ยูเอ็น มาแล้ว! ส่งจดหมาย ทวงคำตอบ "วันเฉลิม" ถูกอุ้มหายในกัมพูชา
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4320491
ยูเอ็น มาแล้ว! ส่งจดหมายถึงกัมพูชา ให้คำตอบ "วันเฉลิม" ถูกอุ้มหาย
วันนี้ (15 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวความคืบหน้าการหายตัวไปของ
วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองจากการรัฐประหาร 2557 จากกรุงพนมเปญของกัมพูชา ซึ่งญาติและเพื่อนที่ติดตามข่าวคราวคาดว่าเป็นการอุ้มหาย ผ่านมากว่า 10 วันแล้ว ซึ่งนับตั้งแต่วันที่หายตัวไป กระแส
#Saveวันเฉลิม ได้เกิดขึ้นในทวิตเตอร์
และองค์กรสิทธิมนุษยชนเรียกร้องให้ทางการไทยและกัมพูชาติดตามและสืบสวนเรื่องนี้ แม้ทางการของ 2 ประเทศจะออกมาเชิงปฏิเสธในการติดตามเรื่องดังกล่าวก่อนถูกกระแสกดดันให้ทางการไทยส่งหนังสือสอบถามถึงรัฐบาลกัมพูชา ล่าสุด
สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชอาร์) ได้ส่งจดหมายซึ่งมีการขีดดำส่วนที่คาดว่าเป็นผู้ร้อง ใจความระบุว่า
“ผมได้เกียรติในการตอบกลับตามที่ท่านร้องขอในเรื่องด่วนตามมาตรา 30 ตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บังคับบุคคลสูญหาย (ซีอีดี) ได้แจ้งถึงคณะกรรมการตามอนุสัญญาฯ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 ในเรื่องเกี่ยวกับการบังคับสูญหายของวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์
โดยคำร้องนี้ ได้รับการบันทึกไว้เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน โดยคณะกรรมการซีอีดี ตามบทบัญญัติในมาตรา 30 ของอนุสัญญาฯ จากการตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับ คณะกรรมการฯได้ส่งจดหมายทางวาจาไปยังประเทศสมาชิกเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ว่าให้คำร้องดังกล่าวเป็นเรื่องฉุกเฉินตามบทบัญญัติมาตรา 30 โดยให้ดำเนินการดังนี้
“เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็น) ได้ส่งคำชมไปยังราชอาณาจักรกัมพูชาในฐานะสมาชิกถาวรถึงสำนักงานยูเอ็นในเจนีวา และเป็นเกียรติในการส่งเรื่องเกี่ยวกับคำร้องนี้ให้เป็นเรื่องเร่งด่วนของคณะกรรมการซีอีดี ตามบทบัญญัติมาตรา 30 เกี่ยวกับเรื่องการบังคับให้สูญหาย ของวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์”
นาย
สุณัย ผาสุก ที่ปรึกษาฮิวแมนไรท์ วอช ประจำประเทศไทยกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลกัมพูชาได้รับหนังสือสอบถามจากสถานทูตไทยแล้ว รวมทั้งคณะกรรมการตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บังคับบุคคลสูญหาย (CED) องค์การสหประชาชาติก็รับเรื่องนี้ไว้แล้ว พร้อมทั้งขีดเส้นรัฐบาลกัมพูชาต้องชี้แจงคำตอบภายใน 24 มิ.ย. จึงไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธไม่รับรู้ หรือไม่สอบสวน
ทั้งนี้
มาตรา 30 ในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บังคับบุคคลสูญหาย (ซีอีดี) ระบุว่า
1. ในกรณีที่มีความเร่งด่วน ญาติหรือผู้แทนทางกฎหมายของผู้สูญหาย ที่ปรึกษาหรือบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้สูญหาย หรือบุคคลใดที่มีส่วนได้เสียที่สมเหตุสมผล อาจยื่นข้อร้องเรียนให้มีการติดตามหาผู้สูญหายต่อคณะกรรมการได้
2. หากคณะกรรมการพิจารณาแล้วว่าข้อร้องเรียนกรณีเร่งด่วนที่ได้ยื่นภายใต้วรรค 1 ของข้อนี้
(ก) มิได้เป็นข้อกล่าวหาเลื่อนลอยอย่างชัดแจ้ง
(ข) มิได้เป็นการใช้สิทธิยื่นคำร้องในทางที่ผิด
(ค) ได้มีการร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐภาคีที่เกี่ยวข้องแล้ว เช่น หน่วยงานที่มีหน้าที่สืบสวนสอบสวน
ในกรณีที่มีช่องทางที่จะกระทำได้
(ง) มิได้เป็นการขัดต่อบทบัญญัติของอนุสัญญาฯ
(จ) มิได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบโดยกระบวนการระหว่างประเทศอื่น หรือการระงับข้อพิพาทอื่นที่มี
ลักษณะคล้ายกัน คณะกรรมการจักได้ขอให้รัฐภาคีที่เกี่ยวข้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลดังกล่าว ภายในกรอบเวลาที่คณะกรรมการกำหนด
3. เมื่อคณะกรรมการพิจารณาข้อมูลที่ได้รับจากรัฐภาคีที่เกี่ยวข้องตามข้อ 30 วรรค 2 อาจพิจารณานำส่ง ข้อเสนอแนะหรือคำร้องต่อรัฐภาคีเพื่อกำหนดให้มีมาตรการที่จำเป็น ซึ่งรวมไปถึงมาตรการชั่วคราว เพื่อ ติดตามและคุ้มครองบุคคลที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีของอนุสัญญานี้ภายในเวลาที่กำหนด โดยคำนึงถึงความเร่งด่วนของสถานการณ์ โดยคณะกรรมการจะแจ้งบุคคลที่ยื่นข้อร้องเรียนกรณีฉุกเฉินเกี่ยวกับข้อเสนอแนะที่ได้นำส่งต่อรัฐภาคีที่เกี่ยวข้อง และข้อมูลที่ได้รับจากรัฐภาคีดังกล่าวในโอกาสแรก
4. คณะกรรมการจะประสานงานกับรัฐภาคีที่เกี่ยวข้องตราบใดที่ยังไม่ปรากฏสถานะที่ชัดเจนของบุคคล ตามคำร้องเรียน และจะแจ้งข้อมูลให้บุคคลที่ยื่นคำร้องเรียนเพื่อทราบอย่างต่อเนื่อง
พท.ข้องใจ รบ.ไม่จริงใจ เบรกลต.ท้องถิ่น ชี้พิรุธแบนผู้นำ แต่หลุดตอนเลือกตั้ง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4319228
พท.ข้องใจ รบ.ไม่จริงใจ เบรกลต.ท้องถิ่น ชี้พิรุธแบนผู้นำ แต่หลุดตอนเลือกตั้ง
วันที่ 15 มิ.ย. นาย
ชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้สึกแย่และเสียใจกับคำตอบของรัฐบาล ว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ยังไม่เกิดขึ้นเพราะขาดงบ รัฐบาลไม่จริงใจกับนโยบายการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ผู้บริหารท้องถิ่นเมื่ออยู่ครบวาระ 4 ปีแล้ว ได้รับการต่ออายุออกไปเรื่อยๆ ตามอำเภอใจ
อย่างน้อยควรให้ปลัดรักษาการ แล้วรีบจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น รัฐบาลดูถูกประชาชนที่ไม่รักษากติกา รักษาความเป็นธรรมในการปกครองบ้านเมือง ที่แย่กว่านั้นผู้บริหารท้องถิ่นหลายแห่งถูก ป.ป.ช.สอบข้อหาทุจริต ถูกคำสั่ง คสช.พักหน้าที่ แต่หลุดคดีในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าคุณต้องมาช่วยหาเสียงให้ฝั่งรัฐบาล เรื่องนี้ถ้าไม่จริงก็ขอให้ปฏิเสธออกมา
ทั้งรัฐบาลหรือผู้บริหารท้องถิ่น ขอถามพรรคร่วมรัฐบาลที่ชูนโยบายเลือกตั้งท้องถิ่น ชูนโยบายแก้รัฐธรรมนูญ ท่านจะมองหน้าประชาชนอย่างไรเมื่อกลับท้องถิ่นตนเอง
JJNY : ยูเอ็นส่งจม.ทวงคำตอบวันเฉลิม/พท.ข้องใจรบ.ไม่จริงใจเบรกลต.ท้องถิ่น/จี้รบ.จัดเลือกตั้งท้องถิ่น/หนี้ครัวเรือนพุ่ง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4320491
วันนี้ (15 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวความคืบหน้าการหายตัวไปของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองจากการรัฐประหาร 2557 จากกรุงพนมเปญของกัมพูชา ซึ่งญาติและเพื่อนที่ติดตามข่าวคราวคาดว่าเป็นการอุ้มหาย ผ่านมากว่า 10 วันแล้ว ซึ่งนับตั้งแต่วันที่หายตัวไป กระแส #Saveวันเฉลิม ได้เกิดขึ้นในทวิตเตอร์
และองค์กรสิทธิมนุษยชนเรียกร้องให้ทางการไทยและกัมพูชาติดตามและสืบสวนเรื่องนี้ แม้ทางการของ 2 ประเทศจะออกมาเชิงปฏิเสธในการติดตามเรื่องดังกล่าวก่อนถูกกระแสกดดันให้ทางการไทยส่งหนังสือสอบถามถึงรัฐบาลกัมพูชา ล่าสุด สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชอาร์) ได้ส่งจดหมายซึ่งมีการขีดดำส่วนที่คาดว่าเป็นผู้ร้อง ใจความระบุว่า
“ผมได้เกียรติในการตอบกลับตามที่ท่านร้องขอในเรื่องด่วนตามมาตรา 30 ตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บังคับบุคคลสูญหาย (ซีอีดี) ได้แจ้งถึงคณะกรรมการตามอนุสัญญาฯ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 ในเรื่องเกี่ยวกับการบังคับสูญหายของวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์
โดยคำร้องนี้ ได้รับการบันทึกไว้เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน โดยคณะกรรมการซีอีดี ตามบทบัญญัติในมาตรา 30 ของอนุสัญญาฯ จากการตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับ คณะกรรมการฯได้ส่งจดหมายทางวาจาไปยังประเทศสมาชิกเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ว่าให้คำร้องดังกล่าวเป็นเรื่องฉุกเฉินตามบทบัญญัติมาตรา 30 โดยให้ดำเนินการดังนี้
“เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็น) ได้ส่งคำชมไปยังราชอาณาจักรกัมพูชาในฐานะสมาชิกถาวรถึงสำนักงานยูเอ็นในเจนีวา และเป็นเกียรติในการส่งเรื่องเกี่ยวกับคำร้องนี้ให้เป็นเรื่องเร่งด่วนของคณะกรรมการซีอีดี ตามบทบัญญัติมาตรา 30 เกี่ยวกับเรื่องการบังคับให้สูญหาย ของวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์”
นายสุณัย ผาสุก ที่ปรึกษาฮิวแมนไรท์ วอช ประจำประเทศไทยกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลกัมพูชาได้รับหนังสือสอบถามจากสถานทูตไทยแล้ว รวมทั้งคณะกรรมการตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บังคับบุคคลสูญหาย (CED) องค์การสหประชาชาติก็รับเรื่องนี้ไว้แล้ว พร้อมทั้งขีดเส้นรัฐบาลกัมพูชาต้องชี้แจงคำตอบภายใน 24 มิ.ย. จึงไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธไม่รับรู้ หรือไม่สอบสวน
ทั้งนี้ มาตรา 30 ในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บังคับบุคคลสูญหาย (ซีอีดี) ระบุว่า
1. ในกรณีที่มีความเร่งด่วน ญาติหรือผู้แทนทางกฎหมายของผู้สูญหาย ที่ปรึกษาหรือบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้สูญหาย หรือบุคคลใดที่มีส่วนได้เสียที่สมเหตุสมผล อาจยื่นข้อร้องเรียนให้มีการติดตามหาผู้สูญหายต่อคณะกรรมการได้
2. หากคณะกรรมการพิจารณาแล้วว่าข้อร้องเรียนกรณีเร่งด่วนที่ได้ยื่นภายใต้วรรค 1 ของข้อนี้
(ก) มิได้เป็นข้อกล่าวหาเลื่อนลอยอย่างชัดแจ้ง
(ข) มิได้เป็นการใช้สิทธิยื่นคำร้องในทางที่ผิด
(ค) ได้มีการร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐภาคีที่เกี่ยวข้องแล้ว เช่น หน่วยงานที่มีหน้าที่สืบสวนสอบสวน
ในกรณีที่มีช่องทางที่จะกระทำได้
(ง) มิได้เป็นการขัดต่อบทบัญญัติของอนุสัญญาฯ
(จ) มิได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบโดยกระบวนการระหว่างประเทศอื่น หรือการระงับข้อพิพาทอื่นที่มี
ลักษณะคล้ายกัน คณะกรรมการจักได้ขอให้รัฐภาคีที่เกี่ยวข้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลดังกล่าว ภายในกรอบเวลาที่คณะกรรมการกำหนด
3. เมื่อคณะกรรมการพิจารณาข้อมูลที่ได้รับจากรัฐภาคีที่เกี่ยวข้องตามข้อ 30 วรรค 2 อาจพิจารณานำส่ง ข้อเสนอแนะหรือคำร้องต่อรัฐภาคีเพื่อกำหนดให้มีมาตรการที่จำเป็น ซึ่งรวมไปถึงมาตรการชั่วคราว เพื่อ ติดตามและคุ้มครองบุคคลที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีของอนุสัญญานี้ภายในเวลาที่กำหนด โดยคำนึงถึงความเร่งด่วนของสถานการณ์ โดยคณะกรรมการจะแจ้งบุคคลที่ยื่นข้อร้องเรียนกรณีฉุกเฉินเกี่ยวกับข้อเสนอแนะที่ได้นำส่งต่อรัฐภาคีที่เกี่ยวข้อง และข้อมูลที่ได้รับจากรัฐภาคีดังกล่าวในโอกาสแรก
4. คณะกรรมการจะประสานงานกับรัฐภาคีที่เกี่ยวข้องตราบใดที่ยังไม่ปรากฏสถานะที่ชัดเจนของบุคคล ตามคำร้องเรียน และจะแจ้งข้อมูลให้บุคคลที่ยื่นคำร้องเรียนเพื่อทราบอย่างต่อเนื่อง
พท.ข้องใจ รบ.ไม่จริงใจ เบรกลต.ท้องถิ่น ชี้พิรุธแบนผู้นำ แต่หลุดตอนเลือกตั้ง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4319228
พท.ข้องใจ รบ.ไม่จริงใจ เบรกลต.ท้องถิ่น ชี้พิรุธแบนผู้นำ แต่หลุดตอนเลือกตั้ง
วันที่ 15 มิ.ย. นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้สึกแย่และเสียใจกับคำตอบของรัฐบาล ว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ยังไม่เกิดขึ้นเพราะขาดงบ รัฐบาลไม่จริงใจกับนโยบายการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ผู้บริหารท้องถิ่นเมื่ออยู่ครบวาระ 4 ปีแล้ว ได้รับการต่ออายุออกไปเรื่อยๆ ตามอำเภอใจ
อย่างน้อยควรให้ปลัดรักษาการ แล้วรีบจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น รัฐบาลดูถูกประชาชนที่ไม่รักษากติกา รักษาความเป็นธรรมในการปกครองบ้านเมือง ที่แย่กว่านั้นผู้บริหารท้องถิ่นหลายแห่งถูก ป.ป.ช.สอบข้อหาทุจริต ถูกคำสั่ง คสช.พักหน้าที่ แต่หลุดคดีในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าคุณต้องมาช่วยหาเสียงให้ฝั่งรัฐบาล เรื่องนี้ถ้าไม่จริงก็ขอให้ปฏิเสธออกมา
ทั้งรัฐบาลหรือผู้บริหารท้องถิ่น ขอถามพรรคร่วมรัฐบาลที่ชูนโยบายเลือกตั้งท้องถิ่น ชูนโยบายแก้รัฐธรรมนูญ ท่านจะมองหน้าประชาชนอย่างไรเมื่อกลับท้องถิ่นตนเอง