White Sands
ไวท์แซนด์ ( ทะเลทรายขาว ) ตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขาซาคราเมนโตทางตะวันออก และเทือกเขาซานอันเดรียส ด้วยการที่อยู่ระหว่างเทือกเขาจึงทำให้ทะเลทรายนั้นอยู่ในแอ่งที่ชื่อว่าทูลาโรซา ดินแดนมหัศจรรย์ที่อยู่ในเชตพื้นที่ของอนุสรณ์สถานแห่งชาติไวท์แซนด์ (White Sands NationalMonument) ได้รับการประกาศให้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 18 เดือนมกราคม ปี1933 โดยอุทยานนั้นตั้งอยู่ในรัฐนิวเม็กซิโก (New Mexico) มลรัฐทางตอนตะวัน ตกเฉียงใต้ ของสหรัฐอเมริกา ติดกับประเทศเม็กซิโก
ทะเลทรายขาวแห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 65 ล้านปีที่แล้ว ซึ่งตรงนี้เคยเป็นทะเลมาก่อน ทรายสีขาวนั้นเกิดจากฝนตกชะล้างตะกอนยิปซัมจากเทือกเขาซาคราเมนโตและเทือกเขาซานอันเดรียส ทำให้ไหลลงสู่ทะเลสาบที่ชื่อว่าลูเซโรซึ่งก็ไหลลงสู่จุดที่ต่ำที่สุดคือแอ่งทูลาโรซา และเมื่อน้ำนั้นได้ระเหยออกไปหมดเหลือไว้เพียงผลึกยิปซัม หรือที่เรียกว่า ซีลีไนต์
ผ่านไปในระยะเวลานาน ผลึกยิบซัมถูกกัดกร่อนจนเป็นผงละเอียดและกลายเป็นทะเลทรายขาวในปัจจุบัน ทะเลทรายยิปซัมนี้ครอบคลุมอาณาเขตพื้นที่กว่า 700 ตารางกิโลเมตร ปัจจุบันทะเลทรายแห่งนี้ได้เป็นแหล่งยิปซัมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
บทความโดย : //travel.thaiza.com/
Image By : Flickr /MarkusR , Flickr /thefuton
Cr.
https://travel.thaiza.com/amaze/245284/
Cr.
https://www.blesstraveler.com/post/whitesands-1 / By Bless Wish
ทะเลทรายขาวบราซิล
ทอดตัวยาวอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติแลงคอยส์ มารานฮานส์ (Lencois Maranhenses National Park) ตั้งอยู่ในรัฐมารันเยา (Maranhao) ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศบราซิล ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ โดยทะเลทรายแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 383,000 เอเคอร์ มีลักษณะเป็นเนินทรายสีขาวแผ่กระจายไปทั่ว คล้ายกับผ้าปูที่นอนสีขาว หรือในภาษาโปรตุเกสเรียกว่า Lencois
มีลักษณะแตกต่างจากทะเลทรายทั่วไป เพราะการเกิดทะเลทรายขาวแห่งนี้เกิดจากแรงลมมหาศาลได้พัดพาทรายจากในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้เข้าสู่ชายฝั่งนับพันปี ประกอบกับลักษณะของพื้นที่โดยรอบทำให้เกิดเป็นทะเลทรายริมชายฝั่งทะเลสุดกว้างใหญ่ มีสีขาวสะอาดตา มองไปทางไหนก็จะเห็นเป็นเนินทรายขาวสวยงามแปลกตา
อุทยานแห่งชาติแลงคอยส์ มารานฮานส์ จะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาก ๆ ในช่วงหน้าฝน เพราะฝนจะเทกระหน่ำลงมาที่ทะเลทรายแห่งนี้ และน้ำมากมายจะกักขังอยู่ระหว่างเนินทราย กลายเป็นทะเลสาบขนาดย่อมกระจายตัวอยู่รอบ ๆ อุทยาน
ทะเลสาบเหล่านี้มีสีสันที่แตกต่างกันทั้ง น้ำตาล เขียวมรกต และสีฟ้าคริสตัล สร้างทัศนียภาพที่สวยงามอัศจรรย์ให้ที่นี่แปลกแตกต่างจากทะเลทรายที่อื่น ๆ ในโลก
Cr.
http://www.pentorexchange.com/blog_view.php?id=677
Sahara el Beyda
ทะเลทรายขาว ตั้งอยู่ที่เมืองฟาราฟรา ในอุทยานแห่งชาติอียิปต์ มีชื่อดั้งเดิมว่า Sahara el Beyda ตั้งอยู่ใกล้กับโอเอซิส Farafra Oasis (แหล่งน้ำกลางทะเลทราย) ที่มีขนาดเล็กที่สุดของอียิปต์ ในยามค่ำคืน สีอันงดงามนวลตาของ ทะเลทรายขาว จะส่องสว่างราวกับความสวยงามในแดนหิมะ
สิ่งที่น่าสนใจคือประติมากรรมธรรมชาติจากการก่อตัวของหินตะกอนซึ่งเป็นชนิดของหินชอล์กเป็นหินปูนที่บริสุทธิ่อน เนื้อละเอียดคล้ายดิน ปกติมีสีขาวถึงเทาอ่อนหรือเหลืองอ่อน โดยหินชอล์กได้สะสมตัวก่อตัวขึ้นจากการกัดกร่อยและพายุทรายหลายศตวรรษจนเกิดเป็นก้อนหินขนาดใหญ่หลายเมตรตั้งตระหง่านกระจายอยู่เต็มบริเวณทะเลทรายขาว เป็นรูปปั้นจากธรรมชาติที่มีรูปร่างคล้ายกับ “ไอศกรีมโคน” หรือ “เห็ด” ตามแต่จะจินตนาการ
ที่มา atlasobscura.com
ที่มา
http://travel.mthai.com/world-travel/19624.html
Cr.
http://masterphotonetwork.blogspot.com/2013/11/blog-post_21.html
Cr.
https://travel.thaiza.com/foreign/411196/
Polar tundra
ทุ่งทุนดราในเขตขั้วโลกเหนือทั่วไปจะเป็นน้ำแข็งและไม่สามารถปลูกต้นไม้ชนิดใดได้ แต่ที่นี่กลับตรงกันข้าม เพราะเป็นทุ่งที่ลักษณะคล้ายทะเลทราย และมีต้นไม้ขึ้นอยู่กลางทุ่ง ซึ่งเติบโตขึ้นจากดินที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง
พื้นที่แห้งแล้งแห่งนี้อยู่ในอาณาเขตของประเทศแคนาดา รัสเซีย พื้นที่ไซบีเรีย และสแกนดิเนเวีย ถึงแม้ว่าจะเป็นดินแดนอันแห้งแล้งที่สิ่งมีชีวิตสามารถอาศัยอยู่ได้ยาก แต่ในพื้นที่ดังกล่าวก็ยังมีการพบพันธุ์พืชอยู่บ้างเช่นกัน ซึ่งพวกมันอาศัยน้ำจากน้ำแข็งที่ละลายในช่วงฤดูร้อน
Tundra เป็นเขตที่มีฤดูหนาวค่อนข้างยาวนาน ฤดูร้อนช่วงสั้น ๆลักษณะเด่นคือ ชั้นของดินที่อยู่ต่ำกว่าจากผิวดินชั้นบนลงไปจะจับตัวเป็นน้ำแข็งถาวร ปริมาณฝนน้อยในฤดูร้อนช่วงสั้น ๆ น้ำแข็งที่ผิวหน้าดินละลายไม่สามารถซึมผ่านลงไปในชั้นน้ำแข็งได้ในระยะสั้น ๆ พืชที่พบจะเป็นพวกไม้ดอกและไม้พุ่ม นอกจากนี้ยังพบสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ เช่น ไลเคนด้วย
Source : thisisinsider
Cr.
https://sites.google.com/site/tanawatthongrot/home/content7
Salar de Uyuni
ทะเลเกลือที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ประมาณ 10,582 square kilometers ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของโบลิเวีย และอยู่ใกล้กับ
เทือกเขาแอนดี สูงจากระดับน้ำทะเล 3,500 เมตร ตามตำนานจากปากคนท้องถิ่นเล่าว่า ทะเลทรายเกลือ Salar De Uyuni, Bolivia แห่งนี้ เกิดจากน้ำตาอันพรั่งพรูผสานกับน้ำนมที่หลั่งรินของนางยักษี Tunupa ที่ร้องไห้ขณะให้นมลูกหลังจากถูก Kushku ผู้เป็นสามีทิ้งไป สถานที่แห่งนี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Salar De Tunupa
พื้นที่ของทะเลทรายแห่งนี้ก่อตัวขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนตัวของทะเลสาปตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ได้แห้งระเหยไป ซึ่งพื้นที่ของทะเลทรายสีขาวแห่งนี้ประกอบไปด้วย หินเกลือและยิปซั่ม โดยความกว้างของทะเลเกลือแห่งนี้มีการเฉลี่ยถึงจำนวนเกลือที่ถูกบรรจุไว้กว่า 10 ล้านล้านตัน และอุดมไปด้วยแร่ลิเธียมกว่า 50-70% ที่สามารถนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในการสร้างแบตเตอรรี่โทรศัพท์อีกด้วย
สีขาวของเม็ดเกลือตัดกับสีฟ้าใสของท้องฟ้า เกิดเป็นภาพสวยงามจับตา โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน มวลทรายปกคลุมทั่วผืนน้ำ เปรียบได้กับกระจกบานใหญ่ส่องแสงระยิบระยับ วาววับสะท้อนมนต์เสน่ห์แห่งทะเลเกลือ และหลังจากที่น้ำแห้งไป ก็จะเหลือไว้เพียงเกลือที่มีปริมาณมหาศาลสุดลูกหูลูกตา
นอกจากนี้ ทะเลทรายเกลือแห่งนี้มีปริมาณแร่ลิเธียมมากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณทั้งหมดบนโลกอีกด้วย
กลางทะเลเกลือมีเกาะภูเขาหินอยู่ ชื่อว่า Isla Incahuasi หรือ Inkawasi เป็นที่อยู่ของต้นกระบองเพชรยักษ์ gigantic cacti อย่างหนาแน่น นอกจากนี้ยังมีซากฟอสซิลและสาหร่ายด้วย ซึ่งเกาะนี้เคยเป็นภูเขาไฟโบราณใต้ทะเลสาบเมื่อประมาณ 40,000 ปีก่อน
ที่มา wowboom.blogspot.com / travel.mthai.com
Cr.
https://travel.thaiza.com/amaze/336428/
Cr.
https://www.blesstraveler.com/post/salar-de-uyuni
Cr.
http://goaroundandtravel.blogspot.com/2014/09/salar-de-uyuni-bolivia_5.html
ทะเลทรายมุยเน่
“ทะเลทรายมุยเน่” ในประเทศเวียดนาม แต่เดิมเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ที่ไม่อะไรเลยนอกจากความแห้งแล้ง จนเมื่อ 10 ปีก่อนได้พบกับทะเล
ทรายมุยเน่ หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า ทะเลทราย 2 สี ซึ่งเป็นเพราะทะเลทรายแห่งนี้แบ่งออกเป็น 2 ผืน คือ ” ทะเลทรายแดง” และ “ทะเลทรายขาว ”
ทำให้หมู่บ้านนี้เริ่มเป็นที่รู้จักของคนเวียดนามและทั่วโลกมากขึ้น จนรัฐบาลเวียดนามสร้างถนนขึ้นเกยกับทะเลทราย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศให้มีมากขึ้น โดยเฉพาะการเล่นสไลด์เดอร์ไหลไปตามสันทรายที่สนุกไม่เหมือนใคร
ไฮไลท์ของทะเลทรายแห่งนี้ คือสีของทะเลทรายที่เปลี่ยนตามช่วงเวลา ในเวลาบ่ายจะมีสีขาวเมื่อต้องกับแสงแดด ส่วนตอนตี 5 ทะเลทรายจะกลายเป็นสีทองเพราะเม็ดทรายเก็บแสงเข้าไว้ และนอกจากแสงสีที่เปลี่ยนไปตามช่วงเวลาเสน่ห์ของทะเลทรายแห่งนี้คือความ บริสุทธิ์ของธรรมชาติและท้องทะเล
ทั้งนี้คำว่า” มุยเน่ ” คือสำนวนเปรียบเปรยว่าเป็นจมูกที่ยื่นออกมาสู่ท้องทะเล เพราะทะเลทรายแห่งนี้ติดทะเล
Cr.
https://www.wegointer.com/2016/03/mui-ne/ By พี่บิ๊ก
Cr.
https://travel.kapook.com/view128293.html
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
ทะเลทรายสีขาวที่แปลกและสวยงาม
ไวท์แซนด์ ( ทะเลทรายขาว ) ตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขาซาคราเมนโตทางตะวันออก และเทือกเขาซานอันเดรียส ด้วยการที่อยู่ระหว่างเทือกเขาจึงทำให้ทะเลทรายนั้นอยู่ในแอ่งที่ชื่อว่าทูลาโรซา ดินแดนมหัศจรรย์ที่อยู่ในเชตพื้นที่ของอนุสรณ์สถานแห่งชาติไวท์แซนด์ (White Sands NationalMonument) ได้รับการประกาศให้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 18 เดือนมกราคม ปี1933 โดยอุทยานนั้นตั้งอยู่ในรัฐนิวเม็กซิโก (New Mexico) มลรัฐทางตอนตะวัน ตกเฉียงใต้ ของสหรัฐอเมริกา ติดกับประเทศเม็กซิโก
ทะเลทรายขาวแห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 65 ล้านปีที่แล้ว ซึ่งตรงนี้เคยเป็นทะเลมาก่อน ทรายสีขาวนั้นเกิดจากฝนตกชะล้างตะกอนยิปซัมจากเทือกเขาซาคราเมนโตและเทือกเขาซานอันเดรียส ทำให้ไหลลงสู่ทะเลสาบที่ชื่อว่าลูเซโรซึ่งก็ไหลลงสู่จุดที่ต่ำที่สุดคือแอ่งทูลาโรซา และเมื่อน้ำนั้นได้ระเหยออกไปหมดเหลือไว้เพียงผลึกยิปซัม หรือที่เรียกว่า ซีลีไนต์
ผ่านไปในระยะเวลานาน ผลึกยิบซัมถูกกัดกร่อนจนเป็นผงละเอียดและกลายเป็นทะเลทรายขาวในปัจจุบัน ทะเลทรายยิปซัมนี้ครอบคลุมอาณาเขตพื้นที่กว่า 700 ตารางกิโลเมตร ปัจจุบันทะเลทรายแห่งนี้ได้เป็นแหล่งยิปซัมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
บทความโดย : //travel.thaiza.com/
Image By : Flickr /MarkusR , Flickr /thefuton
Cr.https://travel.thaiza.com/amaze/245284/
Cr.https://www.blesstraveler.com/post/whitesands-1 / By Bless Wish
ทะเลทรายขาวบราซิล
ทอดตัวยาวอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติแลงคอยส์ มารานฮานส์ (Lencois Maranhenses National Park) ตั้งอยู่ในรัฐมารันเยา (Maranhao) ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศบราซิล ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ โดยทะเลทรายแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 383,000 เอเคอร์ มีลักษณะเป็นเนินทรายสีขาวแผ่กระจายไปทั่ว คล้ายกับผ้าปูที่นอนสีขาว หรือในภาษาโปรตุเกสเรียกว่า Lencois
มีลักษณะแตกต่างจากทะเลทรายทั่วไป เพราะการเกิดทะเลทรายขาวแห่งนี้เกิดจากแรงลมมหาศาลได้พัดพาทรายจากในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้เข้าสู่ชายฝั่งนับพันปี ประกอบกับลักษณะของพื้นที่โดยรอบทำให้เกิดเป็นทะเลทรายริมชายฝั่งทะเลสุดกว้างใหญ่ มีสีขาวสะอาดตา มองไปทางไหนก็จะเห็นเป็นเนินทรายขาวสวยงามแปลกตา
อุทยานแห่งชาติแลงคอยส์ มารานฮานส์ จะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาก ๆ ในช่วงหน้าฝน เพราะฝนจะเทกระหน่ำลงมาที่ทะเลทรายแห่งนี้ และน้ำมากมายจะกักขังอยู่ระหว่างเนินทราย กลายเป็นทะเลสาบขนาดย่อมกระจายตัวอยู่รอบ ๆ อุทยาน
ทะเลสาบเหล่านี้มีสีสันที่แตกต่างกันทั้ง น้ำตาล เขียวมรกต และสีฟ้าคริสตัล สร้างทัศนียภาพที่สวยงามอัศจรรย์ให้ที่นี่แปลกแตกต่างจากทะเลทรายที่อื่น ๆ ในโลก
Cr.http://www.pentorexchange.com/blog_view.php?id=677
Sahara el Beyda
ทะเลทรายขาว ตั้งอยู่ที่เมืองฟาราฟรา ในอุทยานแห่งชาติอียิปต์ มีชื่อดั้งเดิมว่า Sahara el Beyda ตั้งอยู่ใกล้กับโอเอซิส Farafra Oasis (แหล่งน้ำกลางทะเลทราย) ที่มีขนาดเล็กที่สุดของอียิปต์ ในยามค่ำคืน สีอันงดงามนวลตาของ ทะเลทรายขาว จะส่องสว่างราวกับความสวยงามในแดนหิมะ
สิ่งที่น่าสนใจคือประติมากรรมธรรมชาติจากการก่อตัวของหินตะกอนซึ่งเป็นชนิดของหินชอล์กเป็นหินปูนที่บริสุทธิ่อน เนื้อละเอียดคล้ายดิน ปกติมีสีขาวถึงเทาอ่อนหรือเหลืองอ่อน โดยหินชอล์กได้สะสมตัวก่อตัวขึ้นจากการกัดกร่อยและพายุทรายหลายศตวรรษจนเกิดเป็นก้อนหินขนาดใหญ่หลายเมตรตั้งตระหง่านกระจายอยู่เต็มบริเวณทะเลทรายขาว เป็นรูปปั้นจากธรรมชาติที่มีรูปร่างคล้ายกับ “ไอศกรีมโคน” หรือ “เห็ด” ตามแต่จะจินตนาการ
ที่มา atlasobscura.com
ที่มา http://travel.mthai.com/world-travel/19624.html
Cr.http://masterphotonetwork.blogspot.com/2013/11/blog-post_21.html
Cr.https://travel.thaiza.com/foreign/411196/
Polar tundra
ทุ่งทุนดราในเขตขั้วโลกเหนือทั่วไปจะเป็นน้ำแข็งและไม่สามารถปลูกต้นไม้ชนิดใดได้ แต่ที่นี่กลับตรงกันข้าม เพราะเป็นทุ่งที่ลักษณะคล้ายทะเลทราย และมีต้นไม้ขึ้นอยู่กลางทุ่ง ซึ่งเติบโตขึ้นจากดินที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง
พื้นที่แห้งแล้งแห่งนี้อยู่ในอาณาเขตของประเทศแคนาดา รัสเซีย พื้นที่ไซบีเรีย และสแกนดิเนเวีย ถึงแม้ว่าจะเป็นดินแดนอันแห้งแล้งที่สิ่งมีชีวิตสามารถอาศัยอยู่ได้ยาก แต่ในพื้นที่ดังกล่าวก็ยังมีการพบพันธุ์พืชอยู่บ้างเช่นกัน ซึ่งพวกมันอาศัยน้ำจากน้ำแข็งที่ละลายในช่วงฤดูร้อน
Tundra เป็นเขตที่มีฤดูหนาวค่อนข้างยาวนาน ฤดูร้อนช่วงสั้น ๆลักษณะเด่นคือ ชั้นของดินที่อยู่ต่ำกว่าจากผิวดินชั้นบนลงไปจะจับตัวเป็นน้ำแข็งถาวร ปริมาณฝนน้อยในฤดูร้อนช่วงสั้น ๆ น้ำแข็งที่ผิวหน้าดินละลายไม่สามารถซึมผ่านลงไปในชั้นน้ำแข็งได้ในระยะสั้น ๆ พืชที่พบจะเป็นพวกไม้ดอกและไม้พุ่ม นอกจากนี้ยังพบสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ เช่น ไลเคนด้วย
Source : thisisinsider
Cr.https://sites.google.com/site/tanawatthongrot/home/content7
Salar de Uyuni
ทะเลเกลือที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ประมาณ 10,582 square kilometers ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของโบลิเวีย และอยู่ใกล้กับ
เทือกเขาแอนดี สูงจากระดับน้ำทะเล 3,500 เมตร ตามตำนานจากปากคนท้องถิ่นเล่าว่า ทะเลทรายเกลือ Salar De Uyuni, Bolivia แห่งนี้ เกิดจากน้ำตาอันพรั่งพรูผสานกับน้ำนมที่หลั่งรินของนางยักษี Tunupa ที่ร้องไห้ขณะให้นมลูกหลังจากถูก Kushku ผู้เป็นสามีทิ้งไป สถานที่แห่งนี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Salar De Tunupa
พื้นที่ของทะเลทรายแห่งนี้ก่อตัวขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนตัวของทะเลสาปตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ได้แห้งระเหยไป ซึ่งพื้นที่ของทะเลทรายสีขาวแห่งนี้ประกอบไปด้วย หินเกลือและยิปซั่ม โดยความกว้างของทะเลเกลือแห่งนี้มีการเฉลี่ยถึงจำนวนเกลือที่ถูกบรรจุไว้กว่า 10 ล้านล้านตัน และอุดมไปด้วยแร่ลิเธียมกว่า 50-70% ที่สามารถนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในการสร้างแบตเตอรรี่โทรศัพท์อีกด้วย
สีขาวของเม็ดเกลือตัดกับสีฟ้าใสของท้องฟ้า เกิดเป็นภาพสวยงามจับตา โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน มวลทรายปกคลุมทั่วผืนน้ำ เปรียบได้กับกระจกบานใหญ่ส่องแสงระยิบระยับ วาววับสะท้อนมนต์เสน่ห์แห่งทะเลเกลือ และหลังจากที่น้ำแห้งไป ก็จะเหลือไว้เพียงเกลือที่มีปริมาณมหาศาลสุดลูกหูลูกตา
นอกจากนี้ ทะเลทรายเกลือแห่งนี้มีปริมาณแร่ลิเธียมมากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณทั้งหมดบนโลกอีกด้วย
กลางทะเลเกลือมีเกาะภูเขาหินอยู่ ชื่อว่า Isla Incahuasi หรือ Inkawasi เป็นที่อยู่ของต้นกระบองเพชรยักษ์ gigantic cacti อย่างหนาแน่น นอกจากนี้ยังมีซากฟอสซิลและสาหร่ายด้วย ซึ่งเกาะนี้เคยเป็นภูเขาไฟโบราณใต้ทะเลสาบเมื่อประมาณ 40,000 ปีก่อน
ที่มา wowboom.blogspot.com / travel.mthai.com
Cr.https://travel.thaiza.com/amaze/336428/
Cr.https://www.blesstraveler.com/post/salar-de-uyuni
Cr.http://goaroundandtravel.blogspot.com/2014/09/salar-de-uyuni-bolivia_5.html
ทะเลทรายมุยเน่
“ทะเลทรายมุยเน่” ในประเทศเวียดนาม แต่เดิมเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ที่ไม่อะไรเลยนอกจากความแห้งแล้ง จนเมื่อ 10 ปีก่อนได้พบกับทะเล
ทรายมุยเน่ หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า ทะเลทราย 2 สี ซึ่งเป็นเพราะทะเลทรายแห่งนี้แบ่งออกเป็น 2 ผืน คือ ” ทะเลทรายแดง” และ “ทะเลทรายขาว ”
ทำให้หมู่บ้านนี้เริ่มเป็นที่รู้จักของคนเวียดนามและทั่วโลกมากขึ้น จนรัฐบาลเวียดนามสร้างถนนขึ้นเกยกับทะเลทราย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศให้มีมากขึ้น โดยเฉพาะการเล่นสไลด์เดอร์ไหลไปตามสันทรายที่สนุกไม่เหมือนใคร
ไฮไลท์ของทะเลทรายแห่งนี้ คือสีของทะเลทรายที่เปลี่ยนตามช่วงเวลา ในเวลาบ่ายจะมีสีขาวเมื่อต้องกับแสงแดด ส่วนตอนตี 5 ทะเลทรายจะกลายเป็นสีทองเพราะเม็ดทรายเก็บแสงเข้าไว้ และนอกจากแสงสีที่เปลี่ยนไปตามช่วงเวลาเสน่ห์ของทะเลทรายแห่งนี้คือความ บริสุทธิ์ของธรรมชาติและท้องทะเล
ทั้งนี้คำว่า” มุยเน่ ” คือสำนวนเปรียบเปรยว่าเป็นจมูกที่ยื่นออกมาสู่ท้องทะเล เพราะทะเลทรายแห่งนี้ติดทะเล
Cr.https://www.wegointer.com/2016/03/mui-ne/ By พี่บิ๊ก
Cr.https://travel.kapook.com/view128293.html
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)