กป.อพช. ชวนลงชื่อ ก่อนยื่นสถานทูตกัมพูชา เร่งหาตัว 'วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์'
https://prachatai.com/journal/2020/06/88025
กป.อพช. ล่าชื่อ จ่อยื่นสถานทูตกัมพูชา สายวันนี้ เร่งหาตัว 'วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์' เปิดเผยข้อมูลการหายตัวต่อสาธารณชน นำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายโดยเร็ว มีมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อยุติการข่มขู่ คุกคาม การบังคับให้สูญหาย ยับยั้งการยุยง ปลุกปั่น บิดเบือนข่าวสาร ของคนบางกลุ่ม ที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งเกลียดชังผู้แสดงความเห็นที่แตกต่างหลากหลาย เคารพและส่งเสริมให้เกิดการเคารพต่อ สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น โดยประชาชนต้องรับความคุ้มครองจากรัฐในการใช้สิทธิและเสรีภาพดังกล่าวที่ยึดมั่นในหลักการของประชาธิปไตย
8 มิ.ย.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กแฟนเพจ '
NGO COD กป.อพช.' โพสต์ว่า คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) เชิญบุคคล องค์กรร่วมลงชื่อแนบแถลงการณ์ได้ที่
https://forms.gle/fhYDzzp1v8MU1Swe6 เพื่อยื่นต่อสถานทูตกัมพูชา ในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น.
และยื่นข้อเสนอถึงรัฐบาลไทยต่อไป โดยเรียกร้องให้ เร่งดำเนินการให้ได้ข้อเท็จจริง กรณีการหายตัวไปของ
วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นลักษณะของการถูกอุ้มหาย และดำเนินการใดๆเพื่อให้วันเฉลิมได้รับความปลอดภัยกลับมา ตลอดทั้ง เปิดเผยข้อมูลการหายตัวดังกล่าวต่อสาธารณชน และนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายโดยเร็วที่สุด
2. ต้องมีมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อยุติการข่มขู่ คุกคาม การบังคับให้สูญหาย ที่เกิดขึ้นกับนักปกป้องสิทธิและประชาชนที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม เข้ากระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน หรือการแสดงความคิดเห็น ตามสิทธิเสรีภาพที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎหมายต่อต้านการบังคับให้สูญหาย หรือกฎหมายอื่นๆเพื่อคุ้มครองประชาชน และลงโทษผู้กระทำผิด
3. จะต้องยับยั้งการยุยง ปลุกปั่น บิดเบือนข่าวสาร ของคนบางกลุ่ม ที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งเกลียดชังผู้แสดงความเห็นที่แตกต่างหลากหลาย เพื่อให้เกิดการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพที่แท้จริง
และ 4. ต้องเคารพและส่งเสริมให้เกิดการเคารพต่อ สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น โดยประชาชนต้องรับความคุ้มครองจากรัฐในการใช้สิทธิและเสรีภาพดังกล่าวที่ยึดมั่นในหลักการของประชาธิปไตย
โดยมีรายละเอียดดังนี้
แถลงการณ์ การอุ้มหาย นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์
“ต้องไม่มีอำนาจใดอยู่เหนือศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ที่ต้องคงอยู่ทุกสภาวการณ์มิอาจถูกละเมิดได้”
มนุษย์ทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตมาแต่กำเนิด ซึ่งสิทธินี้ต้องได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมาย โดยความเท่าเทียมในความเป็นมนุษย์มิอาจถูกลดทอนหรือละเมิดได้ในทุกกรณี ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ถูกระบุใน ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ว่าด้วยความพยายามที่จะธำรงศักดิ์ศรีและความเท่าเทียมกันของความเป็นมนุษย์ไว้ และในรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน ฉบับปี 2540 ในมาตรา 4 มาตรา 26 และมาตรา 28
ดังนั้น ประชาชนต้องได้รับความคุ้มครองจากรัฐในการใช้สิทธิ รวมถึงสนับสนุนให้เกิดเสรีภาพ และความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม กลับพบว่า ยังมีกรณีการคุกคาม ข่มขู่ รวมถึงการบังคับให้สูญหาย ต่อ นักกิจกรรม นักปกป้องสิทธิ และประชาชนไทยที่ออกมาเคลื่อนไหว โดยเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับเป็นเรื่องปกติวิสัย ซึ่งในหลายกรณีผู้กระทำยังคงลอยนวลพ้นผิด โดยในการคุกคามสิทธิในการแสดงออกยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังเช่น กรณี เอกชัย อิสระทะ เลขาธิการ กป.อพช. ที่ถูกบังคับและปิดกั้นการเข้าร่วมสังเกตการณ์ในเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนกรณีเหมืองหินในจังหวัดพัทลุง ที่แม้กลุ่มผู้กระทำถูกลงโทษตามคำสั่งศาล แต่ในข้อเท็จจริงการเคลื่อนไหวของนักปกป้องสิทธิก็ยังไม่มีหลักประกันในความปลอดภัยและมาตรการที่เป็นรูปธรรมในการปกป้องคุ้มครองพลเมืองใช้การใช้สิทธิและเสรีภาพ
รวมถึงล่าสุด ในกรณีการหายตัวอย่างมีเงื่อนงำของ “วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์” โดยยังไม่ทราบชะตากรรมในขณะนี้ ซึ่งควรได้รับการคุ้มครองจากรัฐไทย อันเป็นสิทธิอันพึงมีในฐานะพลเมืองไทย ไม่ควรให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ตามหลักการของกฎหมายในการปกป้องสิทธิและความเป็นมนุษย์ขึ้น ดังนั้น รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงไม่สามารถเพิกเฉยต่อกรณีนี้ได้ เพื่อให้วันเฉลิมได้รับความปลอดภัย และป้องกันการผลิตซ้ำการบังคับให้สูญหาย เพียงเพราะการแสดงความเห็นที่ไม่เป็นไปในทิศทางของผู้มีอำนาจต้องการ
กป.อพช. จึงขอเรียกร้องต่อรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ที่มีหน้าที่ในการดูแลรับใช้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ดังนี้
1. ต้องเร่งดำเนินการให้ได้ข้อเท็จจริง กรณีการหายตัวไปของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นลักษณะของการถูกอุ้มหาย และดำเนินการใดๆเพื่อให้วันเฉลิมได้รับความปลอดภัยกลับมา ตลอดทั้ง เปิดเผยข้อมูลการหายตัวดังกล่าวต่อสาธารณชน และนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายโดยเร็วที่สุด
2. ต้องมีมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อยุติการข่มขู่ คุกคาม การบังคับให้สูญหาย ที่เกิดขึ้นกับนักปกป้องสิทธิและประชาชนที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม เข้ากระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน หรือการแสดงความคิดเห็น ตามสิทธิเสรีภาพที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎหมายต่อต้านการบังคับให้สูญหาย หรือกฎหมายอื่นๆเพื่อคุ้มครองประชาชน และลงโทษผู้กระทำผิด
3. จะต้องยับยั้งการยุยง ปลุกปั่น บิดเบือนข่าวสาร ของคนบางกลุ่ม ที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งเกลียดชังผู้แสดงความเห็นที่แตกต่างหลากหลาย เพื่อให้เกิดการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพที่แท้จริง
4. ต้องเคารพและส่งเสริมให้เกิดการเคารพต่อ สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น โดยประชาชนต้องรับความคุ้มครองจากรัฐในการใช้สิทธิและเสรีภาพดังกล่าวที่ยึดมั่นในหลักการของประชาธิปไตย
ด้วยความนับถือ
คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.)
https://www.facebook.com/NGOCODthailand/photos/a.271624596355199/1432699476914366/
“วีระ” แฉอดีตผู้พิพากษาถูกขู่ หลังเปิดโปงทุจริตผู้รับเหมาปรับปรุงอาคารศาลก่อนทำสัญญาจ้าง
https://www.matichon.co.th/region/news_2219572
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน นาย
วีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ( คปต.) เปิดเผยว่า หลังจากก่อนหน้านี้ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มผู้พิพากษาที่รักความยุติธรรม กรณีมีการทุจริตการก่อสร้างอาคารศาลยุติธรรมหลายแห่ง ต่อมาได้ยื่นหนังสือถึงประธานศาลฎีกา เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมและคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ( กต.) เพื่อขอให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ในสำนักงานศาลยุติธรรม ล่าสุดได้รับแจ้งว่าจากกลุ่มผู้พิพากษาฯ ว่า มีความพยายามของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตได้ขัดขวาง เพื่อไม่ให้มีการบรรจุวาระการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 8 มิถุนายน นี้ โดยมีเจตนาที่ชัดเจนไม่ต้องการให้ กต.พิจารณาตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าว
นาย
วีระ กล่าวว่า ในหนังสือร้องเรียนฉบับล่าสุดมีการใช้เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจเงินแผนดินบางราย ชักจูง ข่มขู่ ชี้นำ อดีตหัวหน้าศาลจังหวัดพระโขนง เพื่อไม่ให้ถ้อยคำหรือให้การยืนยันในหลักฐานสำคัญที่ผู้รับเหมาไปทำงานก่อนที่จะมีสัญญาว่าจ้างปรับปรุงอาคาร โดยกลุ่มผู้พิพากษาฯระบุในหนังสือร้องเรียนว่าต้องการให้ตนดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เพื่อช่วยกันปกป้อง รักษาผู้พิพากษาที่โดนข่มขู่คุกคาม จากขบวนการทุจริตที่มีอิทธิพลในสำนักงานศาลยุติธรรมและในศาลยุติธรรม ทำให้เห็นชัดเจนว่าประเทศนี้มีการทุจริตเกิดขึ้นทุกหน่วยงานราชการ ไม่เว้นแม้แต่ในองค์กรของศาลยุติธรรม
JJNY : กป.อพช.ชวนลงชื่อก่อนยื่นสถานทูตกัมพูชา/วีระแฉอดีตผู้พิพากษาถูกขู่หลังเปิดโปงทุจริต/นพดลอัดกลับสิระ/ทั่วโลกติด7ล.
https://prachatai.com/journal/2020/06/88025
8 มิ.ย.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'NGO COD กป.อพช.' โพสต์ว่า คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) เชิญบุคคล องค์กรร่วมลงชื่อแนบแถลงการณ์ได้ที่ https://forms.gle/fhYDzzp1v8MU1Swe6 เพื่อยื่นต่อสถานทูตกัมพูชา ในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น.
และยื่นข้อเสนอถึงรัฐบาลไทยต่อไป โดยเรียกร้องให้ เร่งดำเนินการให้ได้ข้อเท็จจริง กรณีการหายตัวไปของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นลักษณะของการถูกอุ้มหาย และดำเนินการใดๆเพื่อให้วันเฉลิมได้รับความปลอดภัยกลับมา ตลอดทั้ง เปิดเผยข้อมูลการหายตัวดังกล่าวต่อสาธารณชน และนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายโดยเร็วที่สุด
2. ต้องมีมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อยุติการข่มขู่ คุกคาม การบังคับให้สูญหาย ที่เกิดขึ้นกับนักปกป้องสิทธิและประชาชนที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม เข้ากระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน หรือการแสดงความคิดเห็น ตามสิทธิเสรีภาพที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎหมายต่อต้านการบังคับให้สูญหาย หรือกฎหมายอื่นๆเพื่อคุ้มครองประชาชน และลงโทษผู้กระทำผิด
3. จะต้องยับยั้งการยุยง ปลุกปั่น บิดเบือนข่าวสาร ของคนบางกลุ่ม ที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งเกลียดชังผู้แสดงความเห็นที่แตกต่างหลากหลาย เพื่อให้เกิดการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพที่แท้จริง
และ 4. ต้องเคารพและส่งเสริมให้เกิดการเคารพต่อ สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น โดยประชาชนต้องรับความคุ้มครองจากรัฐในการใช้สิทธิและเสรีภาพดังกล่าวที่ยึดมั่นในหลักการของประชาธิปไตย
โดยมีรายละเอียดดังนี้
แถลงการณ์ การอุ้มหาย นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์
“ต้องไม่มีอำนาจใดอยู่เหนือศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ที่ต้องคงอยู่ทุกสภาวการณ์มิอาจถูกละเมิดได้”
มนุษย์ทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตมาแต่กำเนิด ซึ่งสิทธินี้ต้องได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมาย โดยความเท่าเทียมในความเป็นมนุษย์มิอาจถูกลดทอนหรือละเมิดได้ในทุกกรณี ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ถูกระบุใน ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ว่าด้วยความพยายามที่จะธำรงศักดิ์ศรีและความเท่าเทียมกันของความเป็นมนุษย์ไว้ และในรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน ฉบับปี 2540 ในมาตรา 4 มาตรา 26 และมาตรา 28
ดังนั้น ประชาชนต้องได้รับความคุ้มครองจากรัฐในการใช้สิทธิ รวมถึงสนับสนุนให้เกิดเสรีภาพ และความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม กลับพบว่า ยังมีกรณีการคุกคาม ข่มขู่ รวมถึงการบังคับให้สูญหาย ต่อ นักกิจกรรม นักปกป้องสิทธิ และประชาชนไทยที่ออกมาเคลื่อนไหว โดยเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับเป็นเรื่องปกติวิสัย ซึ่งในหลายกรณีผู้กระทำยังคงลอยนวลพ้นผิด โดยในการคุกคามสิทธิในการแสดงออกยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังเช่น กรณี เอกชัย อิสระทะ เลขาธิการ กป.อพช. ที่ถูกบังคับและปิดกั้นการเข้าร่วมสังเกตการณ์ในเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนกรณีเหมืองหินในจังหวัดพัทลุง ที่แม้กลุ่มผู้กระทำถูกลงโทษตามคำสั่งศาล แต่ในข้อเท็จจริงการเคลื่อนไหวของนักปกป้องสิทธิก็ยังไม่มีหลักประกันในความปลอดภัยและมาตรการที่เป็นรูปธรรมในการปกป้องคุ้มครองพลเมืองใช้การใช้สิทธิและเสรีภาพ
รวมถึงล่าสุด ในกรณีการหายตัวอย่างมีเงื่อนงำของ “วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์” โดยยังไม่ทราบชะตากรรมในขณะนี้ ซึ่งควรได้รับการคุ้มครองจากรัฐไทย อันเป็นสิทธิอันพึงมีในฐานะพลเมืองไทย ไม่ควรให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ตามหลักการของกฎหมายในการปกป้องสิทธิและความเป็นมนุษย์ขึ้น ดังนั้น รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงไม่สามารถเพิกเฉยต่อกรณีนี้ได้ เพื่อให้วันเฉลิมได้รับความปลอดภัย และป้องกันการผลิตซ้ำการบังคับให้สูญหาย เพียงเพราะการแสดงความเห็นที่ไม่เป็นไปในทิศทางของผู้มีอำนาจต้องการ
กป.อพช. จึงขอเรียกร้องต่อรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ที่มีหน้าที่ในการดูแลรับใช้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ดังนี้
1. ต้องเร่งดำเนินการให้ได้ข้อเท็จจริง กรณีการหายตัวไปของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นลักษณะของการถูกอุ้มหาย และดำเนินการใดๆเพื่อให้วันเฉลิมได้รับความปลอดภัยกลับมา ตลอดทั้ง เปิดเผยข้อมูลการหายตัวดังกล่าวต่อสาธารณชน และนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายโดยเร็วที่สุด
2. ต้องมีมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อยุติการข่มขู่ คุกคาม การบังคับให้สูญหาย ที่เกิดขึ้นกับนักปกป้องสิทธิและประชาชนที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม เข้ากระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน หรือการแสดงความคิดเห็น ตามสิทธิเสรีภาพที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎหมายต่อต้านการบังคับให้สูญหาย หรือกฎหมายอื่นๆเพื่อคุ้มครองประชาชน และลงโทษผู้กระทำผิด
3. จะต้องยับยั้งการยุยง ปลุกปั่น บิดเบือนข่าวสาร ของคนบางกลุ่ม ที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งเกลียดชังผู้แสดงความเห็นที่แตกต่างหลากหลาย เพื่อให้เกิดการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพที่แท้จริง
4. ต้องเคารพและส่งเสริมให้เกิดการเคารพต่อ สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น โดยประชาชนต้องรับความคุ้มครองจากรัฐในการใช้สิทธิและเสรีภาพดังกล่าวที่ยึดมั่นในหลักการของประชาธิปไตย
ด้วยความนับถือ
คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.)
https://www.facebook.com/NGOCODthailand/photos/a.271624596355199/1432699476914366/
“วีระ” แฉอดีตผู้พิพากษาถูกขู่ หลังเปิดโปงทุจริตผู้รับเหมาปรับปรุงอาคารศาลก่อนทำสัญญาจ้าง
https://www.matichon.co.th/region/news_2219572
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ( คปต.) เปิดเผยว่า หลังจากก่อนหน้านี้ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มผู้พิพากษาที่รักความยุติธรรม กรณีมีการทุจริตการก่อสร้างอาคารศาลยุติธรรมหลายแห่ง ต่อมาได้ยื่นหนังสือถึงประธานศาลฎีกา เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมและคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ( กต.) เพื่อขอให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ในสำนักงานศาลยุติธรรม ล่าสุดได้รับแจ้งว่าจากกลุ่มผู้พิพากษาฯ ว่า มีความพยายามของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตได้ขัดขวาง เพื่อไม่ให้มีการบรรจุวาระการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 8 มิถุนายน นี้ โดยมีเจตนาที่ชัดเจนไม่ต้องการให้ กต.พิจารณาตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าว
นายวีระ กล่าวว่า ในหนังสือร้องเรียนฉบับล่าสุดมีการใช้เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจเงินแผนดินบางราย ชักจูง ข่มขู่ ชี้นำ อดีตหัวหน้าศาลจังหวัดพระโขนง เพื่อไม่ให้ถ้อยคำหรือให้การยืนยันในหลักฐานสำคัญที่ผู้รับเหมาไปทำงานก่อนที่จะมีสัญญาว่าจ้างปรับปรุงอาคาร โดยกลุ่มผู้พิพากษาฯระบุในหนังสือร้องเรียนว่าต้องการให้ตนดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เพื่อช่วยกันปกป้อง รักษาผู้พิพากษาที่โดนข่มขู่คุกคาม จากขบวนการทุจริตที่มีอิทธิพลในสำนักงานศาลยุติธรรมและในศาลยุติธรรม ทำให้เห็นชัดเจนว่าประเทศนี้มีการทุจริตเกิดขึ้นทุกหน่วยงานราชการ ไม่เว้นแม้แต่ในองค์กรของศาลยุติธรรม