ประสบการณ์ของโรคซึมเศร้า จากคนที่เคยอาการหนักมาก ๆ แต่ดีขึ้นได้ยังไง

สวัสดีค่ะทุกคน เราอายุ19ปีนะคะ เราเป็นโรคซึมเศร้ามา 3-4 ปีแล้วค่ะ เราจะเล่าประสบการณ์ของเราค่ะ ก่อนที่เราจะรู้ตัวว่าเป็น เรามีอาการ เหนื่อย ท้อแท้ เศร้าใจ หดหู่ ความรู้สึกทุกอย่างมันเศร้ามากกว่าเศร้าค่ะ เราเลยตัดสินใจไปหาหมอด้วยตนเองโดยไม่บอกผู้ปกครอง หมอก็วินิจฉัยว่าเราป่วยจริง ๆ ค่ะ เริ่มแรกอาการไม่หนักมาก แต่พอเริ่มเข้าม.4 อาการก็เริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ แย่ลงถึงขั้นที่ว่าต้องได้นอนโรงพยาบาลเพราะว่าทำร้ายตัวเอง เราทำร้ายตัวเองและพยายามที่จะปลิดชีพตัวเองบ่อยมากเลยค่ะ จนพี่พยาบาลและคุณหมอจำเราได้เลย ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยและทรมานเลยค่ะเหมือนกับว่ามองไปทางไหนก็ว่างเปล่าและแย่ไปหมด มองไปทางไหนก็ไม่มีใครเข้าใจเลยค่ะ ปล.จริง ๆ แล้วครอบครัวเราไม่ได้ยอมรับกับสิ่งที่เราป่วยนะคะเขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำนั่นก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เราทำร้ายตัวเองอยู่บ่อย ๆ ค่ะ ต่อมาพอขึ้นม.5 เราอาการเริ่มดีขึ้นค่ะ เราไม่ไปหาหมอแล้วเพราะเราดื้อไม่แนะนำให้ทำตามนะคะต้องไปหาหมอตามที่หมอนัดเท่านั้น ต่อนะคะเรายิ้มแย้มและแจ่มใสแต่อารมณ์ก็แปรปรวนเพราะด้วยตัวโรคด้วยค่ะ จนมันเริ่มหนักขึ้นตอนที่เราโดนเพื่อนในห้องแบนว่าเราแอ๊บบ้าง แกล้งป่วยบ้าง สำออยบ้าง และก็โดนแฉจากเรื่องเมื่อก่อนที่มันนานมาก ๆ แล้ว ยอมรับเลยค่ะว่าช่วงนั้นร้องไห้ทุกวันเลย ไม่มีวันไหนที่ไม่ร้องไห้ เพื่อนก็ไม่มี ถ้ามีก็มีแต่เพื่อนห้องอื่น เราโชคดีตรงที่ยังมีเพื่อนไม่กี่คนที่คอยอยู่ข้าง ๆ แต่สิ่งที่ทำให้ผ่านมาได้จริง ๆ ก็คือ การยอมรับความจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้นค่ะ ไม่ว่าเราจะเป็นตัวร้ายในเรื่องเล่าคนอื่นสักแค่ไหน แต่ยังไงเราเราก็คือเรา มีแค่ตัวเราเองที่รับรู้ว่าผ่านอะไรมาบ้าง เราโดนอะไรมาบ้าง และอะไรคือความจริงซึ่งนั่นมีแค่ตัวเราที่รู้ ใครที่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้จะเข้าใจดีว่ามันยากมากที่ต้องยอมรับแต่ถ้าคุณผ่านไปได้ก็ไม่มีอะไรทำร้ายคุณได้แน่นอนค่ะ
หลังจากที่เราผ่านมาได้ ทุกอย่างมันดีขึ้นมาก แต่ก็ยอมรับว่าเครียดและเหนื่อยมาก ๆ และแอบทำร้ายตัวเองแต่ไม่หนักเท่าม.4เลยเพราะไม่มีใครเลย ต้องพึ่งตนเองเท่านั้นเพราะไม่กล้าปรึกษาใครตรง ๆ แต่เชื่อมั้ยสุดท้ายเราก็ผ่านมาได้
ขึ้นมาม.6 ทุกอย่างก็เหมือนจะกลับมาแย่เหมือนช่วงม.4 แต่สิ่งที่เราทำได้ดีขึ้นตรงที่เราไม่ทำร้ายตัวเองแล้ว เราไม่พยายามที่จะหายไปจากโลกนี้ เราพยายามควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเราเองค่ะ มันยากมากเลยนะกว่าจะทำได้แต่ละครั้ง แต่สุดท้ายก็ทำได้ จนกระทั่งเราได้ตัดสินใจไปหาหมออีกรอบ เราได้เล่าให้หมอฟังทุกอย่างว่าที่ผ่านมาหลังจากไม่ได้มาหาหมอเราเจออะไรมาบ้าง หมอรับฟังเราดีมาก ๆ เลยค่ะ จะมีประโยคนึงที่คุณหมอบอกกับเราว่า “ สิ่งที่หนูเป็นอยู่ตอนนี้ และสิ่งที่หนูทำได้อยู่ทุกวันนี้ มันช่วยได้ดีกว่ายามาก ๆ เลย ” เป็นประโยคที่ทัชใจเรามากที่สุดเลยค่ะ และหมอก็บอกอีกว่า เราเก่งขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ สามารถเรียบเรียงคำพูดได้ดีกว่าเมื่อก่อน ทัศนคติและทุกอย่างเราดีขึ้นมาก ๆ คำพูดของหมอสามารถต่อชีวิตเราจริง ๆ จนมันทำให้เราคิดว่าถ้าวันนั้นเราจากโลกนี้ไปเราจะพลาดอะไรไปบ้างนะ เราจะไม่ได้เจออะไรบ้างนะ ถึงปัจจุบันเราจะยังไม่หายแต่สุดท้ายเราก็บรรลุเป้าหมายโดยการที่เห็นคุณค่าชีวิตจริง ๆ สักที


ที่วันนี้เรามาแชร์ เราอยากมาเป็นหนึ่งแรงใจให้ผู้ป่วยซึมเศร้าทุกคนว่าอย่าเพิ่งหมดหวังนะคะ ชีวิตของพวกคุณมีค่ามาก ๆ เลย บางทีคุณอาจจะรู้สึกแย่และเหนื่อยและรู้สึกไม่เห็นคุณค่าในตนเองจนเผลอโทษตัวเองไปบ้างบางครั้ง ซึ่งไม่เป็นไรเลยนะคะที่คุณจะรู้สึกแบบนี้ เราเข้าใจคุณค่ะ อาจจะไม่ได้เข้าใจทุกอย่างแต่เรารับรู้ถึงความรู้สึกของพวกคุณนะคะ เราขอมอบกำลังใจให้พวกคุณทุกคนเลย ในช่วงนี้คุณอาจจะรู้สึกว่าทำไมมันหนักจังเลย ทำไมมันเหนื่อยจังเลย ทำไมรู้สึกไม่อยากมีชีวิตอยู่ เราขอโอบกอดคุณนะคะ ท่องไว้ทุกอย่างจะค่อย ๆ ผ่านไปไม่ช้าก็เร็ว ถ้าคุณลองสังเกตดี ๆ ทุกวันมันมีเรื่องดี ๆ ซ่อนอยู่เสมอเลยนะ เช่น นอนหลับกินอิ่ม หรือไม่ก็ท้องฟ้าก้อนเมฆน่ารักกลม ๆ อ้วน ๆ ไม่ก็หมาแมวที่น่ารัก ๆ  ทุก ๆ วันมักมีเรื่องดี ๆ ซ่อนอยู่อยู่แล้วไม่มากก็น้อย เราอยากบอกคุณว่าถ้าเหนื่อยก็พักผ่อนนะคะอย่าฝืนใจตัวเองมากเกินไป ถ้าวันไหนรู้สึกเหนื่อยหรือไม่เหลือใครก็กลับมาอ่านกระทู้เรานะคะ เราจะอยู่ตรงนี้ คอยเป็นกำลังใจให้คุณเอง ด้วยรัก
ขอให้ทุกวันเป็นวันที่ดีนะคะ ยิ้ม 🤍
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่