แม่น้ำโร (Roe River)  เคยเป็นแม่น้ำที่สั้นที่สุดในโลก

 
แม่น้ำโร (Roe River) ไหลจากบ่อน้ำพุไจแอนต์สปริงส์ (Giant Springs) ไปยังแม่น้ำมิสซูรี ใกล้เมืองเกรตฟอลส์ รัฐมอนแทนา สหรัฐอเมริกา (ไจแอนท์สปริงส์ (Giant Springs)  เป็นน้ำพุขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้เมืองเกรตฟอลส์ รัฐมอนแทนา และเป็นจุดเด่นของอุทยานแห่งรัฐไจแอนท์สปริงส์ น้ำของน้ำพุนี้มีอุณหภูมิคงที่ที่ 54 °F (12 °C) และมีต้นกำเนิดจากหิมะที่ละลายจากเทือกเขาลิตเติลเบลต์ (Little Belt Mountains) ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 60 ไมล์ (97 กิโลเมตร) จากการตรวจสอบด้วยการหาอายุด้วยคลอโรฟลูออโรคาร์บอน น้ำใช้เวลาประมาณ 3,000 ปีในการเดินทางใต้ดินก่อนที่จะผุดขึ้นมาบนผิวดินที่น้ำพุนี้  
ไจแอนท์สปริงส์ เกิดขึ้นจากการเปิดออกของส่วนหนึ่ง ของชั้นหินอุ้มน้ำแมดิสัน (Madison Aquifer) ซึ่งเป็นชั้นหินอุ้มน้ำขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ 5 รัฐในสหรัฐอเมริกาและ 3 จังหวัดในแคนาดา ช่องทางระหว่างภูเขาและน้ำพุนี้คือชั้นหินที่เรียกว่าหินปูนแมดิสัน (Madison Limestone) ซึ่งพบในบางส่วนของภาคตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา แม้ว่าน้ำใต้ดินบางส่วนจากเทือกเขาลิตเติลเบลต์จะผุดขึ้นมาที่ไจแอนท์สปริงส์ แต่น้ำบางส่วนยังคงอยู่ใต้ดินและไหลต่อไปจนไปรวมกับแหล่งน้ำอื่น ๆ จากลำธารที่น้ำหายไปในบริเวณแบล็คฮิลส์ (Black Hills) เทือกเขาบิ๊กอร์น (Big Horn Mountains) และพื้นที่อื่น ๆ ก่อนที่จะผุดขึ้นมาในแคนาดา น้ำพุนี้มีการไหลเฉลี่ยประมาณ 242 ลูกบาศก์ฟุต (6.9 ลูกบาศก์เมตร) ต่อวินาที หรือ 150 ล้านแกลลอนต่อวัน  
ช่องทางออกของน้ำพุ ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งรัฐไจแอนท์สปริงส์ ซึ่งอยู่ทางท้ายน้ำ และทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเกรตฟอลส์ รัฐมอนแทนา บนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำมิสซูรี น้ำพุไจแอนท์สปริงส์ถูกบรรยายครั้งแรกโดยลูอิสและคลาร์กระหว่างการสำรวจเขตซื้อหลุยเซียนาในปี ค.ศ. 1805 ก่อนหน้านั้น ชาวแบล็กฟีต (Blackfeet) ใช้น้ำพุนี้เป็นแหล่งน้ำที่เข้าถึงได้ง่ายในฤดูหนาว น้ำพุนี้ถูกละเลยโดยผู้ตั้งถิ่นฐานจนกระทั่งปี ค.ศ. 1884 เมื่อเมืองเกรตฟอลส์ก่อตั้งขึ้นและน้ำพุกลายเป็นสถานที่สำหรับกิจกรรมสันทนาการในวันอาทิตย์ ในช่วงกลางปี 1970 พื้นที่นี้ได้ถูกจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งรัฐของรัฐมอนแทนา  
ปัจจุบัน น้ำบางส่วนจากน้ำพุนี้ ถูกบรรจุขวดสำหรับการบริโภคของมนุษย์ และน้ำบางส่วนถูกนำไปใช้ในฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาเทราท์ ซึ่งเป็นฟาร์มของรัฐมอนแทนา ชื่อ Giant Springs Trout Hatchery ที่เลี้ยงปลาเทราท์สายพันธุ์เรนโบว์เป็นหลัก น้ำพุนี้ยังเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำโร (Roe River) ที่มีความยาวเพียง 200 ฟุต (61 เมตร) และเคยได้รับการบันทึกใน Guinness Book of World Records ว่าเป็นแม่น้ำที่สั้นที่สุดในโลก แม่น้ำนี้ไหลลงสู่แม่น้ำมิสซูรีซึ่งอยู่ใกล้กับน้ำพุและล้อมรอบอุทยานแห่งรัฐ)
แม่น้ำโร มีความยาวเพียง 201 ฟุต (61 เมตร) ในจุดที่วัดได้ยาวที่สุด และเคยได้รับการบันทึกใน หนังสือบันทึกสถิติโลกของกินเนสส์ (Guinness Book of World Records) ว่าเป็นแม่น้ำที่สั้นที่สุดในโลก ก่อนที่ Guinness จะยกเลิกหมวดหมู่นี้ในปี 2006 บริเวณใกล้ปากแม่น้ำโร มีความลึกประมาณ 6–8 ฟุต (1.8–2.4 เมตร)  
จากข้อมูลล่าสุด แม่น้ำที่สั้นที่สุดในโลก คือแม่น้ำเรปรูอา (Reprua) ซึ่งไหลอยู่ในเขตกากรา (Gagra District) สาธารณรัฐอับคาเซีย (Republic of Abkhazia) มีความยาวเพียง 18 เมตร (59 ฟุต) และนับเป็นหนึ่งในแม่น้ำที่สั้นที่สุดในโลก อีกทั้งยังกล่าวกันว่า เป็นแม่น้ำที่เย็นที่สุดแห่งหนึ่งบนชายฝั่งทะเลดำ  
ต้นกำเนิดของแม่น้ำ อยู่ที่แหล่งน้ำในถ้ำคาร์สต์ครูเบรา แม่น้ำเรปรูอา ไหลลงสู่ทะเลดำ บริเวณชานเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของกากรา  
ตามตำนานโบราณของชาวอับคาเซีย แม่น้ำเรปรูอา เกิดจากน้ำตาของลูกๆ ของวิญญาณใต้ดิน ซึ่งอาศัยอยู่บนชายฝั่งทะเลดำ กับลูกชายและลูกสาวสามคน  
สุลี ทำหน้าที่ตีอาวุธ สำหรับลูกชายและนักรบ ที่ปกป้องทางเข้าหนึ่งเดียวสู่อับคาเซีย คือช่องเขากากรา อาวุธที่เขาสร้างขึ้นนั้น แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ขณะที่ลูกสาวทั้งสาม ทำอาหารและเสื้อผ้า หลังจากการตายของวิญญาณ ไม่มีใครสามารถสร้างอาวุธใหม่ได้อีก ทำให้ลูกชายของเขา และนักรบที่ยืนหยัดต่อสู้อยู่ พ่ายแพ้ในสงคราม ที่ไม่สมดุลกับกองทัพจำนวนมากจากแดนไกล  
ผู้ที่มาจากทางใต้ อยู่ทำลายทางเข้าถ้ำสามแห่ง ซึ่งเป็นเส้นทางที่พี่สาวทั้งสาม ใช้ขึ้นมาสู่ผิวน้ำ เพื่อพบพี่ชาย เมื่อพี่สาวทั้งสามรู้ว่า พี่ชายเสียชีวิตแล้ว พวกเธอเริ่มร้องไห้ น้ำตาเหล่านี้ กลายเป็นลำธารเล็กๆ ที่บริเวณทางออกของถ้ำ ก่อให้เกิดแม่น้ำเรปรูอา อานิแคมต์ซา และบากาเรปส์ตา)
การรณรงค์ เพื่อให้แม่น้ำโรได้รับการยอมรับจาก *Guinness World Records* ว่าเป็นแม่น้ำที่สั้นที่สุดในโลก เริ่มขึ้นในปี 1987 โดยนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ของครูซูซี นาร์ดลิงเกอร์ (Susie Nardlinger) จากโรงเรียนประถมลินคอล์น ในเมืองเกรตฟอลส์ ขณะนั้น แม่น้ำยังไม่มีชื่อ นักเรียนจึงต้องยื่นคำร้องต่อ คณะกรรมการว่าด้วยชื่อภูมิศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (United States Board on Geographic Names) เพื่อให้ยอมรับชื่อที่พวกเขาเสนอคือ "Roe River" จากนั้น จึงส่งข้อเสนอนี้ไปยัง Guinness  
ชื่อ "Roe River" มีที่มาจากฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาเทราต์ Giant Springs ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับน้ำพุ โดยฟาร์มนี้ ใช้น้ำจากน้ำพุประมาณ 650–700 แกลลอนสหรัฐฯ (2,500–2,600 ลิตร) ต่อนาที เพื่อเลี้ยงปลาเรนโบว์เทราต์ จากไข่ (roe) ของพวกมันเอง ในปี 1988 ดัลลาส นีล (Dallas Neil) ซึ่งต่อมากลายเป็นนักกีฬา NFL และเป็นนักเรียนของโรงเรียนในขณะนั้น ได้ไปปรากฏตัวในรายการ *The Tonight Show* เพื่อสนับสนุนโครงการนี้  
ก่อนหน้านี้ แม่น้ำดี (D River) ในรัฐโอเรกอน เคยถูกบันทึกโดย Guinness World Records ว่าเป็นแม่น้ำที่สั้นที่สุดในโลก ด้วยความยาว 440 ฟุต (130 เมตร) แต่ในปี 1989 Guinness ได้บันทึกชื่อแม่น้ำโร เป็นแม่น้ำที่สั้นที่สุดแทน คนในเมืองลินคอล์นซิตี้ จึงยื่นข้อมูลใหม่ให้ Guinness โดยวัดความยาวของแม่น้ำดีที่ระดับ "น้ำขึ้นสูงสุด" ซึ่งได้ความยาวประมาณ 120 ฟุต (37 เมตร)  

ในเวลานั้น หอการค้าของเมืองลินคอล์นซิตี้ เรียกแม่น้ำโรว่า เป็นเพียง "ทางระบายน้ำ ที่ถูกสำรวจเพื่อโครงการของโรงเรียน" แต่ครูนาร์ดลิงเกอร์ ตอบโต้ว่า แม่น้ำดี เป็นเพียง "แหล่งน้ำที่ไหลย้อนจากมหาสมุทร" พร้อมระบุว่า แม่น้ำโร มีสาขาทางเลือกที่ยาวเพียง 30 ฟุต (9.1 เมตร) และเสนอให้มีการสำรวจใหม่  
Guinness ไม่ได้ตัดสินข้อพิพาทนี้โดยตรง ทำให้แม่น้ำโร ยังคงถือครองชื่อเสียงดังกล่าว แต่ Guinness ได้เลือกที่จะไม่บันทึกหมวดหมู่ "แม่น้ำที่สั้นที่สุด" อีกต่อไป อาจเป็นผลจากข้อพิพาท ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แหล่งที่มา ; http://shurl.one/z1kd4ozwbz12amf
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่