นะพี่หนาน ผมซัดมันหงายท้องไปเลย มั่นใจว่าอยู่เเน่” คนพูดคือเจ้าของไร่ในคืนวันนั้น สบถสาบานได้ว่า
ใส่ลูกโดดกับอัดดินปืนไม่น้อย สัตว์มันมีอาถรรพ์จึงยิงไม่เข้าจริง
“เอ็งมันยิงไม่ถูกมากกว่า ข้าเคยไปดูแถวนั้น เห็นต้นไม้ใกล้กันแตกเป็นรูเลย
เอาไว้ข้าจะไปดักยิงมันเอง ไอ้หนุ่มเอ็งมากับข้าก็ได้ เอาเป็นคืนพรุ่งนี้ละกัน”
หนานหล้าพูดอย่างมั่นใจเพราะถือว่าฝีมือแน่ คาถาอาคมก็มีพอตัว
ผมดีใจมากแต่ติดที่ไม่มีปืน แกบอกจะไปหายืมปืนมาให้ใช้ ปืนของพรานเก่า เจ้าของตายไปแล้ว
ลูกหลานแขวนผนังไว้เฉยๆ ถ้าซื้อได้จะขอซื้อในราคาถูกๆ
“เฮ้ย แต่พี่หนาน คืนพรุ่งนี้เป็นวันเลี้ยงผี(วันสาร์ท) ของพวกเย้า มันไม่เหมาะนา
แล้วคนบ้านเรา เคยไปยิงสัตว์ทางโน้นแล้วโดนของพวกเย้า
ตอนนี้ยังนอนซมรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ไม่ตายก็เกือบตาย”
ผมนิ่งอึ้งที่พรานคนนั้นบอกคนบ้านเราไปทำผิดป่า จึงมีอันเป็นไปแบบนั้น
“จะกลัวอะไร ข้าสนิทกับนายบ้าน เคยไปกินไปนอนบ้านมาแล้ว ที่มีเรื่องกันเพราะคนบ้านเราไปทำไม่ดีไว้
เขาฝากบอกมา เวลาเดินผ่านที่ไร่อย่าไปลักเด็ดฟัก เด็ดยอดไม้ของลูกบ้านเขา
เตือนแล้วอย่าไปทำอีก ไม่งั้นอาจมีเรื่องอีก แล้วอย่าหาว่าไม่เตือน”
เช้าวันต่อมา หนานไปได้ปืนมาแล้ว เอาเงินผมไปซื้อมา มันเป็นปืนของผัวป้าแดงนั่นเอง
อดีตพรานเก่าที่เสียไปหลายปีแล้ว ผมเคยไปขอซื้อต่อ แต่ป้าไม่ขายให้
เพราะเห็นผมเป็นลูกหลาน ไม่อยากให้เป็นพราน มันจะเป็นบาปกรรมติดตัว
หนุ่มหาของป่าผจญอาถรรพ์_ป่าผีดิบในคืนปล่อยผี
ด้วยความเป็นคนชนบทฐานะยากจน พอเรียนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน อาชีพที่รองรับก็คือทำไร่ทำนา
พอเสร็จสิ้นฤดูกาลทำนา ชาวบ้านบางส่วนรวมทั้งผมจะเข้าป่า หาของป่ามาขายเพื่อเลี้ยงชีพ
แต่ที่มักเป็นที่พูดถึงบ่อยคือพวกพรานในหมู่บ้าน
ส่วนใหญ่จะเป็นพรานเป็นแก๊ป ไอ้บรรพบุรุษปืนเช่นนี้ มีคนในหมู่บ้านที่เป็นช่างทำขายกัน
สนนราคาไม่แพงจนเกินไปนัก ดินปืนทำเองกับตะกั่วทำลูกกระสุนต้องไปหาซื้อในตลาดมืดที่ตัวอำเภอ
พรานที่ผมสนิทหน่อยคือหนานหล้า แกเป็นคนข้างบ้านผมเองครับ เคยบวชพระได้สองพรรษา
ข่วงหรือลานบ้านของเราเชื่อมต่อกัน เป็นที่วิ่งเล่นของผมกับเพื่อนสมัยเด็ก
ตอนนั้นจะเห็นหนานเดินลงบันไดมา สูบบุหรี่ใบตองแห้งควันฉุย บนบ่าสะพายปืนแก๊ปกระบอกยาวเป็นวาดูเท่มาก
ขึ้นควบรถฮอนด้า70 ขี่ออกป่าไป หลายวันจึงกลับมาก็ได้เก้ง ตัวนิ่ม หมูป่า
โดยเฉพาะตัวนิ่มจะขายได้ราคาดีมาก มีพ่อค้ามาติดต่อขอรับซื้อถึงบ้าน
คนบ้านใกล้จะมาดูกันใหญ่ ต่างชมว่าแกเก่ง
เด็กชายในตอนนั้นอย่างผมจึงใฝ่ฝันจะมีปืนเป็นของตัวเองสักกระบอก วันหนึ่งจะได้ออกป่าล่าสัตว์บ้าง
หลายปีต่อมา ผมกับเพื่อนชักชวนกันไปสมัครทำงานเป็นกรรมกรในต่างจังหวัด
ช่างรับเหมาจะจ้างคนงานเป็นงานๆ ไป พอไม่มีงาน คนงานก็แยกย้ายไปหาทำงานที่อื่น
ส่วนผมกลับมาบ้าน นัยว่าคิดถึงบ้าน อยากมาพักผ่อนก่อนจะกลับไปสู้งานต่อ
หลายปีที่ผมห่างบ้าน กลับมาทีเห็นหนานหล้านอนในข่วง นอนกับดินอยู่ใกล้ๆ หมาไอ้มอม
ไม่รู้ทำไมเมียแกปล่อยให้นอนแบบนั้นได้ ผมได้คุยกับเมียแกก็บอกน้ำเสียงหงุดหงิด
นอกจากเวลาเข้าป่า ตอนอยู่บ้านหนานแกติดเหล้ามาก ดื่มหนักจริงและชอบคุยคนเดียว
บางทีก็ไปคุยกับคนโน่นทีคนนี้ที ที่แย่คือครองสติไม่ได้เลย ไม่รู้ตัวว่าขับถ่ายอะไรออกมาเป็นที่น่ารังเกียจ
ดุด่าว่ากล่าวเท่าไหร่ก็ไม่เลิกพฤติกรรม จนเมียจะขอหย่าหลายครั้งแล้ว
มีครั้งหนึ่งนอนตัวแข็งทื่อราวกับศพ ทำได้แค่กลอกตาไปมาคล้ายคนเป็นอัมพาต
เมียแกต้องร้องขอเพื่อนบ้านให้ช่วยกันหามส่งโรงหมอ อีกวันก็กลับมาเหมือนไม่เป็นอะไร
ผมได้ยินว่าแกลงแดงจึงมีสภาพแบบนั้น พอเพลาเรื่องเหล้าก็กลับมาทำงานหนักได้ตามปกติ
ป้าแดงบ้านอยู่ถัดไป เป็นคนมีนิสัยทางฝักใฝ่วัดวา เคยมาเตือนให้หนานหล้าเข้าวัดทำบุญทำกุศลบ้าง
จะได้พ้นเคราะห์แต่ก็ไม่สนใจ การทำงานหนักและดื่มจัดเป็นเรื่องปกติในชีวิต ใครเขาก็เป็นกัน
ในวันหนึ่งผมก็ได้ขอติดตามพวกพรานเข้าป่าไปด้วย ไปกันหลายคน เพราะตกลงกันจะใช้หมาหลายตัวช่วยไล่แลน
หมายถึงตัวกระกวดชนิดหนึ่งที่คนทางบ้านผมกินกัน
หนานหล้าจะเดินนำหน้าทุกคนและเดินเร็วมาก ขึ้นเขาลูกแล้วลูกเล่าแทบไม่มีเหนื่อย
ขนาดคนหนุ่มๆ อย่างผมยังหอบ ยอมรับสู้ความอึดของแกไม่ได้เลย
ขณะพักกินข้าวกลางวัน ผมได้เปรยว่าอยากไปดักยิงสัตว์บ้าง พรานคนหนึ่งได้พูดถึง “ไอ้จ้าว” หมูป่าโทนที่หากินในป่าของพวกเย้า
หมายถึงถึงป่าสุสานของพวกเผ่าเย้า หมูป่าตัวนี้มันชอบออกหากินพืชผลของชาวไร่
โดยเฉพาะฤดูเก็บเกี่ยว ข้าวโพด ถัวลิสงจะเสียหายไปมาก เจ้าของไร่จะไม่ทำอันตรายมัน เพราะถือว่าเป็นบริวารของผีเจ้าป่า
แต่เมื่อใดมันมารบกวนพืชผลของชาวพื้นเมือง แม้เจ้าของไร่จะดักยิงแต่ไม่เป็นผล คล้ายมันมีของดีติดตัว หนังเหนียวยิงไม่เข้า
“ข้าว่า เอ็งใส่ดินปืนน้อยไปหรือใส่ลูกไว้ยิงไก่ หมูแก่ตัวนี้หนังมันเหนียว”
“ไม่นะพี่หนาน ผมซัดมันหงายท้องไปเลย มั่นใจว่าอยู่เเน่” คนพูดคือเจ้าของไร่ในคืนวันนั้น สบถสาบานได้ว่า
ใส่ลูกโดดกับอัดดินปืนไม่น้อย สัตว์มันมีอาถรรพ์จึงยิงไม่เข้าจริง
“เอ็งมันยิงไม่ถูกมากกว่า ข้าเคยไปดูแถวนั้น เห็นต้นไม้ใกล้กันแตกเป็นรูเลย
เอาไว้ข้าจะไปดักยิงมันเอง ไอ้หนุ่มเอ็งมากับข้าก็ได้ เอาเป็นคืนพรุ่งนี้ละกัน”
หนานหล้าพูดอย่างมั่นใจเพราะถือว่าฝีมือแน่ คาถาอาคมก็มีพอตัว
ผมดีใจมากแต่ติดที่ไม่มีปืน แกบอกจะไปหายืมปืนมาให้ใช้ ปืนของพรานเก่า เจ้าของตายไปแล้ว
ลูกหลานแขวนผนังไว้เฉยๆ ถ้าซื้อได้จะขอซื้อในราคาถูกๆ
“เฮ้ย แต่พี่หนาน คืนพรุ่งนี้เป็นวันเลี้ยงผี(วันสาร์ท) ของพวกเย้า มันไม่เหมาะนา
แล้วคนบ้านเรา เคยไปยิงสัตว์ทางโน้นแล้วโดนของพวกเย้า
ตอนนี้ยังนอนซมรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ไม่ตายก็เกือบตาย”
ผมนิ่งอึ้งที่พรานคนนั้นบอกคนบ้านเราไปทำผิดป่า จึงมีอันเป็นไปแบบนั้น
“จะกลัวอะไร ข้าสนิทกับนายบ้าน เคยไปกินไปนอนบ้านมาแล้ว ที่มีเรื่องกันเพราะคนบ้านเราไปทำไม่ดีไว้
เขาฝากบอกมา เวลาเดินผ่านที่ไร่อย่าไปลักเด็ดฟัก เด็ดยอดไม้ของลูกบ้านเขา
เตือนแล้วอย่าไปทำอีก ไม่งั้นอาจมีเรื่องอีก แล้วอย่าหาว่าไม่เตือน”
เช้าวันต่อมา หนานไปได้ปืนมาแล้ว เอาเงินผมไปซื้อมา มันเป็นปืนของผัวป้าแดงนั่นเอง
อดีตพรานเก่าที่เสียไปหลายปีแล้ว ผมเคยไปขอซื้อต่อ แต่ป้าไม่ขายให้
เพราะเห็นผมเป็นลูกหลาน ไม่อยากให้เป็นพราน มันจะเป็นบาปกรรมติดตัว