ห้วยมรณะ ตอน ตามหาคณะสำรวจป่า

ติดตามรับฟังในแบบนิยายเสียงได้ที่นี่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

............. เช้าวันนั้น ทิดสินลุกขึ้นมาผ่าฟืน โดยมีไอ้มอมไอ้แดงนอนหมอบอยู่ข้าง ๆ วาดหางถูกับดินไปมา รอน้ำข้าวที่กำลังตั้งหม้อเดือดปุด พอเม็ดข้าวบานได้ที่  ร่างกำยำถอดผ้าขาวม้ามาสะบัดไล่ความอบอ้าวกับเช็ดเหงื่อ ไปยกหม้อมารินน้ำข้าวออก เอียงหม้อไปมาเป็นการหุงข้าวแบบเช็ดน้ำ  ส่วนน้ำข้าวเทใส่รางให้หมากิน 

เนื้อเค็มทำไว้ มีให้กินได้นับเดือน นำมาปิ้งไฟจนหอม ทำเอาพวกหมาร้องเอ๋ง ๆ เพราะรู้ว่าอีกเดี๋ยวเจ้านาย จะโยนให้พวกมันกินก่อนทุกที ไอ้ตัวใหญ่คุมฝูงได้กินก่อน ไอ้ตัวเล็กได้ส่วนแบ่งไปตามลำดับ ไม่มีตัวไหนแย่งกันกิน หมาของทิดสินไม่มีตัวไหนผอมโซ  
ทิดสินตั้งสำรับเสร็จ นั่งถอนใจกับชีวิตชายโสด ก่อนใช้ข้อนิ้วขยุ้มข้าวกับเนื้อใส่ปากเคี้ยว 

ภายหลังจากทิดสินกับแสงถาออกตามหาคนหายคือลุงเฟิ้ม จนไปเจอตัวที่กรุดอนฟ้าผ่า  นำตัวออกจากป่ามาได้  แสงถาก็รีบกลับไปเฝ้าเมียท้องแก่ใกล้คลอด  พออีกวันอ้ายเรือง เป็นอีกคนที่ไปเป็นเขยบ้านกุยเลอตอ ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน ได้แวะมาส่งข่าวกับทิดสิน เมียของแสงถาคลอดลูกแล้ว เป็นเด็กผู้ชาย  ทิดสินว่าวันนี้พอสายหน่อยจะไปเยี่ยม 

มีเสียงฝีเท้าคนเดินผ่านรั้วหน้าบ้าน มีพุ่มต้นลันเตาขึ้นบดบังจึงไม่ทันเห็นว่าเป็นใคร พวกหมาพากันไปเห่าขับไล่ แล้วพลันได้ยินเสียงจุ๊ปาก เป็นเสียงของผู้หญิง พอเธอเดินล้ำออกมาเต็มตัว  ทิดสินอุทานออกมา สาวแอนลูกสาวลุงเฟิ้มนั่นเอง ในมือหิ้วปิ่นโตมาด้วย  สาวน้อยสวมผ้าถุง เสื้อผ้าฝ้ายแขนยาวสีบานเย็น ดูสวยหวาน ยิ่งผิวพรรณผุดผาด แก้มที่แดงระเรื่อเหมือนกับแสงอาทิตย์ ทำให้ดูน่ารักน่ามองไปเสียทุกมุม  ทิดสินหลงมองรูปจนเพลินได้แต่ข่มจิตใจ ท่องบ่นอันเนื้อหนังมังสา เพื่อระงับกิเลสตามคำของครูบาอาจารย์ สมัยที่ยังบวช 

“น้าสินอยู่พอดี ฉันมาเยี่ยมจ้ะ เอากับข้าวมาให้ด้วย”

“เข้ามาสิแอน น้ากำลังตั้งสำรับอยู่พอดี ระวังหมาด้วยนะ”

ทิดสินไม่คิดว่าข้าวที่เคี้ยวอยู่ จะให้รสอร่อยถึงเพียงนี้ ด้วยไม่คาดคิดว่าเธอจะมา

หญิงสาวฉลาดพอจะผ่านพวกหมาไปได้ เธอมีไก่ยางมาด้วย  เพียงแกว่งไปมาให้กลิ่นแตะจมูกพวกมัน ทำเอาน้ำลายหยุดแมะ ไอ้ตุ่นหมาเด็กตัวอวบอ้วนขนฟูวัยกำลังน่ารัก วิ่งมาเกาะน่อง ร้องหงิ๋ง ๆ ขอกิน  แอนอดก้มลงไปลูบหัวลูบขนมันไม่ได้  แล้วแบ่งกระดูกติดเนื้อให้คาบไปกิน  เท่านี้ก็เปิดทางสะดวกได้แล้ว

“เช้านี้ทำอะไรกินจ๊ะน้าสิน ได้กลิ่นหอมมาเซียว”  

“เข้ามากินด้วยกันสิ น้าพึ่งตั้งสำรับ แต่กับข้าว มีเนื้อเค็มปิ้งกับยอดผักลวก”

“ถ้างั้นพอดีเลย แม่ให้ฉัน เอากับข้าวมาแบ่งให้น้าสินจ้ะ มีแกงเขียวหวาน พะแนง แกงจืดผักกาดขาว” 

กับข้าวดูน่าอร่อยทั้งนั้นเลย  เป็นครั้งแรก ที่มีคนมานั่งกินข้าวด้วยที่บ้าน แล้วยังเป็นหญิงสาวด้วย กลิ่นน้ำปรุงจากกายสาวหอมเย็นชื่นใจ แต่ทิดสินวางตัวดี พูดจาสำรวมไม่มีเกี้ยวพา แอนตักพะแนงให้เขาก่อน ปากก็ชวนคุยไปด้วย นิสัยปกติเป็นคนร่างเริง  เธอตื่นมาแต่เช้าช่วยแม่ทำกับข้าว ทิดสินตักเนื้อเค็มปิ้งใส่จานข้าวของเธอบ้าง บอกมันแข็งหน่อย ให้ค่อย ๆ เคี้ยว  ระหว่างนั้นก็ได้พูดคุยถึงอาการของลุงเฟิ้ม  แอนบอกพ่อยังนอนซมอยู่  แต่กินน้ำข้าวต้มได้ พูดจาได้ ปกติร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยไข้ง่าย คงจะฟื้นคืนในเร็ววัน  น่าเห็นใจก็แต่ญาติของน้าเทืองกับน้าเส็ง ที่เอาศพออกมาจากกรุดอนผ่าไม่ได้ 

พออิ่มแล้วมีขันน้ำทองเหลืองลงหิน บรรจุน้ำฝนใสเย็น และมีขันเล็กให้ตักแบ่งมาดื่ม แอนกำลังดื่มน้ำ พอลืมตาพลันไปเห็นร่างเงาอยู่ด้านหลังของทิดสิน ในห้องมีหีบเหล็กหลายใบวางอยู่ มีเงาคนเดินผ่าน ไวเกินจะทันสังเกตได้ 

“นะ น้า...มะ มีใครอยู่ในห้อง”  

น้ำเสียงของแอนสั่น ก่อนหน้าได้ยินข่าวลือ ทิดสินเลี้ยงผีไว้เฝ้าบ้าน

“ไม่มีนี่ แอนตาฝาดเองหรือเปล่า น้าอยู่คนเดียวมาตลอดนะ” 

ทิดสินเลิกคิ้วหันไปมองด้านหลัง ไม่เห็นมีอะไร หรือว่าเธอแกล้งอำให้ตกใจเล่น

แอนใจคอไม่สู้ดี ยืนอยู่ยังเกือบล้ม ได้อ้อมแขนของทิดสินคว้าไว้เป็นที่พึ่งพิง  ใบหน้าของแอนซบเอากับแผ่นอก   ทำเอาทิดสินยิ้มชอบใจ บอกผีบ้านผีเรือนออกมาดูพวกเราเท่านั้นเองอย่าตกใจไป  แอนเขินเอามากเมื่อเสียทีหนุ่มใหญ่ บอกจะกลับแล้ว ทิดสินอาสาจะเดินไปส่งที่บ้านให้ จะได้ไปดูอาการของลุงเฟิ้มด้วย 

กำลังเดินออกจากรั้วบ้าน จังหวะทิดสินหันกลับมาเผอิญสายตาไปพบสาวสวย ไว้ผมยาวประบ่า ห่มผ้าสไบเฉวียงบ่าเดินออกมา เธอมองมาด้วยสายตาไม่พอใจ ที่เขาให้ผู้หญิงมาเข้าในบ้าน แล้วเธอก็เชิดหน้าเดินหายไปเหมือนเงาวูบหนึ่ง

ภายหลังจากเสร็จธุระ  ขากลับมา ทิดสินพบมีรถกระบะจอดรออยู่หน้าบ้าน ลุงสมบัตินั่นเอง เป็นผู้ช่วยของกำนันหาญ ยืนสูบบุหรี่รออยู่

“ทิดสินมาพอดีเลย  ข้านึกว่าเอ็งเข้าป่าไปแล้วเสียอีก มีเรื่องด่วนว่ะ พ่อกำนันให้มาตามเอ็ง”

“อ้าว ลุงสมบัติ  พ่อกำนันมีธุระด่วนอะไรกับฉันแต่เช้า”

“คนหายอีกแล้วว่ะ  เมื่อวานนี้เอง ฝรั่งกับคนไทยรวมกันสี่คน มาขอพ่อกำนันให้ช่วยหาพรานนำทางให้หน่อยพวกนี้จะขึ้นสำรวจป่าทางต้นน้ำห้วยกล้อทอ คงกะจะไปถึงดอยพาวีโน้น พวกนี้ขับรถไป พอสุดทางรถแล้วค่อยลงไปเดิน แต่มาเกิดเรื่องเสียก่อนนี่สิ  พรานอาจไปเจอรถจมน้ำอยู่ในลำห้วย เลยรีบ

มาบอกพ่อกำนัน ตอนนี้พ่อกำนันเอาคนขึ้นรถ เดินทางล่วงหน้าไปก่อนแล้ว แต่ฝากบอกข้าให้ตามเอ็งกับพรานไปอีกหลาย ๆ คน จะได้ช่วยกันตามหา”
“แล้วพรานคนไหน ที่พาพวกฝรั่งไป ถนนในป่ามันทางเก่าของพวกชักลากไม้ เวลาฝนตกถนนลื่นไม่ปลอดภัย”

“ไอ้มาก หลานเฒ่าคำลือ มันเป็นคนไม่ค่อยมีปากเสียง คงไม่ได้ห้ามพวกฝรั่ง ตอนนี้ข้ายังไม่ได้ไปบอกทางบ้านมัน บัดเดี๋ยวข้าจะไปบ้านเฒ่าคำลือ ให้ช่วยกันออกไปตามหา”

“ถ้างั้นรอเดี๋ยว ฉันไปเอาสัมภาระกับปืน จะได้ไปพร้อมกันเลย”

พรานมาก เป็นพรานปืนแก๊ป หนุ่มโสดไร้ลูกเมีย และเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับทิดสิน ได้รับสืบทอดวิชาพรานมาจากเฒ่าคำลือ  ทว่าสิ่งที่เจ้าเพื่อนคนนี้ชอบเสพสรรยิ่งจนแทบลืมข้าวปลาคือกัญชา นอกจากแบกปืนแล้ว ยังแบกบ้องเดินข้ามป่าข้ามเขาหลายลูกไม่มีเหน็ดเหนื่อย หาสัตว์ป่าส่งขายตามใบสั่งของลูกค้า 

ลุงสมบัติได้ไปเรียกพรานช่วยกับพรานน้อย  พรานมือดีพรรคพวกกันทั้งนั้นให้ไปด้วย  ปิดท้ายด้วยเฒ่าคำลือพรานเก่า อายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว นานทีจะออกป่า พรานมากเป็นหลานชายแกเอง งานนี้ไม่ไปไม่ได้ ร่างผอมบางแต่แกร่งไม่น้อย การเดินเหินยังคล่อง วัน ๆ จับจอบเสียมขุดดินถากหญ้า เพื่อเตรียมแปลงปลูกผัก จึงยังมีเรี่ยวแรงดีอยู่     

รถกระบะของผู้ช่วยกำนันพาพรานหนุ่ม ๆ ไปถึงหน้าบ้านเฒ่าคำลือ  ขณะนั้นแกกำลังหั่นกัญชากับเขียงอยู่บนแคร่ในลานบ้าน  มือเหี่ยวขยุ้มหยิบฝอยลงที่ฐานแล้วแตะไฟ น้ำในกระบอกลั่นดังคร่อก ๆ  พอเห็นรถเห็นคนมาถึง เฒ่าก็ช้อนตาขึ้นมอง แววตาเดียวกับหลานชาย คือสะลึมสะลือ ไม่รู้ทุกข์ร้อนกับใคร ลุงสมบัติเข้าไปบอกถึงเหตุร้าย ที่เกิดขึ้นกับหลานชายของแก  ดูเฒ่าจะไม่ตื่นเต้นอะไร 

“พี่ลือ ๆ ได้ยินผมพูดมั้ย ไอ้มากพาฝรั่งตกห้วย ตอนนี้ไม่รู้เป็นตาย” 

“เออ... เอ็งไม่ต้องบอกข้าไอ้บัติ  ข้ารู้หมดแล้ว เมื่อครู่ข้านั่งเพ่งดูด้วยญาณ ติดต่อกับเจ้าป่าแล้ว ท่านกำลังพิโรธ ที่มีคนไปลบหลู่ท้าทายท่าน”  เฒ่าพรานเก่าระบายลมหายใจออกมาเป็นควัน  

ลุงสมบัติแม้เร่งรีบ แต่ก็เชื่อถือในวิชาอาคมของรุ่นพี่ มีพอตัว ไม่ได้พูดมั่วแน่  

“ไอ้มาก มันไปทำผิดป่า เลยโดนเอาถึงตายใช่มั้ยพี่ลือ”
คนถูกถามยังใจเย็น ก่อนจะจมปากกับบ้องต่อ เสียงดังคร่อก ๆ 

“ไอ้เจ้าหลานคนนี้  ดวงมันกำลังเข้าเคราะห์หนัก ข้าเคยเตือน ช่วงนี้ให้งดเข้าป่า มันไม่ยอมฟ้ง คิดหวังแต่จะหาเงินท่าเดียว  ช่วงฤดูนี้สัตว์ป่ามันกำลังผสมพันธุ์ เพื่อออกลูก ไม่ควรไปไล่ล่า นำทางให้พวกฝรั่งสำรวจป่าได้ แต่พวกมันมักมือบอนเห็นสัตว์เป็นยิง จะพากันซวยล้วนหน้า  ริจะเป็นพรานก็ต้องมีจรรยาบรรณ มีข้อสัตย์เป็นศีล หากใครไม่รู้จัก ไม่รักษาไว้ เจ้าป่าเจ้าเขาจะลงโทษเอา  คราวนี้ท่านจะเอาตาย ไปเป็นผีบริวารถึงหกศพ”  

ผู้เฒ่ายังก้มหน้ากับบ้อง แต่ยังชูนิ้วมือห้านิ้ว บวกกับหนึ่งนิ้วชี้ ทำเอาพวกคนหนุ่มส่งเสียงฮือฮา  ญาณกัญชาพาแกไปไกลได้ถึงเพียงนี้เซียวหรือ  บ้างแซวว่าวันใกล้หวยออกจะมาขอเลขเด็ด

ทิดสินมองไปทางสวนหลังบ้าน  มีพืชเศรษฐกิจปลูกไว้  มันคือต้นกัญชาทั้งนั้น ไม่แปลกใจเลยหากไอ้มากจะเสพหนักจนบางครั้งประสาทหลอน เรื่องนี้กำนันเคยเตือนเฒ่าคำลือแล้ว ทางการให้ปราบปราม เฒ่าคำลือบอกแค่ค้าขายเล็กน้อย พอได้มีเงินซื้อข้าวสาร กำนันก็ญาติกัน เด็กกว่าตั้งหลายปีจึงไม่อยากว่ากล่าวอะไร เกรงจะเสียน้ำใจกันเปล่า ๆ 

เพียงอึดใจเดียวเฒ่าคำลือก็คว้าย่ามขึ้นสะพายกับเสียบบ้องกัญชาลงไป โดยไม่ต้องพูดจาให้มากความ  ทิดสิน พรานช่วย พรานน้อย พากันโดดขึ้นไปนั่งบนกระบะ ลุงสมบัติจะพาไปส่งถึงจุดหมาย โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินลัดป่า เส้นทางที่มุ่งหน้าไปถูกน้ำป่าไหลผ่าน ยิ่งมีรถยนต์ของทางการหลายคันขับผ่านไปก่อนหน้า จนดินเป็นร่องลึก  เกินกำลังรถกระบะดัสสันเก่า ๆ จะขับฝ่าทะเลโคลนไปได้  

เฒ่าคำลือหัวเราะดังอัก ๆ ชอบใจ อาจจะด้วยแกยังไม่สร่างเมาดี บอกให้เอารถไปปลูกผักสะระแหน่ได้แล้ว จอดมันตรงนี้แหละ เดินลัดป่าจะถึงไวกว่าขับอ้อมไปมาน่าเวียนหัว  แกเดินป่าละแวกนี้มาตั้งแต่หนุ่มยันแก่ชำนาญเส้นทางดี  รู้ว่าไอ้มากจะต้องไปเส้นทางไหน 

ติดตามรับฟังในรูปแบบนิยายเสียงได้อีกทางนะครับ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่