ตอนนี้เราไม่รู้จะระบายกับใคร หันไปทางไหนก็ไม่เจอใคร ขอมาเล่าระบายในนี้นะคะ ตั้งแต่จำความได้ เราโตมากับย่า ย่าเลี้ยงเราตั้งแต่เกิด อยู่บ้านกับย่า2คน ทุกอย่างคือมีแต่ย่า ปู่มีภรรยาใหม่ไปขายข้าวแกงที่พัทยา เราก็ต้องอยู่กับย่าแค่2คน พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่เรา2ขวบ จำเหตุการณ์ดีๆที่มีแม่กับพ่อได้ลางๆ เท่าที่จำได้ตัวเด็กเราสนิทกับพ่อมากๆ พ่อใจดีสนใจทุกอย่าง จำวันเกิดได้ ของขวัญตอนนั้นคือรองเท้านักเรียน เราดีใจมากๆ พ่อคือคนที่เรารักที่สุดตอนนั้น แต่พอเริ่มขึ้นป.1 พ่อมีครอบครัวใหม่ มีลูกใหม่3คน พ่อไปอยู่กับครอบครัวใหม่ ส่วนแม่ก็มีครอบครัวใหม่มีลูกใหม่2คน แต่แม่ก็ยังส่งของใช้มาเรื่อยๆ แต่ไม่เคยส่งเป็นเงิน แต่พ่อเริ่มเปลี่ยนไป ไม่มาหาเราเลย ทั้งๆที่บ้านแม่ใหม่กับบ้านย่าอยู่ห่างกันแค่10-12โล จนเค้าย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด หลังจากนั้นเราก็ไม่เคยติดต่ออะไรกับพ่อเลย กลายเป็นคนไม่สนิทกัน จากเมื่อก่อนเรานอนกอดพ่อ เล่นกับพ่อมีความสุขมากๆ แต่โตมาแทบไม่คุยอะไรกันสักคำ นั่งอยู่ข้างๆกันไม่เคยถามความเป็นอยู่ของกันและกัน เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ ตอนเราเรียนจบประถม เราเรียนค่อนข้างดี จบมาเกรด3.7 พอขึ้นม.1 พ่อกลับมาอยู่ที่บ้านย่า เอาครอบครัวใหม่มาอยู่ด้วย สังคมตอนนั้นเริ่มเปลี่ยนไป เริ่มมีข่าวไม่ดีเยอะ แล้วเป็นจังหวะที่มีข่าวเด็กผู้หญิงโรงเรียนเราแอบไปมีไรกันกับผู้ชายหลังห้องน้ำ แต่พ่อกลับมาด่าเรา มาพูดว่าถ้าทำแบบนี้โดน จะไปเรียนหรือจะไปหาผัว ตอนนั้นเราม.1 ไม่รู้เรื่องอะไร แต่กลับโดนด่าเป็นเหตุการณ์ที่จำได้ขึ้นใจเลย ถ้าย่าไม่ห้ามไม่พูดไว้ว่าเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย วันนั้นเราโดนพ่อตบไปแล้ว วัยนั้นเราเป็นคนรักพ่อมากๆ พ่อเราติดเหล้าไปเซ็นเหล้าที่ร้านค้าไว้ เรากลับมาบ้านแคะกระปุกออมสินปั่นจักรยานเอาไปใช้หนี้ให้พ่อ จนปัจจุบันพ่อก็ยังไม่รู้ เป็นแบบนี้มาตลอดที่พ่อพูดจาบั่นทอนเรา จนม.2ปลายๆ ขึ้นม.3 เราเป็นเด็กกิจกรรม เป็นแดนเซอร์โรงเรียน กลับดึกบ้างบางวัน แต่คนที่บ้านกลับบอกว่าเราเป็นตัวปัญหา มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเปลี่ยนเป็นคนละคน เราหนีออกจากบ้านตั้งแต่วินาทีนั้นที่เรารับโทรศัพท์แล้วโดนพูดใส่ว่าเป็นตัวปัญหา เราปิดโทรศัพท์ ไปอยู่บ้านเพื่อน เงินไม่มีติดตัวสักบาท เราเริ่มไม่ไปเรียนเพราะกลัวคนที่บ้านมาตาม เรารู้ว่าถ้าเรากลับบ้านจะโดนอะไรบ้าง แต่เมื่อคนในบ้านคนพูดมาว่าเราเป็นตัวปัญหา เราจะอยู่ทำไม เราออกมาได้2อาทิตย์ ย่าโทรมาขอให้เรากลับบ้าน เรากลับ แล้วย่าพูดว่าไม่ต้องไปสนใจใคร ย่าเลี้ยงมา ฟังย่าคนเดียว ตอนนั้นปู่กลับมาอยู่บ้านแล้ว แต่เอาภรรยาใหม่มาอยู่ด้วย อยู่บ้านเดียวกันกับย่า เรายังต้องซ้อมเต้นอยู่ กลับบ้านบ้างไม่กลับบ้าง อยู่ๆปู่ด่าเราว่า
แล้วเอาเข็มขัดมาฟาด ครั้งนั้นเราตัดสินใจหนีออกจากบ้านอีก หนีไป2เดือน ไม่มีเงินติดตัวเหมือนเดิม จนย่าก็โทรมาร้องไห้ขอให้กลับไปอีก ตอนนั้นเรารู้สึกผิดมากๆที่ทำให้ย่าร้องไห้ เราออกจากกิจกรรมแดนเซอร์หลังแข่งเสร็จ จบม.3ไปต่อวิทยาเทคนิค เราเก เราไม่ค่อยเข้าเรียนเพราะติดเพื่อน ทั้งๆที่สอบได้ท็อปบ่อยมาก ฝีมือการเขียนแบบก็ดี แต่เราเลือกไม่เข้าเรียน จนโดนรีไทน์ เราต้องเรียนใหม่แต่ที่บ้านไม่มีใครรู้ ครั้งนี้เราตั้งใจเรียนมาก คิดอย่างเดียวว่าเรียนเพื่อย่า อยากมีเงินทำงานพาย่าไปเที่ยว ตอนนั้นเราอยู่บ้านแฟนเก่า อยู่เกือบ2ปี ปกติเรานอนกับย่า2คน แต่เรากลับไปนอนบ้านแฟน แล้วย่านอนเดียว ปู่ก็นอนกับเมียใหม่อีกห้อง พอเมื่อปี61 ย่าเริ่มป่วย เป็นโรคคนแก่ แต่หนักๆเลยเป็นไต เรากลับมาอยู่บ้าน ดูแลย่าได้อาทิตย์กว่าๆ ย่าเริ่มทรุด เริ่มเป็นลมบ่อยๆ จนพาย่าเข้าโรงบาล ไปหลายโรงบาลมาก จังหวัดนู้นทีจังหวัดนี้ที หมอมาตรวจร่างกาย หมอบอกกับลูกหลานว่าย่าจะอยู่ได้ไม่เกิน1เดือน เราไม่เชื่อหมอ เพราะก่อนหน้านี้ย่ายังดีๆอยู่เลย เรานอนเฝ้าย่าทุกคืนที่โรงพยาบาล ตื่นเช้ามาอาบน้ำไปเรียน เลิกเรียนกลับมาเฝ้าที่โรงบาล เป็นแบบนี้มา10วัน พอวันที่11 เราเรียนอยู่ น้องเราโทรมาว่ารีบไปโรงบาลด่วน ย่าเสียแล้ว ตอนนั้นเราเข่าทรุดลงไปกับพื้น เราทำไรไม่ถูกเลย ร้องไห้ต่อหน้าทุกคนทั้งๆที่ไม่เคยร้องไห้ใครเห็น พอผ่านช่วงงานศพย่ามา เราเริ่มไม่ไปเรียน เราคิดว่าย่าไม่อยู่แล้วจะเรียนไปทำไม จะเรียนไปเพื่ออะไร จนเราไม่เคยไปเรียนอีกเลย มีคนถามมากมายว่าทำไมถึงหยุดเรียน ไม่เรียนต่อ คำตอบของเราคือเราไม่รู้จะเรียนเพื่ออะไร เรียนเพื่อใคร ในเมื่อย่าไม่อยู่แล้ว เหตุผลอาจฟังไม่ได้ แต่นี่มันเหตุผลของเราจริงๆ เราไม่มีเป้าหมายอะไรอีกเลยตั้งแต่ย่าจากไป แม้กระทั่งตัวเราเองเราก็รัก เรารู้สึกหมดค่าหมดหวังมากๆ เราออกอยู่หอ เพราะเราอยู่บ้านเราก็ไม่รู้จะอยู่จะนอนกับใคร เราไม่สนิทกับใครเหมือนย่า มีเรื่องอะไรเราก็คุยกับใครไม่ได้ เราออกมาอยู่ตัวคนเดียวปีกว่าไม่เคยกลับไปเหยียบบ้านเลย เราอดบ้างมีกินบ้าง แต่เราสบายใจกว่าอยู่บ้าน เราเริ่มติดต่อกับแม่ขอเงินแม่บ้างเดือนละ1500 2000 แต่คนเป็นพ่อไม่เคยถามอะไรเลยว่าเราอยู่อย่างไง มีกินหรือป่าว เราหาทำงานกลางคืนบ้าง จนปลายปี62 เรามีแฟนใหม่ ย้ายไปอยู่สุโขทัยกับแฟน ซื้อแฟรนไชส์เครปมาขายหารายได้ เราไม่เคยขอเงินพ่อเลย จนต้นปี63 เราบอกกับลุงป้าว่าเราจะกลับมาอยู่บ้าน ลุงป้าพ่อก็มารับ แล้วมาอยู่บ้านที่พึ่งสร้างใหม่เสร็จ อยู่ตรงข้ามกับบ้านที่เราอยู่ตั้งแต่เด็กนี่แหละ เรามาอยู่ในครอบครัวใหม่พ่อ เราไม่ได้รู้สึกอึดอัดนะ เพราะแม่ใหม่ก็ใจดี ไม่เคยดุด่าเรา แต่พ่อก็ยังเป็นพ่อ เราทำอะไรก็แซะก็ด่า แล้วลูกใหม่ผู้หญิงของเค้าอยู่ม.1 มีแฟน แล้วพาแฟนมาบ้าน เอาเข้าห้องตอนพ่อไม่อยู่ แต่พ่อไม่ด่าสักคำ ต่างกับเราตอนม.1ที่มีข่าวเด็กคนอื่นทำอนาจาร แต่เป็นเราที่กลับโดนด่าจะไปเรียนหรือจะไปหาผัว มันมีเรื่องเปรียบเทียบหลายเรื่องหลายอย่างที่เราเคยโดน แต่ลูกใหม่ไม่โดน ตอนนี้เราเริ่มรู้สึกอึดอัดมากๆ เพราะจะทำอะไรก็ดูถูกเราไปหมด แทบไม่เคยซัพพอร์ตอะไรเลย ยืนด้วยตัวเองตลอด เรามาอยู่บ้านใหม่พ่อ แต่พ่อจะให้ช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟ อันนี้เราพอเข้าใจว่าเรามาอยู่บ้านพ่อก็ควรจะช่วยบ้าง แต่มีติดในใจว่าแล้วเราเป็นลูกเค้ารึป่าว เรามาอยู่บ้านพ่อแต่เหมือนมาเช่าอยู่ จะไปอยู่กับแม่ แม่ก็มีลูกอีก2คนที่ต้องดูแล ตอนนี้เราคิดอย่างเดียว เราอยากทำงานมีเงินมีทุกอย่างเป็นของตัวเอง เราจะยืนด้วยตัวเองไม่ต้องอาศัยคนอื่นอยู่ เราจำได้ขึ้นใจคำที่ย่าเคยพูดว่าไม่มีย่าแล้วจะรู้สึก เราคิดคำนี้มาตลอดเวลาเราลำบาก เราขอความช่วยเหลือจากใครไม่ได้ เพราะปกติก็มีแต่ย่าที่ให้เราทุกอย่าง พอไม่มีย่าเราก็เหมือนตัวคนเดียวไปเลย เราโกรธเกลียดตัวเองมากที่ไม่ดูแลย่าให้ดี ที่ทำให้ย่าไม่ได้อยู่กับเราไปนานๆ ตอนนี้เวลาเราท้อเราแอบร้องไห้คนเดียวเราจะนึกถึงย่าเสมอ ว่าย่ากำลังมองเรา อยู่ข้างๆเราเสมอ
มีพ่อเหมือนไม่มี หันไปทางไหนก็ไม่เจอใคร