สวัสดีครับ. ผมมีเรื่องอยากจะระบายมาก อยากให้ช่วยรับฟังหน่อยนะครับ
เรื่องมีอยู่ผมป่วยเป็นซึมเศร้า เดียวดี เดียวร้าย เดียวไม่อยากทำอะไร บางทีก็ฟิต อารมณ์ไม่คงที่ ซึ่งมารู้ตัวว่าตัวเองป่วยจริงๆ เมื่อตอนปี 61 ซึ่งตอนนั้นเลิกกับแฟนใหม่ๆ หดหู่มาก ไม่อยากทำอะไร อยากนอนจนหมดลมหายใจเลย พยายามคิดฆ่าตัวตาย แต่พอทำมันก็มีความรู้สึกเจ็บเลยหยุด ผมพยายามฝืนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำ ไม่อยากรับผิดชอบ จนวันนึงผมไม่ไหว ได้ไปหาหมอนาทีแรกหมอถามว่าเป็นอะไร ผมน้ำตาแตกก่อนเลยครับ เหมือนมันอัดอั้นในใจมานาน แล้วหมอก็ถามอาการ วินิฉัย ผลสรุปออกมาผมเป็น โรคซึมเศร้า หมอได้ให้ยามากิน ซึ่งทางบ้านผมไม่มีใครรู้ว่าผมเป็น พอกินยามาได้ 2-3 เดือน มีอยู่วันนึงผมกินยาแล้วลืมเก็บถุงยาไว้บนโต๊ะ แม่ผมาเห็น แล้วพูดกับคนในบ้านว่า เห้ย อย่าไปคุยกับมันมันเป็นบ้า ผมได้ยินแบบนั้นดาวน์ถึงขั้นสุดขีด คราวนี้ไม่อยากคุยกับใครเลยจนทนสภาพแวดล้อมไม่ไหวเลยกลับมาทำงานบริษัทเดิมที่เคยทำใน กทม. อยู่ได้สักเกือบๆปี ยังรักษาต่อเนื่องแต่สภาพแวดล้อมตรงนั้นก็ไม่ดี มีแต่คนยุ่งเรื่องชาวบ้าน ผมรู้สึกถึงความไม่เป็นส่วนตัว คิดอยู่นานว่าจะทำยังไง สุดท้ายเลยกลับมาอยู่บ้าน แยกบ้านกับพ่อกับแม่อยู่ กลับมาขายของ ผมก็คิดว่าที่บ้านจะเข้าใจผม สุดท้ายไม่เลย ไม่พอใจอะไรก็ด่า ไม่พอใจอะไรก็ประชด ทำอะไรไม่ถูกใจก็บ่น ผมพยายามมากเลยนะ กับสิ่งที่ผมเป็น ผมพยายามฝืนตัวเองทั้งๆที่ไม่อยากทำอะไรเลย แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเข้าใจ สภาพแวดล้อมยิ่งอยู่ยิ่งแย่ กดดันต่างๆนา บังคับให้ทำนั้นทำนี้ ไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น เราคิดจะทำในสิ่งที่อยากทำก็ขัดก็ห้าม ให้ทำในสิ่งที่เขาอยากให้ทำหรือต้องการ ซึ่งผมรู้สึกแย่มากถึงมากที่สุดแล้ว นาทีนี้โคตรอยากหลับแบบไม่ตื่นบอกตรงๆ ต่อให้ผมกินยารักษานานแค่ไหนถ้าเจอแวดล้อมแบบนี้ผมว่า ผมคงไม่หาย. อยากจะ....ให้รู้แล้วรู้รอด
เฮ้อ....เหนื่อยจัง
สภาพแวดล้อมแบบนี้ผมจะมีทางหายไมครับ (ทรมานจัง ซึมเศร้า)
เรื่องมีอยู่ผมป่วยเป็นซึมเศร้า เดียวดี เดียวร้าย เดียวไม่อยากทำอะไร บางทีก็ฟิต อารมณ์ไม่คงที่ ซึ่งมารู้ตัวว่าตัวเองป่วยจริงๆ เมื่อตอนปี 61 ซึ่งตอนนั้นเลิกกับแฟนใหม่ๆ หดหู่มาก ไม่อยากทำอะไร อยากนอนจนหมดลมหายใจเลย พยายามคิดฆ่าตัวตาย แต่พอทำมันก็มีความรู้สึกเจ็บเลยหยุด ผมพยายามฝืนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำ ไม่อยากรับผิดชอบ จนวันนึงผมไม่ไหว ได้ไปหาหมอนาทีแรกหมอถามว่าเป็นอะไร ผมน้ำตาแตกก่อนเลยครับ เหมือนมันอัดอั้นในใจมานาน แล้วหมอก็ถามอาการ วินิฉัย ผลสรุปออกมาผมเป็น โรคซึมเศร้า หมอได้ให้ยามากิน ซึ่งทางบ้านผมไม่มีใครรู้ว่าผมเป็น พอกินยามาได้ 2-3 เดือน มีอยู่วันนึงผมกินยาแล้วลืมเก็บถุงยาไว้บนโต๊ะ แม่ผมาเห็น แล้วพูดกับคนในบ้านว่า เห้ย อย่าไปคุยกับมันมันเป็นบ้า ผมได้ยินแบบนั้นดาวน์ถึงขั้นสุดขีด คราวนี้ไม่อยากคุยกับใครเลยจนทนสภาพแวดล้อมไม่ไหวเลยกลับมาทำงานบริษัทเดิมที่เคยทำใน กทม. อยู่ได้สักเกือบๆปี ยังรักษาต่อเนื่องแต่สภาพแวดล้อมตรงนั้นก็ไม่ดี มีแต่คนยุ่งเรื่องชาวบ้าน ผมรู้สึกถึงความไม่เป็นส่วนตัว คิดอยู่นานว่าจะทำยังไง สุดท้ายเลยกลับมาอยู่บ้าน แยกบ้านกับพ่อกับแม่อยู่ กลับมาขายของ ผมก็คิดว่าที่บ้านจะเข้าใจผม สุดท้ายไม่เลย ไม่พอใจอะไรก็ด่า ไม่พอใจอะไรก็ประชด ทำอะไรไม่ถูกใจก็บ่น ผมพยายามมากเลยนะ กับสิ่งที่ผมเป็น ผมพยายามฝืนตัวเองทั้งๆที่ไม่อยากทำอะไรเลย แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเข้าใจ สภาพแวดล้อมยิ่งอยู่ยิ่งแย่ กดดันต่างๆนา บังคับให้ทำนั้นทำนี้ ไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น เราคิดจะทำในสิ่งที่อยากทำก็ขัดก็ห้าม ให้ทำในสิ่งที่เขาอยากให้ทำหรือต้องการ ซึ่งผมรู้สึกแย่มากถึงมากที่สุดแล้ว นาทีนี้โคตรอยากหลับแบบไม่ตื่นบอกตรงๆ ต่อให้ผมกินยารักษานานแค่ไหนถ้าเจอแวดล้อมแบบนี้ผมว่า ผมคงไม่หาย. อยากจะ....ให้รู้แล้วรู้รอด
เฮ้อ....เหนื่อยจัง